กลอนชมธรรมชาติ

ธรรมชาติกับความรัก มะลิร้อยสาย.....

ทิพย์โนราห์ พันดาว


มลิสายเรียงร้อย..ห้อยระย้า
ริมโค้งฟ้าสุรีย์อ่อน..จวนค่อนสาง...
ลมรำเพย..เอื่อยกลินกรุ่น..ละมุนบาง
เดือนดาวจาง..วิหคแว่ว...จากแนวไพร
มองมะลิเรียงร้อย ....เป็นสร้อยสาย...
ฝันที่หมาย..ยังหายห่าง..อยู่ทางไหน
ในยามนี้ฉันคนเก่า...ยังเหงาใจ
เธอคนไกล..เหงาหรือเปล่า..บอกกล่าวที
งามอรุณ..เบิกฟ้านภาผ่อง..
ลำแสงทองโอบสาด..คีรีศรี..
วอนลมพัดความห่วงใย...ในฤดี
แด่คนดี แห่งดวงใจ..ที่ไกลกัน
แม้พ้นผ่านม่านเวลา..นาทีซึ้ง
ยังตราตรึง...แว่วคำหวาน..วันวานฝัน
กี่โคนรุ้ง..กี่คุ้งฟ้า...กี่ป่าพรรณ
ร้อยจำนรร ..มิเคยจาง..ห่างหัวใจ
มะลิสายเรียงร้อย...ห้อยระย้า
ยามอ่อนล้าฉันแอบเพ้อ..เธออยู่ไหน
หอมมะลิ..หวลวันวาน..ถึงหวานใจ
หวลอาลัย ไอรักเก่า...ยังเฝ้ารอ
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ทิพย์โนราห์ พันดาว

ไปชมลั่นทมกันไหม......

สุรศรี


ขาวพวงกลีบขาวนวล..........หอมอบอวลชวนหลงใหล
สดสวยชมพูอรทัย..................มายวาเลนไทน์กลีบโตโต
ส้มแดงยีนส์มอแลนด์..........ขาวเหลืองแสนวิชานุโกลด์
แดงเข้มกำมะหยี่โชว์...............แสดสดใสส้มกาฬสินธุ์
แดงสยามเข้มสีจัด..............สามกษัตริย์หอมรวยริน
เหลืองสุวรรณดั่งใจจินต์..........ภมรบินเคล้าพวงร้อย
รุ่งศิริโชคชมพูหวาน...........เรนโบว์เบ่งบานชดช้อย
เฮอริเคนเข้มดั่งพลอย............ดอกบานย้อยทิพย์ปทุมพร
หลากสีพริตตี้ปริ้นเชส....... สวยสะเด็ดมูนไลท์เหลืองอ่อน
หงส์แดงเข้มยั่วภมร................ขาวลูกศรแลวิไล
สวยเด่นเรดจีน่า...............เหลืองกาญจนาน่าพิสมัย
หลากหลายลีลาวดีไทย........... ล้วนสุขใจยามได้ยล.
.......................................................................
หวัดดีครับ.........
ไปเที่ยวสวนสุดใจบ้านเพื่อนที่สกลนครมาครับ เลยมีลีลาวดีมาฝาก
วานเพื่อน ๆ ช่วยโพส  ลีลาวดีสวย ๆ ให้ทุกคนได้ชื่นชมด้วยครับ...
ขอบคุณครับ......................

ไพรพณา

rainbow butterfly


พฤกษชาติป่าไม้                       เขียวขจี  งามตา
เหมือนร่ายรำฟ้อนวี                  กิ่งก้าน
ดอกผลดกเป็นทวี                     สวยดั่ง  แดนสวรรค์
คือถิ่นเหนือคือบ้าน                   ป่าไม้แห่งสุเทพ

สร้อยราตรี

เปลวเพลิง


จะเก็บเกี่ยวดวงดาวที่ราวฟ้า
นำเอามาเรียงร้อยเป็นสร้อยสาย
อันวิจิตรอัศจรรย์พรรณราย
ดั่งเพชรพรายระยับวับแวววาว
เด็ดเสี้ยวจันทร์นวลผ่องของคืนค่ำ
มาแทนอำพันใสในห้วงหาว
พลิกราตรีดำมืดอันยืดยาว
มาแต่งแต้มให้งามราวนิลมณี
ร้อยความอบอุ่นไว้ในสายลม
เพื่อพัดพรมความสุขไปทุกที่
กล่อมผู้คนหลับใหลให้ฝันดี
อย่าได้มีฝันร้ายในนิทรา
บรรจงร้อยเสียงหรีดหริ่งเป็นพิณแก้ว
ที่หวานแว่วจับใจในราวป่า
ร้อยดอกไม้กลิ่นหอมมาล้อมฟ้า
เป็นมุ้งกั้นอสุราในราตรี
ก่อนอุษารุ่งสางอีกครั้งหน
ก่อนแดนดลประภัสร์จรัสศรี
ขอมอบสร้อยโสภาของราตรี
เป็นกำนัลให้น้องพี่ฝันดีเอย
ปล.เข้านอนคืนนี้  ขอให้ทุกคนนอนหลับฝันดีนะครับ^^

หน้าหนาวสาวสวย

ถ. ดอกฝิ่น ม่อนเงาะ


ลมเย็นพลิ้วแผ่วผิวกายสะท้าน
หนาวหรือนั่นวันนี้ที่คอยหา
ใกล้เวียนจบครบรอบพฤศจิกา
ปลายตุลาเจียนลับวสันต์เลือน
แดดรอนๆตอนใกล้จะพลบค่ำ
เสียงสายน้ำซัดซ่าแทรกผาหิน
ลมเย็นๆพัดมาอุรายิน
หวังถวิลเสาะหามาแสนนาน
ชอบมากๆหากถึงเวลานี้
ในหนึ่งปีหนทนรอหนาว
ผ่านร้อนฝนชนชื่นใจอีกคราว
ฤาหน้าหนาวมีอะไรใจต้องการ
อดีตยังฝังใจให้ลำลึก
ความรู้สึกมากมายใครหยั่งถึง
มีแต่ใจใฝ่หาที่ตราตรึง
เฝ้าคิดถึงหนึ่งในใจวกวน
ไม่เคยลืมไม่มีเลือนเหมือนเพิ่งผ่าน
ใจต้องการนั่นเพราะใจเสน่หา
ในอดีตที่ผ่านกาลเวลา
แทบจะหาดูได้ย่างยากเย็น
สาวแสนสวยด้วยเสื้อผ้าที่หนานุ่ม
แพรพรรณหุ้มเรือนกายใหัสีสรร
งามยิ่งนักเหลือจักพรรณานั้น
ถ้อยคำหวานผ่านใจด้วยไมตรี
ทั้งจริงใจในรอยยิ้มไร้เหลี่ยมเล่ห์
มีเสน่ห์ในดวงตาดูสดใส
อีกรอยยิ้มแย้มยวนจัญจวนใจ
ใครเห็นใครครั่งไคร้ด้วยใจจริง
เป็นตำนานกล่าวขานในวันนี้
แต่คนที่พบนั้นวันที่เห็น
แม้นผ่านมาเหมือนอดีตที่ซ่อนเร้น
แต่ก็เป็นความหลังที่ฝังใจ.
สาวชาวป่าปากไม่แต่งแป้งไม่ทาช่างน่ารัก
งามพลิ้งพักตร์ยิ้มแย้มแก้มนวลใส
โชลมขัดผิวด้วยสมุนไพร
หอมกลิ่นกายเพียงเท่านั้นเอง.

มีเจ้าควายเหล็กคันเก่งกับหัวใจเหล็ก ชีวิตลูกชาวนาหอมกลิ่นไอดินกลิ่นหญ้า

น้ำ


มีเจ้าควายเหล็กคันเก่งหัวใจเหล็ก
สูบน้ำเข้าเสร็จรถไถใช้เดินตาม
คาดให้ดินเสมอน้ำระดับเดียวกัน
ปล่อยน้ำออกให้แห้งเป็นเลนหลัก(นาหว่านน้ำตมปทุม)
กระบุงข้าวงอกหว่านทั่วนา พาสุขใจ
ใช้ชีวะวิธีนิเวศดินรักษ์
ทรัพย์สินปัญญาไทได้ปกปักษ์
ได้ข้าวสะเต็มทุ่งทองหอมดินหญ้า
มีรถเกี่ยวมาอาสา สบายไปเรา
ตอนขายได้เฮฮาฉลองเย็นอุรา
ดักปลามาแกงดักหนูนาย่างทา
สวนเสเฮฮาหมู่เราลูกชาวนา
เหนื่อยนักหนาพักใจไว้ ในเนา
หายใจเข้าออกผ่อนผันผ่านกาลยาว
ราวทุ่งทองข้าวท้องเต็มลออตา
จัดข้าวแลปลาย่างหอมยวนใจจน
ไคลเหงื่อเพื่อไหลอาบฉาบทาบทา
แกร่งผิวหนังกำพร้ากร่านลมชม
ห่มไอรวีมิร้อนรนดลกลอนกล
ขานเพลงกลอนทุ่งรวงทอง ของชริน นันทน์นาคร

ของขวัญ ..ผลึกแก้วจากพระจันทร์ ..

ปลาทูสามเข่ง


เห็นเธอเฝ้า มองฟ้า คราแย้มมืด
นึกถามยืด ..อธิษฐาน หวังไรหนอ
หวานยิ้มไป สกิดใจ น้ำตาคลอ
เราช่วยห่อ ความหวัง ส่งให้จันทร์
ทักดาวร้อย คล้อยแก้ว ผสมรัก
มาทอถัก เป็นผืนผ้า ที่ปาดฝัน
เก็บส่วนหนึ่ง ฝากคลื่นดาว รับผูกพัน
หยิบให้จันทร์ ..รับไว้ เป็นบูชา
เธอนึกลึก ทักอยากรับ ผลึกแก้ว
ด้วยเสียงแผ่ว นวลแพรวป้อน ร้อนอ้อนช้า
ที่อยากจับ รับเจ้าของ เพราะใจพา
ครั้นดวงดาว หลากธารา ก็อยากเชย
ผลึกแก้ว แววพราว สกาวมาด
ต้องสะอาด ใครนึกเห็น เป็นต้องเอ่ย
ปรับหยิบลูบ จูบจับ สลับเงย
หลายดื่มค่า เป็นต้องเคย ได้แลชม
เธออยากได้ ..ฉันจะคว้าน หยิบมาให้
ร้องจันทรา ..คราหัวใจ รำพึงข่ม
เพียงแค่จันทร์ ตอบรับ หยิบมันพรม
เปิดโอกาส จะสอยห่ม จับชมกัน
ปักใจแล้ว จะไม่หวาด ต้องหยิบได้
มั่นฤทัย จะไม่กลัว มิหนีรั้น
จะสอยพับ ส่งประดับ ให้เธอพลัน
ร้องพระจันทร์ ด้วยรัก จะไม่ยอม
สอย ..อึ๊บ ..อะ เธอรับ ผลึกแก้ว
พร้อมร้องแผ่ว ยิ้มดีใจ ที่ได้พร้อม
+ ..ฉันมอบให้ ผลึกแก้ว สอยไม่ปลอม
มอบใจล้อม เป็นของฝาก ..จากราตรี ..+

..ลำธาร..

**พาฝัน**


..ลำธารไหลน้ำใสไหลรินลง..
เหล่าหมู่หงษ์ลงว่ายในน้ำใส..
เหล่าปลาน้อยลอยล่องฉลองชัย
ที่จะได้ว่ายไป..ในธารา..
..เหล่าสัตว์น้ำดีใจกันยกใหญ่
มีน้ำใส..ให้แหวกว่าย.ได้หรรษา..
มีอาหาร..สมบูรณ์.ทุกเวลา......
หาก..ธาราเป็นงั้นจริง.ก็คงดี....

นารอ นารอน นาร้อน นาร้าง

ม้าก้านกล้วย


นาร้อนรอนใจไร้ชีวา
เขียวพงดงหญ้ามาเลือนไร้
กบเขียดในนามาหายไป
น้ำเหนือหลากไหลก็ไม่นอง
เดือนห้าหนุ่มสาวเข้าเมืองกรุง
ท้องทุ่งจึงไร้ใครเที่ยวท่อง
เคยเรืองรองรุ่งดั่งทุ่งทอง
กลับต้องตากตกรกเป็นดง
สงกรานต์ปีนี้จะมีไหม
หนุ่มสาวคนใดจะไหลหลง
กลับกรุงเยือนนามาปลดปลง
มาคงวันคืนในผืนนา
แต่นี้ใครไหนจะไถหว่าน
มันไปทำงานโรงทอผ้า
มันลืมไอดินกลิ่นปลาร้า
มันลืมดอกหญ้าประดับดิน
มันเคยฝากคำกับท้องนา
สัญญาให้ไว้ลืมไปสิ้น
คำรักหวานเร้นเหมือนเล่นลิ้น
โบกบินจากไปไม่แม้ลา
แต่นี้มีแค่เฒ่ามาเฝ้าหว่าน
ไถดานเทือกถกตกกล้า
งกเงิ่นเขินขดรันทดล้า
จึงขายนาส่งเงินให้ไปซื้อรถ
มันขอเงินซื้อโทรทัศน์
เงินเดือนติดขัดตัดเงินหมด
พ่อแม่ชาวนาหามาชด
เงินก็หมดข้าวในนาหาไม่แล้ว

ความเป็นฉัน

ไม้เก็ด


ฉันรักเธอมากจนเลอล้นอก
ฉันคอยปกป้องเธอเสมอหมาย
ฉันไม่เคยมีจิตจะคิดร้าย
คนทั้งหลายรู้ซึ้งซึ่งฉันดี
ฉันไม่เคยตระหนี่ มีน้ำจิต
เป็นเหมือนมิตรเหมือนเพื่อนเป็นเหมือนพี่
เป็นเหมือนแม่เหมือนพ่อก่อไมตรี
เป็นเหมือนที่รักเธอเสมอมา
ฉันให้บ้านให้เสื้อผ้าให้อาหาร
ให้ยาทานแก้โรคภัยไม่หนีหน้า
ให้อากาศ ให้น้ำดื่ม ปลื้มอุรา
ให้อีกสารพัดให้ จากใจจริง
แต่เธอกลับไม่ซึ้งซึ่งน้ำจิต
คอยแต่คิดทำลายใจร้ายสิง
บางครั้งจุดไฟเผาเอาฉันทิ้ง
บางครั้งยิ่งโหดร้ายใช้ขวานฟัน
บางครั้งเอาเลื่อยยนต์มาโค่นตัด
ฉันเกินปัดผองภัยให้เหหัน
ยอมเจ็บปวดรวดร้าวเศร้าชีวัน
ยอมให้หั่นให้ทำจนหนำใจ
ไม่มีมือมีเท้าจะเข้าสู้
ต้องยืนอยู่เฉยเฉย เลยหมองไหม้
ขาดน้ำยากล้าสู้กับผู้ใด
เพราะฉันคือ ต้นไม้ ในป่าดง

ยามเย็น...

