::บุญจอมปรารถนาสิ่งนั้น::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


%E0%B9%84%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%

     บุญจอม เป็นน้องของผมเอง อายุของผมมากกว่าเขาเพียงสี่ปี  แต่เขาดูแก่กว่าผมหลายปี
     บุญจอมเรียนเก่งมาก     เขาเรียนได้ทุกวิชา     จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้แม่นเสียยิ่งกว่าแม่น   ผมเคยลองภูมิเขาโดยเอาของซ่อนไว้ใต้ผืนผ้าขาวม้าเจ็ดแปดอย่าง เปิดให้ดูโดยไม่บอกว่าจะทาย  ชั่วแป๊บเดียวที่ผมเปิดแล้วปิดผ้าขาวม้า    เชื่อไหมครับเขาบอกชนิดและตำแหน่งของมันได้ถูกต้องและครบถ้วน
    ผมเรียนได้เพียงหนึ่งในสิบของบุญจอม  จดจำสิ่งต่างๆก็ได้ประมาณนั้น     บุญจอมกับผมจึงเหมือนคนต่างจำพวกโดยไม่มีใครจัดจำพวก      อย่างตอนที่บุญจอมอ่านตำราผมก็จะละไปพูดจากับต้นไม้  หรือตอนที่บุญจอมคิดเลขผมก็ผละไปหยอกกับปลาอะไรแบบนั้น  แม้บุญจอมจะไม่พูดว่าพี่ชายของเขาโง่  ผมก็พอจะรู้เป็นเลาๆว่าเขาคิดแบบนั้น    รอยหยักที่มุมปากของเขานั่นไง  สองข้างมันไม่เท่ากัน
    บุญจอมปรารถนาจะเป็นนักปรัชญาเขาจึงเลือกที่จะเดินทางสายนักบวชเพื่อจะมีโอกาสเรียนหนังสือโดยไม่ต้องอาศัยทุนจากคอกวัวของพ่อ  เขาบอกว่าคนอื่นเรียนต้องขายควายส่ง   แต่เขาไม่   เขาว่าเขามีเส้นทาง อาณาบริเวณของเขาเอง
     ด้วยเหตุดังนั้น   ผมกับบุญจอมจึงไม่ได้พูดคุยกันทุกเช้า เที่ยง เย็น    ตามมื้อของอาหารเหมือนเช่นเดิม    ก็มีอยู่บ้างที่ผมต้องไปส่งจังหัน หรือส่งเพล ในคราวที่แม่ติดภาระอื่น ๆ   แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เราได้พูดคุยกันเกินกว่าสี่ถึงห้าประโยคด้วยว่าที่นักปรัชญาสำรวมมากจนเกินไปนั่นเป็นข้อหนึ่ง     ส่วนข้อสองผมไม่ยินดีนักที่จะตอบคำถามที่ผมไม่เข้าใจความหมาย
     หลายเดือนทีเดียวกว่าผมจะพ้นหน้าที่ส่งจังหันและเพล    แม่ไม่ได้ปลดผมออกจากงานนั้นแต่เป็นเพราะนักพรตได้จาริกไปศึกษาต่อในแดนไกล        ก็ที่ที่คนแถวบ้านผมแย่งกันเข้าไปหางานหาอยู่หากินนั่นแหละ       อาจเป็นบุญของเขาที่เมื่อคราวผ้าป่าจากกรุงเทพฯมาทอดถวายที่วัดในหมู่บ้านบุญจอมได้รับคำเชื้อเชิญให้เดินทางแสวงหา ณ สำนักที่ผมก็จำชื่อไม่ได้
     ผมเกือบลืมไปแล้วว่ามีน้องที่เหมือนพี่อยู่หนึ่งคน  ถ้าเขาไม่กลับมาที่บ้านต่อยุ้งและเพิกคอกวัว   ใช่ครับบุญจอมกลับบ้าน   หัวของเขายังคงเกรียนครับและผ้านุ่งและห่มไม่ใช่แบบที่ผมเห็นคราวที่ไปส่งจังหัน   เขาสวมสูทแบบนายก  สีหน้าท่าทางการวางตัวเกือบจะเหมือนรัฐมนตรี   คำพูดคำจาก็ปานว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ในวันที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งใหม่   มีคนมากับเขาด้วยเป็นผู้หญิงสองคน   คนหนึ่งมีอายุมากแล้ว  อีกคนน่าจะผ่านวัยแรกรุ่นมาได้ไม่นานนัก      บุญจอมและผู้หญิงทั้งสองคนบอกกับแม่ถึงการเดินทางมาในครั้งนี้    แม่รับรู้และเข้าใจ      พ่อก็คงจะเข้าใจเช่นนั้นด้วย     ส่วนผมเก้กังและเคอะเขินที่จะจับความทำความเข้าใจให้ครบถ้วน อยู่ตรงนั้น   จึงผละหนีตามรูปแบบของคนตื้นเขินภูมิรู้      เมื่อบุญจอมกับคนที่มาด้วยจากไปผมจึงได้ถามพ่อจนได้คำตอบว่าบุญจอมสึกเพราะอะไร
     ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าบุญจอมจะสึกไวอย่างนั้น   ตามที่ผมวาด ผมคาดว่าเขาน่าจะอยู่ในพรรษาเนิ่นนานกว่านี้       หรือบางทีอาจจะไม่สึก      เพราะโอกาสที่จะเป็นปราชญ์เป็นจอมปราชญ์เมื่ออยู่ในวงของศาสนาน่าจะทำได้ไม่ยาก    แต่นี่เขากลับเลือกทางที่จะต้องใช้หัวสมองคิดแบบฆราวาสว่านาที่นี้ วันนี้ เดือนนี้  ปีนี้จะต้องทำกำไรเท่าไร   จะเลี่ยงภาษีได้เท่าใด  จะบริหารบางคนบางงานข้างหลังฉากได้หรือไม่  เหล่านี้มันล้วนแต่เรื่องต้องเปลืองหัวในส่วนที่ควรจะสร้างสรรค์ประโยชน์สำหรับโลกทั้งนั้น   แต่บุญจอมก็เลือกไปแล้ว    พ่อบอกว่าคนที่มากับบุญจอมคนหนึ่งคือว่าที่แม่ยายอีกคนก็คือว่าที่ภรรยาของคนอายุน้องแต่หน้าพี่ของผม  ผมเดาว่าในผ้าเหลืองบุญจอมอาจมีความปรารถนาอย่างอื่น ๆ ผุดขึ้นมาแทรกแซงปรารถนาที่จะเป็นจอมปราชญ์ก็ได้  และเมื่อสิ่งนั้นอยู่แค่เอือมมือไปหยิบฉวยเอาไว้ทำไมคนฉลาดอย่างเขาจะไม่ฉวย   แต่ผมก็เดาว่าบางทีว่าที่แม่ยายกับว่าที่ภรรยาอาจเร่งหยิบฉวยโอกาสบางอย่างไว้ก่อนที่บุญจอมจะทันได้คิดก็ได้
    หลังจากบุญจอมกลับกรุงเทพฯไปแล้ว  ไปรษณีย์จะมาส่งธนาณัติและข้าวของที่บ้านต่อยุ้งถี่ขึ้นมาก  ไม่นานพ่อกับแม่ก็ตัดสินใจขยายบ้านให้ใหญ่ขึ้น    ใต้ถุนลาดซีเมนต์ เพิงคอกวัวขยับห่างจากตัวบ้านออกไป  ห้องน้ำห้องท่าสะดวกสบายสำหรับแขกไปใครมาได้ด้วย    พ่อกับแม่ไม่ขัดเมื่อผมตัดสินใจที่จะไปปลูกกระต๊อบที่หัวไร่ปลายนา   และเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกพ่อแม่กับกระต๊อบของตัวเอง     เวลาผ่านไปอีกไม่ถึงครึ่งปี  พ่อกับแม่ก็บอกกับผมว่าจะปลูกเรือนหลังใหม่ เผื่อน้องชายกลับมาอยู่บ้าน  ผมก็ไม่ขัดข้องในความเจริญที่กำลังเกิดขึ้น  แต่ขอพ่อกับแม่ขยับไกลออกไปจากหัวนาเป็นป่าชายเขา   เมื่อพ่อแบ่งควายให้ผมก็ขอแบ่งขายเพื่อซื้อดินแปลงเล็ก ๆ  เพื่อใช้ชีวิตส่วนตัวตามลำพัง     แรก ๆ    ผมก็ไป  ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านพ่อแม่กับกระท่อมของตัวเอง  นานเข้าผมก็นาน ๆ ถึงกลับมาบ้านพ่อแม่เหมือนกัน   เริ่มมีเวลาอ่านหนังสือที่บุญจอมทิ้งไว้เป็นมรดก  เริ่มรู้จักการกำหนดลมหายใจ  เริ่มทดลองสมาธิ และเริ่มมีใจต่อการเป็นนักปรัชญา    ผมเริ่มนึกถึงบุญจอมอีกครั้ง ถึงเมื่อครั้งที่เขามีทีท่าอยากเป็นนักปรัชญาหนโน้น
    เมื่อพ่อกับแม่สร้างบ้านหลังใหญ่หลังใหม่   พร้อมกับรื้อคอกควายออกไปยกสมับติชิ้นนี้ให้ผม   บุญจอมก็กลับมา    แต่คราวนี้เขากลับมาเดี่ยว   ธุรกิจที่เขารับจ้างดูแลไม่มีกำไรเพราะไม่มีคนซื้อสินค้า   ว่าที่ภรรยาและว่าที่แม่ยายก็เปลี่ยนไป  ผมมองดูเขาแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าหนุ่มใหญ่ผู้อายุน้อยกว่าพี่ชายกำลังอยากเป็นนักปรัชญาอีกครั้ง    คราวนี้ผมเป็นฝ่ายเริ่มที่จะพูดคุย     ในขณะที่เขาเหมือนอยากพูดน้อยลง
    "ไปอยู่สวนของพี่ไหม   ที่นั่นมีที่สงบสำหรับเดินจรง
กรมด้วย    เป็นส่วนตัวดีมาก"    บุญจอมไม่พูดแต่ผงกหัว     เมื่อเป็นดังนี้สวนป่าของผมในเวลาต่อมาจึงเป็นราวกับแหล่งอาศรมของฤษี 2  ตน    คนหนึ่งคือผมกับบุญจอม  ผู้ปรารถนาสิ่งนั้น
      อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ ว่ามันคือสิ่งเดียวกับสิ่งที่ผมปรารถนา
      บางช่วงนาทีที่ผมรำลึกว่าผมปรารถนาสิ่งใด    ผมภาวนาอย่างอัตโนมัติเงียบๆ ในใจว่า   อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา   ห้วงเวลานั้นผมได้ยินคล้ายบุญจอมรำพึงเบา ๆ ๆว่า  
      โถ่....ไม่น่าเลย				
comments powered by Disqus
  • อัสดง

    24 มกราคม 2552 13:28 น. - comment id 103475

    ดีเยี่ยมสำหรับความคิด  ปานกลางทางด้านวรรณศิลป์  ดีทางด้านเรียงความ   ดีมากสำหรับพลอตเรื่องและความเพลิดเพลินชวนติดตาม จะดียิ่งขึ้นถ้าฝึกใช้ภาษาที่ลดความเป็น "ผู้ชาย"ลงให้เหลือน้อยกว่านี้ เพราะภาภาษาวรรณกรรมที่ดีไม่สอดคล้องกับลักษณะผู้ชาย ขอให้กำลังใจดาวดวงใหม่แห่งบรรณพิภพ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    24 มกราคม 2552 13:42 น. - comment id 103476

    ขอบคุณอย่างยิ่งครับ
    และผมน้อมรับคำแนะนำนี้ด้วยใจครับ
  • ฉางน้อย

    24 มกราคม 2552 23:32 น. - comment id 103478

    41.gif41.gif41.gif......
    
    พี่ก่อพงษ์ เขียนเรื่องสั้นนี้ได้เก่งจังคะ
    
    จะว่า ไปแล้ว เรื่องสั้นของพี่ ฉางน้อยอ่านหมดทุกเรื่องแหละคะ
    
    เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะพี่
    
    6.gif36.gif
  • รอยทาง

    25 มกราคม 2552 04:51 น. - comment id 103480

    สวัสดีคะ  คุณก่อพงษ์  
    
    จริงๆ  เเล้วต้องขอขอบคุณ  คุณก่อพงษ์มากๆ  เลย  เรื่องการเขียนเรื่องสั้น  การที่รอยทางตัดสินใจลงมาขีดๆ เขียนๆ  ใน  thaipoem ก็เพราะงานเขียนของคุณนี่เเหละ  ขอเป็นกำลังใจต่อไปนะคะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    25 มกราคม 2552 06:39 น. - comment id 103483

    สวัสดีครับคุณฉางน้อย
      ดีใจที่ได้ทักทายกันอีก
    ขอมิตรภาพของเราจงหล่อเลี้ยงหัวใจเราไปนานๆ
    
    ขอบคุณมากครับ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    25 มกราคม 2552 06:42 น. - comment id 103484

    สวัสดีครับคุณรอยทาง
    
      ทางแห่งความสุขความสุขของผู้คน มีหลากหลายทางครับ  ผมรู้ว่าผมมีความสุขเมื่อได้เขียนผมจึงเขียน   ถ้าเขียนแล้วคนอ่านได้รับความสุข ชื่นเย็นใจด้วยก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี     
    
    เราแบ่งปันความสุขกันครับ
  • ดอกบัว

    26 มกราคม 2552 12:24 น. - comment id 103519

    feb_ch_cb.gif 
            
    ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้
    
    สุขสันต์วันตรุษจีนค่ะ
    ขอให้พี่ก่อพงษ์พร้อมครอบครัวมีแต่ความสุขค่ะ
    36.gif46.gif
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    26 มกราคม 2552 22:51 น. - comment id 103530

    ขอบคุณมากครับน้องดอกบัว
    
    ขอให้มีความสุข มั่งคั่งครับ
  • โคลอน

    28 มกราคม 2552 14:06 น. - comment id 103581

    ท้ายสุดแล้วในชีวิตคนเราสิ่งที่ทุกคนปรารถนาก็คือ ชีวิตที่สงบ นะคะ11.gif36.gif29.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน