30 พฤศจิกายน 2546 20:02 น.

The Time of Life

windsaint

แต่ในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ความชื่นชมของฉันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ความเป็นจริง และนิสัยที่แท้จริง ที่เริ่มเผยออกมาให้เรารู้มากขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
และท้ายที่สุดก็ทำให้ความนิยมของฉันเสื่อมถอย
สายตาของฉันก็จะเปลี่ยนแปลงจากความชื่นชม เป็นความสมเพช เป็นความเฉยเมินชา
เพราะการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึก และรู้จักตัวตนที่แท้จริง

มีคนเคยบอกว่า เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คน 
สิ่งนี้เป็นความจริงอย่างแท้จริง 
เวลาจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้คน ว่าคนๆนั้นเป็นคนดีจริงหรือไม่
บางครั้ง คนที่แสดงตัวเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ ในช่วงแรก
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ฉันเริ่มมองลึกลงไปมากขึ้น
กลับกลายเป็นสุภาพบุรุษแค่เพียงเปลือกนอก เพื่อต้องการดึงดูด...
คนที่ภายนอกเป็นผู้หญิงที่สวยงาม ดูท่าทางเป็นคนดี
แต่สุดท้ายก็ข้ามฝั่งไปร้านน้ำ...เป็นอาจิน 

เวลา สอนให้เรารู้จักถึงตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน
เวลา สอนให้เราใจเย็น เพื่อเข้าถึงความเป็นจริง
เวลา จะสอนให้เรารู้จักคน				
14 กันยายน 2546 16:20 น.

ความพยายามในความท้อถอย

windsaint

หลายครั้งที่ใจมันท้อถอยเหลือเกินกับเรื่องราวของเราสองคน
แล้วก็หลายครั้งที่รอยยิ้มของเธอทำให้หัวใจเรามีชีวิตชีวา
หัวใจ...ที่ไม่เคยได้รับคำตอบที่แท้จริงของคำว่ารัก
หัวใจ...ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้รับคำตอบจากปากเธอว่ารัก
หัวใจ...ที่บัดนี้ ไม่เหลือที่ว่างไว้ให้ใครอีก
และหัวใจ...ที่ยังคงรักเธอเหมือนเดิมไม่ว่าเธอจะรักใครอยู่

สิ่งที่เจอทุกครั้งเมื่อเวลาเจอเธออยู่กับกลุ่มเพื่อน นั่นคือกำแพงกลุ่มใหญ่ที่ไม่สามารถจะหาวิธีมาทำลายได้
สิ่งที่ทำให้ท้อถอยมากที่สุด ทำให้ความรูสึกทั้งหลายกลับกลายเหลือเพียงศูนย์
เพราะเมื่อใดก็ตามที่เธออยู่กับเพื่อนของเธอ เราจะไม่ได้คุยกับเธอเลย

แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจชุ่มชื้นที่สุด ก็คงจะเป็นเมื่อเธอนั่งเรียนอยู่ข้างๆเราในวิชาภาษาไทยและอังกฤษ
เพราะทุกครั้งก็จะมีรอยยิ้มของเธอให้เห็นเสมอ
ไม่รู้ว่าความรู้สึกอะไรผูกมัดหัวใจให้รู้สึกแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็หนีจากเธอไม่พ้น
อยากจะเรียกว่า ความพยายามในความท้อถอย
และก็เป็นความท้อถอยในความพยายามเช่นกัน

เพราะสุดท้ายแล้ว ก็รู้จักเพียงคำเดียวว่ายังรักเธอไม่เปลี่ยนไปเลย
รัก...ที่ให้ได้ไม่เคยเบื่อ
รัก...ที่ให้ได้ไม่เคยลืม
รัก...ที่ยังมีแต่เธอคนเดียว
รัก...ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะรักตอบ (แต่ก็จะให้รักต่อไป)
รัก...ที่เรียกว่ารัก
รัก...นะ

ยีน				
4 สิงหาคม 2546 15:18 น.

SMS

windsaint

ผมกดพิมพ์ไปตอบกลับเธอ "Have a Sweet dream" 
บางครั้งผมว่าคนเราก็ต้องการอะไรที่ดูกุ๊กกิ๊กหวานๆบ้าง เพื่อที่จะมาทำให้คนเรามีรอยยิ้มเล็กๆเมื่อได้อ่านมัน บทพิสูจน์ของมันไม่ได้อยู่ไกลเลย เพียงแค่เรามองมันให้เห็นเท่านั้นเอง
ผมชอบนั่งจ้องมองโทรศํพท์มือถือราวกับจะให้มันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น 
แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีแม้กระทั่งเสียง miss call  แต่อุปกรณ์ชิ้นสำคัญชิ้นนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้อย่างไร ผมก็ไม่สามารถที่จะตอบได้ เพราะทั้งหมดแท้ที่จริงแล้วมันอาจจะใกล้แค่เอื้อมเท่านั้นเอง
ผมชอบนั่งเขียนบทกวีตอนดึกๆ อาจจะเพราะตอนกลางคืนเงียบหรืออะไรก็ตาม แต่เมื่อมันออกมาดี รู้สึกดี มันก็ทำให้ผมอยากที่จะมอบบทกลอนนี้ให้แก่เธอ
เธอ คนที่ผมไม่ต้องการอะไรมาก 
เธอคนที่ผมอยากพูดคุยด้วยกัน 
เธอคนที่ผมพร้อมจะให้ความสำคัญ
และเธอคือคนที่ผมคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร ผมอยากให้เธอรู้ว่า...
เธอจะเป็นคนสำคัญของผม และเป็นคนที่ผมรอตลอดไป				
24 พฤษภาคม 2546 00:10 น.

ตามหา...

windsaint

เขาเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานเพื่อหามัน แต่ก็หาไม่เจอ 
เขาก้มลงไปหาใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี ก็ยังหาสิ่งที่เขาต้องการไม่เจอ
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ห้องน้ำ หรือแม้แต่ในถังขยะเขาก็ลงไปค้น
แต่ก็ยังไม่เจอสิ่งที่เขาต้องการ เขาพยายามหา 
หาดูทุกที่ทุกทางที่คิดว่าน่าจะมี หาดูทุกที่ที่คิดว่ามันน่าจะอยู่
หาดูทุกที่ที่คิดว่ามันน่าจะหลงเหลือ
หาดูทุกที่ที่คิดว่ามันน่าจะตกหล่นไป
เขาทั้งแสวงหา ทั้งค้นหา ทั้งคุ้ยหา ทั้งตามหา
เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะตามหามัน เพื่อที่จะได้มันกลับมา เพื่อที่จะได้พบมัน
เพราะมันคือสิ่งสำคัญมากที่สุดในชีวิตเขา แต่เขาลืมมันไป 
เขาทิ้งมันไปอย่างไม่สนใจใยดี ไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมามอง 
แต่ตอนนี้เขาเห็นความสำคัญของมันแล้ว เขากำลังสำนึกผิด 
เขารู้สึกตัวแล้วว่าไม่ควรเสียมันไป เขากลับมาเห็นความสำคัญของมันอีกแล้ว
คราวนี้ถึงเวลาที่เขาต้องแสวงหามันด้วยตัวของเขาเอง
และเขาจะยังคงต้องค้นหามันต่อไปอย่างไม่มีท้อถอยด้วยตัวเขาเอง ไม่มีใครช่วยได้
ความพยายามจะทำให้เขาพบมันสักวันหนึ่ง
แต่ตอนนี้เขาจะต้องไม่ลดความพยายาม 
ความพยายามที่จะค้นหา พยายามที่จะตามหา..........ตัวเอง				
3 พฤษภาคม 2546 19:05 น.

ความทรงจำของมิตรภาพ

windsaint

วันนั้นของพวกเขาเป็นวันที่อากาศร้อนอย่างมาก เอก แมน เก้าและวิน ทั้งสี่คนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่และมักจะนัดพบปะและพูดคุยกันอยู่เสมอ วันนี้ก็เช่นกัน พวกเขานัดจะไปดูหนัง เอก ยืนมองนาฬิกาอย่างกระสับกระส่ายในขณะที่แมนและวิน ยืนคอยอย่างเยือกเย็น จนกระทั่งเก้าเดินมาถึงด้วยท่าทีไม่รีบร้อน สบายๆ แล้วเอ่ยทักเพื่อน
ไงวะ เพื่อนๆ รอกันนานไปหน่อย รถมันติด เก้าทักทายเพื่อนอย่างอารมณ์ดี
30 นาที ถ้าจำไม่ผิดกูนัดมึง 11 โมง แล้วมึงก็มาเอา 11 โมงครึ่งแบบนี้ทุกทีสิน่า เอกปะทะคารมด้วยทันทีเมื่อเจอหน้าเก้า
ก็บ้านกูมันไกลนี่หว่า แถมที่นี่กูก็ไม่ค่อยชินซะด้วย วันหลังมึงก็นัดใกล้ๆบ้านกูสิ เก้าตอบ
บ้านไกลๆ แบบนี้ทุกที แล้วมึงจะขยันตื่นเช้าขึ้นมาซักวันเนี่ยมันจะตายมั๊ย เอกยังไม่ลดราวาศอก
ไม่ตาย แต่ขี้เกียจ มาเที่ยวโว้ยไม่ได้มาเรียน จะได้ต้องตรงเวลา แต่ถึงจะมาเรียนกูก็สาย แล้วอีกอย่าง กูไม่ได้มาฟังมึงด่า จะไปไหนก็ไป เร็วๆ หิว 
หิวเรอะ นั่งรถมายังหิวอีก ทีพวกกูยืนรอมึง ไม่หิวเหรอ
หิวแล้วทำไมไม่ไปหากินล่ะ ร้านก็มีเยอะแยะ ใครใช้ให้รอ
อ้าวไอ้นี่ ท่าทางอยากถูกเตะ
เออ เอาน่า 2คนนี่ กัดกันหยั่งกะหมา ถามจริงมึงไอ้เอก ชาติที่แล้วเป็นตุ๊กแกรึไงถึงได้กัดไม่ยอมปล่อย  ไอ้เก้าก็พอกัน ชาตที่แล้วเกิดเป็นไม้พายกวนตลอด กูก็นัดเวลาเผื่อให้แล้วจะกัดกันหาพระขรรค์เพชรด้ามยาวอะไร ไป ไปหาอะไรกิน มันจะได้ไม่กัดกัน ไปไอ้แมน แยกสองตัวนี่ห่างๆกันหน่อย เดี๋ยวมันกัดกันอีก เออ ร้อนๆงี้ ว่างๆ ไปฉีดยามั่งนะไอ้เอก เดี๋ยวจะติดเชื้อบ้า วินพูดหลังจากดูมานาน

เอกเดินยิ้มๆนำหน้าไปตามปกติ ที่จริงแล้วเขาไม่คิดจะโกรธเพื่อนเลยถึงแม้เขาสจะเป็นคนอารมณ์ร้อนและกล้าลุย แต่เขาก็ไม่เคยโกรธใครจริงจังสักคน

วันนั้นทั้งสี่คน กินข้าว ดูหนังและเดินดูของใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานเป็นพิเศษ เหมือนจะรู้ว่าต้องจากกันไปอีกนาน พวกเขาคุย เที่ยว เล่นด้วยกันจนกระทั่ง5โมงเย็น แมนจึงชวนทุกคนไปบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ทั้ง3คนจึงตกลงเดินทางไปบ้านแมน

บ้านของแมนอยู่ในซอยลึกเข้าไปจึงต้องใช้วิธีเดินเข้าบ้านเพราะไม่มีรถเมล์ ระหว่างที่เขาเดินคุยกันไป เอกบังเอิญเดินไปชนจิ๊กโก๋ในซอยเข้า

ขอโทษครับ ผมเดินไม่ระวัง เอกขอโทษอย่างสุภาพ 
ขอโทษ แต่มันไม่หายนี่หว่า เดินยังไงไม่มีตาหรอ จิ๊กโก๋ทำท่าจะเอาเรื่อง
ขอโทษจริงๆครับ  ไม่ได้ตั้งใจ เอกยังคงนิ่งสงบ
อะไรวะ ไม่ได้ตั้งใจเดินยังไงตั้งใจชนนี่หว่า 
ขอโทษครับ พอดีคุยเพลินน่ะครับ 
เฮ้ยไม่ได้เว่ย พูดแบบนี้ก็ พลั่ก จิ๊กโก๋คนนั้นถูกหมัดของเอกร่วงลงไป 
นักเลงจริง ยอมให้แค่3ครั้ง หลังจากนั้น มีเรื่อง เอกกล่าว คำพูดเหล่านี้มักออกมาจากเอก คำที่ไม่มีใครรู้ว่าเอกไปสรรหามาจากไหน

แต่สันดานพาล ย่อมไม่ยอมให้ตัวเองถูกต่อยคนเดียวจึงลุกขึ้นมาและตะลุมบอนกับเอกอย่างอุตลุต แต่สู้แรงเอกไม่ได้ ล้มลงไปนอนอีกครั้ง

อันธพาลก็คืออันธพาล จิ๊กโก๋ลุกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมที่จะลุย และพุ่งเข้าใส่เก้าที่อยู่ใกล้ จิ๊กโก๋ชักมีดออกมาพร้อมที่จะแทงเก้า เอกเห็นดังนั้นจึงรีบกระโดดเอาตัวเข้าไปขวางทางมีดเอาไว้ไม่ให้โดนเก้า มีดไม่มีทางผ่านไปหาเก้าได้ เพราะขณะนี้มันได้ปักลงไปในตัวของเอกแล้ว จิ๊กโก๋เตลิดหนีหายไป เอกถูกนำส่งโรงพยาบาลแต่ว่าไม่ทัน เขาสิ้นใจเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ทั้ง3ห่างกันออกไปเพราะต่างคนต่างรู้สึกผิด แต่ก่อนที่จะหมดสติเอกได้บอกกับทั้ง 3 ว่า ถ้าฉันตายไป ฉันอยากจะเป็นสายลม เพื่อที่จะอยู่ข้างพวกแกและคนที่ข้ารักตลอดไป เวลาที่มีลมพัดผ่านขอให้นึกถึงกันบ้างนะ เพื่อนรัก
หลังจากนั้นเอกก็หลับตาลงสิ้นใจอย่างสงบ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทั้งสามตื่นจากห้วงแห่งความคิด เมื่อวูบหนึ่งที่ลมพัดผ่านขึ้นมา เหตุการณ์ผ่านมา3ปีแล้ว แต่พวกเขายังคงจำได้ดีเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน สายลมยะเยือกพัดผ่านมาอีกครั้ง วูบหนึ่งที่ทั้งสามได้ยินเสียงของเอกแว่วดังขึ้น เวลาที่มีลมพัดผ่านขอให้คิดถึงกันบ้างนะ เพื่อนรัก

วินหลับตาลงและพูดออกมาเหมือนจะพูดกับใครบางคนว่า 
นายไม่เคยตายไปจากใจพวกเรา เพราะนายยังคงโลดแล่นอยู่ในใจของพวกเราตลอดไปและนายจะเป็นเพื่อนเราตลอดไป เอก เพื่อนรัก
แล้วแมนเก้าและวินก็เดินกอดคอกันไปภายใต้เงาแห่งพระจันทร์ โดยที่ยังมีเงาของเอกเดินเคียงข้างพวกเขาไม่จากไป				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟwindsaint
Lovings  windsaint เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟwindsaint
Lovings  windsaint เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟwindsaint
Lovings  windsaint เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงwindsaint