::เพราะรัก::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


1.  ผมหัดเล่นกีตาร์จนนิ้วบวม
     ผมหัดร้องเพลงจนคอเจ็บ
     ผมหัดเขียนกลอนจนนอนละเมอรำพัน
     
2.   ผมอยากเล่นเพลงให้ฟัง
      ผมอยากร้องเพลงกล่อมขวัญ
      ผมอยากเขียนลำนำเนียนเหมือนจันทร์
      เพื่อกำนัลแด่เธอ
3.    เพราะผมอยากให้รู้ว่ารัก
       เพราะอยากให้รู้จักว่ามีใจ
       เพราะคาดหวังร่วมฝันใฝ่
       อยากให้รู้ว่าดวงใจผมคือเธอ
--------------------------
       นึกถึงอารมณ์ตอนนั้นครับ ตอนยังหนุ่ม
        ที่เขียนบทนี้ ก็เพราะอ่านงานของคุณน้ำแข็งไส บทที่ชื่อ ร้องเพลงรักนะครับ
				
comments powered by Disqus
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 20:52 น. - comment id 523588

    นี่ก็ได้ก๊ากอีก
    
        ผมเขียนกลอนเป็นเล่มๆให้เขา
    อยากได้ก็ไม่กล้าไปขอคืนเลยครับ
    
        ทำอะไรแปลกๆ
        เพราะรัก
    
       ..อืม..คงจริงล่ะครับคุณผู้หญิงไร้เงา
  • ชัยชนะ

    5 ตุลาคม 2548 20:57 น. - comment id 523591

    เขียนได้ตรงไปตรงมาดีครับ
    
    คิดถึงสมัยตอนหนุ่มชักกระชุ่มกระชวยใจขึ้นได้เยอะทีเดียวครับ
    
    36.gif36.gif36.gif
  • อัลมิตรา

    5 ตุลาคม 2548 20:58 น. - comment id 523592

    ยังมีอีกนะ ..
    
    เขาบอกว่า ผู้ชายบางคนถึงกับเหมือนคนตาบอดเชียวค่ะ
    หรือไม่ก็ เป็นคนหูหนวกไปซะเลย
    เขาให้ทำอะไร ก็ คร๊าบ คร๊าบ ...
    
    ตาเยิ้ม .... ก๊าก ๕๕๕
  • อัลมิตรา

    5 ตุลาคม 2548 20:31 น. - comment id 523610

    มีคนเคยบอกว่า ..
    ผู้ชายจะยอมทุกอย่าง ก็เพราะรักนี่แหล่ะ
    
    ผู้ชายแบบนั้น .. ยังเหลือในโลกอีกไหมหนอ ?
    
    คุณก่อพงษ์ไม่ต้องมายิ้มเลย หมดสิทธิ์ยิ้มแล้ว... ยี้
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 20:41 น. - comment id 523621

    ผมหัวเราะก๊าก..
    
       รุ่นน้องบางคนเข้าใจเจตนาของผมผิดเพราะรอยยิ้มกับตาที่เยิ้มนี่แหละครับ
    
       ผมพยายามยิ้มแต่น้อย  อันนี้จริง
    
       ส่วนเวลาพูดแล้วจ้องตาอันนี้เป็นปกตินิสัย
       ไม่ทำอย่างนั้นผมรู้สึกเหมือนไม่จริงใจ
    
       ไม่ห้ามผมหัวเราะอีกด้วยหรือครับ
  • ผู้หญิงไร้เงา

    5 ตุลาคม 2548 20:46 น. - comment id 523625

    ความรักมักจะทำให้เราทำอะไรแปลก ๆ ได้เสมอนะ ว่าไหม  อิอิ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 21:49 น. - comment id 523637

    เอิ๊ก ๆ .....พูดไม่ออก
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 22:07 น. - comment id 523650

    ไหนๆก็ไหนๆ
    ได้เล่าไปแล้ว
    
    แบบจะเกไม่ยอมจ่ายค่าปิดปากครับคุณอัลมิตรา
    
    เธอ ตอน ผมอยู่ ป. 1
    เป็นคนละเธอกับตอนผม อยู่ ปี.1
    
    เป็นคนละเธอกับ เธอคนนั้น
    เป็นคนละคนกับเธอคนนี้
    
    แหมหลายเธอด้วยครับ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 21:01 น. - comment id 523658

    มาช่วยกันก๊ากครับคุณชัยชนะ
    
    ผมได้หัวเราะทั้งคืนแน่
    คุณอัลมิตราพูดอะไรก็ไม่รู้
    ทำไมมันจริงจังเลย
    
    
    ก๊าก
  • กุ้งหนามแดง

    5 ตุลาคม 2548 21:06 น. - comment id 523664

    อื้อ...บางคนไม่เคยซักผ้าเลย ยังลงมือขยำเลย ฟองกระจาย...
    
    อิอิ เห็นเด็กหนุ่มข้างบ้าน จีบสาวค่ะ คุณกพ..
    
    ...
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 21:36 น. - comment id 523672

    อันนี้มิต้าไม่..
      
         ตอนป.1 นี่ผมไปบ้านเขา  ก็แบบทำทีจูงวัวไปเลี้ยงแถวๆนั้น  ล่ามวัวไว้กับหลัก  แล้วก็เข้าไปเล่นรอบคันคูบ่อปลาของเขา
         ล้อ แล้ววิ่ง
         เขาตามทัน ผลักตกน้ำ
    
         แหมมันชื่นใจดีจัง
      
         อยู่ ป.1 นี่ ผมรู้สึกว่าผมโตแล้ว
    
    
         พอโตมาหน่อย
     
         ปี 1  ใน มข. มั้ง
    
         ผมไปช่วยเขาถอนต้นกล้าและก็ปักดำทำนาเลย  
         ทั้งที่จริงก็ไม่ได้ชำนาญอะไรหรอก
    
         ค่ำๆกลับบ้าน  เคียงกันมา
         แหมมีความสุข
    
    
         เป็นอดีตที่ผมไม่ลืม
    
         จำไว้หล่อเลี้ยงหัวใจ
    
         นี่ผมไม่เคยบอกใครเลยนะ
    
         เก็บไว้กี่ปีแล้วนี่
    
          โอว...นาน นะเนี่ย
  • อัลมิตรา

    5 ตุลาคม 2548 21:43 น. - comment id 523676

    ตกลงว่า เธอคนนั้น คือเธอคนเดิมในปัจจุบันหรือเปล่าคะ
    หรือว่า คนละเธอ ..
    
    
    ฮา ฮา มีฆ่าปิดปาก เอ้ย .. จ่ายค่าปิดปาก มาซะดี ๆ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 21:23 น. - comment id 523682

    ก็ดีแล้วนี่ครับ คุณกุ้งหนามแดง
    ควรสนับสนุน-ฮา
    
        ในเรื่องเริ่มทำรู้จักรักนี่มีเรื่องพูดถึงได้ไม่รู้จบ สนุก มัน ฮา ทั้งนั้น   แม้เรื่องห่ามๆของเราเองก็เถอะ  เอามาพูดเล่นๆก็ได้เพลินกันไม่เบื่อ  พวกเราทำใจกันได้หมดแล้วนี่นา  ใช่ไหมครับ
  • อัลมิตรา

    5 ตุลาคม 2548 21:28 น. - comment id 523688

    คุณก่อพงษ์ เคยไปยืนทำตาเยิ้มเลาะริมรั้วบ้านสาวหรือเปล่า
    หรือไม่ก็ไปคร่ำครวญเพลง ประหนึ่งว่า.. ขาดเธอไม่ได้ หัวใจขอสารภาพ .. น่ะ
  • เพรง.พเยีย

    6 ตุลาคม 2548 12:50 น. - comment id 523702

    อ่านแล้วก็ยิ้มด้วยคนค่ะ
    
    คิดเลยไปว่า...สงสัยจะมุ่งมั่นตอนหนุ่มๆ กันเสียส่วนใหญ่
    เพราะความพยายามดูเหมือนจะค่อยๆ ลดไปพร้อมๆ กับเวลาที่ผ่านไป
    
    จริงหรือเปล่าน้อ ?
  • อัลมิตรา

    5 ตุลาคม 2548 22:30 น. - comment id 523726

    กระทู้นี้พิมพ์เก็บต้นฉบับแล้วล่ะ 
    เอาไว้มีโอกาส จะเอาสาส์นชุดนี้ไปกำนัลแด่เธอ ..
    
    ฮา ..
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 22:37 น. - comment id 523736

    เล็กๆ.....มิต้าไม่
    ใหญ่ๆ....มิต้าทำ
    
    
    ถ้าคุณอัลมิตราทำได้ลงคอ
    ผมก็พร้อมที่จะทำใจรับสภาพและความเป็นไป
    
    เช่นอาจกลับไปเป็นคนจรอีกครั้ง
    
    ถึงเวลานั้น
    
    คุณอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
    
    
    
          บุคคลและเหตุการณ์ที่กล่าวถึง
    
           ล้วนเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะมาเป็นผมในปัจจุบัน
    
          ซึ่งรักเธอคนปัจจุบันเพียงคนเดียว
  • อัลมิตรา

    5 ตุลาคม 2548 22:46 น. - comment id 523746

    ฮา ฮา .. สายตาที่เยิ้ม ไหง๋ กลายเป็นละห้อยได้หนอ 
    
    เฮ้อ !! .. เพราะรักแท้ ๆ
    
    แหม๊ .. ใครจะไปทำได้ลงคอคะ .. ประเดี๋ยวไม่มีใครให้แกล้งอีกค่ะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 22:50 น. - comment id 523749

    นั่นแหละ  เพราะความรักล่ะ
    
    
      ผมชิงไปนอนก่อนนะครับ
    
      
      ราตรีสวัสดิ์
  • อัลมิตรา

    5 ตุลาคม 2548 22:51 น. - comment id 523752

    บ๊ายบาย ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
    
    พรุ่งนี้คุณค่อยเข้ามาอ่าน ของคุณร้อยแปดพันเก้า กะคุณทัพ นะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 ตุลาคม 2548 22:53 น. - comment id 523755

    ลืมไป
    
    ผมลืมลงท้ายด้วยฮาน่ะครับ
    
    ผมจะไปนอนหัวเราะต่อ
  • แมงกุ๊ดจี่

    6 ตุลาคม 2548 07:42 น. - comment id 523832

    สวัสดีค่ะ
    
    มาอ่านคอมเม้น    ฮี่ๆ ๆ
    นัยว่ามาแอบอ่านผุ้ใหญ่  คุยกัน  46.gif
    
    *มิตรภาพ*...
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    6 ตุลาคม 2548 07:43 น. - comment id 523833

    สวัสดีตอนเช้าครับ...ตอนเริ่มเล่นกีต้าใหม่ๆก็กะว่าเอาไว้อวดสาวนี่แหละ แต่เอาดีไปหน่อยก็เลยได้เล่นเป็นวง ทักทายตอนเช้านะครับผม...
    
    คุณอัลฯ คห.10...ไหงแซวข้ามบ้านแบบนี้อะ...
    31.gif
  • -ร้อยแปดพันเก้า-

    6 ตุลาคม 2548 08:28 น. - comment id 523845

    สวัสดีครับ คุณก่อพงษ์
     เพาะรัก.. ก็..เพราะรัก
    
    ไล่รุ่นกันมาตั้งแต่ป.1กันเลยหรือครับ สมัยนั้นเค้าเรียกเป็นแฟนกันรึเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าเพื่อนสาวเอาดินสอให้เต็มกระเป๋าทุกวัน จนแม่ต้องไปโรงเรียน เอาไปคืนให้เพื่อนกลัวลูกจะเป็นขโมย แต่สาวเจ้าก็ยืนยันว่าให้ผมจริงๆ ผมเลยหมดข้อกล่าวหาว่าขโมยเพื่อนมา
    
    มามัธยมฯ ก็ไม่มีหรอกครับ กลอนอะไรพวกนี้ สมองไม่มี มีแต่สาวเจ้าส่งกลอนเป็นจดหมายน้อย(จดหมายก้อม)เพราะผมเล่นกีฬา เป็นนักกีฬาโรงเรียน ก็เท่สุดแค่ในสนาม นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ
    
    มาปี.1ที่มอชอ ไม่มีเวลาดูสาวหรอกครับ กลังโดนไทร์มากกว่า แล้วสาวๆฝรั่งเศสที่ภาควิชาก็ไฮโซ มาก ไม่กล้ายุ่งกับใครเค้าหรอกครับ โน่น..แถวสนามกีฬา พรรคพวกก็เด็กวิศวะฯ เกษตร ก็เฮโลไปแถวสาวๆฝั่งสวนดอก สนุกไปทำนองนั้น น้อยคนครับที่เป็นแฟนตอนเรียนแล้วได้แต่งงานกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนกันมากกว่า รู้ไส้รู้พุงกันมากเป็นแฟนกันไม่ได้ ว่างั้นเหอะ
    
    เอ้า เดี๋ยวผมมาโม้ต่อ ..อ่านกลอนคุณก่อพงษ์แล้วดีครับ แต่เกรงว่า สาวๆที่หลวมตัวส่งจดหมายน้อยให้ผมเค้าคงอยากทวงกลอนที่เคยเขียนให้ผมคืนมากกว่าน่ะครับ แฮ่ แฮ่!!
    
    
    ทำงานให้มีความสุขนะครับ
    59.gif59.gif
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    6 ตุลาคม 2548 10:26 น. - comment id 523887

    ทักทายในตอนเช้าครับคุณแมงกุ๊ดจี่
    
         ผมไม่ค่อยได้พูดคุยกับใครเท่าไหร่เลยครับ   
         เป็นคนเงียบค่อนข้างมาก  ปากหนักก็ว่า
    
         ชอบฟัง  ชอบอ่านมากกว่า
    
          ทั้งหมดที่คุยกับคุณอัลมิตรา 
          ก็เหมือนมิตรที่ไว้ใจกันครับ   
          ไม่เชื่อใจผมก็คงไม่บอก สิ่งที่ผมเก็บไว้เป็นสิบปี
    
           แล้วพูดคุยกันอีกครับ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    6 ตุลาคม 2548 10:37 น. - comment id 523893

    มาอรุณสวัสดิ์คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้
    
         ตอนเรียนมัธยมนี่เพื่อนผมเล่นกีตาร์เป็นกันแล้ว    ส่วนผมไปหัดเอาตอนเรียน ปี.1 
    
         ผมเห็นเพื่อนเฟรชชี่เล่นกีตาร์สไตล์นิ้ว  นิ้วมือซ้ายไล่คอรด์ นิ้วมือขวาเกาสายและดีดเบสสลับ  ผมล่ะทึ่ง   ทำได้ไงวะนี่   
    
         ผมก็รอพรรคพวกหยุดเล่น ผมจึงลองจับดูบ้าง   เขาไม่ได้สอน แต่ผมจำเอา   หัดจนนิ้วมือบวม  ชา  และด้านไปในที่สุด  ก็เลยพอเล่นได้บ้าง  แต่ไม่เก่ง
    
         ผมอาศัยประสบการณ์ฟังทำนองเพลงและเล่นเองตอนนั้นแหละเอามาใช้เพื่อเขียนเพลงไว้  คือเติมคอร์ดเหนือบรรทัดเนื้อเพลง
    
         แต่ว่าตอนนี้ผมก็วางกีตาร์ไปแล้ว   มีแต่หลานเล่นกัน
    
         เคยเขียนเพลงกับเพื่อน ร้องกันอยู่หน้าชมรมข้างสโมสรนักศึกษาก็ได้สนุกสนานเฮฮานะครับ
    
         มีเพลงหนึ่งชื่อ  ใกล้แค่เอื้อม   เชื่อมมือก็คือไกล  จนกว่าใจจะเอื้อมมาเชื่อมกัน   เพลงนี้เพื่อนของผมชื่อเนรมิตร  วิเชียรเครือ เขียนคำร้องและทำนองเป็นส่วนใหญ่ ผมได้แจมบ้างนิดหน่อย  ตอนนั้นประทับใจมาก  เวลานี้ผมก็จำได้เฉพาะท่อนประทับใจ คือชื่อเพลงนั่นแหละ
    
          มีอีกหลายเพลงครับที่เขียนกับเพื่อน  เอาขึ้นไปร้องบนเวทีสโมสรนักศึกษาในงานรับน้องใหม่ก็เคยครับ
    
           แล้วค่อยคุยกันอีกครับ
    
           พูดเรื่องอดีตแล้วสนุกดี
    
            ใครจะว่าสูงวัย   ก็ไม่เป็นปัญหาใช่ไหมครับ-ฮา
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    6 ตุลาคม 2548 22:16 น. - comment id 523963

    มาตอบคุณ-ร้อยแปดพันเก้า- 
    กระทู้ความคิดเห็นที่ 23 และ 27 ครับ
    
        ตอนเช้าผมจะตอบกระทู้ที่ 23  คลิกแล้วเกิดความผลิดพลาด คือเข้ากระทู้ไม่ได้  ก็เลยมาลองใหม่ตอนเย็นนี่แหละครับ  แต่กซ่าจะแก้ได้ ผมก็ต้องลองไปแก้ไขไบออสของเครื่องใหม่   มันเปลี่ยนไปโดยที่ผมไม่ได้เป็นคนเปลี่ยนทำให้การใช้งานเพี้ยนไปหมด เช่นคอนเน็กได้แต่เข้าเว็ปไซต์ใดๆไม่ได้ซักที่  พอแก้ใหม่   อันนี้ผมลองผิดลองถูกแล้วก็จดจำไว้นะครับ  ก็พอแก้ปัญหาให้ตัวเองได้บ้าง  
       
        ชีวิตช่วงหลัง ป.1 จนถึง ป. 3  ผมจำได้อย่างลางเลือน  มันคงไม่มีอะไรน่าประทับใจ
    
         ก็แน่ล่ะ  เพราะเพื่อนผู้หญิงคนที่ผมชื่นชอบ(คนผลักผมตกน้ำป๋อมแป๋ม)  เขาย้ายตามผู้ปกครองไปต่างถิ่น  เราไม่ได้เจอกันอีกเลย
    
         ความจริงก็เกือบได้เจอ  คือช่วงที่ผมเรียน มข. ผมกลับไปบ้านวันศุกร์   แม่บอกว่าเธอกลับมาแวะถามหาผมในวันพฤหัส 
    คลาดกันหน่อยเดียว  ซึ่งผมก็ยังรู้สึกเสียดายเท่าทุกวันนี้   ก็ไม่มีอะไรมาก ผมแค่อยากบอกว่า  ช่วง ป.1  ผมปลื้มเขา  ชอบที่เขาเก่ง อ่านหนังสือเก่งมา พูดจาฉะฉาด  ที่จำไม่ลืมก็คือ  ตาเขาคม  มีเสน่ห์มาก  เพื่อนทุกคนกลัวเขา  ยกเว้นผม  ก็มันชอบไง  เลยไม่กลัว
    
        ป.4 นี่มีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนจนต้องย้ายโรงเรียน   เป็นประสบการณ์ที่ขมขื่นมากกับเพือนๆ   
    
       ย้ายโรงเรียนแล้วผมก็ยังโดนเพื่อนรังแกอีกจนถึง ป.6
    
       เป็นความรู้สึกขมขื่นมาก  จนผมตัดเพื่อนออกไปทีละคนสองคน  เหลือตัวเองอยู่ในโลกอันว้าเหว่   เพียงลำพัง  คือไม่อยากพูดกับใครเลย   รู้สึกมีปมด้อย รู้สึกว่าเพื่อนดูถูก  ไม่จริงใจด้วย  อะไรแบบนั้น
    
        ผมเก็บตัว พูดน้อยต่อเนื่องไปจนถึง ม.ปลาย   มาปรับตัวพูดคุยมากขึ้นบ้างตอนเรียนอุดมศึกษา   แต่ก็ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ร่วมคณะหรือร่วมสาขาวิชา
       ผมสังเกตตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าชอบเขียนมากกว่าพูด  ก็แบบได้สมุดบันทึกสี่ห้าเล่มในช่วงที่เรียนปีสองปีสามน่ะครับ
    
      เล่าพอให้รู้ภูมิหลังว่าทำไมถึงปากหนักน่ะครับ
    
       ความรักในช่วงเป็นนักศึกษานี่คงเขียนนิยายได้หลายตอนนะครับ   เดี๋ยวจะเขียนให้อ่านครับ   ผมลองเอามาเขียนบ้างแล้วในเรื่องสั้นชื่อ  รอยวัน ครับ  ที่เอามาเขียนเป็นร้อยกรองก็มีเช่นเรื่อง ขวาง  ได้ลงในนิตยสารผู้หญิง หลายปีก่อน ตั้งแต่คราวใช้นามปากกา เพีย คำปัน น่ะครับ   ผมเอามาโพสต์ไว้ในไทยโพเอ็ม ด้วยครับ คงอยู่ในกล่องเก็บกลอนโน่นแหละ เพราะนานแล้ว
    
        วัยเด็กผมชอบเพลง ที่ขึ้นท่อนแรกว่า
    
        จากปากช่องมา  
    
       เจ้าลืมสัญญา ของเราเมื่อสายันต์ 
    
        ก่อนเคยรัก  ใจภักดิ์ไม่เปลี่ยนผัน
    
        ทำไร่ใกล้กันจนตะวันตกดิน
    
        กลับบ้านเดินเคียง  สำเนียงได้ยิน
    
        ไม่เล่นลิ้น  รักสิ้นดินฟ้า...
    
       
         ก็คงเพราะเพลงนี้แหละมั้งครับที่ทำให้ผมไปช่วยเขาทำนา  เพื่อจะกลับบ้านเดินเคียง สำเนียงได้ยิน แบบที่ผมพูดถึงในกระทู้ความคิดเห็นที่  11
    
          ในช่วงเรียนอุดมศึกษา ผมเปลี่ยนไปชอบเพลงของคาราวานอย่างจับจิตจับใจ   เพราะได้อ่านหนังสือของนักศึกษาหัวก้าวหน้าสมัย 14 ตุลา 2516 , 6 ตุลาคม 2519 กับได้ฟังเพลงของวงเพื่อชีวิต ได้ฟังเพลงค่ายอาสาพัฒนาชนบทอยู่เรื่อยๆ    เพลงของเรากลายเป็นเพลงที่มีเนื้อหาเพื่อมวลชนไปโดยปริยาย
    
            เรียนจบผมมีโอกาสไปทำงานด้านพัฒนาชนบทอยู่ภาคเหนือตอนล่างอยู่พักหนึ่ง ได้ทำตามอุดมคติ   เพลงที่ร้อง แม้เป็นเพลงของเราก็มีเนื้อหาและแนวดนดนตรีแบบเพื่อชีวิตอยู่เหมือนเดิม   
    
           มาประทับใจกับเพลงของวสันต์  โชติกุลอยู่เพลงหนึ่ง   เพลงนั้นขึ้นต้นว่า
    
           เป็นเพราะเธอไม่รับไม่รู้เรื่องราว
           ปรับความเข้าใจใหม่..
           เป็นเพราะเธอเท่านั้นที่คิดมากไป
            ด้วยใจเธอเองทั้งนั้น
           
            ผมขี่รถเครื่องพาหญิงสาวออกไปซื้อเทปเพลงนี้ทั่วตลาดปากน้ำโพ  กว่าจะได้ก็เปียกปอนไปทั้งสองคนเพราะฝนตก  
            ก็เธออยากได้ ทำไมผมจะไม่ตามใจ
    
         (   อันนี้ถ้าคุณอัลมิตรามาอ่านก็คงนำขำออกก๊าก ล่ะ  )
    
    
         มาถึงช่วงอกหัก
    
          ผมชอบร้องเพลงของภูสมิง หน่อสวรรค์
          เนื้อเพลงว่า
    
    
          เดียวดาย เหมือนนกไร้รัง
          สิ้นหวังร้าวรานแรงเหนื่อยอ่อน
          ร่ำไห้ดังใจจะขาดรอน
           ทอดถอนสะอื้นกล้ำกลืนฝืนทน
    
            อ้างว้างดังลมครางอยู่กลางทะเล
            ว้าเหว่ดังโลกไร้ผู้คน
            มองหาซ่อนน้ำตาหมองหม่น
            อาภัพอับจน  สิ้นไร้หนทาง
    
            ฯ
    
     
            และเมื่อทำใจได้ก็ชอบเพลงของฤทธิพร  อินสว่าง ชื่อ  เพลงนางฟ้า  ที่ขึ้นต้นว่า
    
            สายลมแห่งรัก  พัดพา  เธอมา เพื่อจะพลัดพราก  เพื่อจะจดจำความรักและควมอาทร จากเธอนั้นไว้..
    
            ผมร้องบ่อยจนจำเนื้อเพลงได้ขึ้นใจ
            เล่นกับกีตาร์แล้วก็ซึ้งอยู่คนเดียว
    
    
    
            วกมาเรื่องวิจารณ์วรรณคดี  ผมอยากอ่านนะครับ  งานวิจารณ์วรรณกรรมร่วมสมัยนี่ผมชอบค่อนข้างมาก   ถ้าคุณร้อยแปดพันเก้ามี ก็โพสต์เลยครับผมจะอ่าน
    
            ผมเขียนเรื่องฮุบสื่อและมติชนไว้ด้วยนะครับ ในหน้าส่วนตัวของผม    งานเสียดสีระบบทักษิณ แบบยาวๆ ก็เคยโพสต์ไว้ครับเช่น ใต้แลนด์ เมืองแมนนี้ป่วยไข้
    
           ผมตอบยาวไปแล้วมั้งครับนี่
    
            ไว้ค่อยคุยกันอีกครับ
  • ก.พ

    6 ตุลาคม 2548 22:25 น. - comment id 523968

    มาตอบธรรม
    
        กลอนตอนนั้นเป็นแบบน้ำท่วมทุ่ง
        เพ้อไร้สาระครับ
    
        ที่อยากได้คืออยากกลับไปดูว่าการใช้คำตอนนั้นเป็นไงบ้าง   เขียนแบบฉีกคำมากไหม  ความไม่จบในวรรคมีมากไหม  เสียงใช้ได้ไหม   ส่วนเนื้อหาคงไม่ดู  รู้อยู่ว่าเป็นเรื่องความรัก
    
        เธอคนนั้นคงทิ้งมันลงแม่น้ำไปแล้วล่ะ-ฮา
  • ก่อพงษ์

    6 ตุลาคม 2548 22:27 น. - comment id 523970

    ขอบคุณครับคุณเรน
    
    นึกว่าคุณเรนชังและเลิกคบผมไปแล้ว
  • ร้อยแปดพันเก้า

    6 ตุลาคม 2548 15:11 น. - comment id 524037

    มาต่อซักหน่อย คุณก่อพงษ์ ผมจะกลับบ้านแล้วครับ  
    เรื่องเพลงก็เช่นกัน มันบอกช่วงเวลาของเราได้ตลอด เพลงนี้เคยร้องกับใคร ช่วงนี้อยู่กับใคร ทำอะไร กว่านั้น ยังมีเพลงของเรา แน่นอนครับ ขออนุญาตถามว่า คุณก่อพงษ์ที่ว่าปากหนักเนี่ย มีเพลงของเราเป็นเพลงอะไร ถามเฉยๆนะครับ ไม่สะดวกจะตอบก็ไม่เป็นไร มาชวนคุย เห็นคุณเป็นคนอัธยาศัยดี อย่าถือสานะครับ
    
    พรุงนี้จะมารออ่านงานคุณก่อพงษ์นะครับ เราคงจะเจอกันคนละเวลา ไม่เป็นไรครับ จารึกฝากไว้ที่นี่ละกัน...ไว้จะเอาวิจารณ์วรรณคดีฝรั่งเศสมาถกด้วย มีอะไรน่าสนใจเยอะ เข้ากับยุคสมัยก็หลายอย่าง เชื่อว่า ข่าวคราวของบ้านเมืองคุณก่อพงษ์คงติดตามสม่ำเสมอนะครับ ยังมีเรื่องอยากคุยอยู่เยอะ ไม่ทราบว่า คุณก่อพงษ์จะรัก มติชน เหมือนผมรึเปล่า เรื่องฮุบสื่อที่ผ่านมาทำเอาผมเซ็งมากไม่ใช่น้อย
    
    ไว้แอบมาอ่านกลอน มาคุยเรื่อยๆนะครับ46.gif
  • ธรรม ทัพบูรพา

    6 ตุลาคม 2548 16:40 น. - comment id 524095

    "ผมหัดเขียนกลอนจนนอนละเมอรำพัน\"
    ..เห็นไฟ พี่กพ.ในวัยหนุ่มแล้วชักจะอิจฉา..
  • เด็กกวนกาละแมโลก..

    6 ตุลาคม 2548 18:00 น. - comment id 524147

    26.gif..  อีกหนึ่งที่เรนเป็น....อิอิอิ..73.gif..
               แบบเรนชอบที่จะนั่งฟังผู้ใหญ่คุยกัน..43.gifด้วยดิคะ .. 
           
        เรนมองตาแป๋ว.. 43.gif
      แอบฟังแนวคิดของผู้ใหญ่..
        ท้าวค้างยิ้มละมัย..
    แบบเรนได้..มากมายด้วยดิคะ..62.gif
    
        เรนอยากไป..บ้านคุณจัง..
    เรนว่า ..  
       บ้านเล็กหลังนั้น..ต้องอบอุ่นมากๆเลยนะคะ..
           มีคุณพ่อ ..ที่ไม่ดุ..
    และคุณแม่ที่เข้าใจ..
                ..
    เรนว่า บ้านคุณต้องไม่เหงา..แน่ๆเล้ย..
        
    69.gif
  • ธรรม ทัพบูรพา

    7 ตุลาคม 2548 13:49 น. - comment id 524582

    วันนี้ผมมาแบบเบลอๆ ครับ พี่ก.พ.นอนไม่เต็มตา มาถึงบ้านเกือบตีสาม ..เขามาไล่อ่านตอบกระทู้เขาผิดๆ ถูกๆ ผมละอ้ายย อาย แต่เก็บอาการ
    แต่จริงๆ แล้วผมช่อนความร้ายกาจทางหัวใจแบบซื่อๆ บ้านนอกๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ..ฮา(เวรกรรม..)
    
    ช่วงนี้ผมกำลังเขียนไหลเป็นน้ำฝนเดือนหก แต่ไม่ได้นำมาโพสครับ
    
    อ่านๆกระทู้พี่แล้วผมก็อดยิ้มไปกับพี่ไม่ได้ 
    ส่วนผมเองก็นึกถึงแต่สายลมแห่งความหลัง กับความพังพินาศของเด็กชายแห่งสายลม กับก้าวที่ต้องกัดมุมปากเดินต่อไป วันหลังเรารวมวงกันนะพี่..(วงโปงลางออนซอน) ไม่ใช่สะออนนะ
    
    ออนซอน?
    สะออน?
    
    ภาษาบ้านเรานี่ก็เหลือเกินนะผมว่า..55
    36.gif
  • ธรรม ทัพบูรพา

    7 ตุลาคม 2548 13:52 น. - comment id 524583

    อ่านดูที่ตัวเองโพสก็รู้สึกว่ายังนอนไม่อิ่ม ยังวกวน เดี๋ยวคนอื่นเขาจะพลอยหมั่นใส้ผม ถ่อมตัวน้อยไปหน่อย พูดความจริงหน่อยบางทีก็กลายเป็นอวด..ยากจริงๆครับ..ยิ้ม
    
    ผมไปนอนต่อดีกว่าพี่..ด้วยความรู้สึกที่ดีครับ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    7 ตุลาคม 2548 20:07 น. - comment id 524774

    พลาดไปครับไม่ได้ตอบกระทู้ ความคิดเห็นที่ 26 ของคุณเพรง.พเยีย
    
        ความพยายามเรื่องความรักขึ้นถึงขีดสุดตอนที่เธอชั่งใจของเธอนะครับ  ว่าจะตอบรับรักหรือปฏิเสธดี    เป็นช่วงที่อึดอัดก็อึดอัด  ทรมานก็ทรมาน   ก็คงทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ 
    
        ใครผ่านช่วงนั้นไปได้  สมหวังหรือไม่สมหวังก็ตามทีเถอะ  ถือว่ามีภูมิต้านทานขึ้นอีกระดับหนึ่งล่ะ
    
         เมื่อสมหวังในความรักคือได้แต่งงานหรือครองคู่อยู่ด้วยกัน  ความพยายามแบบที่เคยทำ  ก็จะเปลี่ยนรูปไปเป็นความพยายามที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวประคับประคองความรักและครอลบครัว ไม่ให้แตกทำลายก่อนก้นหม้อข้าวจะดำ  รวมทั้งให้ยงยืนไปเลย
    
         มันไม่ใช่ความพยายามลดลงไปนะผมว่า
         เอาเป็นว่ามันเปลี่ยนรูปแล้วกัน
    
         ก็อย่างความรักของชายหญิงที่เป็นคู่รักกัน มันก็เปลี่ยนรูปไปเป็นความรักความอาทรต่อลูกแทน   
         สองคนทุ่มเทความรักของตนลงไปที่ลูก
         ความรักที่มีต่อลูกมันเติบโตงอกงามขึ้นมาทดแทนความรักของหนุ่มกับสาว  ก็จริงล่ะที่มันไม่ได้หายไป  แต่ความรักลูกมันเบ่งบานยิ่งใหญ่ชัดเจนมากกว่า
    
         เอ.. หรือว่าผมเข้าใจความรักผิดไปก็ไม่รู้นะ
    
         ขอบคุณคุณเพรง.พเยียนะครับที่เข้ามาทักทาย
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    7 ตุลาคม 2548 20:14 น. - comment id 524775

    มาตอบธรรม
    ขอบคุณที่ทักถามเรื่องหนังสือทำมือ
    
    ก็อย่างที่คุยกันไปแล้ว ว่าจะทำส่งประกวด
    
    คือจะทำเล่มใหม่อีกเล่มหนึ่งเลือกเอาแนวทดลองเป็นหลัก  
    
    ทดลองทั้งรูปแบบและเนื้อหาของร้อยกรอง
    
    ไม่ได้รางวัลก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก  แค่อยากปักหมุดไมล์เส้นทางนักเขียนร้อยกรอง เท่านั้นเอง
    
         พวกเรามีความสุขในการอ่านการเขียนก็แล้วกันแหละน่า  จริงไหม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน