ปาฏิหาริย์รักข้ามมิติ ตอนที่ 3

สุชาดา โมรา

ชาตินักรบโทรหาเธอเมื่อคืนนี้ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย แต่ไม่สะดวกคุยทางโทรศัพท์ วันนี้จึงเป็นการนัดเจอกันครั้งแรกในรอบหกเดือนหลังจากที่เลิกเป็นแฟนกัน
หลังจากที่เปลี่ยนสถานะจากคนรักกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ชาตินักรบโทรหาเธอน้อยลง ส่วนเธอเองก็โทรหาเขาน้อยลงเช่นกัน
มีเหตุผลสองประการเท่านั้น ที่เขาจะโทรหาเธอ นั่นคือ หนึ่ง วันนั้นเป็นวันเกิดของเธอ ชาตินักรบไม่เคยลืมวันเกิดของเธอเลยแม้แต่ปีเดียว นับตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน คบหาดูใจกันมาจนกระทั่งกลับกลายมาเพื่อนกันอีกครั้งหนึ่ง สอง เขามีเรื่องสำคัญจริง ๆ จะคุยด้วย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เขาอยากจะระบายให้ใครสักคนฟังมากกว่า และคนที่เขาเลือกที่จะระบายให้ฟังก็คือเธอ
ก็ริซ่าจบจิตวิทยามานี่... นั่นคือเหตุผลที่เขายกขึ้นมาเสมอ เมื่อโทรหาเธอ
ช่วงที่นั่งรอเขาอยู่ในร้านนั้น อาริซ่านึกย้อนไปถึงวันที่เขาและเธอพบกันครั้งแรก วันที่ราชพฤกษ์นัดเธอและเพื่อน คนอื่น ๆ มาทำรายงานส่งอาจารย์ที่ใต้ถุนตึกคณะ วันนั้นเขาพาเพื่อนผู้ชายมาด้วยคนหนึ่ง 
ทุกคน นี่เพื่อนเราชื่อชาตินักรบ เรียนอยู่สื่อสารมวลชน เขาจะมาช่วยเราคิดว่าจะนำเสนองานยังไงให้น่าสนใจ นั่นคือเหตุผลที่ราชพฤกษ์พาชาตินักรบมาร่วมวงสนทนากันได้ไม่นาน มีบางสิ่งที่ทำให้อาริซ่าสาวลูกครึ่งอังกฤษคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งวิธีคิดและวิธีการพูดของเขา
การได้พูดคุยกับเขาทำให้เธอรู้สึกดี และมีความสุขใจเป็นพิเศษแตกต่างกับคนอื่น ๆ ที่คบหาเป็นเพื่อนกันมาเกือบปีหนึ่ง จู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็บอกกับเธอว่าเธอเป็นคนที่เวลาเขาอยู่ใกล้ ๆ และพูดคุยด้วยแล้วรู้สึกดีเป็นพิเศษ
ริซ่าดีใจนะที่เราสองคนคิดตรงกัน.. วันนั้นเธอบอกเขาไปอย่างนั้น นับตั้งแต่นั้นมา เธอและเขาก็เริ่มคบหาเป็นแฟนกัน
หลังเรียนจบชาตินักรบก็ตัดสินใจมาทำงานที่กรุงเทพฯ ราชพฤกษ์เลือกจะทำงานเกี่ยวกับการดูแลเพาะพันธุ์ต้นไม้อยู่ที่เชียงราย ในขณะที่เธอตัดสินใจเรียนปริญญาโทต่อที่กรุงเทพฯ ทำให้เขาและเธอไม่ห่างเหินกันมากนักในช่วงแรก ส่วนเธอเลือกเรียนต่อจิตวิทยาด้วยเหตุผลที่เธอบอกชาตินักรบและราชพฤกษ์ว่า หลังจากที่รู้จักโครงสร้างและระบบการทำงานต่าง ๆ ของพืช สัตว์และคนมาพอสมควรแล้ว เธออยากเรียนรู้จิตใจและความคิดภายในของคนเพิ่มมากขึ้น
สองปีแรกที่ชาตินักรบทำงานและเธอเรียนอยู่ ทั้งสองมีโอกาสนัดพบเจอกันบ้างอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง ตามเวลาที่เขาและเธอว่าง แต่หลังจากที่เธอเรียนจบและเริ่มทำงานเป็นที่ปรึกษาทางจิตวิทยา ทั้งสองก็มีเวลาว่างตรงกันน้อยลง
เข้าสู่ปีที่สี่ที่อยู่ในกรุงเทพฯ หลังจากที่พยายามปรับตัวเข้าหากันอยู่นาน และต่างฝ่ายต่างเริ่มเรียกร้องเวลาระหว่างกันและกันมากขึ้น ในที่สุดชาตินักรบและเธอก็ตัดสินใจ กลับมาเป็นเพื่อนกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้พบคนใหม่ที่อาจจะมีเวลาให้เขาและเธอมากกว่าที่เขาและเธอมีให้แก่กัน 
แต่เกือบปีแล้วที่ทั้งคู่ ยังไม่เคยคิดที่จะมีคนใหม่...เธอยังรักชาตินักรบอยู่หรือเปล่านะ..ไม่รู้สิ อาริซ่าตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กับชาตินักรบ กับความทรงจำในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันแม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือน ไม่ได้ทำให้มันลดน้อยหายลงไปเลย 
อาริซ่ายอมรับกับตัวเองว่าเธอยังคงแอบดีใจอยู่ลึก ๆ ทุกครั้งที่เขาโทรหาเธอ แม้มันจะเป็นการโทรมาเพื่อระบายความอัดอั้นภายในใจก็ตาม
.
ชาตินักรบมาช้าเกือบครึ่งชั่วโมง เขาบอกขอโทษขอโพยเธอ ด้วยเหตุผลที่ว่าวันนี้ต้องไปทำข่าวไกลถึงย่านรังสิต ช่วงกลับเข้ามาในเมืองจึงต้องผจญกับรถติด เพราะเป็นเวลาเลิกงานของคนอื่น ๆ พอดี 
เขายังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย เรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเสมอ น่าแปลกที่ช่วงแรกเธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพราะอะไรงานถึงสำคัญกับเขาขนาดนั้น จนกระทั่งเธอเริ่มทำงานเอง ไม่น่าเชื่อว่านิสัยเรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเสมอของเขาจะติดมาอยู่กับตัวเธอด้วย 
อาริซ่ารอจังหวะให้เขาได้พักเหนื่อยและสั่งน้ำ สั่งอาหารเสร็จก่อน จึงเริ่มเอ่ยถาม
ชาติ มีอะไรเหรอ
เขาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง
ชาตินักรบเล่าให้อาริซ่าฟังถึงความรับผิดชอบใหม่ที่เขากำลังทำอยู่ เล่าให้เธอฟังถึงเรื่องประหลาดที่เขาเจอ และข้อสังเกตเกี่ยวผู้ชายคนนั้นของเขาให้เธอฟัง อาริซ่านั่งฟังอย่างตั้งใจ เรื่องที่เขาเล่าให้เธอฟัง ทำให้เธออดนึกถึงผู้ชายคนหนึ่งไม่ได้
ริซ่า มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่คนเราจะสามารถถ่ายโอนความเจ็บปวดจากคนหนึ่งมายังอีกคนหนึ่ง เขาตั้งคำถามทันทีหลังจากที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังเสร็จแล้ว
พนักงานยกอาหารที่อาริซ่าสั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ทำให้จังหวะในการสนทนาหยุดลงไปชั่วขณะ อาริซ่าใช้ช่วงเวลาขณะนั้นประมวลความคิดของเธอก่อนที่จะเอ่ยถามเขากลับมา
ชาติคะ ชาติจำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ที่เคยช่วยพวกเราทำพรีเซ็นเตชั่น สมัยที่เรียนชีวะกันได้หรือเปล่า 
พอจะจำได้ลาง ๆ มั้ง ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเซลล์กับส่วนประกอบของเซลล์ใช่หรือเปล่า แต่เดี๋ยว ๆ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของเรายังไง
อาริซ่ายิ้มก่อนที่เอ่ยตอบออกมา ชาติจำเรื่องของอะตอมได้หรือเปล่าว่าถ้าเราแบ่ง ธาตุหรือสารประกอบของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ให้เป็นส่วนเล็ก ๆ ให้เล็กลงไปมาก ๆ เราจะได้หน่วยเล็ก ๆ ที่เกือบเล็กที่สุดที่เขาเรียกกันว่า อะตอม  ในอะตอมแต่ละอะตอมถ้าแบ่งให้เป็นส่วนย่อยลงไปอีก จะประกอบด้วยอนุภาคต่าง ๆ อีกสามอย่างคือ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งทำหน้างง ริซ่ากำลังจะเข้าเรื่องจริงๆ แล้วล่ะ ก็เพราะสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ คือผลรวมของเซลล์ต่าง ๆ ที่เกาะกลุ่มรวมตัวกัน และเซลล์แต่ละเซลล์ก็มีอนุภาคต่าง ๆ สามอนุภาคเป็นส่วนประกอบนี่เอง เมื่อมารวมตัวกันจึงมีปฏิกิริยาเคมีหรือมีการถ่ายโอนประจุระหว่างกันเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่ชาติพูดถึงก็ถือว่าเป็นผลพวงมาจากปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน อย่างกรณีความเจ็บปวดในร่างกายของคน จะมีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกที่จะแปลงการกระตุ้นจากสิ่งเร้าต่าง ๆ ให้เป็นปฏิกิริยาเคมี ถ่ายโอนประจุจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง ผ่านตัวรับและตัวส่งผ่านต่าง ๆ 
