เฮ็ดเวียก สิบ่ว่าง.........เวียนขม
การก่อ พอดับตรม.......ผ่อนเศร้า
ใดใด หน่วงอารมณ์........เวียกดับ ได้นา
ชนหลีกเวียก ทุกข์เร้า.... ..ดิ่งห้วง นรกหอน
คืออาภรณ์ห่มผู้..................คนเฮย
หลบเลี่ยงสิเปรียบเปรย.....เปรตเปลื้อง
เปลือยตนเสพสังเวย.........มูตคูต
สืบเวียกสิส่งเฟื้อง..............สู่ฟ้า แวนสวรรค์
งานอัน บ่พาว่าง................วนเขลา
กายแกร่งก่อเชิงเชาวน์.......ต่อชั้น
กรำเทอญอย่าดูเบา..................เร่งต่อ เยอพ่อ
งานเสร็จบัดดลนั้น...............สุขซึ้ง วิเศษเสวย
22 กรกฎาคม 2548 10:22 น. - comment id 494582
เฮ็ดเวียก=ทำงาน สืบเวียก=ทำงานต่อไป เยอพ่อ=นะพ่อ=เถิดนะ ------------------ ได้อยู่กับบ้านหลายวันครับ ฝนตกเปียกชื้นไปหมด แต่ผมก็ยังไม่มีน้ำพอทำนา บางทีอาจปลูกหญ้าแทนปลูกข้าวล่ะปีนี้ สวัสดีครับ

22 กรกฎาคม 2548 11:05 น. - comment id 494597
หุหุ..แค่คำปกติผมก็เดี้ยงแล้ว..หากเขียนแบบท่านอีกงานนี้เหนื่อยอะ.. ***แวะมาอ่านผ่านมาเยี่ยมครับ

22 กรกฎาคม 2548 11:10 น. - comment id 494605
วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ต้องรีบรุกตื่นขึ้นมา อาบน้ำและอาบท่า เพื่อรีบหนาไปทำงาน เสาร์อาทิตย์จะนอนหลับ แต่ต้องกลับไปประสาน ติดเรียนเพียรตระการ เหมือนดั่งงานที่ต้องการวันนี้ดีหน่อยวันหยุด ไม่ต้องทำงาน อิอิ

22 กรกฎาคม 2548 12:07 น. - comment id 494633
สวัสดีครับคุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ ผมไม่ถนัดโคลงเอาเสียเลย ส่วนฉันท์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ที่คุ้นลิ้นของผมหน่อยเป็น ผญา แต่คงมีคนส่วนน้อยล่ะมั้งครับที่จะทนอ่านคำถิ่น ที่ไม่ใช่คำกรุงเทพฯ ถ้าสังคมไทยรับความเป็นท้องถิ่นได้ ผมว่าคำในภาษาไทยจะมีให้เลือกใช้มากขึ้นอีกมาก พูดก็พูดเถอะ ทีอย่างอื่นอ้างเพื่อเอาเป็นพวกเกือบทั้งนั้น คือ เพื่อความสมานฉันท์ทางสังคม แต่พอเรื่องถ้อยคำ ก็ขีดขั้นกีดกัน ไม่ยอมให้คำถิ่นเป็นคำไทย สังคมไทยก็แบบนี้ อันนี้ผมพูดทีเล่นทีจริง-ha ก็ได้ !

22 กรกฎาคม 2548 12:33 น. - comment id 494636
เมื่อตะกี๊ลืมทักทายคุณผู้หญิงไร้เงาครับ
คนเราแต่ละคนมีงานหลักที่ต้องดูแลรับผิดชอบกันมากบ้างน้อยบ้างนะครับ
ผมเอง..วันธรรมดาก็ไปสอนหนังสือ
ได้อยู่กับเด็ก ๆ ก็เพลินดี ได้ทำโน่นทำนี่กับพวกเขา ได้พูดคุยกัน
เด็กวัยขนาด ม.1 ถึง ม.3 นี่กำลังอยากเรียนรู้ชีวิตครับ
โลกของพวกเขาเป็นโลกที่สดใส
คือ..อะไรก็สวยงามไปหมด
ผมชวนเขามองโลกมองชีวิตหลากด้าน
โดยการตั้งคำถามเพื่อการถกเถียง ก็ได้รับความสนใจพอสมควร แต่ไม่เข้มข้นเท่ากับช่วงวัย ม.4- ม.6 ซึ่งคนวัยหลังนี้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก มีเหตุและผล เป็นตัวของตัวเองสูงมาก เขามีความสุขและสนุกกับการเรียนแบบค้นหาคำตอบ ชอบถาม ชอบเถียง ซึ่งทำให้ผมเพลินมากๆ ในชั่วโมงที่ตนเองเข้าห้องสอน
หลังจากได้พูดคุยกันในเรื่องต่างๆ อาจเป็นท้ายๆชั่วโมงผมก็มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย
กิจกรรมใหญ่ ๆ ก็เช่นการผสมผสานความรู้ทฤษฎีเข้ากับการปฏบัติ เช่น เอาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เช่นเคมีมารวมเข้ากับศิลปะและเกษตรก็กลายเป็นกิจกรรมปลูกกล้วยเป็นสวนใหญ่ๆเพื่อนำเยื่อใยกล้วยมาผสมเส้นใยกระดาษเหลือใช้มาทำกระดาษทำใช้ใหม่ แล้วนำกระดาษที่ทำใช้ใหม่มาสร้างงานศิลปหัตกรรมเป็นต้น
การงานแบบที่ว่าทำให้ผมมีความสุขมากจากจันทร์ถึงศุกร์
เสาร์อาทิตย์ที่บ้านก็เป็นงานของครอบครัว
ก็เพลินอีก ขุนวัว เลี้ยงปลา ปลูกผัก ทำของใช้ในบ้าน เขียนรูป วาดภาพ อะไรพวกนั้น ตกเย็นก็เล่นกีฬาที่มีส่วนร่วมได้ทั้งบ้าน เช่น ตีลูกขนไก่ ขี่จักรยาน เป็นต้น
ผมรู้สึกว่าชีวิตแบบที่ผมเลือกไม่ซีเครียด
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ
งานหลายอย่างก็ไม่อยู่ในอำนาจที่เราจะกะเกณฑ์ หรือควบคุมได้เองหมด บางทีก็เกิดความคับข้องอึดอัดใจขึ้นบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นงานที่คนร่วมงานไม่ค่อยได้พูดคุยปรึกษาหารือ ออกแบบหรือวางแผนด้วยกัน
ผมเจองานแบบนั้นมาเยอะ หลัง ๆ ผมก็พยายามเข้าใจคนอื่น ๆ เอาใจเขามาใส่ใจเรามากขึ้น ก็ลดความร้อนในใจของผมเองลงไปเยอะ คือสบายๆ ได้เอง ในขณะที่พรรคพวกก็รุ่มร้อนไม่มีทางออกทางใจ
แต่ว่าก็ว่าเถอะ
ผมนิยมวิถีการทำงานแบบร่วมออกแบบ ร่วมแก้ มากกว่าแบบวันแมนโชว์ แบบที่ท่านผู้นำของเราทำกันอยู่
อ้าวไหงผมจบแบบนี้ก็ไม่รู้นะครับ
ขอบคุณครับที่คุณผู้หญิงไร้เงาเข้ามาทักทาย

22 กรกฎาคม 2548 16:14 น. - comment id 494694
อิจฉาท่านพี่หญิงตูน ผู้หญิงไร้เงาที่ได้หยุด อิจฉายิ่งคุณก่อพงษ์ ทำงานด้วยความสุข เอ่จะว่าไปหนูทำงานก็ มีความสุขบ้าง ท้อบ้าง ก็อย่างที่คุณว่าล่ะค่ะแต่ละคนมีหน้าที่หลักที่ต้องรับผิดชอบมากบ้างน้อยบ้าง ... บางทีมันก็เหนื่อยจนเผลอพ้อ ออกมาว่า เหนื่อยแล้วนะ ปากว่า แต่มือและสมองยังคงทำงานต่อไป จะสู้ ๆ ค่ะ (ปลอบใจตัวเองอีกแล้ว ) *^_^*!

23 กรกฎาคม 2548 17:13 น. - comment id 494971
:]
