กลอนชมธรรมชาติ

lovely

Lovely


รักคือคำหนึ่งทีี่ทราบซึ่งหัวใจนัก
คนใดที่ได้ฟังใคร่หลงรัก
คนที่พูด
คำเดียวคงไม่พอ
ต้องออล้อการกรระทำ

น้ำตก

กวี


สายน้ำเชี่ยวเกรี้ยวกราดราดรดหิน
สู่พื้นดินสิ้นสลายกลายสถาน
ดูกลมกลืนชื่นชิดสนิทนาน ผสมผสานผ่านพ้นล้นคูคลอง ช่วยล่อเลี้ยงสัตว์ป่าอนาเขต ทั่วนิเวศพงพีขจีก้อง ทุกชีวาเกิดตายอยู่ก่ายกอง มีเพียงสองสิ่งนี้คลุกคลีมา สายธาราป่าอุดมบ่มชีวิต สรรพสิ่งมีสิทธิ์ชิดห่วงหา วัฎจักรโลกมนุษย์ฉุดนำพา พร้อมดาราเดือนฉายพระพายเย็น ธรรมชาติเกิดก่อละออกำเนิด สุดประเสริฐเลิศค่าเช่นตาเห็น มิทำร้ายผู้ใดให้ลำเค็ญ ประดับเด่นโลกาสง่างาม ........ ..กวีชาวบ้าน......

น้ำค้าง

บนข.


 
เจ้าหยาดน้ำค้างมาเยี่ยมเช้า                                              
เจ้าหยาดหยดเกล็ดพราวมาจากไหน
เจ้าหยาดมาจากฟากฟ้าใด                                 
กลั่นเป็นหยาดหยดใสอยู่พราวตา

เจ้าผู้มีนามว่าน้ำค้าง                                            มณีพร่างพร่ำพรอดกับยอดหญ้า  หรือเจ้าคือรัตติกาลอันผ่านมา                         แล้วอำลาไปลับกับตาวัน   หรือเจ้าคือน้ำตาของคนโศก                             ผู้วิโยคท้อแท้รักแปรผัน จึงกลั่นหยดน้ำตาความจาบัลย์                          เป็นอุษาโศกศัลย์ทิพย์วารี   หรือฟ้าสั่งจากฟ้าเวหาหน                                 ในคืนค่ำเดือนหม่นดาวริบหรี่  เป็นหยาดหยดน้ำค้างรมณีย์                             ปลอบทุกชีวีใต้เดือนดาว    เจ้าผู้มีนามว่าน้ำค้าง                                          เจ้าคือความอ้างว้างสายลมหนาว แต่งแต้มยอดหญ้าลดาพราว                              ปลอบทุกกรวดเม็ดร้าวคลายร้าวราน   ก่อนเจ้าจะสลายร่าง                                            ทิ้งยอดหญ้าอ้างว้างผันผ่าน ก่อนอาทิตย์ลืมตาทิวาวาร                                  สาดแสงประหารแห่งสุรีย์   บอกข้าได้ไหมเจ้าน้ำค้าง                                   เจ้าเคยอ้างว้างบ้างไหมนี่    หรือเจ้าเพียงผ่านมามิยินดี                                ทุกขณะนาที...ความเปลี่ย

ทะเลสีดำ

เชษฐภัทร วิสัยจร


มหาสมุทรสุดลึกล้น........สีดำ
ไม่ติดไฟหรอกจำ........จดไว้
ห้าหมื่นลิตรขำขำ.........คิดบวก
เอ็งอย่าตื่นตูมใช้..........สติตั้งระวังตรอง

ผองปลาอาจสลบบ้าง.........หรือตาย
เอ็งก็อย่าใจหาย........โห่ร้อง น้ำมันถูกปลากลาย.......เป็นศพ เป็นปกตินะพี่น้อง.........นิ่งแล้วดีเอง

ไม่มีดาว

ชโลทร


        ไม่มีดาว
ดาวหลี้หลบ นภา ฟ้าไร้ดาว
ฟ้าไร้เดือน สุกสกาว พราวเด่นฟ้า
พราวเด่นฟาก เวหน สว่างจ้า
สว่างแจ้ง แหล่งฟ้า ไฟเมืองกรุง

๏.. ณ.คืนแรม แอร่มจันทร์..๏

กิ่งโศก


  ๏ พลบค่ำย่ำโพล้เพล้เสียงเห่หาย
อ่อนแสงแรงระรายเลือนวายดับ-
ลาพร้อมย้อมจันทรจรประทับ-
ประดาฟ้าระยับรับจันทร์แรม ๚ะ๛
    ๏ พลบย่ำโพล้เพล้บ่าย .... บรรพรต ลับแล 
สิ้นสุริย์ฉายยศ .... ย่อแล้ว
งันแลเงียบเรียบลด .... ลาวุ่น วายอา
สัตว์โลกต่างมิแคล้ว .... ล่วงเข้านิทรา
   ๏ จันทร์เสี้ยวเลี้ยวผ่านซุ้ม .... เมฆแฝง
ปิ่นศิวะสำแดง .... เดชไซร้
รัศมีหรี่ยิ่งแรง .... ทีฆรัต
คล้ายโอบประโลมไล้ .... พระแม่เจ้าเทวี
   ๏ ดื่นจวนดึกนึกเย้า .... ยลตัว
ใยเบิ่งซุ่มมุมสลัว .... แอบซ้อน
มัวชื่นตื่นชมกลัว .... ใครแอบ รู้เอย
โผล่สบประจบอ้อน .... ศศิเจ้าเห็นใจ
   ๏ ประทานหว่านรสล้ำ .... เลอสุข
ปลาตหายคลายทุกข์ .... พรากล้วน
ปรุงเสน่ห์เห่สนุก .... สนานนับ นานเนอ
เปล่งปลั่งประดังถ้วน .... ทรัพย์ถ้วมหัวหู
   ๏ จันทร์แรมแอร่มเจ้า .... อย่าจร จากเฮย
อยู่คู่ข้าอย่าถอน .... พรากข้า
โดดเดี่ยวยิ่งรอนรอน .... จิตร่ำ  เจรียงแล
เคียงแนบแอบเถิดอ้า.... อกผู้ระทม ๚ะ๛
         
            + กิ่งโศก +
    ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖
ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนแปด ปีมะเส็ง
 (พระจันทร์ข้างขึ้น แต่ใยคิดถึงข้างแรม)

๏..นิมิตร้าย ..๏

กิ่งโศก


  ๏ สะดุ้งตื่นเลขชี้  .....      สำเร็จ 
กรองกลั่นผ่านสะเด็ด ..... สุดท้าย 
บรรจงจับโดยเคล็ด .....  ครองศาสตร์ เชื่อเฮย
นิมิตแปรแปลงร้าย .....  เปลี่ยนด้านเป็นดี  ๚ะ๛
         
 ๏  สะดุ้งตื่นลืมตาเมื่อเช้าตรู่
ในนิมิตรครั้งครู่ใกล้สู่สาง
ในฝันนั้นพบยักษ์ชลูดยาง
นัยนากระด้างเยื้องย่างเย้ย
๏ มิอาจก้าวเท้ายุดดุจดั่งยึด
ติดตรึงขึงออ-อึดเฝือฝืดเอ่ย
ลมปราณขาดชะงักสำลักเงย
ตระโกนก้องร้องเพ้ยลืมตาโพง
๏ โบราณกล่าวเล่าไว้ฝันร้ายว่า
จะกลายดีปรีดานำพาโด่ง-
ตำแหน่งรุ่งศักดิ์รั้งมิยั้งโยง
การค้าขายให้โล่งประสงค์รับ
๏ ทั้งโชคลาภจับเสกดว้ยเลขสวย
จะมั่งมีดีด้วยหวยประดับ
ประดาเดชบารมีทวีทรัพย์
มีเรือนขายเททับหวังรับโชค
๏ จึงบรรจงเจียดงบสมทบซื้อ
ทุ่มทั่วตัวสองมือถือโฉลก
นอนกระหยิ่มนั่งแย้มแซมเอนโยก
หวังชะตาว่อนโบกไสวบาน
 ๏ ครั้นเพลานาทีที่รอท่า
เลขที่ออกบอกช้าเสียงพาขาน
ใยยักษ์หนีลี้หายมลายพาล
ผลที่ผิดมโหฬาร..โอ้ฉันเงง  ๚ะ๛
         + กิ่งโศก+
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖
      ซื้อ 84 กงๆๆ เลย

คืนฟ้าคราม

คอนพูทน


คืนฟ้าคราม
๏ สนทะเลปลิวลมพรมยินแผ่ว
คลื่นจัดแถวสาดสถานสร้อยผ่านเสียง
เสนาะพลิ้วชื่นพร้อมรินกล่อมเรียง
กระชุ่มเพียงโปรยพริ้ม..ริมหาดทราย
 
๏ สาดบรรเลงเพลงครวญรำพันขรม
เพลินอุราอารมณ์ฟ้อนเกลียวร่าย
พลางค่อยไหลฟ่องเลื่อนพราวเกลื่อนพราย
อาบแสงฉายจันทร์ชม..อภิรมย์ฟ้า
 
๏ ยิ่งสวาสดิ์ผ่องวัจน์สัมผัสใกล้
ชลาศัยกอดกระซิบทิพย์เวหา
หาดทรายห่มเปลือกหอยเคียงรอยครา
สุดพรรณนาหอมนี้..ราตรีจันทร์
 
๏ พวงดาวลอยงามพิลาสสรรวาดศิลป์
ประดับปิ่นสวยเปล่งกรุ่นเพลงกลั่น
นวลแขหวามอร่ามเพริศบรรเจิดพลัน
หยาดสวรรค์พลิ้วไสว..นัยหมายนึก
 
๏ ลมทะเลเห่สรวงเกลียวคลื่นสาน
กล่อมพิมานเทียมเมฆเสกรู้สึก
สุนทรีรมย์คมทัศน์ฟังอึกทึก
เย็นลมดึกโปรยดอกจูบซอกใจ
 
๏ ละมุนหยดแพรวระย้าฟ้าประดับ
คลื่นระยับทะเลหยาดสาดน้ำใส
ลมโชยพัดเชยพลอดยอดสนไกว
หลับแทบในทรายนุ่ม..ชุ่มเพียงเชิญ ๚ะ๛
                           คอนพูทน

วนาลี

din


ผีเสื้อกรายปีกทักดอกรักหวาน
ผึ้งรำคาญตัวต่อมาป้อหา
เขียดยังเพลินแหวกว่ายสายธารา
โน่นอีกาบอกรักทักแมงปอ
ชะนีกู่โห่ร้องก้องไพรพฤกษ์
เค้าแมวคึก...ชวนแขกเต้า...เข้าห้องหอ
กิ้งก่าแต่งตัวเริดทำเชิดคอ
ม้าหางงอสอนนกให้ชกลม
มดดำเลียน้ำค้างข้างกอหญ้า
ตั๊กแตนชวนปลาหาผ้าห่ม
เอี้ยงแอบหนีเจ้ทุยไปลุยตม
กวางตาคมหัวยุ่งมุ่งแต่นอน
เสียงนกเขาขันคูจู้กรูฮุก
เจ้าหนูพุกเอ็ดหมาไม่ให้หอน
ดวงดาวบอกลาฟ้าข้าขอจร
อาิทิตย์งอนถูกปลุกลุกทำงาน

ดั่งสายหมอก

คาปูชิโน่


   สายหมอกมาหยอกเย้ายามเช้าตรู่     อยากชักชวนเธอมาดูที่แห่งนี้มาสูดสัึมผัสอากาศดีดี                            ป่าเขาเขียวขจีสดชื่นใจ
เธออาศัยในเมืองมาหลายปี                     พบกับแสงสีศิวิไลซ์
ส่วนฉันอยู่ป่าเขาลำเนาไพร                    อยู่ห่างไกลแต่ใจเหมือนใกล้กัน
ถึงจะจากกันมานานแสนนาน                   เรื่องราวของวันวารยังผูกพัน
ดั่งสายหมอกจางจางและควัน                 ที่พัดพาพบกันแล้วพัดหายไป      

ย้อนรอย

din


เมื่อใบไม้ปลิดปลิวละลิ่วหล่นให้เกลื่อนก่นลงดินดังสิ้นค่า
เพียงลมโบกโกรกหวิวพัดพลิ้วมา
ก็ลับตาหายวับกับสายลม
เปรียบดังเช่นสัจจธรรมค้ำุจุนอยู่
เพื่อเรียนรู้ความชื่นความขื่นขม
โลกมีเกิดมีดับสลับปม
มีรื่นรมย์...สุข,เศร้า...เคล้าคละกัน
เคยถูกแดดลูบโลมชะโลมต้อง
อีกละอองฝนสาดจนหวาดขวัญ
ขาดน้ำใจพอเพียงเลี้ยงชีวัน
ใบไม้พลันซวนซบลงกลบดิน
แล้วใบไม้ใบสุดท้ายก็กรายจาก
เหลือเพียงรากหยั่งใจให้ถวิล
เพียงต้นกล้าต้นใหม่ได้ยลยิน
มิรู้สิ้นบรรจบทวนทบรอย

