30 เมษายน 2552 19:24 น.

ลานรักรอขวัญ..!!!

คนกุลา

.

ก่อนจะสร้างทิพย์สถานพิมานมาศ

ต้องกล้าวาดอากาศว่างกลางฟ้าใส

จินต์ถึงทิพย์ถิ่นวิมานสถานใด

ดลแรงใจสร้างสรรค์ฝันสู่จริง


เพราะเที่ยวท่องล่องไปในทุกที่

จึงไม่มีแหล่งหลักยึดสักสิ่ง

แล้วจะหาที่ไหนไว้พึ่งพิง

ให้แอบอิงพิงพักพำนักกาย


ยามเที่ยวมองท่องเที่ยวส่ายเหลียวหา

พบลานตาลานใจได้มุ่งหมาย

ร่มละอองรื่นร่ำรินฉ่ำกาย

อยากจะได้รู้สถานบ้านใครกัน


ดอกรักบานละลานไปบ้านใครหนอ

หวานเพียงพอทอดอกรักถักใยฝัน

รอบไม้เหลืองเรืองรองทองอำพัน

ทุกวี่วันดอกรักรอแตกช่องาม


ล้วนกอรักเป็นรั้วราวขาวเป็นแถว

ตลอดแนวปลูกนานไหมไคร่ขอถาม

ปลูกด้วยพันธ์ใดหนอช่อแสนงาม

อยากให้นามกลัวเจ้าของจะข้องใจ


แอบตั้งนามตามคิดจิตพิสุทธิ์

ประดับดุจดั่งงามกว่านามไหน

ชื่อ"ลานรักรอขวัญ"แม้วันใด

ไม่มีใครให้บ้านนี้มีสองเรา


แต่วันนี้ไม่มีใครให้เคียงคู่

ท่ามฝนต้นฤดูรู้ว่าเหงา

รอนะขวัญรอวันที่เรามีเรา

เป็นดั่งเงา....ทอดประสานลานรักรอ


.


...............



กลอนพาไป แต่หัวใจพามา				
30 เมษายน 2552 17:17 น.

หนาวใจ..ในเยเรวาน ..!!!

คนกุลา

.............


ใบเมเปิลเหลืองหล่นต้นหน้าหนาว

ปุยเมฆวาวย้อยใยฟ้าใสสวย

คนมาเยือนย้อนความหลังยังงงวย

เหมือนจะช่วยเปิดกว้างหนทางไป


ฝนที่นี่ยังมีหล่นจนหนาวเหน็บ

อยากจะเก็บใจหนาวรานต้านไม่ไหว

สาวเท้าก้มหลบร่มกางหนทางใด

ถามหัวใจเราคงหนาวเท่าเท่ากัน


มาถึงนี่ความไหวหวามยังตามติด

ไม่รู้ทิศให้ถามใครในความฝัน

บนหนทางข้างหน้าต้องฝ่าฟัน

คงขาดขวัญคนดีเคยมีมา


ถามคนไหนไม่มีใครให้คำตอบ

จึงต้องหอบเอาความยากอยากถามหา

คิดถึงที่ไกลมากวันจากลา

เก็บน้ำตาไว้ไม่ไหว...ปล่อยไหลซึม

.

..................


ต้นหนาว

เยเรวาน   อาร์เมเนีย,  ตุลาคม  2551				
29 เมษายน 2552 03:34 น.

....วนาทิพย์....

คนกุลา

.............


เทพทิพย์เทพีไพรในกาลเก่า

ตามเรื่องเล่าคนโบราณผ่านต่อเนื่อง

จากป่ารกพงหนามาสู่เมือง

สานต่อเนื่องนับครรลองเผ่าผองชน


มีธารเลาะเกาะแก่งเซาะแหล่งหิน

น้ำใสรินถิ่นปลาร่าเริงฝน

ใบไม้ร่วงแดงเหลืองเรื่อเรืองปน

หมอกม่านหม่นคลุมลอยอ้อยอิ่งไอ


ต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเหมือนคนเฒ่า

ตะไคร่เก่าไต่ต้นแต่หนไหน

เทพารักษ์ประทับร่างแฝงทางใด

เทพีไพรเคียงเทพเจ้าคุ้มเขางาม


เทพีไพรและเทพเจ้าเฝ้าดงหลวง

ใครอยากล่วงล้ำหยุดสุดเขตห้าม

คนยุคใหม่เก่งเหลือใจไม่ทำตาม

เอาเพลิงลามรุกถางร้างป่าพง


เทพเทพีวันนี้ต้องลี้หลบ

ไม่อยากพบศพทรากไม้กลายเป็นผง

ยามแล้งร้ายหายเหือดเดือดทั่วดง

เทพทิพย์คงช่วยอย่างไรไม่เห็นทาง


อาจช่วยได้อยู่บ้างเป็นบางจุด

ผู้พิสุทธิ์รักวนาและกล้าสร้าง

ปลูกป่ากลางทางทุ่งรุ้งเลือนลาง

ฝืนสรรค์สร้างแม้เสียงห้ามท่ามผู้คน


เพียงเพื่อเสกน้ำล้อมโอบอ้อมขวัญ

ประดุจจันทร์ประดับดาวพราวเมฆหม่น

เป็นรั้วรอบกรอบหัวใจใครบางคน

ผู้รักฝนระใบไม้ร่ายลำนำ


นิรมิตรระบำฝนบนลานหญ้า

เพื่อลดราร้อนแล้งที่แกล้งย้ำ

เทพแห่งไพรไหลน้ำฟ้ามาพรำพรำ

เพื่อหมู่ส่ำสัตว์สา.....มาเสพย์เย็น

.


..................

.				
28 เมษายน 2552 09:05 น.

....สุนทรียารมณ์....

คนกุลา

.

พรมหีบเพลงบรรเลงหวานกังวานแว่ว

ผิวขลุ่ยแผ่วแว่วว่ามาแต่ไหน

สวยสง่าท่ากลบทรินรดใจ

ดับดวงไฟตัณหามากล้ำกราย

.
สดับกานท์กวีที่เรียงร้อย

ทุกทุกถ้อยคำเคียงเพียงรำร่าย

ตรับกวีคีตศิลป์รินพร่างพราย

ชื่นโชยชายซ่อนลมบ่มกมล

.
ฟ้าเงียบดำคร่ำคร่าเพลาค่ำ

ระงับงำเยียบเย็นไม่เห็นหน

เกลี่ยอารมณ์ถมช่องว่างระหว่างคน

ร่ายเรียงมนตร์รุ้งสายอาบกายใจ

.
แปลงพลังอินทรีย์ที่มีอยู่

ดั่งฤดูหมุนผ่านกาลสมัย

ก่อกำเนิดเกิดชีวิน ณ ถิ่นไกล

คล้ายฝนใหม่หลั่งหล้ามาประโลม

.


โอ้ว่าทิพย์สถานพิมานสรวง

ใจฤๅล่วงลอยพราวมาน้าวโน้ม

ชำระล้างกลางใจใดชะโลม

ก่อเกิดโสมนัสน้อมนำย้อมใจ

.
ในห้วงหาวแห่งนี้เป็นที่ทิพย์

ม่านฟ้าพริบพริ้วพริ้วปลิวไสว

สุนทรีย์พร่าพร่างมาทางใด

อาบอารมณ์ห่มใจให้สุขทรวง

.
วนเวียนว่ายร่ายคำนำมนัส

เจิดจรัสลำนำใจรินไหลล่วง

ชำระจิตชะล้างใจไร้โลกลวง

ลุแล้วห้วงสุขี.........สุนทรียารมณ์


..............................................				
27 เมษายน 2552 09:50 น.

จินตนาการ..แด่.."ม่านดอย"

คนกุลา

กลอนบทแรก เป็นกลอนที่แต่งไว้นานมากแล้ว  

จำบทต่อไปไม่ได้   เขียนเกี่ยวกับจินตนาการและ

ความมุ่งหวังที่เกี่ยวกับทำงานบนดอยสูง 

ส่วนสองบทหลัง

เขียนใหม่ ครับ ซึ่งหลายเสี้ยวส่วนจาก

การตอบกลอนของเพื่อนบ้านกลอน 

ที่ชื่อ "ม่านดอย"

ขออนุญาติไว้ ณ ที่นี่ ด้วยนะครับ คุณ ม่านดอย

.

ลุยดงหมอกขาวหนาวไหมเพื่อน

แชเชือนอยู่ทำใมเล่า

เบื้องหน้าความหวังยังพราว

ป่ามันเร้าเร่งให้เอ็งไป

.

ได้คืนสู่ดอยสูงเสียดเบียดห้วงหาว

ท่ามแสงดาวพราวพร่างกลางฟ้าใส

เหมือนอยู่ในแดนสรวงแห่งห้วงใจ

ยิ่งกว่าใครอยู่ใกล้ฟ้ากว่าทุกคน

.

ยินดี ซิ ยามได้กลับสู่บ้านเกิด

เพื่อไปเทอดทูนไทในทุกหน

คือการกลับไปหาค่าตัวตน

ย้ำชื่อคนไกล้ฟ้าว่า"ม่านดอย"

.

จะสร้างถางทางไพรให้งามงด

ให้ใสสดสิ้นหมองต้องไม่ถอย

แม้นบางอย่างยังไม่เพริศแสนเลิศลอย

สู้สร้างดอยเป็นแดนฝันบ้านของเรา

.

ฝันเพียงว่าเธอมาสร้างร่วมทางด้วย

กลับมาช่วยซับน้ำตาฝ่าความเหงา

วันเหนื่อยหนักพิงพักใจให้บางเบา

เป็นเหมือนเงากันและกันควั่น"ม่านดอย"

.



...................				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกุลา