30 กรกฎาคม 2553 16:15 น.

.......ปีกหัก.......

cicada



จะพบเจอ  เผลอใจ  ให้ใครบ้าง
จะอ้างว้าง  อย่างนี้  สักกี่หน
ก่อกำแพง  กั้นใจ  ไม่ยินยล
ด้วยเกรงคน  ใจร้าย  หมายหลอกลวง

นกบินสูง  ยูงยาง  ห่างไพรพฤกษ์
ซ่อนรู้สึก  ลึกล้ำ  แม้คำห่วง
ยามบินเดี่ยว  เปลี่ยวเปล่า  สุดเหงาทรวง
มีแต่ห้วง  อารมณ์  ที่ตรมลึก

จะมองหา  คาคบ  ที่หลบพัก 
ก็ไร้หลัก  อุ้มชู  หม่นรู้สึก
หมู่เมฆพริ้ว  ปลิวผ่าน  พาลทักทึก
หวนสะอึก  สะอื้นเห็น  เป็นรวงรัง

จะพบเจอ  เผลอใจ  ให้ใครอีก
เฝ้าหลบหลีก  เผลอใจ  ไปใฝ่หวัง
พายุฝน  ครืนคร่ำ  กระหน่ำดัง
กระทบทั่ง  ปีก ลู่  ลงสู่ดิน


				
26 กรกฎาคม 2553 22:07 น.

.......รอ.......

cicada


 แซมกับริมน้ำ นี่เป็นของคู่กันเลยนะคะ....
ชอบบ้านที่อยู่ริมคลอง...
ตอนนี้ก็อยู่ใกล้ๆ ทะเล....ตึกที่ทำงานของแซมมองเห็นชายหาด...
หลังเลิกงาน .........
แวะไปนั่งดู Sun set  ที่โรแมนติคได้บ่อยๆค่ะ ..
แค่...ต้องนั่งคนเดียว...

ริมชายหาด  คลื่นสาดพ้อ  ลมทอฝัน
ใต้แสงจันทร์  หม่นหมอง  ของคืนใหม่
ประกายดาว  แวบหวิว  เพียงริ้วไร
กล่อมดวงใจ  อ้างว้าง  ยามห่างกัน

คลื่นสาดซ่า  ถาทบ  ซบกระซิบ
เป็นแนวลิบ  กอดเกี่ยว  ดั่งเกลียวสวรรค์
แผ่อ้อมกอด  พรอดพร่ำ  คล้ายรำพัน
ทบท่วงสัน  ทรายพริ้ว  เป็นทิวเทิน

แว่วลำนำ  คำหวาน  ยังซ่านซาบ
ชโลมอาบ  กล่อมดวงมาน  ผ่านเขาเขิน
โอ้ใจหนอ  ยังห่วงหา  รักอย่าเมิน
อกสะเทิ้น  สะทกหวั่น  รอสัญญา

ริมชายหาด  คลื่นสาดซบ  กระทบทาบ
แผ่ซึมซาบ  ทิ้งรอย  ละห้อยหา
หัวใจครวญ  หวนคลั่ง  หลั่งน้ำตา
คนปลายฟ้า  จะรู้ไหม  ใครยังคอย
   				
26 กรกฎาคม 2553 13:57 น.

..........ความหลัง........

cicada

ชีวิตเด็กบ้านนอก อยู่ในสวน แซมไม่เคยลืม  มันยังฝังอยู่ในใจแซมเสมอมา..ไม่ว่าจะตอนตื่นเช้าๆ แล้วได้ยินเสียงนกร้องกันเซ็งแซ่..เสียงนกดุเหว่าที่ร้องเรียกคู่(คงงั้นมั๊ง) ดังลั่นไปทั่วคุ้ง เสียงนกกวัก ที่ร้องถี่กระชั้น ดังกวั๊กๆๆๆๆๆๆ จนแซมโมโห เพราะยังง่วงอยู่  จำได้ถึงเสียงของนกฮูก ที่มันครางฮือๆๆๆตอนแซมลงไปที่ท่าน้ำ แล้วร้องไห้กลัวเพราะคิดว่าผีหลอก...

จำได้ถึงยายข้างบ้าน...คนแก่ๆ ตัวผอมๆที่ใจดี  ชอบนั่งอยู่ที่ศาลาหัวสะพานบ้านแก ถัดจากบ้านแซมไปสาม สี่หลัง...
ยายเป็นคนบ้าจี้ เวลาคนไปจี้แก แกจะพูดคำหยาบคายซ้ำๆกันออกมา อย่างหยุดไม่ได้ คนชอบไปแกล้งแก แล้วก็ขำแก  (เดี๋ยวนี้แซมทราบแล้วค่ะว่าไม่ดี และไม่แกล้งใครแบบนั้นอีกแล้ว) ยายชอบพูดกับคนทั้งคลองว่า ให้ดูแซม เด็กคนนี้จะเป็นคนที่ต่างไปจากเด็กอื่นๆ  แล้วบอกว่าแซมจะได้ดี  (ไม่ได้บอกว่า ได้อะไรดี..เป็นคำพูดที่หมายความว่า จะเป็นเด็กที่มีอนาคตดี..อะไรสักอย่างประมาณนั้น) ที่ยายชอบพูดแบบนั้น เพราะแซมชอบไปเก็บดอกบัว และเก็บยอดผักบุ้งตรงหน้าท่าบ้านแก... เวลาแซมเก็บผักบุ้ง  แซมจะเก็บมาหนึ่งยอด แล้วเอายอดนั้นเป็นมาตรฐาน  แซมจะวัดยอดผักบุ้งที่เก็บให้มันยาวเท่าๆ กัน แล้วเลือกเฉพาะที่มันตรงๆสวยๆ วางไว้ในเรือเป็นกำๆให้เป็นระเบียบ.....

ยายว่าหนุ่มบ้านสวนคงจะไม่มีวาสนาจะได้แซมไป...(แต่แซมว่า แซมเองต่างหากที่ไม่มีวาสนา จะได้หนุ่ม...บ้านสวน..บ้านนา..บ้านไร่....บ้านไทย..บ้านเทศ.....เพราะ...แซมคงมัวแต่จับหนุ่มวัดระดับ...แบบวัดผักบุ้ง....)
หลายปีแล้วที่แซมไม่ได้เห็นยาย  ล่าสุดทราบว่ายายไปอยู่บนฟ้าแล้ว..แซมกลับบ้านครั้งหลังสุด  ยังได้ไปเก็บดอกบัว  แต่ผักบุ้งไม่มีแล้วค่ะ....(สำหรับหนุ่ม....บ้านสวน  หรือบ้านไหนๆ.... สูง ต่ำ ดำ ขาว แซมก็ยังนั่งรออยู่..ที่ข้างเตาตาล...และ..ระดับเดียวที่จะคอยวัดคือ... ระดับใจค่ะ ..)

โห่.....ฮิ้ว........แล้วก็ร้องเพลง..... มาแต่ของเขา  ของเราไม่มา.... ตาละ... ลา..........

....อาทิตย์นี้เห็นบ้านกลอนเหงาๆ  แซมก็เหงาๆ ด้วยเหมือนกัน เลยมาชวนเพื่อนฟังอะไรสนุกๆ กันดีกว่า....ความเหงาเก็บไว้คนเดียว   แต่จะเอาความสนุกมาแบ่งปันนะคะ...


คิดถึงยายมี  ตอนที่แซมยังเด็ก
แกเป็นคนตัวเล็ก  ละแต่ก็ใจใหญ่
ส้มสูกลูกขนุน  ละที่ในสวน
แกมักจะชอบชวน  ให้คุณกินได้
อยู่บ้านทรงไทย  ดูพูมฐาน
ตัดผมทรงหัวบาน  แล้วทัดดอกไม้
ประแป้งแต่งทรง  ละก็ยกหนึบ
แต่ว่าแกชอบกรึ๊บ  ละก็ใหญ่ใหญ่
ตกเย็นแสงมัว  นั่งหัวสะพาน
ข้าง ข้างมีจาน  หอยคั่วใหม่ใหม่
ข้างข้างมีจาน  หอยพิม
ตัวมันจิ้มลิ้ม คั่วใหม่ใหม่
เอกเขนก ตาก-ลม  ไม่ห่มผ้า
เดี๋ยว เดี๋ยว ก็ยกสุรา ที่ในไห
กรึ๊บ กรึ๊บ  กริ่มกริ่ม แกยิ้มยั่ว
เห็นแซมมา เก็บดอกบัว ละก็ยิ่งยิ้มใหญ่
เอกเขนก ตาก-ลม ละก็ผมตั้ง
ลุกลุก นั่งนั่ง  ที่หัวกะได
ชีวิตยายมี ละก็ศรีสุข
แกมีตังค์หยอดกระปุก  ละก็มากกว่าใคร
ปากร้าย ใจดี ไม่มีพิษ
แต่ถ้าใครไปสะกิด ละแกจะตกใจ
ถ้าใครไปสะกิด  ให้ผิดท่า
ละก็จะโดนด่า เสียเสีย หายหาย
เด็กเด็กอย่างแซม ละชอบไปแกล้ง
แล้วก็จะถูกถองแรงแรง จนร้องไห้
ยังจำได้  ว่ายายละก็น่ารัก
ละแซมก็ยังจำได้  ว่ายายน่ารัก
แต่อย่าหวังไปนอนตัก....
ละเดี๋ยวจะถูกผลักตกกะได...

เอ่ชา..........   

 P.S.  ประกาศ....เดี๋ยวนี้แซมไม่ได้เที่ยวไปวัดผักหรือผลไม้ตอนจะเก็บมันกินหรอกนะคะ....หายแล้ว โรคนั้นน่ะ...           				
21 กรกฎาคม 2553 13:12 น.

..........หนาว........

cicada


จริงนะคะ.........จะโกรธดาว  ก็หนาวเหน็บ  จนเจ็บเกิน.....

 แสงจันทร์ส่อง  ทาทาบ  อาบแนวเขา
ริ้วรอยเศร้า  ยังทบท่วง  ในห้วงฝัน
รอยน้ำตา  เปื้อนแก้ม   ใต้แรมจันทร์
ใจหม่นฝัน  รันทดท้อ  รอเดียวดาย

โอ้จันทร์เอ๋ย  เคยไหม  จะไม่หมอง
แว่วทำนอง  ใบไม้พริ้ว  ปลิวหวั่นไหว
ธารไหลเย็น  กระเซ็นซ่าน  ผ่านแนวไพร
น้ำตาไหล  หลั่งล้น  สุดหม่นทรวง

ใต้แนวดาว  ใครหนาวสั่น  อย่างฉันไหม
แล้วมีใคร  ไหนจะอ้อน  มาวอนหวง
เหงาใจช้ำ  ค่ำคราว  ดาวพรายดวง
ใจรักหวง  ห่วงมั่น  สัมพันธ์เมิน

ใจยังหลง  อยู่ปลายฟ้า  มาไม่ถึง
หม่นคำนึง  หวนไห้  ใจห่างเหิน
จะโกรธดาว  ก็หนาวเหน็บ  จนเจ็บเกิน
ก้มหน้าเดิน  หาฝัน  ใต้จันทร์แรม


   				
17 กรกฎาคม 2553 07:58 น.

...........เมา........

cicada


แด่......... Mari-Juana


.............แซมเปล่านะ


ละลิ่วพริ้ว  ล้อลม  ที่พรมพร่าง
ระเริงย่าง  ระริกยั่ว  หมอกมัวไหว
กอชะอุ่ม  พุ่มวะหวิว  ปลิวกวัดไกว
ระเริงใจ  หม่นกลุ่ม  ยามสุมจาง

ขนัดนับ  จับขมวด  ประกวดประกบ
ลนใต้คบ  รอ-กรุ่น  หัวหมุนกร่าง
แฉกสลวย  ด้วยพริ้วแยก  ใบแฉกทาง
แผ่สล้าง  อย่างนางยั่ว  ให้มัวเมา

ใต้แสงดาว  หนาวสั่น  ควันหรี่หรุบ
ยินเสียงทุบ  โถมทวี  ที่ขุนเขา
ลมกรรโชก  โกรกหน้าผา  มาเบาเบา
ตาหรี่เร้า  ลมหวน  ชวนร่ายรำ

มารี เจ้า   เนานาม   คนถามเกลื่อน
อยู่ในเถื่อน  แดนดง  พงขนำ
กระซ่านกลิ่น  บินโบย  โรยลำนำ
ฮวนน่า ง้ำ    งอขด   ยามหมดแรง

แค่เชยชิด  สนิทชม  ดอมดมเจ้า
ใจก็เร้า  โลดถลา  ดั่งทาแสง
สั่นระทึก  ทวยระทน หม่นสิ้นแรง 
หมดกำแหง โรยสลบ  กระทบดิน....



.				
  cicada
ไม่มีข้อความส่งถึงcicada