นานมาแล้วในดินแดนแคว้นกระจก กระทกลกไต่ยอดลอดลายเถา
ผ่านอ่อนไหวข้างหน้าแลเห็นเงา ของตัวเจ้าสีม่วงคล้ายพวงคราม
สำนึกอยู่เราสู่เพียงดินดาน ไร้วิมานกระถางชนจึงหยาม
หลงชื่นชมนิยมฟ้าสวยงาม ซึ้งตรึงตามเสียงแว่วแก้วเรไร
จั๊กจั่นเจื้อยเรื่อยกรีดหวีดดังเรียก ใจสำเหนียกนึกเอาเคล้าเฉไฉ
คงเป็นรักที่กลั่นออกจากใจ ดื่มด่ำไฟถวิลหาอนาทร
มองเขม้นเห็นสุขมิมีเหงา เสียงรัวเร้าคล้ายดังพรหมเล็งศร
จับใจหนึ่งขึงใจผูกเพลงพร แต่เดี๋ยวก่อนกระจกตกแตกลาย
เศษร่วงริ้วปลิวฝันกระแทกไล่ เช้าวันใหม่เรไรใช่ดงหมาย
เงียบยังคงลมโบกบาดลงลาย รักกลับกลายโดดเดี่ยวดงลืมวัน
ณ ตราบนั้นคำมั่นจึงลอยล่วง ไปติดบ่วงเบ้าหลอมบนสวรรค์
คราใดที่ใครรักปักใจนั้น กระจกฝันล้อมรั้วขั้วใจเคียง
หากมิใช่รักหายคล้ายคันฉ่อง ยามจ้องมองเห็นไร้ราวสุดเสียง
ลางรักเลื่อนเตือนไว้คงเป็นเพียง ไฟตะเกียงก่อเก็บไว้ในนิทรา
อาภาภัส 2 เมษายน 2548
2 เมษายน 2548 19:22 น. - comment id 448291
ดินแดนนี้ตั้งอยู่ที่ใดฤา??? .................. จะออกตามหา อิ อิ

2 เมษายน 2548 20:29 น. - comment id 448328
มองกระจกอยากยกหยิบคำถาม ถึงนิยามความคิดจิตสงสัย อยู่มานานป่านนี้ไม่มีใคร เหตุผลอันใดเจ้ารู้ไหมเอย ได้วิเคราะห์เจาะจงตรงลงไป ความอ่อนไหวบอกนัยไว้เฉลย หรือว่าเรานั้นง่ายเหมือนอย่างเคย ยามลมรำเพยเผยรักเร็วเกินไป

2 เมษายน 2548 20:47 น. - comment id 448342
เพราะจังเลยคะ แวะมาเยี่ยมชมคะ

3 เมษายน 2548 11:01 น. - comment id 448550
กระจกอยู่ไหนหนอ อิ อิ...

3 เมษายน 2548 23:28 น. - comment id 448820
นานมาแล้วในดินแดนแคว้นกระจก กระทกลกไต่ยอดลอดลายเถา
ผ่านอ่อนไหวข้างหน้าแลเห็นเงา ของตัวเจ้าสีม่วงคล้ายพวงคราม
บทนี้เพราะมากครับ มีเถากระทกรกที่ผมคิดไปว่า เป็นเถาๆ ที่นำมาประดับเป็นลวดลายที่มุมบานกระจกหน่ะครับ

4 เมษายน 2548 13:13 น. - comment id 449054
แอบมาอ่านจ๊ะ............

9 เมษายน 2548 13:09 น. - comment id 451316
เกลียดกระจก... เพราะเวลาส่องกระจกครั้งไรเห็นความอับปลักษณ์บนหน้าตัวเอง ปากกว้างหนาตาพองจมูกบี้แบนผมหยองฟูหวีเท่าไรก็ไม่เรียบ อย่าเห็นเลยดีกว่า ไม่เหมือน นกหงษ์หยก ที่ชอบส่องกระจกดูตัวเองซึ่งงดงาม อิอิ ไกล้สงกรานต์แล้ว อาภาภัสเล่าเรื่องสงกรานต์พระประแดงหน่อยจิ อิอิ
