18 มิถุนายน 2550 21:26 น.
				
												
				
								กุหลาบน้ำตา
		
					
				
     ***จริตเถื่อนถ้อยวาทะละเลงลั่น
ชนใดฟังนึกสะพรั่นหวาดหวั่นไหว
เหยียดคำหยาบเย้ยหยันมิยอมใคร
นี่น่ะหรือฤาไทยจึ่งใจทราม
     ***เพียงเอื้อนโอษฐ์โฉดเฉาด้วยเขลาขลาด
หรือรากเหง้าพลั้งพลาดจึงไต่ถาม
หรือพร่ำเพรื่อพฤติสันดานเฉพาะยาม
นึกประฌามหยามตนจนพ้นดี
     ***สำรอกร้อยถ้อยแถลงแจกแจงชั่ว
สันดานรั่วดูพิลึกนึกบัดสี
แม้นเสแสร้งพจน์ไพเราะลบราคี
ตกเป็นหนี้อย่างอนาถพลาดวาจา
     ***เอ่ยเอวังครั้งใดมโนสำนึก
เลวระลึกนึกสันดานพาลกถา
ทุกอย่างย้ำพร่ำอย่างไพร่ไตร่ตีตรา
สถุลถ้อยต่ำช้าวจีอุบาย
*************************************************				
			 
			
				3 มิถุนายน 2550 19:28 น.
				
												
				
								กุหลาบน้ำตา
		
					
				
     เมื่อยามสองครองจินต์ด้วยสิ้นรัก
ไร้ซึ่งเสียงมาทายทักใจชักเหงา
ภมรสัตว์สงัดเพรียบจึงเงียบเพรา
ด้วยสองเราหักร้างบนทางจร
     จะเยื้องย่างยุรยาตรเหมือนขาดจิตร
เพ่งพินิจพรรณพฤกษ์นึกสังหรณ์
สายลมพัดผ่านยอดมิเอนงอน
ฤาเหนื่อยล้าหลับนอนเจ้าผ่อนกาย
     เพ่งพิเคราะห์สายวารีเจ้าหรี่หลบ
ธารสงบท่าสงัดหยุดหลั่งสาย
ฤาเจ้าอยากพรากให้ข้าเอกากาย
จินต์เจ้าด่วนเดียวดายเมื่อชายลา
     นกเขาคูเคียงคู่พธูสอง
แม้นมุ่งมาดหมายมองต้องอิจฉา
ช่างเย้ายั่วหยอกล้อต่อสายตา
ฤาเจ้าแสร้งแกล้งให้ข้าระอาใจ
     ใยเรื่องรักเจ้าจึงจบเพราะลาจาก
ต้องพลัดพรากใจระสั่นด้วยหวั่นไหว
ฤาเจ้าคิดอาฆาตข้าต้องอาลัย
ตัวข้าไร้สิ้นแล้วซึ่งวิญญา				
			 
			
				21 พฤษภาคม 2550 20:53 น.
				
												
				
								กุหลาบน้ำตา
		
					
				
     ณ ที่แห่งนั้น
ยามราตรีรติรำพันระลึกหวน
สองกายแอบแนบชิดสนิทนวล
ดังรักเตร่ผูกตรวนครวญคะนึง
     ณ ยามวจีพากย์
ฤาจะห่างจางจากจนนึกถึง
วจีร้อยถ้อยวาจายังตราตรึง
ยังสุขสันต์ซาบซึ้งสราญใจ
     ณ กายกยสัมผัส
สนิทแนบมโนมนัสจินต์หวั่นไหว
สายกระแสความรู้สึกซาบซ่านหทัย
ยากเปรยเปรียบฤาปันใจให้ใครครอง
     ณ รติกัลปาวภพ
แม้นแสงทินกรอ่อนสยบแก่เราสอง
แผ่นพสุธงามระยับกลับกลายทอง
เพื่อรักนี้ฤดีครองด้วยสองจินต์
*****************************************				
			 
			
				6 พฤษภาคม 2550 20:34 น.
				
												
				
								กุหลาบน้ำตา
		
					
				
     จบแล้วหรือเรื่องรักแห่งสองเรา
จบความสุขมาพบเศร้าโศกสนอง
จบประโยคเธอร่ำลาน้ำตานอง
จบลด้วยรักทดลองต้องหมองใจ
     เหตุใดหรือคือกำเนิดการลาจาก
เพราะเหตุใดต้องพลัดพรากโปรดแจ้งไข
ถ้อยบรรยาย...ก็คือ"รัก"ของธอไง
เป็นปริศนาคาใจจวบวานวัน
                               ( กุหลาบน้ำตา )
     ความรู้สึกครั้งจับมือได้ถือแขน
ช่างแนบแน่นอบอุ่นกรุ่นใจฝัน
กลับกลายเป็นอดีตได้อย่างไรกัน
ด้วยเหตุผลเพียงนั้นมันไม่พอ
                               ( กวีปกรณ์ )
     น้ำตาไหลเนื่องจากใจที่แสนเหงา
เหตุเพราะเราหรืออย่างไรทำไมหนอ
จินต์รันทดหมดถวิลสิ้นเฝ้ารอ
น้ำตาคลอช้ำหนอช้ำเพราะกรรมตน
     หากเพราะจิตเธอคิดว่าผิดรัก
จงป้องปรามห้ามหักก่อนมรรคผล
คิดเสียว่ารักครานี้เพียงเกมกล
เพียงเพราะรัก...เธอหมองหม่น...จึงต้องลา
                              ( กุหลาบน้ำตา )				
			 
			
				6 พฤษภาคม 2550 20:08 น.
				
												
				
								กุหลาบน้ำตา
		
					
				
     เหลือไว้เพียงรอยร้าวคราวรักสิ้น
น้ำตาหยดรดรินดวงจินต์เศร้า
ด้วยหวังเพียงรอยระแหงแห้งบรรเทา
อีกดับไฟความเหงาแผดเผาใจ
     รอยน้ำตาเคยหยดแห้งหมดแล้ว
แต่ความช้ำกลับทิ้งแนวรอยแถวไถ
ยามรำลึกนึกสัมผัสเพลาใด
ก็เจ็บช้ำร่ำไห้ในเวลา
     ระหว่างร่ำร้องระงมด้วยขมขื่น
รอยรวดร้าวที่ชื้นกลับเหมือนว่า
มีดอกไม้เบ่งบานบนลานอุรา
กลายกุหลาบน้ำตาที่ข้าริน
     รากกุหลาบหลอมมานครั้งรานแหลก
สานรอยแยกเยียวยารักษาสิ้น
ยังรวยรสสุคนธ์พร่างพรมจินต์
หอมละมุนกรุ่นกลิ่นถิ่นกมล
     หอมเอยหอมรักสุขสดชื่น
ยากแปลใจเป็นอื่นสักคราหน
เพียงหยดหนึ่งความทุกข์กลายสุขล้น
เกิดกุหลาบน้ำตาตนบนลานใจ