22 เมษายน 2552 04:57 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๑
๏  คล้ายว่าหายเลือนลับในหลับฝัน  
สงัดงันจนเสมือนหยุดเคลื่อนไหว
สงบนิ่งท่ามโลกว้าง..อันห่างไกล   
นานเท่าไร..ผ่านคล้อยกับรอยทาง   
๒
๏  เธออาจมอง..อาจเห็นอยู่เช่นนั้น  
ปล่อยเงียบงันดำเนินจนเหินห่าง
เหมือนสัมพันธ์นั้นเป็น..เพียงเส้นฟาง  
แสนบอบบาง..แค่เพียงหยาด..ก็ขาดลง
๏  แต่รู้ไหม..นัยรอยที่ไร้ร่าง   
ยังพรายพร่างแฝงรอยมาคอยส่ง  
มอบคำนึงสู่ขวัญอย่างบรรจง   
และมั่นคงเช่นคำอยู่ร่ำไป
๏  เหมือนตะวัน..คงเรืองอยู่เบื้องฟ้า  
เหมือนจันทรา..ทอรับขึ้นขับไข
เหมือนดวงดาว..คอยดูแม้อยู่ไกล   
เหมือนหัวใจเจ้าเอย..มิเคยคลาย
๏  แม้-อยู่-เป็น..เสมือนว่าเพียงอากาศ  
อณูธาตุ..ไร้นาม..ไร้ความหมาย
หากหนึ่งในอณูลม..ที่พรมพราย   
แทรกหนึ่งสายลมร่ำ..คือคำนึง
๏  คือคีตาแห่งจินต์เพื่อยินเสียง   
ที่ร้อยเรียงจำนงมาส่งถึง
ผ่านรอยกาลอำลาอันตราตรึง     
แด่เพียงหนึ่งผู้ประทับ..แม้ลับลา
๏  บนวิถีสั่งสมด้วยลมหนาว   
สลักพราวด้วยปวงความห่วงหา
แม้มิเคยต้องประจักษ์..ในสักครา   
สำหรับค่า..รอยจารในม่านเงา
๓.
๏  ในม่านเงาจำหลัก..แห่งอักษร   
คืออาทร..แฝงรอยมาคอยเฝ้า
มอบแด่เธอ..ชลกานต์..ตราบนานเนา  
จากใจเจ้า..เพรงผกา..จนกว่าวาย..