15 ธันวาคม 2547 20:29 น.

** ราตรีนี้ ณ ดอยผ้าห่มปก **

กอกก


      
     ราตรีนี้ ณ ดอยผ้าห่มปก


สายลมโชย  โบยโบก  วิโยคพลิ้ว
แรงพัดปลิว  ละลอก  ตอกความหนาว
กอดอกขม  ตรมอยู่  ดูฟ้าพราว
คืนใจร้าว  ร้อนรุ่ม  กลุ้มทรวงใน

ดาวระยิบ  พริบพร่าง  กลางฝันคว้าง
ชีพมาร้าง  รัวหม่น  จนสั่นไหว
คนผิดหวัง  ฝังร่าง  ย่างมาไกล
เป็นร่างไร้  วิญญาณ  รักผลาญทรวง

กระชับร่าง  ช่างหนาว  เหลือกล่าวนี้
ด้วยแขนที่  ระท้อ  จนพ้อสรวง
จากหญิงหนึ่ง  ซึ่งช้ำ  กระหน่ำลวง
กาลโรยร่วง  บ่วงมาร  รานหัวใจ

จากถิ่นฐาน  บ้านช่อง  จรถึงนี่
นำฤดี  ทดท้อ  รอแก้ไข
ดอยผ้าห่มปก  กก กอด  พรอดพิไร
น้ำตาไหล  รินอาบ  มาทาบทา

เจ็บหลายครั้ง  ดังบาป  ที่สาปส่ง
ทำใจปลง  ปล่อยว่าง  ไม่กังขา
แต่ยังทุกข์  จุกแน่น  แก่นอุรา
ทำไงหนา  เหนื่อยล้า  ข้าอยากเบือน

ผ้าห่มปก  ศกนี้  มีความสวย
ความสูงด้วย  ที่สอง  ต้องอินท์เฉือน
แนวเขางาม.ตามดอย  หมายคอยเยือน
หวังลบเลือน  ใจหมาง  ให้ร้างลา

           
                   ****************


**ดอยผ้าห่มปก**   เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองรองจากดอยอินทนนท์  เนื่องจากเป็นภูเขาสูงที่หนาวเย็นทั้งปีทำให้ต้นไม้ใหญ่จะถูกปกคลุมด้วยพวกมอส ตะไคร่หนาแน่นไปหมด มองไกลๆ คล้ายๆ ต้นไม่ใส่เสื้อ หรือถูกคลุมด้วยผ้า จึงเรียกกันว่า ดอยผ้าห่มปก
แต่ปัจจุบัน ได้เปลี่ยนชื่อเป็นทางการใหม่ว่า *ดอยฟ้าปก* เพราะสูงเทียมฟ้าและไพเราะมากว่าเก่า
อุ๊ยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่นะคะ  อุณหภูมิเมื่อคืน 0.0 องศา c   หนาวหนาวและหนาวค่ะ



				
9 ธันวาคม 2547 20:01 น.

*** ชีวิตเสเพล ***

กอกก



        
       ไฟสกาว  พราวพริบ  ระยิบระยับ
แสงวาววับ  ข้างเวที  ที่สลัว
แต่งยวนยั่ว  อล่างฉ่าง  ช่างโชว์ตัว
เห็นกันทั่ว  ทู่ซี้  ไม่มีอาย

       เสิร์ฟสุรา  อย่าให้  ได้บกพร่อง
ยามชงต้อง  เติมโซดา   อย่าขาดหาย
เหล้าน้ำแข็ง  แต่งปน  คนประปราย
ดื่มให้คลาย  โหยหา  น้ำตานอง

       หยิบบุหรี่  มีอยู่  ส่งสู่ปาก
จะขอฝาก  ฝันยับ  กับควันหมอง
สิ้นสำนึก  ตรึกคิด  ผิดครรลอง
ทิ้งก้นกรอง  บดขยี้  บี้หัวใจ

       เมาโซเซ  เป๋ไป  นั่งไกวโยก
หทัยโศก  เศร้าหม่น  เกินทนไหว
เหล้ากระดก  ผงกกิน  ผ่านลิ้นไป
อีกแก้วไง   เอ้า...ดื่ม  เพื่อลืมเธอ     ( ยังไม่..มาวว..วว... )

       เที่ยวกลางคืน  กลืนเหล้า  เมาบุหรี่
ชีวิตนี้  น่าหยัน  กับวันเผลอ
ยานอนหลับ   รับว่าเขลา  เมาจนเพ้อ
เจ็บจริงเออ   ซ้ำซาก   หาก...หนำใจ


               *****************


    **   ตัวอย่างที่ไม่ดีนะน้องจ๋า  **
     **   มันเป็นเพียงจินตนาการ  **


				
7 ธันวาคม 2547 20:28 น.

** ทำใจว่าง วันวิวาห์ **

กอกก


       

       ทำใจว่างวางก่อนรอนรู้สึก
ห้วงสำนึกนำพาว่าสับสน
ทุกข์โศกหม่นปนเศร้าเราร้อนรน
หทัยป่นปวดลึกศึกหัวใจ

       ทำใจว่างวางก่อนวอนสติ
เลิกทิฐิเที่ยวตู่คู่คนไหน
ลมหวนพัดซัดตรงส่งมาไกล
สองคนไซร้ สมกัน  วันวิวาห์

       ทำใจว่างวางก่อนสอนใจสั่ง
จึงมาหลั่งน้ำสังข์ไม่กังขา
หน้าเปื้อนยิ้มพิมพ์แย้มแจ่มดวงตา
เป็นนัยว่าวังวนพ้นจากกัน

       ทำใจว่างวางก่อนย้อนขมขื่น
ดูระรื่นเริงร่าหน้าแต้มฝัน
จำกล้ำกลืนฝืนกลบลบเลือนมัน
เพื่อผ่านวันแววหวานที่รานใจ

        
        **จึงอวยพรวอนสรวงปวงเทวะ
ขอคุณพระคุ้มครองให้ผ่องใส
สุขสมหวังดังจิตคิดยาวไกล
คู่ฤทัยเทิดเด่นเช่นทินกร**


       ทำใจว่างวางก่อนตอนเขียนจบ
ก้มหน้าพบพล่ามัวตัวอักษร
อย่าให้หยดรดทับกับบทกลอน
น้ำตาย้อนไหลลับให้กลับใน

       ทำใจว่างวางก่อนก่อนเดินจาก
ต้องกระชากตัวเขยื้อนเพื่อเคลื่อนไหว
ชา เจ็บ ร้าว ก้าวไม่ออกจะบอกใคร
ขอตัดใจ จึงย่าง  เพื่อร้างลืม


          
             
                     ************



**  ไปร่วมแสดงความยินดีกับเขาและเงาที่พัดหวนกลับคืนมา  **
                                      
                                  **ยินดีด้วยใจจริง**



				
29 พฤศจิกายน 2547 23:14 น.

** บัตรเชิญเฉือนใจ **

กอกก


     **  ลาก่อนทุกคน **


        การ์ดชมพูดูสว่างวางไว้นิ่ง
ตาแลดิ่งดื้อจ้องมองหลายหน
ความขมขื่นกลืนกล้ำกระหน่ำตน
เจ็บจนล้นลึกนักต้องหักใจ

        เห็นหน้าซองมองชื่อคือฉันแน่
แสนท้อแท้ทุกข์ช้ำทำไฉน
ต้องฝืนตัดพลัดพรากรักจากไป
เขาหนีไกลกู่ร้องปองวิวาห์

       เช่นพายุดุดันพลันกระหน่ำ
สุดระกำเกินแก้แน่แล้วหนา
เหมือนทุกข์ทับดับดิ้นสิ้นอุรา
สายฟ้าผ่ากลางใจให้โอดครวญ

       อะไรหรือคือจริงกับสิ่งนี้
ไม่เคยมีวี่แววแนวลมหวน
จึงตระหนักรักฉงนคนแปรปรวน
ใจแสนป่วนปวดฝังดังลิ่มแทง

       นำภาพเขาเฝ้าดูอยู่ครู่ใหญ่
ก่อนนำใส่ส่งคืนคนใจแฝง
รูปนั้นเลอะเปรอะหนอขอชี้แจง
น้ำตาแต่งแต้มเปื้อน...ภาพเฉือนใจ


             
                    **********



				
25 พฤศจิกายน 2547 19:37 น.

*** จันทร์จ๋า อย่าไปไหน ***

กอกก


      

       ยืนเดียวดาย  แหงนหน้า  มองฟ้ากว้าง
คนใจร้าง  แรมมา  คราใจหมอง
กอดอกแน่น  แสนช้ำ  น้ำตานอง
ลมหนาวต้อง  กายล้า  มาแผ่วเบา

       มองจันทรา  สาดแสง  เรืองรองอ่อน
เงาสะท้อน  ทาบส่อง  ต้องขุนเขา
เห็นตะคุ่ม  คลุมขอบ  รอบลำเนา
เป็นภาพเศร้า  ดูเหงา  ใต้เงาจันทร์

       ศศิธร  ค่อนดวง  โชติช่วงเด่น
คืนเดือนเพ็ญ  โพยมผ่อง   ต้องบุหลัน
เสียงเพรียกพร่ำ  ร่ำร้อง   *กันและกัน*
*เธอกับฉัน*   ไฉน   ให้แยกเดิน

       ได้พระจันทร์  เป็นเพื่อน  เยือนครานี้
ดลฤดี  ดื่มด่ำ  พร่ำสรรเสริญ
มาเถิดนะ  เพื่อนจ๋า  ข้าเศร้าเกิน
อย่าทำเมิน  ไม่มอง  จะหมองใจ

       จันทร์เจ้าขา  รู้ไหม  ใจข้าร้าว
อยากถามข่าว  เรื่องราว  เขาอยู่ไหน
รอนแรมมา  หาดู  ถึงภูไกล
เหนื่อยล้าใจ  เจ็บท้น  จนล้นทรวง

        แล้วเมฆา  มาบัง  ดวงศศิ
เป็นตำหนิ  ว่าแสงดับ  จะอับสรวง
ออกมาเถิด   เฉิดโฉม  โอม!..โชว์ดวง
มาเป็นบ่วง  ฝันเติม  เพิ่มสัมพันธ์

       จันทร์จ๋า  อย่าไปไหน.
อยู่ใกล้ใกล้  ประวิง  อย่าทิ้งฉัน
หมดแรงสู้   สิ้นแล้ว  แม่แก้วจันทร์
เป็นเพื่อนกัน  ก่อนรุ่งราง  ฟ้าสางเยือน

        
            
                *****************



                             
                              ** อ้อนจันทร์**

** ก่อนที่เมฆเสกของคุณผู้เฒ่า..(ไม่)โง่งม จะมาบังจันทร์ **
                      
                       ** จันทร์จ๋า อย่าไปไหน ** 


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกอกก
Lovings  กอกก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกอกก
Lovings  กอกก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกอกก
Lovings  กอกก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกอกก