บทที่ ๑๘
เจ้าหญิงเฌอมาลย์เทพอัปสร
ยิ่งประดับไว้อย่างสวยงามกว่ายิ่งนัก มีฉัตรแก้วจับขอบด้วยทองคำ
ห้อยไว้ด้วยพู่ระย้าพลิ้วไสวตลอดเวลา สะท้อนแสงหลากสีสันไปมา
มีเหล่าทโมนไพรที่มีรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรกำลังถวายงานพัด
โบกอยู่ทั้งสองข้างใกล้ บนแท่นประทับยกสูงนั่งไว้ด้วยจอมทโมนไพร
รูปกายสูงใหญ่มีขนเป็นประกายสีทองเหลืองอร่ามดูเด่นสง่างามน่าเกรงขาม
ทโมนยักษ์ทั้งสองก็รีบน้อมกายตรงเข้าไปทูลถวายรายงานทันที
หลังจากรับฟังการรายงานของทโมนไพรยักษ์ ก็หันหน้ามามององค์ยุพราช
ท่านท้าววานิระหะหรือนัยหนึ่งทโมนไพรขนสีทองทรงลุกขึ้นจาก
พระราชอาสน์ที่ประทับก้าวตรงเข้าต้อนรับองค์พระยุพราชสิงหะฤทธาทันที
เมื่อเป็นดังฉะนี้องค์พระยุพราชก็ทรงน้อมพระวรกายถวายบังคมแด่
ท่านท้าววานิระหะ พลางเจ้าชายสิงหะฤทธาได้ทรงตรัสขึ้นว่า
“ถวายพระพรทรงพระเจริญพระเจ้าข้า” องค์ชายน้อมถวายความเคารพ
“กระหม่อมมาครั้งนี้มิได้หมายที่จะมาสร้างความเดือดเนื้อร้อนพระหฤทัย
ให้เป็นที่ระคายเคืองแก่พระองค์ก็หาไม่ เพียงเพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว
โดยกระหม่อมมิทราบมาก่อนเลยว่าสถานที่แห่งนี้จะตกอยู่ใน
พระราชอำนาจของพระองค์เนื่องจากเห็นเป็นป่าเขาลำเนาไพร
ให้เหมาะแก่การจัดวางกำลังรี้พล หากมิฉะนั้นก็จะเข้ามาเพื่อ
ทูลขอพระบรมราชานุญาติแด่พระองค์ก่อนจะทำการในครั้งนี้ พระเจ้าข้า”
ทรงทูลน้อมกายถวายให้ทราบ
ครั้นจอมวานรได้รับฟังและเห็นความองอาจสง่างดงาม ดั่งชายชาติอาชาไนย
ตลอดจนอากัปกิริยามารยาทนุ่มนวลขององค์พระยุพราชแห่งสิงหะนครเช่นนี้
ก็ให้บังเกิดความพอใจในพระราชหฤทัยพระองค์ แด่เจ้าชายพระองค์นี้ยิ่งนัก
ครั้นแล้วพระองค์ก็ทรงชำเลืองหันไปตรวจสอบเจ้าชายก็เห็นเพียง
แต่ทรงนำเหล่าทหารมาเพียงเล็กน้อยนับได้เพียงแค่แปดนายเท่านั้น
พระองค์ก็ยิ่งทรงพึงพอพระราชหฤทัยยิ่งๆขึ้น แสดงถึงจิตใจห้าวหาญ
ดังนั้น องค์เจ้าเหนือหัวแห่งทโมนไพรก็ทรงยิ้มแย้มแล้ว
พระองค์ได้ทรงตรัสแก่เจ้าชายสิงหะฤทธาขึ้นว่า
“เมื่อก่อนที่จะมาเราก็ทราบกาลครั้งนี้แล้วจากการพยากรณ์ดวงดาว
พอจะทราบแล้วว่าอีกไม่กี่เพลานี้ จะมีหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์เสด็จมา
ถึงยังที่แห่งนี้ และให้เหล่าทหารคอยเฝ้าดูตรวจสอบว่าจะจริงประการใด
หากพบแล้วให้รีบกลับมารายงาน คงจะเป็นเพราะเข้าใจผิดกันและกัน
จึงสร้างความยุ่งยากเกิดขึ้นจนได้” องค์ท้าวานิระหะทรงตรัสกังวาน
“ในเมื่อเป็นเหตุการณ์ขึ้นดังนี้เราเองก็เสียใจและต้องขออภัยด้วยนะ
หากแต่ท่านมายังสถานที่แห่งนี้ด้วยเหตุอันใดฤารึ”
“การครั้งนี้เนื่องด้วยเสด็จพ่อสิงหะราชแห่งสิงหะนครของหม่อมฉัน
ให้กระหม่อมมาหยั่งเชิงทัพของฝ่ายท่านท้าวนิลกาฬแห่งกาฬคีรีเพื่อเข้ามา
จะทำศึกกับนาครินทนาครแย่งชิงน้ำอมฤต พระจ้าข้า” ทรงทูลตอบ
“หากการนี้องค์ชายมิได้มีพระประสงค์ต่อน้ำอมฤตศักดิ์ที่อยู่ในการดูแล
ของนาครินทนาครแล้วไซร้ เราก็จะขอต้อนรับท่านทั้งหลายด้วยความยินดี
หากมาดแม้นผิดกว่านี้แล้ว เห็นทีเราจะต้องเข้าต่อสู้กันถึงแม้หากจะต้อง
ตกตายไปจนหมดสิ้นก็ตามที เพราะด้วยเป็นพระบัญชาจากสรวงสวรรค์
ให้เราและเหล่าทหารคอยเฝ้าปกป้องรักษาไว้ด้วยนะท่าน”ท้าวเธอทรงตรัส
“หามิได้พระเจ้าข้า เมื่อก่อนนี้เสด็จพ่อก็คิดมุ่งหมายแก่น้ำอมฤตศักดิ์สิทธิ์นี้
เหมือนกันแต่ต่อมา พระองค์ทรงใคร่ครวญแล้วเห็นว่าไม่สมควรยิ่งนัก
อีกขัดต่อบัญชาสวรรค์ หากท้าวนิลกาฬได้ไปก็จะเป็นที่เดือดร้อนกันไปทั่ว
จึงมอบหมายให้ข้าพระพุทธเจ้ามาเอง คอยสอดส่องดูแลช่วยเหลือลับๆและ
ร่วมประสานงานกับองค์พระยุพราชแห่งทันทะกะนครในการสู้รบอีกทางหนึ่ง
ซึ่งองค์ยุพราชได้ยกพหลพลไกรเดินทางล่วงหน้ามาแล้วยังทิศใต้ของนครนี้
เพื่อเข้าร่วมปรึกษางานหาทางยับยั้งทางฝ่ายท่านท้าวนิลกาฬที่ทรงมักใหญ่ใฝ่สูง
เสาะค้นหาวิธีการเพื่อชะลอการกำเริบสืบสานต่อไปภายหน้ากับพระยุพราช
ทันทะกะนครช่วยเหลือกันและกันพระเจ้าข้า” องค์พระยุพราชทรงกล่าว
“ถ้าเป็นดั่งที่ท่านกล่าวมานี้ เราก็ให้รู้สึกสบายใจยิ่ง ฉะนั้นเราขอเชิญ
ท่านยุพราชเข้าพักในสถานที่นี้และภายในเมืองเราก่อนเพื่อจะรวมปรึกษาหารือ
เราจะจัดการถวายต้อนรับและจะมอบกำลังพลของเราเข้าร่วมทำการครั้งนี้
แก่ท่านด้วยเป็นพิเศษ อย่าขัดใจเราเลยนะท่าน” พระองค์ทรงกล่าวขึ้น
“นับว่าทรงเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งด้วยแล้วพระเจ้าข้า ”
องค์พระยุพราชแห่งสิงหะนครรีบก้มพระวรกายถวายน้อมรับพระบัญชาทันที
“นี่แนะท่านมุขอำมาตย์ท่านจงเตรียมต้อนรับพระยุพราชด้วยเสมอองค์กษัตริย์
ตลอดจนส่งเครื่องบริโภคไปยังเหล่าทหารที่พักยังยอดเขานิละวานรคีรีมาศ
แล้วเชิญพระราชธิดาออกมาต้อนรับองค์พระยุพราชแห่งสิงหะนครด้วย
ทุกๆอย่างอย่าให้ขาดตกบกพร่องแต่ประการใด แล้วแจ้งให้เหล่าประชา
ทุกๆท่านทั้งพระนครคืนสู่สภาพดั่งเดิมได้แล้วด้วยนะ”
องค์ท้าววานิระหะทรงหันมาตรัสแก่เหล่าทหารและบรรดามุขอำมาตย์ฝ่าย
ปกครองของพระองค์
“รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ” เหล่าบรรดาขุนทหารและมุขอำมาตย์ทั้งปวง
ต่างพากันน้อมกายถวายรับคำพระบัญชาเจ้าเหนือหัวโดยพร้อมเพรียงกัน
ส่วน องค์พระยุพราชสิงหะฤทธาให้ทรงสงสัยยิ่งนัก พระราชธิดา
ของท่านท้าวเธอนั้นจะทรงรูปลักษณ์ฉันท์ใด เพียงแต่ทรงดำริในพระราชหฤทัย
พลางหันมาสั่งยังองครักษ์
“ท่านสุระกำพล ขอให้ท่านรีบกลับไปแจ้งยังท่านแม่ทัพด้วยว่าให้เตรียมจัด
กำลังรี้พลเข้าพักยังสถานที่นี้ได้ แล้ว และรีบจัดสร้างพลับพลาให้แก่เราด้วย
หากเสร็จสิ้นกิจธุระทางนี้เราก็จะรีบเดินทางกลับ”
“รับด้วยเกล้าพระเจ้าข้า” สุระกำพลองครักษ์รับพระบัญชา
แล้วน้อมกายถวายบังคมต่อองค์ท่านท้าววานิระหะและองค์พระยุพราช
ถดถอยออกมานอกท้องพระโรงแล้วเหาะกลับไปยังกองทัพทันที
บัดดลสภาพแปรเปลี่ยนก็บังเกิดขึ้นภายในท้องพระโรงทันที
องค์เจ้าเหนือหัวแห่งนครนี้ตลอดจนเหล่ามุขอำมาตย์ข้าราชบริพาร
และเหล่าขุนทหารทั้งหลาย ร่างกายก็พลันกลับกลายเป็นบุรุษรูปงาม
ประทับเหนือยังแท่นพระราชอาสน์ เหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายต่าง
ล้วนที่มีร่างกายองอาจสง่างามยิ่งนัก เป็นที่ตกตลึงแก่องค์พระยุพราช
และเหล่าทหารองครักษ์ทั้งแปดนายในการแปรเปลี่ยนเช่นนี้
ยิ่งบรรดา ภายในปราสาทห้องพระโรงที่ใช้ในการต้อนรับแก่องค์พระยุพราช
ก็ประกอบไปด้วยสิ่งบันเทิงใจมากมายทั้งหลาย
ภายในมีกลิ่นหอมหวนยิ่งนัก อีกทั้งเหล่าบรรดานางอิสตรีที่สวยสด
งดงามแต่ละนางอรชรอ้อนแอ้นรูปทรงตระการตา และตลอดจนเครื่อง
อุปโภคบริโภคถูกจัดวางไว้สวยงามปานประหนึ่งสรวงสวรรค์ คลอเคล้า
ไปด้วยเสียงร้องบรรเลงและมโหรีที่คอยต้อนรับเสด็จ
นางรำที่คอยฟ้อนรำถวายหาได้มีรูปร่างอย่างทโมนไพรก็หาไม่
กลับมีเรือนร่างสวยงามปานประหนึ่งดังเทพอัปสรก็มิปาน ส่วนที่ที่กำลัง
ร่ายรำอยู่เป็นที่เจริญหูเจริญใจแก่องค์พระยุพราชและเหล่าองครักษ์
ถึงกับต้องเบิ่งตาค้างไปตามๆกัน ทำให้องค์พระยุพราชที่ฉงนสงสัยอยู่
เก่าก่อนก็ถึงกับแปรเปลี่ยนพระดำริภายในพระหฤทัยนี้ทันที
พระองค์ถึงกับทรงรำพึงว่า คงจะเหมือนสภาพกับนครของเราเป็นแม่นมั่น
หรือว่าพระมเหสีขององค์ท้าววานิระหะ จะทรงเป็นมนุษย์หรือเทพ
เป็นแน่แท้ทรงฉงนพระทัย ก็เป็นจริงดั่งที่ทรงปรารมภ์ในพระหฤทัย
เมื่อองค์พระธิดาทรงเสด็จเข้ามาสู่สถานต้อนรับ ยิ่งสร้างความตื่นตลึง
แก่พระองค์และเหล่าทหารองครักษ์ไปกว่าเดิม ด้วยพระวรกายของ
พระราชธิดาสวยสง่างดงามแพรวพราวไปด้วยรัศมีที่แผ่กระจายไปทั่ว
ปานประหนึ่งเทพไท้บนสรวงก็มิปาน ท่านท้าวเธอตรัสกับองค์ยุพราชว่า
“ท่านยุพราชทำตัวตามสบายเถิดนะ นี่คือราชธิดาองค์เดียวของเรา”
พระองค์ทรงตรัส แล้วผายพระหัตถ์มาทางราชธิดาของพระองค์
“นี่คือลูกหญิงเฌอมาลย์”แล้วทรงหันกล่าวกับพระราชธิดา
“ท่านนี้คือองค์ยุพราชสิงหะฤทธาแห่งสิงหะนครที่ทรงมาเป็นแขก
บ้านเมืองเรา”
พระองค์ทรงตรัสด้วยแย้มยิ้มผ่องใส
“อ้อๆ...ท่านคงสงสัยในรูปลักษณ์ของเรากระมังดังที่เห็นฉะนี้
เราขอบอกแก่ท่านว่าอันที่จริงเราเป็นเทพบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ของจอมเทพสวรรค์นี้ เมื่อเราได้รับพระบัญชาจากพระองค์ให้ลงมา
ปกป้องอาณาเขตแห่งเทือกเขานี้ เป็นด่านคุ้มครองปกป้องอาณาเขตไว้
จึงได้แปลงร่างกายเราและเหล่าเทพยาดาที่ติดตามเราลงมาจากฟากฟ้าต้อง
กลายร่างเป็นทโมนไพรเพื่อมิให้เป็นที่สงสัยแก่คนทั่วไปทั้งหลายนะ”
พระองค์แถลงแก้ความสงสัย ให้องค์พระยุพราชทราบความเป็นไปมา
“เราเองนี้มีชื่อบนสวรรค์นี้ว่า “วชิระวรุณเทพบุตร พระมเหสีเรา
ทรงพระนามว่าสุมาลีเทพอัปสร และลูกเรานี้ทรงพระนามว่า
“เฌอมาลย์เทพอัปสร” ส่วนบรรดาไพร่พลของเราล้วนเป็นเทพบุตร
และเทพธิดาทั้งสิ้น ที่ต่างมีรูปร่างเป็นทโมนไพรอันน่าเกลียดน่ากลัวนั้น
เพื่อกำบังรูปลักษณ์มิให้เป็นที่สงสัยแก่คนอื่น ได้มาเนรมิตพักอาศัยอยู่ที่นี่
ตลอดจนมหาปราสาทและสิ่งสร้างทั้งหลายเพื่ออำพรางตาไว้เท่านั้นเอง”
องค์ท้าวเธอทรงตรังดังนี้เนื่องจากทรงพึงพอพระราชหฤทัยในองค์ยุพราช
องค์นี้ยิ่งนักที่ทรงมีพระวรกายสง่างามสมดั่งชายชาติทหารกล้า ซ้ำยังมีกิริยา
ที่อ่อนละมุนวาจาอ่อนหวาน แต่ดวงพระเนตรคมกล้ายิ่งนักปานประหนึ่ง
สายฟ้าดุจดั่งซุกซ่อนความเก่งกาจมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดแลเห็นได้ทั้งความกล้าหาญ
ภาพประกอบด้านล่างเป็นของคุณ เฌอมาลย์ ขอรับ...แก้วประเสริฐ.
21 พฤศจิกายน 2549 19:56 น. - comment id 93600

22 พฤศจิกายน 2549 07:10 น. - comment id 93826
ทะโมนไพรจายิ้มกับยายแม่มดมั้ยน้า.. แต่ที่แน่ๆ...องค์หญิงเฌอมาลย์..... แย้มยิ้มน่าหยอกจังค่ะ........ ..............................................

22 พฤศจิกายน 2549 08:35 น. - comment id 93828
เจ้าหญิงวานร สมแล้วที่เป็นเฌอมาลย์ อิอิ ซนเป็นลิง

22 พฤศจิกายน 2549 09:00 น. - comment id 93829
คุณชาย...กานต์จ๋าของยายแม่มด เข้าใจคลาดเคลื่อน แก้ผ้า....อุ้ย.... ผิดผิด แก้ข่าวด้วน...ผิดอีกและ อิอิ...ข่าวด่วนเจ้าค่ะ

22 พฤศจิกายน 2549 09:33 น. - comment id 93831
คุณ เฌอมาลย์ ขอบคุณที่นำภาพมาให้เสมอๆผมก็เก็บไว้หมด ครับ เจ้าหญิงเฌอมาลย์สวยนะครับเป็นถึง นางฟ้าบนสวรรค์นะ แต่ที่แปลงร่างเพราะจำเป็น ความสวยหรือก็ทัดเทียมพระแม่เจ้าบนชั้นดาวดึงส์ คือ พระแม่เจ้าสุจิตรา สุธรรมา สุชาดาและสุนันทา ขององค์อัมรินทราธิราชเจ้าแน๊ะ จะว่าเป็นลิงไงอิอิ แต่มีคนสนับสนุนผมแล้วนา ว่า ซนเป็นลิง สมกับฉายาที่ผมตั้งให้แน๊ะ ทั้งๆทีผมยังไม่เคยพบ เห็นสักนิดเดียวนับว่าจินตนาการผมพอจะ ใช้ได้แล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ
แก้วประเสริฐ.

22 พฤศจิกายน 2549 09:38 น. - comment id 93832
คุณ เฌอมาลย์ ที่ให้น้องเฌอเป็นวานรนั้น เป็นไปตาม จินตนาการที่ผมสร้างขึ้นมาหากเป็นเทพอัปสร กลัวว่าจะถูกคนปล้ำเสียล่ะผมยิ่งหวงด้วยนาครับ ยิ่งสวยๆเสียด้วย เพราะอย่างอหิงสากะ นิลกาฬ เจ้าชู้ยิ่งกว่ายักษ์ เสียอีก คิดดูซิครับ คุณนั้นเหมือนกับน้อยหน่า หรือทุเรียนแหละ ข้างนอกนั้นน่ากลัวแต่ข้างใน หอมหวานเน้อ ใช่ไหมครับ
แก้วประเสริฐ.

22 พฤศจิกายน 2549 09:44 น. - comment id 93833
คุณ ยายแม่มดเจ้าเสน่ห์ อันที่จริงน๊าผมให้สวยทั้งสามคนแหละ แต่สวยกันคนละแบบกันความงามทัดเทียมกัน มีหรือผมจะกล้าทำให้ไม่สวยได้ ยิ่งรักยิ่งหวง นานๆทีจะได้ประโคมกับเขาสักทีครับ อ่านไปแล้ว จะเห็นว่าอากัปกิริยาคนละแบบเลยล่ะ เอ้แปลกใจ เหมือนกันทั้งๆที่ไม่เคยพบปะกันเลย แต่ทำไมผม กับวาดภาพได้ใกล้เคียงเหลือเกิน หรือว่าเซ้นท์ ก็ไม่รู้แฮะ อิอิ
แก้วประเสริฐ.

22 พฤศจิกายน 2549 09:53 น. - comment id 93834
คุณ เพียงพลิ้ว หรือครับไม่บอกผมไม่รู้จริงๆนะครับว่าเป็น อย่างที่คุณว่ามาเลย เพราะตั้งแต่คบกันมายังไม่ เคยพบปะสังสรรค์กันเลยล่ะครับ แต่ว่าสวยๆกัน ทั้งน๊านแหละครับ
แก้วประเสริฐ.

22 พฤศจิกายน 2549 09:56 น. - comment id 93835
คุณ ยายแม่มดน้อย จริงหรือปล่าวเน้อๆ ข่าวด่วนอะไรไม่เห็น บอกผมมาเลยครับ บอกหน่อยอยากรู้จังเลยล่ะ
แก้วประเสริฐ.

22 พฤศจิกายน 2549 13:26 น. - comment id 93841
คุณ เฌอมาลย์ นั่นซิผมเองก็ไม่รู้กำลังรอคำตอบอยู่นี่แหละ เห็นบอกเกี่ยวกับผ้านี่แหละ หากเป็นจริงจะเก็บไป ดูสักหน่อยนะ แล้วมาบอกว่าข่าวด่วนๆ กำลังรออยู่ นะ ลองติดต่อยายแม่มดเจ้าเสน่ห์ดูหน่อยแล้วบอก ผมด้วยนะครับ
แก้วประเสริฐ.

22 พฤศจิกายน 2549 19:32 น. - comment id 93849
หว้า เข้ามาอ่านแล้วกลัวโดนเป็นแม่มดใจร้ายในนิยายจังเลย ไปดีกว่า

23 พฤศจิกายน 2549 10:14 น. - comment id 93880
คุณ แม่มดใจร้าย ไม่หรอกครับคนใจดีๆผมจะใจร้ายได้ยังไงครับ ขอบคุณครับ
แก้วประเสริฐ.