วฤก


๑ ๏ สุริยันผันลับฟ้า...........................เฟือนแสง
สีอ่อนรอนแดดแรง............................ร่วงคล้อย
ฉายฉาดวาดฉากแดง.........................ดาดแผ่น....นภานอ
ชะลอหล่นลงน้อยน้อย.........................แนบพื้นพนาหาย ฯ
๒ ๏ ลมโชยโปรยหมอกไล้..................โลมไพร
ลอยล่องฟ่องฟ้อนใน...........................พนัสกว้าง
ราวละหานซ่านธารใส.........................เซาะผ่าน
ลมสะบัดพัดหมอกคว้าง.......................ครูดคล้องโขดไศล ฯ
๓ ๏ นกกาพาพวกพ้อง.........................โผบิน
พาคู่หมู่ปักษิน.....................................สู่บ้าน
คืนคอนร่อนบินผิน..............................ผกจับ....คอนเนอ
นกเกาะรังเกาะก้าน.............................กิ่งไม้มองสลอน ฯ
๔ ๏ สายันต์ตะวันเคลื่อนคล้อย.............ครรไล
ภาพพิศติดตรึงใจ.................................วิจิตรล้ำ
ทวยเทพเสกพงไพร..............................เพียงภพ.....สรวงฤๅ
สวยเด่นเห็นซ้ำซ้ำ.................................ส่งให้ใจเกษม ๚

พ่อ พาดูดาว

ม้าก้านกล้วย


คืนนี้คืนหนาวดาวลอยสูง
พ่อจูงลูกชายไปเริงร่า
ทุ่งว่างเวิ้งไกลสุดสายตา
ชายป่าเบื้องหน้าเพียงเงาราง
พ่อนั่งพักลูกหนุนตักนอนเขนก
ลูกยังเล็กตัวจ้อยคอยพ่อว่าง
คืนนี้มีเวลาฟ้าสว่าง
จันทร์กระจ่างกลางฟ้าจ้าแสงทอง
นอนฟังพ่อเล่านิทานตำนานดาว
แสงแววขาวดาวนายพรานนั่นแมงป่อง
นี่ดาวสิง ดาวหมี พ่วงพีลำพอง
ที่ลูกจ้อง ดาวลูกไก่ ใกล้ดาวปลา
ดาวสิบสองนักษัตรผลัดกันขึ้น
พอดึกดื่นดาวจรเข้ หันเหฟ้า
ยามค่ำโผล่แต่หัวตัวขึ้นมา
พอเวลาใกล้สว่างเอาหางนำ
คืนนี้ วิเศษ จริงจริงเหวย
ไม่เคย เห็นพ่อ พนอพร่ำ
เล่าเรื่องราว ด้วยรัก แนะชักนำ
ยุงร่ำร่ำ ทำท่ากัด ก็ปัดไล่
ลูกรับรู้ใจรักจากใจพ่อ
ร้องขอให้ดาราบนฟ้าไสว
หยุดเวลานานนานอย่าผ่านไป
อยากให้พ่อสบายใจได้เช่นนี้
พ่อเหนื่อยแค่ไหนไม่เคยบ่น
เฝ้าปรนนิบัติทำตามหน้าที่
แอบเห็นพ่อทดท้อก็หลายที
วันดีดีไม่ค่อยมีให้ได้เจอ
รู้อย่างนี้ ลูกสัญญา นะพ่อนะ
ว่าลูกจะเชื่อฟังคำพ่อเสมอ
ลูกจะไม่ดื้อ ไม่ซนซ้ำ ซุ่มซ่ามเซ่อ
ไม่ละเมอ เมามั่ว สิ่งชั่วช้า
------(ม้าก้านกล้วย)------

พาเอ๋ย พายุ

ไม้เก็ด


พาเอ๋ย  พายุ
แสนจะดุดันนักโหมหักหาญ
พัดต้นไม้บ้านเรือนเกลื่อนแหลกลาญ
ยิ่งพัดนานยิ่งเสียหายหลายประเด็น
เหมือนความโกรธกริ้วในใจมนุษย์
โกรธแล้วสุดห้ามไว้มิให้เห็น
ดั่งไฟรุมสุมใจไม่ฉ่ำเย็น
ดับโกรธเป็นเหมือนกั้นพายุบ้าเอย.

จาบคา คู่สุดท้าย

ม้าก้านกล้วย


จาบคาคู่สุดท้ายในทุ่งกว้าง
สร้างรังหวังว่าจะสุขสันต์
เจ้าตัวผู้เก็บหญ้าเอามาพัน
ตัวเมียนั้นถักสานวิมานฟาง
แรงน้อยน้อยค่อยค่อยก่อเป็นคอขวด
เป็นโพรงพรวดที่วางไข่มิได้กว้าง
สานสวยเกี่ยวใส่สอดไส้กลาง
รุ้งรางหลายเช้าเจ้าตั้งใจ
จากปลายกิ่งเพกาหน้าสระน้ำ
เดือนสามลมแล้งรุนแรงไล่
ยอดโยกเจ้าขืนข่มแรงลมไกว
ชอนไชเชือกเช่นเส้นฟางฟอน
ช่วยกันเพียงสองชีวิตสู้
อดสูผอมโซโต้ลมร้อน
หิวเหนื่อยก็ล่าไปหาหนอน
ซุกไซร้ซ้อนเกี้ยวกันบ้างสร้างแรงใจ
จนเดือนหกฝนสั่งรังเจ้าเสร็จ
ป้องสะเก็ดฝนเข้าเจ้าวางไข่
ตัวพ่อคอยป้องคุ้มอย่างภูมิใจ
รอลูกน้อยชีวิตใหม่เติบใหญ่มา
เจ้าทั้งคู่บุญปลูกลูกของพ่อ
ตั้งตารอให้เติบใหญ่ในภายหน้า
เป็นทายาท ทารก นกจาบคา
หวังเพียงว่าจะเผยแผ่แพร่เผ่าพันธุ์
หน้าฝนฟ้า ชาวนา มาหว่านไถ
มองไปเห็นรังสวยฉวยหุนหัน
เก็บรังฟางไปผูกไว้ใต้จันทัน
นกมันจะเป็นจะตายไม่รับรู้
นกจาบคาคู่สุดท้ายในทุ่งร้าง
อ้างว้างใจสลายไร้แรงสู้
เขาพรากลูกไปไกลได้แต่ดู
อดสูโชคชะตาล้าลำเค็ญ
------ ม้าก้านกล้วย---------

เนื่องจาก ฝนดาวตก

ม้าก้านกล้วย


ตระหนกใจ ไฉนดาว เจ้าเกลื่อนกล่น
โพยมบน ราตรี นี้ว้าวุ่น
ดารกา ดารดาษ กราดเกรี้ยวขุ่น
ไหม้เป็นจุล จากฟ้า มาพื้นภพ
กรีดเวิ้งว่าง กลางหาว แสงขาวจ้า
พาดฟ้า ประเดี๋ยวใจ สลายหลบ
โน่นก็มี นี่ก็พร่าง แล้วลางลบ
ราวจะจบ สิ้นปลง ลงฉับพลัน
เคยเป็นดาว ประดับ ประทับใจ
เคยไฉไล สูงค่า สูงกว่าฝัน
เคยเป็นสื่อ แทนคำ แทนจำนรรจ์
เคยประชัน แสงบุหลัน แสงจันทร
มาบัดดล เจ้าดาว ราวน้อยจิต
ฤาประชด ชีวิต คิดใจร้อน
หยุดเถอะนะ ดาวจ๋า ฟังข้าก่อน
ฟังคำวอน ขอจากใจ ได้ไหมดาว
ถ้าเจ้าหล่น ลงจากฟ้า ลงมาหมด
ราตรีคง โศกสลด ค่ำจรดเช้า
เมฆมืด จะยื้อเยื้อ อยู่ยืดยาว
ฝนเศร้า พายุโศก จะสาดทราม
พระจันทร์เจ้า จะไร้เพื่อน ยามเยือนหล้า
จะไม่มา ฉายฉาด สาดแสงหวาม
โลกจะมืด ฟ้าจะหมด ความงดงาม
มลายตาม มล้างต่ำ มลึกตรม
เคยได้ฟัง มานะ ถ้าดาวตก
ให้ตั้งอก อธิษฐาน สราญสม
ถ้าเช่นนั้น ข้าจะขอ ให้ดาวคม
ฉายแสงให้ ข้าชม อย่าระทม . . . นะดาว
----(ม้าก้านกล้วย)---

“คืนหนาว 2”

แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า


“คืนหนาว 2”
เหมันต์พัดพรั่งพลิ้ว                   โชยมา
นกป่าส่งเสียงขาน                           ก่อเกื้อ
ใบไม้ล่วงลับลา                                ต้นแม่     ลงดิน
หอมเอ่ยหอมดอกเอื้อง-                  ป่าพลิ้ว     ชวนดม
ไอหมอกปกทั่วถ้วน                   พงไพร
ประหนึ่งจักโอบไว้                          ห่อหุ้ม
ผืนป่าต่างหลับไหล                         ลืมตื่น
ทุกสิ่งต่างโอบอุ้ม                            ช่วยเกื้อ     หนุนกัน
ลมหนาวพัดลู่ริ้ว                         เบาบาง
เชยผ่านทิวทุ่งอย่าง                         เชื่องช้า
ยอดหญ้าอ่อนเอนราบ                    โน้มร่าง     เอนกาย
กอดก่ายลงซบหล้า                         พึ่งพื้น     แผ่นดิน
เพลงหนาวร้องกู่ก้อง                 กังวาน
ยามย่ำคืนดาวดาษ                          แจ่มฟ้า
วงเดือนส่งแสงพราว                      จรัสร่วม     งามตา
งามกว่าใดในหล้า                            ทั่วพื้น     ปฐพี
แสงจันทร์นวลยั่วเย้า                   ดวงดาว
ดาวร่ายส่ายแสงพราว                     ทั่วฟ้า
ฟ้ายิ้มส่งตอบขาน                            เห็นอยู่     เพื่อนเอย
อยู่คู่เคียงเพื่อนข้า                             คู่ฟ้า     คู่ดิน
…..แสงศรัทธา  ณ ปลายฟ้า…..
23 – 11 - 44

ในทุ่งกว้าง กลางใจ

คะน้า


ยอดหญ้าพลิ้วลิ่วลู่ดูโอนอ่อน
กลิ่นเกสรอบอวลชวนให้ฝัน
หมู่ผีเสื้อเริงร่ายระบำกัน
แต้มสีสันวันฟ้าสวยด้วยทุ่งงาม                         คะน้า
กลิ่นไอแดดแผดอ่อนก่อนลมโบก
กางแขนโยกกิ่งไผ่วูบไหวหวาม
คาบกิ่งหญ้าบินมาจากฟ้าคราม
ร้อยหญ้างามทีละเส้นจนเป็นรัง                         Zagaia
แมลงปอล้่อเล่นกันเป็นกลุ่ม
ช่วยกันสุมรุมหญ้าน่าัรักจัง
บ้างบินเดี่ยวเฉี่ยวชนกันรุงรัง
บ้างกำลังโฉบผินบินไปมา                                ใบคา
ดอกไม้บานงามแย้มแซมหญ้าอ่อน
ละลมคลอนไหวเอนเล่นหยอกฟ้า
ทักทายเพื่อนเคลื่อนผ่านม่านเมฆา
วิหคถลาล่อนลมสำราญใจ                             ในมุมมืด
ดอกหญ้าแย้มรับแดดในยามเช้า
ภมรเฝ้าเล้าโลมชมดอกไม้
ลมอ่อนๆพัดเฉี่อยๆเรื่อยๆไป
ช่างเย็นใจได้ชื่นชมธรรมชาติงาม                    dookoon
สายลมอ่อนพลิ้วไหวในทุ่งสวย
โน่นต้นกล้วยนี่ต้นใหญ่ใบมะขาม
สีแดงสดดอกชบาน่าติดตาม
ดูวาบหวามหัวใจไปอีกนาน                              คะน้า
ผีเสื้อปีกบางบางกางปีกร่อน
ยามแดดอ่อนร่อนชมดมความหวาน
มวลดอกไม้ให้กลิ่นกรุ่นละมุนนาน
เติมสีสรรให้งดงามตลอดไป                      นาฬิกาทราย
หน้า / 5  
ทั้งหมด 78 กลอน