อาริซ่าหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาวาดรูปให้ชาตินักรบดู ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เธอกำลังพูดให้เขาฟัง 
และในส่วนของสิ่งมีชีวิตที่เป็นพืช ก็มีปฏิกิริยาเคมีดังกล่าวเกิดขึ้นเช่นกัน
ริซ่า กำลังจะพยายามบอกเราว่า... ชาตินักรบพยายามครุ่นคิดตามในสิ่งที่อาริซ่าพูดให้ฟัง
ริซ่าพยายามจะอธิบายไปถึงเรื่อง ความเจ็บปวดที่ถ่ายโอนไปให้กับต้นไม้ด้วยนะ สมมตินะชาติ ถ้าเราสมมติให้โลก หรือจักรวาลเป็นหน่วยในการวิเคราะห์ เมื่อเทียบกับกรณีข้างต้นสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ทั้งที่เป็นคน เป็นสัตว์ หรือเป็นพืช ก็เปรียบเหมือนเป็นเซลล์ เซลล์หนึ่งของโลก และถ้าสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มีสถานะเป็นเซลล์ เซลล์หนึ่งจึงมีความเป็นไปได้ที่ว่า มันจะเกิดมีปฏิกิริยาเคมีหรือการถ่ายโอนแลกเปลี่ยนประจุระหว่างกัน และถ้าจะให้พูดถึงผู้ชายคนนั้นหรือนาย ก.ที่ชาติเล่าให้ฟังนั้น ถ้าสมมติฐานนี้เป็นจริง เราก็พอจะระบุความสามารถหรือบทบาทของเขาในปฏิกิริยานี้ได้ชัดเจนมากขึ้น....
อาริซ่าหยุดคำพูดไว้ช่วงขณะหนึ่ง เหมือนลังเลที่จะตอบออกมา ชาตินักรบสบตาเธอเพื่อเร่งเร้าขอให้เธอยืนยันคำตอบว่าตรงกับที่เขาคิดไว้หรือไม่
...เราคิดว่า เขาอาจจะมีบทบาทเป็นตัวเชื่อมระหว่างเซลล์ต่าง ๆ ของโลก...

อาริซ่าเริ่มให้สมมติฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ชายคนนั้นให้เขาฟังมากขึ้น เธอคิดว่าการที่เขาเดินเข้าไปทำท่าเหมือนสำรวจตรวจค้นอะไรบางอย่างจากผู้เคราะห์ร้ายในขณะที่เกิดเหตุนั้น เขาอาจจะกำลังหาจุดเชื่อมต่อระหว่างเขากับคนเจ็บคนนั้นเพื่อให้มีการถ่ายโอนความเจ็บปวดนั้น ในกรณีดังกล่าวการที่จะถ่ายโอนความเจ็บปวดจากจุดต่าง ๆ มาไว้ที่เขาเพียงจุดเดียวได้นั้น หมายความว่าเขาจะต้องมีความสามารถในการเหนี่ยวนำหรือดูดความรู้สึกเข้ามาเก็บไว้ในตัวเขาด้วย และจากพฤติกรรมช่วงหลังที่สวนสาธารณะนั้นสะท้อนให้เห็นว่าตัวเขาเองก็มีศักยภาพที่จำกัดในการรองรับความเจ็บปวดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เขาจึงจำเป็นต้องสะท้อนหรือคายความเจ็บปวดนั้นออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก ซึ่งสิ่งที่เขาเลือกก็คือต้นไม้ในสวนสาธารณะ และท้ายที่สุดเมื่อต้นไม้รองรับความเจ็บปวดนั้นไม่ไหว ต้นไม้จึงสะท้อนความรู้สึกนั้นออกมาให้กับอากาศโดยรอบ 
สิ่งมีชีวิตทุกชนิด จะพยายามรักษาสมดุลให้กับตัวเองเสมอ อาริซ่าบอกกับเขาในตอนท้าย
ชาตินักรบนิ่งไป แม้จะได้รายละเอียดและความเป็นไปได้เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นมากขึ้น แต่เขาก็ยังจนความคิดอยู่ว่า สุดท้ายแล้วเขาจะเริ่มเสาะหาผู้ชายคนนั้นจากที่ไหนก่อน 
อาริซ่าสังเกตอาการนี้ได้ ในระหว่างที่ทานอาหาร เธอจึงเริ่มเป็นฝ่ายเอ่ยถามเขาก่อนบ้าง
ชาติ มีคำถามอะไรอยู่ในใจอีกเหรอ ดูเหมือนชาติยังกังวลอะไรบางอย่างอยู่นะ
สุดท้ายแล้วเราก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มหาผู้ชายคนนั้นจากที่ไหนก่อนอยู่ดี 
อาริซ่ายิ้ม เมื่อรับรู้ถึงข้อกังวลของเขา
ริซ่าไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้วชาติจำเป็นต้องค้นหาผู้ชายคนนั้นให้เจอหรือเปล่านะ แต่ถ้าชาติอยากจะหาผู้ชายคนนั้นให้เจอจริง ๆ ชาติลองไปเริ่มที่นี่ดูก็แล้วกัน เธอพูดพร้อมหยิบกระดาษขนาดเท่านามบัตรส่งมาให้เขา เมื่อรับมาแล้วจึงรู้ว่าสิ่งที่อาริซ่าส่งให้เป็นนามบัตรจริง ๆ ในนั้นมีข้อความระบุว่า
ร.ต.อ.สิทธิกร ต้นการเกด ( ผู้อำนวยการ )
สมาคมส่งเสริมศักยภาพจิตเพื่อชีวิตเป็นสุข
แขวง ลาดกระบัง เขต ลาดกระบัง 
กรุงเทพมหานคร
โทร.02-XXX-XXXX มือถือ 09-XXX-XXXX
เขาเป็นตำรวจนี่ แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ ไม่เห็นจะเข้าท่าเลย
แหมถึงเขาจะเป็นตำรวจแต่เขาก็เชี่ยวชาญด้านนี้เป็นกรณีพิเศษนะ เพราะเขาเองก็ศึกษาด้านนี้มาโดยตรงและทางกรมตำรวจและศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศก็ให้การยอมรับนับถือเขามากนะอีกอย่าง คดีสืบสวนสอบสวนบางอย่างที่แปลก ๆ ผู้กองคนนี้ก็มักจะทำได้เสมอ โดยเฉพาะเรื่องที่เกินหรือนอกเหนือจากธรรมชาติ แต่เขากลับสรุปคดีได้ดีมากเลยละจริง ๆ นะชาติ ขอร้องละอย่าทำหน้างง ๆ แบบนั้นสิ ถ้าชาติได้เจอคน ๆ นี้แล้วชาติจะต้องรู้ว่าสิ่งที่ชาติคิดและสิ่งที่ชาติกำลังค้นหามันอยู่แค่เอื้อมเท่านั้นเอง
มื้อนี้ชาติเลี้ยงริซ่าแล้วกันนะ แล้วถ้าได้เรื่องอะไรขึ้นมาถือว่าคราวหน้าชาติติดข้าวริซ่าอีกหนึ่งมื้อก็แล้วกัน ชาตินักรบเอ่ยริซ่ายิ้มอีกครั้งหนึ่งหลังพูดจบ
ทั้งสองคนนั่งทานอาหารอยู่ครู่หนึ่งชาตินักรบก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับมีใครกำลังจ้องมองและร่วมทานอาหารด้วย เหมือนมีบุคคลที่สามนั่งขัดจังหวะและคอยแอบฟังในสิ่งที่ตัวเองพูดคุยอยู่ตลอดเวลาเขาจึงลุกขึ้นและเดินไปจับเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ตะแคงข้างทันที
ชาติจะทำอะไรคะ อาริซ่าถามอย่างงง ๆ
ผมรู้สึกเหมือนมีบุคคลที่สามที่เราไม่อยากจะให้ร่วมวงสนทนาด้วย
คุณคิดมากไปหรือเปล่าคะกลับมาทานอาหารเถอะค่ะ
ร่างของแคนดี้กระแทกลงไปกองกับพื้นทันที หล่อนรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก ไหนจะโดนชาตินักรบเหยียบมือเข้าไปเต็ม ๆ อีก
วันนี้ซวยอะไรนะเนี่ยกำลังนั่งอยู่เพลิน ๆ เลย อุตส่าห์หยิบอาหารมาทานได้แล้วนะเนี่ย อีตาบ้านี่ก็ระแวงอะไรนักหนานะ จู่ ๆ ก็เทเก้าอี้ทิ้งทำให้เราต้องหล่นลงมากองกับพื้นเลยเจ็บนะอีตาบ้า แคนดี้ตะโกนสุดเสียงแต่ไม่มีใครได้ยินเลย มีเพียงชาตินักรบเท่านั้นที่หันมาและคล้ายกับว่ากำลังจ้องหาเสียงคนที่พูดคนนั้นอยู่				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน