ยามฟ้ามัวหัวใจไม่มัวหม่น
ความเป็นคนสอนใจให้มีหวัง
เดินต่อไปสร้างใจมีพลัง
มิรอรั้งดั่งนามอรอาภา
ยิ้มคือยิ้มพิชิตจิตภายนอก
ตานั้นบอกสิ่งใดไม่ถือสา
เพราะรู้ว่าชีวิตกับเวลา
ผันผ่านลากุมกรก้าวพร้อมกัน
ต่างค่าแต่กาลคืนตื่นเปลี่ยนวน
เช้ากลับยลบ่ายล่วงช่วงผายผัน
ยามเย็นย่ำมืดครึ้มเหมือนลืมวัน
แต่ฉับพลันสว่างใหม่ในเวลา
ฉากชีวิตมีสิทธ์มีเศร้าโศรก
ดั่งลมโบกพัดแรงแกร่งกร่อนหนา
ฤาเห็นแสงแรงร้อนดวงทิวา
ชีวิตพาฝันต่อก่อการงาน
และยังรู้ว่าอยู่ต้องมีรัก
ใจจึงภักดร์สมัครใจจะสืบสาน
หารักเติมเพิ่มศรีด้วยดวงมาลย์
มอบรักผ่านม่านฟ้ามาร่วมเคียง
ศักดิ์และสิทธิ์ลิขิตด้วยใจเรา
มิยอมเขลาเก็บตนยอมสิ้นเสียง
รักต้องมีต้องต่อก่อร้อยเรียง
ผดุงเยี่ยงบุรกาลบรรพชน
รัตนาวลีนี้นำมอบ
เป็นคำปลอบใครหนาคราสับสน
ใจของเราเข้าใจไฟสร้างตน
มิได้หม่นตามฟ้าคราคลื่นรวน
3 กันยายน 2547 07:08 น. - comment id 322631
มาอ่านเป็นกำลังใจให้ครับ เขียนได้น่าอ่านจังเลย เพราะมากกกกกกก

3 กันยายน 2547 08:00 น. - comment id 322647
ขอบคุณกำลังใจที่ใส่ไว้กับกลอนนี้ นำชีวีที่เคยหมองกลับผ่องใส ได้อ่านบทกวีพี่คราใด พาให้ใจมีแรงปลุกให้ลุกยืน ...กลอนเพราะมากๆค่ะ ขออนุญาติเก็บเลยนะคะ อิอิ

3 กันยายน 2547 08:00 น. - comment id 322648
...ธรรมชาติวาดไว้ให้คู่โลก มีสุขโศกให้หาอย่าสับสน อยากมีสุขทุกอย่างสร้างด้วยตน ดูดั่งฝนยังมาจากฟ้าไกล... .................สวัสดีครับ..............

3 กันยายน 2547 08:16 น. - comment id 322651
สวยงามมากครับในภาษาที่ใช้ และความนัยที่ร้อยเรียง เรื่อง ของความรักไม่มีมากกว่าหรือ น้อยกว่า อย่าหวังมากเหินไป ๚ะ๛ size>

3 กันยายน 2547 09:02 น. - comment id 322672
ให้ความรู้สึกดีจริง จริงครับ

3 กันยายน 2547 09:11 น. - comment id 322678
อิอิ ยังเขียนได้ดีเช่นเดิมนะครับ ฮิๆๆๆ นานแค่ไหนก้อยังดีคงเดิม ตนเตือนตนอ่ะบัณฑิต ถ้าตัวเองไม่เตือนตน ใครเล่าจะเตือน เราต้อง ดูแลใจของตัว จริงป่ะครับ ฮิๆๆๆๆ เยี่ยมจริง ๆ +-*-+-*-+ +-*-+-*-+ ผู้ชายอารมณ์ดี +-*-+-*-+ +-*-+-*-+

3 กันยายน 2547 12:35 น. - comment id 322888
ใจสร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งอีกหน และจะได้ลืมคนที่ข่มเหง ลืมให้หมดความเจ็บช้ำไม่ยำเกรง ให้ฉันเก่งและแกร่งแห่งศรัทธา *-*กลอนไพเราะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ชื่นชมในผลงานเสมอนะค่ะ*-*

3 กันยายน 2547 13:14 น. - comment id 322930
...สวัสดีค่ะ... ...ต่างค่าแต่วัน..คืน..ชื่นคือสุข หากว่าทุกข์..นานล่วงช่วงผายผัน สุขใจนั้นสุดครึ้มเหมือนลืมวัน แต่ทุกข์นั้น..ยาวนาน..กาลเวลา.. ..~-~..

3 กันยายน 2547 13:44 น. - comment id 322967
เขียนได้ไพเราะมากขอรับ สวัสดียามบ่ายนะเจ๊อาภาภัส ไปทานข้าวก่อนหละขอรับ แวบบ

3 กันยายน 2547 16:38 น. - comment id 323108
คราวที่ฟ้าครึ้มฝนจนอับแสง ความเปลี่ยนแปลงในใจคือไหวหวั่น ครุ่นคิดไปนานาสารพัน แต่วูบหนึ่งนั้นเฉิดฉันท์เพราะคิดดี คนที่ชื่อแสง มุ่งที่จะมีแสงสว่างในตนเองเสมอ ภายนอกจะมืดมิดเพียงไหน ..แต่ในใจจะไม่ยอมพ่ายต่อความมืดนั้น...

3 กันยายน 2547 20:02 น. - comment id 323274
เพราะมากค่ะ.. มาเยี่ยมจ้า... ^____^

3 กันยายน 2547 21:07 น. - comment id 323337
กลอนเพราะมากๆๆเลยคะพี่สาว แวะมาอ่านด้วยยคนนะคะ

3 กันยายน 2547 23:08 น. - comment id 323465
ไฟรักยังครุกรุ่น หวานละมุนอุ่นอุรา เพียรวาดปรารถนา ส่งสู่ฟ้าว่ารักจริง

4 กันยายน 2547 11:43 น. - comment id 323712
กระแสใจไหลผ่านสู่ม่านฟ้า ปราถนาขอบคุณทุกท่านหนอ ล้วนมาอ่านสานหวังพลังคลอ ยิ้มมอบต่อทุกห่วงด้วยดวงใจ ขอบคุณทุกท่านนะคะ

4 กันยายน 2547 15:47 น. - comment id 323926
ขอชื่นชมด้วยน่ะครับ แต่งได้ไพเราะมากทั้งภาษาและการใช้คำ ฝากผลงานด้วยกับเพื่อนๆทุกๆท่าน ติชมได้น่ะครับ สมาชิกใหม่ครับ

4 กันยายน 2547 23:59 น. - comment id 324238
ข้าพเจ้ามาทักทายค่ะ :)
