แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง

ตราชู

แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง
(แรงบันดาลใจจากบทกวี กระฎุมพีบันทึก ของ ท่านคมทวน คันธนู ในหนังสือ กำสรวลโกสินทร์ ครับผม)
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
	ภูมิเลิศพิลาสพิสิฐล้ำ
ภพธรรมธเรศทอง
ไทย นามฉะนี้เสนาะสนอง
ระบุนิตย์สถิตนาน
	แต่....ไทยกระเทือนภยกระทั้น
ประจุบันมิชื่นบาน
จึ่งธรรมมิทำนุกสถาน
เพราะอธรรมกระหน่ำแทน
	ร้ายร้อนระรุมธรณิร้าว
กระอุด้าวประดังแดน
ถิ่นเทพสถิตอมรแถน
คณะแทตยแวดไทย
	คามภีรพจน์พิเราะสุภาพ
นรหยาบมิเยื่อใย
ทำเล่ห์แถลงเลอะเทอะไถล
เยอะแยะหลายอุบายโลน
	สิ้นศรีกุศลกมลใส
จิตใจประหนึ่งโจร
พึ่บพั่บก็พ่ายพลวโผน
พยุห์พลตริปล้นภูว์
	จัญไรเจริญทุรจริต
ชนติดกะตัวตู
เข่นฆ่ามิขาดอศุภขู
ตะละคาบสิหยาบคาย
	หลงบ่วงอบายเคราะหวิบาก
ภุมิภาค ตลอดภาย
ยิน, ยล ขยาดมลขยาย
ทุรยุคกระอุกยง
	ซวนเซระเสิดวิจลส่ำ
ธุชธรรมมิชูธง
ปีศาจประสาทพิษประสงค์
ฤดิเศร้าแหละเซาซึม
ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒
	ระบอบร้ายระบายฤทธิ์
พยับทิศโพยมทึม
ขมึงเคร่งเขม็งขรึม
ปิศาจครันกระสันครอง
	ทลิทขวักทะลักไขว่
สิมาไทยมิมีทอง
ปะป่วนผู้ริปูผอง
ระริกเร้าระเร่ารน
	ประกายอวดประกวดโอ่
มหิทธิ์โขมิเห็นคน
กระทำเฉกระเท่ห์ฉล
สะเริงชาญสราญฉวย
	ฉะนี้ทองน่ะนองท่วม
ประเคนรวม ณ คนรวย
ขยอกอิ่มขยิ่มอวย
ประคิ่นอ่องประคององค์
	กลีเลศกิเลสเหล่า
เฉลิมเผ่าฉลองพงศ์
ละเมอโลภละโมบหลง
ประชุมล่าประชาลาญ
	และคนจนก็ข้นจิต
ระทวยนิตย์ระทมนาน
สลอนเคยเฉลยขาน
ก็ปราศเค้าก็เปล่าคำ
	เสนียดทึ้งประหนึ่งทาส
เผยออาตม์ผยองอำ
คะเนค่าแน่ะน่าขำ
สะอึกขื่นสะอื้นขม
	บุรีไทยกระไรท้อ
เทวษส่อทวีซม
พระพรแพร้วมิแผ้วพรม
มิก่องพราวสกาวพราย
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
	นานเนิ่นนาครแล้งแสดงดุจทลาย
เรี่ยราดอุบาทว์หลาย				ละลุม
	บัวบานเบิกบมิบ่งสุบงกชปทุม
อาสัตย์สนัดสุม					เซาะ, โซม
	โคมเคยแข่งรวิไขไฉนกษยะโคม
มืดจึงตะบึงโจม					ประจำ
	ปล่อยปวงร่านปิติเริงเถลิงสุขระบำ
แดนที่มิมีธรรม					และทอง
	ใครเกริกเกียรติตระกาลพิมานยศตระกอง
โสภิศสฤษฎิ์ผอง					ประไพ
	ใครรรรดมพิริย์แรงแสวงธนอุไร
หนักหน่วงระลวงใน				มโน
	คนรวยเติบทิฐิตั้งประนังคฤหโต
ทรัพย์สินสุภิญโย					ทะยาน
	คนจนแคลนวสุขาดนิราศฆรอุฬาร
เช้าค่ำพะรำคาญ					ระคาง
	แลลำแสงสุริย์เร้นฤเห็นรศมิราง
ชีพิตอนิจจ์พาง					จะภินท์
	โอ้....ไทยเอ๋ยทุกข์หนักกระดักพระธรณินทร์
ร้อนแดงระแหงดิน					เขดา
	ไร้ทั้งธรรม, ธน, ทอง ก็หมองบมิประเทา
รอน, ราน ประหารเรา				นิรันดร์
(๒๔ ถึง ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)				
comments powered by Disqus
  • ปราณรวี

    28 มีนาคม 2550 08:56 น. - comment id 677387

    ผ่านมาอ่านค่ะ...แค่อ่านยังลิ้นพันกันเลยค่ะ
    ถ้าให้แต่งบ้างคงไม่มีทาง  11.gif11.gif11.gif
  • ทะเลใจ

    28 มีนาคม 2550 13:06 น. - comment id 677514

    พี่ ป. กลอนแปดเอมก็แย่แล้วค่ะ ถ้ามาเป็น ฉันท์ แบบนี้ เอมมีหวังนั่งนิ่งคิดแต่งไม่ออกเชียวค่ะ 
    
    ฉันเพราะดีค่ะ 36.gif36.gif
  • ลำน้ำน่าน

    28 มีนาคม 2550 16:24 น. - comment id 677611

    ตราชูมีความสามารถหลากหลาย
    ขอชื่นชมในความสามารถนี้ครับ
  • ตราชู

    29 มีนาคม 2550 08:13 น. - comment id 677826

    ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านทุกท่านครับในการติดตามผลงานตราชู บทนี้ตั้งใจประชดประชันจริงๆครับ บ้านเมืองเราโฆษณาเก่ง สร้างภาพลักษณ์เก่ง (กลัวเสียภาพลักษณ์ก็เก่งเสียด้วย แต่ทำไม  ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรงก็ไม่รู้ซี หดหู่จังครับ
    	ท่านลำน้ำน่านครับ คำวิจารณ์ของท่านสร้างกำลังใจให้ผมอย่างยิ่งครับ ท่านคือกวีอีกท่านหนึ่งซึ่งผมศรัทธามากๆครับ  อ่านผลงานชิ้นล่าสุดของท่านในบ้านกลอนไทยแห่งนี้แล้ว นึกถึงงานของท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ขึ้นมาทันทีเลยครับผม
  • ลำน้ำน่าน

    29 มีนาคม 2550 09:08 น. - comment id 677846

    จิตวิญญาณคนเป็นกวีมีความอัศจรรย์
    แตกต่างในหมู่คนจำนวนมาก
    ตายแล้วเกิดใหม่ไม่รู้จะมีจิตวิญญาณแบบนี้หรือเปล่าครับ
    
    ท่านอังคารเป็นกวีในดวงใจ 
    แนวเขียนเป็นของตัวเองแต่หากลึกล้ำเกินพรรณนาครับ
    
    ผมไม่อาจเทียบท่านอังคารด้วยบทกวีที่ลึกล้ำ ดุดัน ในบางคราว และอ่อนหวานในบางครั้ง
    ผสมผสานกันเป็นลวดลายที่ลงตัว แต่แตกต่างจากท้องตลาด
    
    บทกลอนที่ผมเขียนยึดหลักความสงบภายในเป็นที่ตั้ง ด้วยรักและชอบธรรมชาติความสงบงามภายใน จึงอยากสื่อให้เพื่อนๆ ได้ทราบถึงความงามและจิตวิญญาณธรรมชาติที่สงบงามแบบนี้ครับ
    
    แต่เขียนแนวดุดันไม่เก่ง แนวประชดสังคมก็ไม่ถนัดเลยครับ
    
    ถึงบอกว่าตราชูมีความสามารถหลากหลายเขียนได้หลายแนว ก็ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ทำงานเพื่อจรรโลงจิตวิญญาณมนุษย์ต่อไปครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน