7 พฤษภาคม 2551 04:44 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๑.
๏  มิรู้หรอก..บนฟ้าจะปรากฏ  
ความสวยสดเรื่อปรุงแห่งรุ่งสาง
มิเห็นหรอก..หยาดวงที่ทอดวาง  
ของน้ำค้าง..วาดกลั่นด้วยบรรจง
๏  มิรับรู้..หอมระลอกของดอกไม้  
ที่ชวนให้เหล่าภมรบินว่อนหลง
มิรับรู้..รอบพฤกษ์ที่ปลิดลง  
คืออาจอง..พร้อมผลัดระบัดใบ
๏  มิเห็นหรอก..ปีกสีของผีเสื้อ  
ที่แต้มเจือด้วยหยดความสดใส
มิยินหรอก..เสียงก้องกังวานใด  
เพราะอยู่ในทะเลคร่ำแห่งน้ำตา
๒.
๏  เสมือนโลกคลุมคลี่ด้วยสีหม่น
มืดมนจนเกินประเมินค่า
ในคืนแห่งคำนึงหนัก..ที่ปักคา
ครวญหาความฝันของวันวาร
๏  รอยอดีตกัดกร่อนจนรอนร้าว
ยืดยาววันเก่าเก่าคอยเผาผลาญ
ช้าช้า..แหลกเหลวกับเปลวกาล
รอคอย..ทรมานจะผ่านพ้น 
๏  ท่ามสงัดตาหลับใจกลับตื่น
ฝ่าคืนกลืนซับทุกสับสน
กี่น้ำหยดรานจากทานทน 
ท่วมท้นร่างซมซึ่งงมงาย
๏  ซีดจางความฝันอันพิไล
มอดไหม้..รอยแยกแหลกสลาย
โอบฝันส่วนเสี้ยวอย่างเดียวดาย
รอคอยฝันสุดท้าย..เลือนหายไป
๓.
๏  ณ เบื้องหน้าบนฟ้ายังปรากฏ
รอยจรส..ตื่นรับผู้หลับใหล
เพียงเธอปาดน้ำตาแห่งอาลัย
แสงแห่งไฟจักฉายแพร้ว..ในแววตา
๏  ปล่อยหัวใจเธอได้สัมผัสหอม
หลังผ่านหลอมคืนเข็ญจนเต็มค่า
ให้กระแสคลื่นเห่แห่งเวลา
กอปรเดียงสา..กล่อมเกลาอย่างเข้าใจ
๏  เพื่อการคิดถึงครั้งหนึ่งมี
เพื่อยินดีกับเรื่องราว..คราวร่ำไห้
เพื่อจะกร่อนแผลร้ายจนหายไป
จนเนื้อนัย..ส่งคุณค่า..อีกคราครั้ง..