บทกวีสีเขียว

เปลวเพลิง


เมื่อรักษ์สัตว์ รักษ์ป่า ชลาสินธุ์
รักษ์แผ่นดินถิ่นหอมหลอมเชื้อสาย
รักษ์ท้องฟ้า  อากาศดีมากมาย
รักษ์ผืนทรายก็ดุจรักษ์ชีพรักเรา
โลกสดสวยรวยรินด้วยสินทรัพย์
ซ่อนอยู่กับความละมุนของขุนเขา
หญ้าระบัดใบระบำกล่อมลำเนา
ภู่ผึ้งเย้าดอกไม้กลางสายลม
หากใครเคยกอดรัดสัมผัสหล้า
ย่อมรู้ว่าคือสวรรค์อันสุขสม
ยามมาเยือนเรือนเหย้าเงาพนม
ความทุกข์ตรม  เร่าร้อนก็ผ่อนคลาย
เมื่อทอดตามองยังฝั่งไพรพฤกษ์
ยิ่งรู้สึกหวานละม่อมกล่อมใจหลาย
พรมเขียวเข้มเขียวอ่อนซ้อนเรียงราย
ช่วยระบายแล้งเข็ญให้เย็นตาดนตรีจากหริ่งหรีดสังคีตสรวง
นกบำบวงห้วงอารมณ์สมปรารถนา
บทกวีเรียงร้อยสร้อยพจนา
มอบแด่ป่า ห้วย เขา ลำเนาไพรเพื่อจรรโลงโลกทัศน์อันสัตย์ซื่อ
มาร่วมมือลบโศกฟื้นโลกใส
ต่างสร้อยศอสื่อสลักรักจากใจ
คล้องโลกไว้คงมั่นนิรันดร

ธรรมชาติมิหวนคืน

ดอกบัวผลิบาน


ธรรมชาติ จรรโลงโลก ให้งดงาม
ฟ้าสีคราม หมู่เมฆขาว ราวดั่งฝัน
หมู่วิหก ผกผิน ท้าตะวัน
หัวใจฉัน นั้นมีเธอ เคียงข้างกาย
ธรรมชาติ สร้างเธอ มาเคียงคู่
แต่กลับอยู่ ไม่นาน ก็ห่างหาย
ดั่งน้ำค้าง เมื่อเจอแสง ก็จางคลาย
เป็นดั่งสาย ลมพัด มิหวนคืน

คนเมืองกาญจน์

คนบางบอน


บ้านพี่อยู่กาญจนบุรี
น้องยินดีจะไปเที่ยวไหมหนอ
พี่พร้อมที่จะพาไปไม่รีรอ
เพียงร้องขอให้พี่ดู..หนูอยากไป...ที่เมืองกาญจน์บ้านพี่หลากที่เที่ยว
มีน้ำตก ภูเขาเขียว แหล่งเที่ยวใหม่
“สะพานข้ามแม่น้ำแคว”เผยแพร่ไกล
น้ำตกใหญ่”เอราวัณ”รู้กันดีอีกฟากหนึ่ง “ไทรโยค” ไม่โศกเศร้า
ไม่ไร้เงาผู้มาเยือนเหมือนทุกที่
ไกลสุดคือชายแดนดัง..สังขละบุรี..
ประวัติศาสตร์มีเรื่องเล่ามายาวนานนี่เอ่ยชื่อร้อยเรียงเพียงเล็กน้อย
ยังมีคอยผู้มาเยือนอีกหลายย่าน
พี่ภูมิใจที่เป็นคนเมืองกาญจน์
ที่ใครผ่านมาเยือนเหมือนต้องมนต์ระยะทางไม่ไกลไปสะดวก
พี่มีพวกรองรับไม่สับสน
ยินดีมากหากหวานใจ ไปเยี่ยมยล
จะเป็นคนนำทางสร้างสัมพันธ์
ไปเที่ยวกันไหม...
ไม่พาไป กินตับ สำหรับขวัญ
คนเมืองกาญจน์จริงใจไม่เว้นวัน
ฝากคำมั่นไว้ให้จากใจจริง...

ดอกหญ้าดอกไม้ป่าที่งดงาม

ป๋อง สหายปุถุชน


ดอกไม้ป่าดอกหญ้าที่งดงาม
เกิดก่อตามท้องนาและป่าเขา
ความงดงามแต้มแต่งพื้นดินเรา
แดดลับเงาน้ำค้างลงพร่างพรมยามค่ำคืนต้นยืนรับเดือนฉาย
ช่วยผ่อนคลายดับร้อนฟ้อนสายลม
ความหนาวเย็นต้นใบหมอกคุมห่ม
หนาวระทมค่ำคืนยืนเดียวดายในยามเช้าชูช่อรับตะวัน
น้ำค้างพลันเหือดแห้งแสงส่องฉาย
ผีเสื้อบินโฉบร่อนดูเรียงราย
ในตอนสายอุ่นไอได้คลายหนาวกลีบดอกเก่าร่วงโรยไปตามกาล
ไม่ช้านานดอกใหม่ออกสีขาว
จากดอกตูมแย้มบานงามพริ้มพราว
สุขสกาวงดงามตามดงดอย

โคลง ๔ สุภาพ-ภูทอก บึงกาฬ

สุริยันต์ จันทราทิตย์


๏ ภูทอกแถนทอกทิ้ง...เถื่อนทาง
ยืนหยัดยิ่งยงกลาง......โลกหล้า
เทวาวิจิตรวาง............วิเศษแท้นอ
เมืองแมนแม่นแดนฟ้า....ชลอไว้เวนดิน
๏ เสกศิลป์ชิ้นเอกอ้าง...อวดตา
งามพระปฏิมา...........อ่อนช้อย
งามระเบียงคดผา.......รายรอบ
งามพุทธวิหารน้อย......สลักล้วนโขดเขิน
๏ จำเริญเพลินเถื่อนถ้ำ....ทิพย์ทอง
จำรัสล้วนเรืองรอง.....เลิศล้ำ
วนพฤกษ์เนืองนอง.....เนาแน่น
กึ่งกึ่งกลายสวรรค์ก้ำ.....กอบพื้นปฐพี
๏ ธรณีนี่นี้.....เป็นพยาน
อานิสงส์จาริกสถาน.....ดุ่มดั้น
โปรดรับกิจปุณยทาน.....เทอญแม่
ไกลกู่ฟากฟ้ากั้น.....กอปรแล้วการกุศล
๏ เรียมยลชะเวิกว้าง.....เวิ้งผา
เดินระเบียงคดพา.....คลื่นไส้
ขาแข้งขัดแข็งขา.....เขินขัดขวยอ่อน
นิ่งนึกหน้านุชให้.....สตินี้คืนคง๚๛

ธรรมชาติกับความรัก กิ่งไม้กับจันทร์

ทิพย์โนราห์ พันดาว


กิ่งไม้กับจันทร์.
.
เจ้าจันทร์นวลดวงใหญ่ใกล้กิ่งไม้
ช่างคลับคล้ายใกล้ชิดสนิทสนม
ทอแสงนวลอาบไล้กิ่งไม้ชม
ผสานสม..ดูงดงามยามราตรี...
แต่ความจริงกิ่งกับจันทร์นั้นไม่ใกล้
ห่างกันไกลสุดฟ้างามตามวิถี
หากกิ่งไม้...หวังพบจันทร์ขวัญฤดี
เพื่อชมศรีแสงงาม..ความเป็นจันทร์...
กิ่งไม้หวัง..เคียงจันทร์เป็นขวัญฟ้า
อนิจจา..ทำได้เพียงเสียงความฝัน
ได้แต่ชมโฉมพักต์แอบรักจันทร์
เฝ้ารำพันยามจันทร์คล้อยลอยจากไป...
ยามเดือนแรมล้มไล้กิ่งไม้เหงา
จอมจันทร์เจ้าขวัญขู้อยู่ทางไหน
เคยลอยเด่น..ทอแสง..เป็นแรงใจ
คืนนี้ใย..เรรวน..มิหวลคืน..
ทิพย์โนราห์ พันดาว
หน้า / 5  
ทั้งหมด 78 กลอน