27 มิถุนายน 2546 23:20 น.

คือ...

windsaint

คือ...

คือบางครั้งยังห่วงและหวงอยู่
ถึงแอบดูแอบรักอยู่ห่างห่าง
คือดวงใจของคนที่ริมทาง
เพียงอยู่ข้างข้างกายไม่หายไป

คือบางคราวนั่งใกล้ได้อยู่เคียง
บางครั้งเพียงสบตายังสดใส
ยืนมองเธอมองดูอยู่ไกลไกล
แต่ว่าไม่กล้าบอกว่ารักเธอ

คือบางทีใจฉันนั้นไม่กล้า
แต่กลัวว่าเป็นเพียงแค่ใจเผลอ
หรือกลัวว่าเธอไม่รักฉันจะเก้อ
จึงรักเธอเอาไว้แค่ในใจ

คือบางช่วงก็รู้ล่ะว่ารัก
แต่ไม่ยักจะกล้าขนาดไหน
ไม่รู้จะบอกรักจะจีบยังไง
รักกันไหมอยากรู้ช่วยบอกที

คือบางอย่างบอกไว้ว่าใจรัก
ขอทึกทักไม่เคยให้ใครเท่านี้
ตอบว่ารักเธอได้ไหมคนดี
รักคนนี้มากอยู่รู้ไหมนวลปราง				
27 มิถุนายน 2546 22:30 น.

ครูกลอน

windsaint

ระลึกถึงครูกลอนสุทรภู่
บรมครูแห่งวิชากวีสมัย
สดุดีบทกลอนละครไทย
เพื่อเชิดไท้แดนดงให้ทรงศิลป์

เกิดบทกลอนไพเราะเสนาะโสต
ประเทืองโอษฐ์เพิ่มตามกาลถวิล
อาจบอกแนวแจ้งเหตุเป็นอาจิณ
จึงจะพ้นถึงถิ่นที่ดินดำ

ทั้งร้อยรสบทกลอนมาสอนสั่ง
คติดังกังวาลประสานล้ำ
เป็นกวีกานท์ก่อเกิดที่เพริศคำ
ขอเชิดค้ำชูครูกลอนสุนทรไทย				
22 มิถุนายน 2546 01:08 น.

ไกล

windsaint

ไกล

ยิ่งห่างไกลหัวใจให้ห่วงหา
ฝากลมฟ้าช่วยส่งความคิดถึง
ฝากใบไม้กรีดพริ้วปลิวอื้ออึง
ใจฉันจึงแสนหวงและห่วงเธอ

ไม่รู้ระยะทางจะห่างสักแค่ไหน
แต่หัวใจยังใกล้อยู่เสมอ
อยากเป็นคนที่นั่งกลางใจเธอ
แม้เพียงเพ้อเท่านั้นก็สุขใจ

อยากพบสบตามาประสาน
แต่อีกนานจะได้อยู่เคียงคู่ใกล้
คงได้แค่คิดถึงอยู่ไกลไกล
แต่ถึงได้เท่านั้นก็ยังดี

อยากบอกเธอว่ารักสักพันหน
อยากบอกคนคนนั้นเธอคนนี้
อยากบอกรักเรื่อยไปนับเดือนปี
เธอคนดีเท่านั้นฉันมั่นใจ

บอกรักเธอคำเดียวคงไม่พอ
แต่จะขอบอกรักอันยิ่งใหญ่
บอกว่ารักเธอคนเดียวไม่เปลี่ยนไป
จะรักใครได้เล่าเท่านวลปราง				
8 มิถุนายน 2546 18:23 น.

กลัวฉ

windsaint

กลัว

หวาดผวาน่ากลัวเพียงหัวใจ
ที่สดใสอาจหมองต้องไม่สวย
เหมือนดวงดาวกลัวจันทร์เด่นโดดด้วย
แสงเงาพวยพุ่งผ่านกาลและวัน

ยิ่งเข้าใกล้ใจยิ่งไม่นิ่งเฉย
ใจเจ้าเอ๋ยเคยรู้ให้ดูหวั่น
กลัวหัวใจใช่รู้ที่ดูกัน
แต่กลัวฉันหลงรักเธอให้เพ้อคอย

หนีความกลัวหนีความจริงที่ยิ่งตาม
หนีสนามอารมณ์ข่มจนถอย
หนีความจริงหนีหัวใจใครเฝ้าคอย
จึงหนีรอยความรักที่ตามมา

กลัวหัวใจตัวเองจะเคว้งคว้าง
กลัวว่าเธอจะหนีห่างไม่เห็นหน้า
กลัวความจริงจะเป็นเพียงภาพลวงตา
กลัวคำว่าเพื่อนกันทำฉันตาย

กลัวความมืดจิตใจให้หวาดหวั่น
กลัวความฝันความจริงน่าใจหาย
กลัวความชั่วกลัวผีที่กลัวตาย
ใครจะร้ายน่ากลัวเท่ากลัวใจ

กลัวความจริงที่เป็นมันเจ็บอก
กลัวถูกยกถูกทับรับไม่ไหว
กลัวสายตาภาพเธอมาเพ้อไว้
จึงกลัวใจให้รักนักนวลปราง				
8 มิถุนายน 2546 00:18 น.

เมฆบังจันทร์ ฉันบังใจ

windsaint

เมฆบังจันทร์ ฉันบังใจ

จันทร์สว่างกระจ่างพร่างกระแจ่ม
แสงดาวแซมแกล้มจันทร์วันไสว
เปล่งประกายพรายระยิบกระพริบไว้
เป็นเปลวไฟส่องทางกระจ่างจน

เปรียบใจฉันส่องสว่างกระจ่างแก้ว
ดาวดวงแพรวแวววับไม่สับสน
ดาวในใจยังสว่างกระจ่างคน
ไม่มืดมนหม่นหมองละอองใจ

มีเงาเมฆมาบังจากฝั่งนี้
ไม่มีสีที่ทางสว่างไสว
แสงจันทร์จึงไม่อาจจะสาดไป
เหมือนแสงใจที่ไม่ได้ส่องทาง

แสงใจฉันจึงอ่อนและห่อนล้า
ในแววตาพาไร้ให้เหินห่าง
เปลี่ยนจากใจไปสู่ผู้เดินทาง
ระหว่างกลางหนีรักที่ปักทรวง

ใจมันอ่อนร้อนรนทนไม่ได้
มันเหลือไร้ซึ่งแสงแห่งความห่วง
ใจหนอใจไร้คนมาทนทรวง
เหลือเพียงดวงแห่งรักนักนวลปราง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟwindsaint
Lovings  windsaint เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟwindsaint
Lovings  windsaint เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟwindsaint
Lovings  windsaint เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงwindsaint