24 สิงหาคม 2551 08:49 น.

ควายโดนเข้าอีกแล้วหรือ

ครูกระดาษทราย

kahq8.gif        

         ในคาบเรียนที่เจ็ด  ของทุกวัน  เป็นคาบเรียนที่ทุกคนใจจดใจจ่อรอเสียงสวรรค์  ซึ่งเด็กๆ เรียกเสียงสัญญาณบอกเวลาของโรงเรียน  ครูบางคนก็ไม่ชอบสอนคาบนี้  แต่ครูกระดาษทรายชอบจังเลย  
          ในคาบที่เจ็ดวันนี้เช่นกัน  ครูกระดาษทรายออกจากห้องสอนชั้นหก   ซึ่งเป็นนักเรียนห้องหัวกะทิ  กว่าจะออกมาได้ก็ต้องตอบข้อสงสัยต่าง ๆ ของเด็กเกินเลาอีกแล้ว  รีบสาวเท้าไปยังชั้นสี่  อีกอาคารหนึ่งอย่างรวดเร็ว  เนื่องจากห้องที่กำลังรอนั้นเป็นนักเรียนชั้น ห้องห้า  ซึ่งใคร ๆ ก็ชอบเรียกพวกเขาว่า ห้องห่า  เด็กห้องนี้ก็รอใครไม่เป็นเสียด้วย  ถ้าเข้าช้าก็จะเปิดวงดนตรีบ้าง  เวทีมวยบ้าง  บางรายกงัดข้อกัน  หรือไม่ก็ปั่นแปะ  บางคนก็โต้วาทีกันสนั่นห้อง  ครูกระดาษทรายเดินมาถึง  หลายคนยังไม่เข้าห้องมารอ  เนื่องจากเด็ก ๆ เองก็ย้ายห้องเรียนจากห้องนาฏศิลป์  ของครูโอ้มา  ก่อนถึงประตูห้อง  มีคนแอบมองต้นทางไว้แล้ว  ครูมาถึงนั่งกันเงียบเชียว  ด้วยรู้ว่า  ถ้าขืนเสียงดังวันนี้ครูกระดาษทรายกักตัวไว้แน่ ๆ 
          นักเรียนตรง  หัวหน้าสั่ง   ทุกคนยืนขึ้น  บางคนตัวยืน  แต่มือไปป่ายอยู่บนหัวเพื่อน จนหัวหน้าบอก
          ทำความเคารพ  
          สวัสดีครับ
          สวัสดีค่ะ
          ทุกคนเงียบ  เรียบร้อยแล้ว  ในใจก็คงรอให้ครูบอกให้นั่ง  ครูกกระดาษทรายก็ยังไม่บอกสักที  เด็กบางคนเหลือบตามอง  วันนี้ครูจะมาไม้ไหนน้า
          อ่ะ สำรวจตัวเอง  แต่งตัวให้เรียบร้อย  เด็กหญิงไม่เท่าไหร่  เด็กชายรับรวบชายเสื้อยัดเข้าไปในกางเกง  ทันที
          เสร็จแล้วก้มลงไปดูพื้นใต้โต๊ะใครมีเศษกระดาษก็เก็บไปทิ้ง
เด็กชายที่นั่งท้ายห้องรีบหยิบถังขยะเดินไปตามแถว เพื่อนๆ นำขยะใส่ให้  เรียบร้อยแล้วยืนนิ่ง  ครูจึงให้นั่ง    พอก้นถึงเก้าอี้ ปากก็เริ่มทำงาน อิอิอิ  ทำอะไรบ้างล่ะปาก  บ้างก็เคี้ยวหมากฝรั่ง  บ้างก็คุย  ถามกัน
           อืม ! ครูคิดว่าจะให้นักเรียนกคุยกันก่อนสัก ๓๐ นาทีแล้วเราเริ่มเรียนจะดีไหม  ครูกล่าวลอย ๆ    เด็ก ๆ เงียบโดยอัตโนมัติ  ก็วิธีนี้เคยเห็นครูทำกับห้องอื่นมาแล้ว  จึงไม่คุยกันทั้งห้องเชียว  อยากรู้ว่าวันนี้ว่าครูจะให้ทำอะไร หรือว่าจะมาไม้ไหน  ครูเริ่มทบทวนเรื่อง ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง  ซึ่งได้สอนจบไปแล้วเมื่อคาบก่อน  แล้วให้นักเรียนนั่งด้วยกัน  จากนั้นก็ให้ใบงานไป ๒ ใบ  แล้วให้นักเรียนตอบคำถามลงในใบงาน  
            กลุ่มใครเสร็จก่อนครูจะปล่อยกลับบ้านก่อนหมดเวลา (ก่อนหมดเวลาหนึ่งนาที อิอิอิ)  เด็ก ๆ รู้อยู่แล้วว่าครูกระดาษทรายไม่ค่อยปล่อยก่อนเวลาบ่อยนัก ยกเว้นมีธุระเรื่อง ผุ้ปกครองเด็กมีปัญหามารอบ้าง  มีงานเร่งด่วนบ้าง จึงจะปล่อยเด็กก่อนเวลา  ทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อให้กลุ่มตัวเองเสร็จก่อนใคร ๆ 
เด็กชายมดดำ เพื่อน ๆ เรียกเขาแบบนั้น  ตัวเล็ก ดำ ๆ  ตาโต  ท่าทางพูดมาก  แต่วันนี้ตั้งใจเรียน  เดินมาถามครูว่า
             ครูครับ  ผมมีอะไรจะถามหน่อยครับ
              ถามมาสิครับ    
              เด็กชายมดดำป้อนคำถามมาว่า
              ครูครับ  พ่อขุนรามคำแหง ชนช้างชนะขุตสามชน  ตอนอายุสิบเก้าใช่ไหมครับ
              อืม ! ใช่แล้วครับ    ปกติ ครูกระดาษทรายจะพูดครับกับเด็กชาย  บางครั้งก็พูด  ครับผม  แต่ถ้ากับเด็กหญิง  ครูก็พูด ค่ะ  แต่ไม่เคยพูดว่า ค่ะ ดิฉัน อิอิอิ
              เด็กชายมดดำหันหลังกลับยังไม่ทันถึงกลุ่มเพื่อนก็ตะโกนว่า
             เห็นไหม ไอ้พวกควาย !  กูบอกแล้วว่าสิบเก้าไม่เชื่อ  ไอ้โง่เอ๊ย โห ! ดูกลุ่มเพื่อนเค้าสนทนากัน ควายโดนอีกแล้ว  สงสารควายจริง ๆ  เอามันไปเปรียบเทียบกับความโง่เสียหายหมด  ที่ดี ๆ ไม่ยอมมาเปรียบให้ควายเลยนะ เช่น ควายอดทน  ความซื่อสัตย์  ความขยัน  ควายช่วยงาน  ควายไม่เคยบ่น  ควายไม่โกงกิน ก็ไม่พูดเปรียบกันบ้าง
            มดดำ !  ครูกระดาษทรายทำเสียงปราม  
            ครับ...........    เด็กชายรีบกลับไปนั่งที่แล้ว  จะอะไรเสียอีก เพื่อนกำอากาศวางบนหัวมดดำล่ะสิ  
            ทุกคนทำแบบฝึกหัดกันไปเรื่อย ๆ เงียบ  สลับกับการสนทนา ภาษาพ่อขุน   ก็มีเสียงใครคนหนึ่งถามเพื่อน ด้วยความไม่รู้ หรือว่าไม่ได้ค้นหาคำตอบก่อนกันแน่
           เฮ้ย !  พ่อขุนรามคำแหงทรงช้างชื่ออะไร  เด็กชายคนหนึ่งอ่านคำถามกันในกลุ่ม แต่ดังมาถึงหน้าห้อง
           ชื่อก้านกล้วย  หรือชบาแก้วนี่แหละ  เด็กชายภูริชญ์   หรือไอ้ตั้ม   ปากเปราะตะโกนตอบทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ แต่ก็ตอบไปตามปากของเขาล่ะ  คะนองนัก
           ไอ้โง่ ! เอ๊ย   ก้านกลัวยช้างพระนเรศวรโว้ย! คนละสมัยเลย  เจ้ามดดำคนเดิมคิดว่าเพื่อนไม่รู้  ก็ตอบด้วยความหวังดี พร้อมทั้งเอามือไปตบหัวไอ้ตั้มเบาๆ  เชิงหยอกล้อ  ไอ้ตั้มไม่ว่าอะไร  ผลักกันตบบ่อยจนชินกระมัง
            เออ  กูรู้แล้ว  ไอ้ตั้มตอบ แล้วทำหน้ากวน ๆ

            แต่ถึงอย่างไร  คำว่า กู  มึง  ยังคงใช้สืบต่อมากจนถึงปัจจุบันนี้ เออ! ช่างรักษ์ภาษาเสียจริง ๆ เด็กห้องนี้  ใครมีวิธีแก้ไขช่วยเสนอแนะบ้างค่ะ  ขอบคุณค่ะ


 7041291gifkr3.gif


				
18 สิงหาคม 2551 08:06 น.

ย้อนรำลึก ๑๘ สิงหาคม

ครูกระดาษทราย

วันนี้วันที่ ๑๘ สิงหาคม  แล้วหรือ  ข้าพเจ้า   คิดถึงเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียน อาจารย์ที่ปรึกษา สมัยเรียนชั้น ม. ๕ ไม่ได้  ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาเคมี  นึกแล้วก็หัวเราะในใจทุกที  ตอนนี้อาจารย์ย้ายไปสอนเคมี ที่โรงเรียนราชวินิตบางแก้วแล้ว   ครั้งหนึ่งข้าพเจ้ากับเพื่อน ๆ เรียนเคมีกับอาจารย์  ท่านให้นำหลอดทดลองใส่สารเคมีแล้วต้มกับตะเกียงแอลกอฮอล์  อาจารย์สั่งว่า  
            ให้นักเรียนคอยวัดอุณหภูมิ  นะครับ
            ค่ะ  ครับ  ทุกคนปฏิบัติตามอาจารย์อย่างตั้งอกตั้งใจ  
            เพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่งชื่อมธุรส เราเรียกย่อ ๆ ว่า ไอ้มะ  แหม! ชื่อมันเพราะดีนะ  แต่มันกวนประสาทมากเลย  ไม่ทราบไอ้มะคิดอย่างไร  เอาไม้คีบหลอดแก้วร้อน ๆ จากตะเกียงเดินมาใกล้ ๆ แล้วบอกว่า
            อาจารย์ให้วัดอุณหภูมิ 
 ข้าพเจ้าก็ส่งเทอร์โมมิเตอร์ให้  แต่ไอ้มะ ไม่ยอมเอาเทอร์โมมิเตอร์จากมือข้าพเจ้าไป  แต่มันกลับนำหลอดร้อน ๆ มาวัดอุณหภูมิกับข้อมือข้าพเจ้าน่ะสิ  
           โอ๊ย ! นี่มันร้อนนะ  ข้าพเจ้าร้องออกมา มันกลับหัวเราะ  ไอ้นี่ซาดิสจัง ! 
           เอ้า!  ได้ผล ร้อนแล้ว  ไอ้มะ  พูดพลางยิ้ม
           เอ็งได้ผล แต่ข้าได้แผลนะ โอย!   ข้าพเจ้าบ่นอุบอิบ  พลางเอาปากเป่า  ที่ข้อมือซึ่งปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาแล้ว  นึกทีไรแค้นไม่หาย  ก็ไอ้รอยแผลเป็นปรากฏอยู่ที่ข้อมือข้าพเจ้า  ไอ้ข้างที่ข้าพเจ้าใช้ไม่ดีดจะเข้พันนั่นแหละ  เสียโฉมหมดเลย  ปกติมือข้างนี้ก็ขี้เหร่  เพราะส้นมือด้านจากการสัมผัสจะเข้แล้ว  มันยังมาเพิ่มแผลเป็นให้อีก  นี่ถ้าเป็นผู้ชายเราคงได้ชกกันไปแล้วล่ะ
            อีกอีกเหตุการณ์ในห้องเคมีอีกเช่นกัน  คนนี้มันไม่เกี่ยวกับมือข้าพเจ้าแล้ว  เพื่อนคนนี้ชื่อจักรภพ  เราเรียกมันว่า ไอ้ภพ  ฉายาล่าสุดคือ จักรภพทำแตก  เรื่องมันก็มีอยู่ว่า  หลังจากที่ทดลองหาวิตะมินซีในน้ำผลไม้แล้ว  อาจารย์ให้เก็บหลอดทดลองล้าง  แล้วนำมาส่งคืนในตะกร้าซึ่งอาจารย์วางไว้หน้าห้อง  
             เพล้ง !  เสียงหลอดทดลองของกลุ่มนักเรียนชาย  ตกแตก  ทุกคนหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่าง  หันไปมองเป็นตาเดียวกัน  รู้สาเหตุของการเกิดเสียงแล้ว  พวกผู้ชายแก่น ๆ ก็ตะโกนดัง ๆ จักรภพทำแตก  อาจารย์หันมาแล้วบอกว่า เออ ! รู้แล้ว  จักรภพหน้าซีด  เดินไปหยิบไม้กวาดและที่ตักขยะมากวาดเอาเศษหลอดแก้วนั้นไปทิ้งขยะ  ขอโทษครับอาจารย์  ทุกคนคงจับตามมองว่าอาจารย์จะว่าอย่างไรต่อไป  แต่อาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร
             เฮ้อ ! โล่งอก  คิดถึงเวลาล้างจานที่บ้านเวลาทำแตกที่ไร  แม่ก็จะบอกว่าไม่เป็นไร  ถ้ามันไม่แตกบ้างเขาก็ขายจานไม่ได้นะสิ  มันก็จริงอย่างที่แม่ว่า  แต่ข้าพเจ้าเคยทราบมาว่า  ถ้าเป็นลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วล้างจาน  ชามแตก  จะโดนตัดเงินค่าแรง  มันจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้  เคยเห็นแต่ในหนังไทย  ไม่เข้าท่าเลย  
              แหะ ๆ  อีกเหตุการณ์หนึ่งข้าพเจ้าไม่อยากเล่าเลย  เหมือนข้าพเจ้าเป็นเด็กขี้โกง  คือว่าตอนอยู่ ม.๖ นี่อาจารย์ที่ข้าพเจ้ารักมาก  อาจารย์ท่านนี้หละที่บอกให้ข้าพเจ้าเรียนสายวิทยาศาสตร์  ยังจำได้ดีตอนจบชั้น  ม.๓  หัวหน้าหมวดศิลปะ  ตอนนี้ย้ายไปอยู่มหาสารคมแล้ว แนะนำให้ข้าพเจ้าเรียนสายศิลป์  คงเห็นว่ามีแววกระมัง  แต่ว่าหัวหน้าหมวดวิทยาศาสตร์  คืออาจารย์ที่ให้ท่องตารางธาตุนั่นแหละ  บอกว่าเกรดเฉลี่ยวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์สูง น่าจะเรียนสายวิทย์  ข้าพเจ้าก็รักทั้งสองอาจารย์หละ  ตอนนั้นก็อยากเป็นพยาบาลเสียด้วย  จึงเลือกเรียนสายวิทย์  วันหนึ่งหัวหน้าหมวดวิทย์คนเดิมได้มาสอนวิชาเคมี  ในห้องข้าพเจ้าตอนเรียนอยู่ชั้น ม.๖  อาจารย์ให้ท่องตารางธาตุ  ตั้งแนวนอนและแนวตั้ง  ข้าพเจ้าก็ท่องทุกวันทั้งเวลานอนเวลานั่ง  แต่ก็จำไม่ได้ทั้งหมดสักที  นึกในใจทำไมท่องโน้ตดนตรี  จึงท่องได้แม่นยำ  แล้วก็ถึงเวลาอาจารย์ท่านเรียกไปสอบท่องที่ห้องพักครูทีละคน  ข้าพเจ้ารู้สึกหนาว  ไม่รู้เพราะอะไร มันสั่นๆ  ไปหมด  หนาวทั้งๆ ที่เหงื่อตก  อาจารย์ไม่ได้มองหน้าข้าพเจ้าด้วยซ้ำ  ท่านก้มหน้าก้มตาตรวจสมุดงาน  ข้าพเจ้าก็หยิบกระดาษที่อาจารย์ม้วนไว้ในแก้วน่ารักรูปแมวเหมียว  แก้วใบนี้เป็นรูปแมว  หูจับแก้วเป็นหางของแมว  น่ารักดี  ข้าพเจ้าหยิบขึ้นมาเปิดดู ๑ ใบ  แล้วก็ได้ท่องธาตุหมู่ที่ตนเองจำไม่ได้  มองหน้าอาจารย์ ท่านยังก้มอยู่  ข้าพเจ้าค่อย ๆ ม้วนกระดาษเล็กๆ คืนลงแก้ว แล้วจับใหม่ เฮ้อ! โล่งใจ ตารางธาตุที่จับได้ครั้งที่สอง  ข้าพเจ้าท่องได้ก็ท่องไปจนเสร็จ  อาจารย์เงยหน้าขึ้นมาสบตา  แล้วยิ้ม  ข้าพเจ้าหลบตาวูบ  สำนึกผิด  อาจารย์ไม่ว่าอะไร  เพียงแต่พูดว่า  
             ครูรู้นะว่าทำอะไร
              หัวใจตกไปที่ตาตุ่ม  อาจารย์นี่ก้มหน้าก้มตาแต่รู้หมดเลย  เหมือนที่ข้าพเจ้าให้เด็กท่องอาขยานปัจจุบัน  ข้าพเจ้าก็ก้มหน้าก้มตาฟังเด็กท่อง  แต่เด็กบางคนก็แอบเขียนไว้ในมือ  ซึ่งที่เด็ก ๆ ทำนั้นเราเคยทำมาแล้ว  แฮ่ๆๆ  แล้วก็โดนมาแล้วทั้งนั้นน่ะ  อายจัง  ข้าพเจ้ามักจะให้เด็กแบมือให้ดูหลังจากที่ท่องเสร็จ  อิอิ
             
              เมื่อเลือกเรียนแผนวิทย์ต้องคิดมาก
       ต้องลำบากอ่านเขียนเพียรขยัน
      เพราะวิชาเคมี ฟิสิกส์นั้น
      สุดรำพันมากล้นพ้นบรรยาย
      ต้องคำณวนหวนหาเลขคณิต
      ทำแล้วผิดคิดใหม่น่าใจหาย
      ถ้าใครอยากที่จะทำสบาย
      ก็อย่าได้เรียนสายวิทย์คิดให้ดี				
17 สิงหาคม 2551 11:22 น.

สมุดแบบฝึกหัด ๑

ครูกระดาษทราย

suriyothaitc1.gif
	     หลังจากที่สอนเรื่อง สมเด็จพระสุริโยทัยจบ  ครูกระดาษทรายให้นักเรียนถอดคำประพันธ์จากเรื่องที่เรียนลงในสมุดแบบฝึกหัด  แล้วกลับมายังห้องพัก  เดินไปหยิบเหยือกน้ำดอกอัญชันสีครามซึ่งต้มมาจากบ้าน  รินใส่แก้ว  ใครๆก็ชอบว่า สีเหมือนน้ำมันก๊าด  บางคนก็ว่าสีเหมือนหมึกน้ำเงินหรือครามที่ใส่ผ้าขาว ต่างๆ นานา  ครูกระดาษทรายเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันนะ  แต่ดอกอัญชันที่ริมรั้วหน้าบ้านบานเต็มต้น  จะทิ้งให้โรยไปก็ไร้คุณค่า  จึงเก็บมาใส่กระติกน้ำร้อนต้มดื่มสลับกับใบเตยข้างครัว  วิธีเปลี่ยนสีน้ำดอกอัญชันง่ายนิดเดียว  คือนำน้ำมะนาวบีบลงไปผสมเล็กน้อย  น้ำดอกอัญชันสีครามก็จะเป็นสีชมพูหวาน น่าดื่มแทนที่จะเป็นสีน้ำมันก๊าดแล้ว  คือว่า ตอนเป็นเด็กเคยเก็บดอกอัญชันมาแล้สบีบก้นมดแดงใส่กลีบดอก  ก็เปลี่ยนสีเป็นสีชมพู  นี่ทำบาปโดยไม่ได้ตั้งใจ  ถ้าต้องการหุงข้าวให้สีสันสวยก็นำดอกอัญชัญ ๒  ๓ ดอกใส่ในหม้อหุงข้าว หรือจะคั้นน้ำใส่ก็ได้  ก็จะได้ข้าวสีครามน่ารับประทานทีเดียว อ้าวนอกเรื่องเสียแล้ว  อยู่ในห้องพักครูเลยเถิดไปถึงครัวได้อย่างไรกันนี่  วกกลับมาที่เดิมก่อนดีกว่า
	     เมื่อดื่มน้ำเสร็จครูกระดาษทรายก็มานั่งที่โต๊ะ  สมุดแบบฝึกหัดของนักเรียนกองรอการตรวจอยู่บนโต๊ะตรงหน้าแล้ว  จึงหยิบกระเป๋าดินสอ  หยิบปากกาสีแดงขึ้นมาพร้อมทั้งเปิดสมุดแบบฝึกหัด  อ่านทีละเล่ม ๆ ตรวจไป เรื่อยๆ จนมาถึงสมุดของห้องท้าย ๆ  ตาชักลายเสียแล้ว คือว่าลายมือเด็กๆ บ่งบอกให้เห็นว่าแกคงเป็นคนขอมโบราณมาเกิดกระมัง  ลายมือพันกันยุ่งเหยิง  ตอนนี้ก็พยายามช่วยแก้ไข  โดยเปิดชุมนุมคัดลายมือขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาลายมือให้เด็ก  ซึ่งก็ได้ผลดี  ครูกระดาษทรายเองก็เคยเป็นลูกครึ่งขอมเหมือนกัน  แต่ก็ได้รับการฝึกหัดคัดตั้งแต่เรียนชั้น ม. ๓  ปัจจุบันก็ดีขึ้นและได้รับความไว้วางใจให้เขียนใบประกาศนียบัตร  เกียรติบัตร  ประจำ  อ้าว  ขี้คุยจัง  แหะๆ   
ครูกระดาษทรายจึงหันไปหยิบมะขามจี๊ดจ๊าดวางอยู่บนโต๊ะ มาอมพร้อมกับเกลือเม็ดโต  หายตาลายแล้ว  ก็ตรวจต่อไป  คราวนี้ได้สมุดแบบฝึกหัดของเด็กชายเอกชัย หรือไอ้เอกของเพื่อนๆ หรือนายเอก ของครู ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒/๙  คุ้นตาเหลือเกินจะไม่คุ้นได้อย่างไร  ปีที่แล้วนายเอก  ก็เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒/๙ นี่แหละ แต่เพื่อน ๆ เขาเลื่อนชั้นไปอยู่ ม.๓  นายเอกก็เลยได้เรียนกับรุ่นน้อง  โชคดีหรือเปล่าไม่รู้  เผอิญนายเอกเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ หน้าอ่อนกว่าวัย  จึงกลมกลืนกับนักเรียนรุ่นน้องจนดูราวกับว่า นายเอกจะเป็นน้องทั้งรูปร่าง  หน้าตา  และสติปัญญาทีเดียวเชียว  ถึงแม้จะเรียนซ้ำชั้นนายเอกก็ยังไม่ชำนาญ  เชี่ยวชาญในเนื้อหาที่เรียน  สิ่งที่นายเอกชำนาญก็คือ การเล่นปั่นแปะ  อย่าว่าแต่นายเอกเลย  ตอนเป็นเด็กครูกระดาษทรายก็เคยเล่น แต่ไม่ได้เล่นเอาสตางค์แค่ดีดมะกอกเท่านั้นล่ะ
	     หันกลับมาเล่าถึงสมุดนายเอกดีกว่า  ถอดคำประพันธ์โคลงบทสุดท้ายของเรื่องออกมาบทสุดท้ายที่ว่า

	    ขุนมอญร่อนง้าวฟาด	     ฉาดฉะ
	ขาดแล่งตราบอุระ	             หรุบดิ้น
	โอรสรีบกันพระ	                ศพสู่  นครแฮ
	สูญชีพไป่สูญสิ้น	               พจน์ผู้สรรเสริญ

	นายเอกก็ถอดคำประพันธ์ว่า..........พระเจ้าแปรใช้ของ้าว ฟัดคอ สมเด็จพระสุริโยทัย  ขาดแล่งถึงอก  ตกลงจากหลังช้าง  พระโอรสรีบกันพระศพเข้ากรุงศรีอยุธยา  ท่านสิ้นแล้วแต่ผู้คนยังกล่าวสรรเสริญจนถึงปัจจุบันและตลอดไป
	     ครูกระดาษทราย  แอบหัวเราะแล้วใช้ปากกาหมึกแดง  วงรอบคำว่า ฟัดคอ ไว้  พร้อมทั้งปิดสมุด นายเอกคงจะหมายถึงคำว่า ฟันคอ นั่นเอง  จากสมุดแบบฝึกหัดของนายเอก ทำให้ครูกระดาษทรายย้อนรำลึกไปถึงอดีต  ตอนที่ยังเรียนไม่จบเคยสอนพิเศษให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง  ซึ่งเขียนสรุปเรื่องพระยาพิชัยดาบหัก  ครูกระดาษทรายก็ใช้หมึกแดงวงกลมไว้ที่คำว่า  พระยาพิชัยดหัก  เฮ่ย  แย่แล้วทำภาษาวิบัติหมดเลย  แต่อย่าเป็นห่วงกังวลไปเลย  ครูกระดาษทรายก็แก้ปัญหาโดยการเรียกเด็กเหล่านั้นมาแก้ไข โดยการเขียนใหม่แล้ว  และก็หวังว่า คำคำนั้นเขาเหล่านั้นคงจะจำได้ไปตลอดโดยไม่สะกดผิดอีกต่อไป

                              gthee1.jpg				
17 สิงหาคม 2551 10:57 น.

ไข่อารัญ

ครูกระดาษทราย

27184555ux2.gif

     เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา  วันนั้นนักเรียนเตรียมทำอาหารกันในคาบเรียนที่สาม  เด็ก ๆ นำวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ มาประกอบอาหารกัน  ครูกระดาษทรายเดินเข้ามาในห้องสอนในคาบที่หนึ่ง  ปรากฏว่าเด็ก ๆ ยังลาละวนกับสิ่งที่พวกเขาเตรียมมา  ที่นี่วุ่นวายหนอ  ครูกระดาษทรายรำพึงอยู่ในใจ  
     "อ่ะ ! นักเรียนนำสิ่งของที่เตรียมทำอาหารมาวางไว้หลังห้องเรียนเป็น กลุ่มๆ แล้วกลับมานั่งที่ค่ะ"
     นักเรียนทำตามที่ครูแนะนำ แล้วกลับมานั่งเรียนเป็นปกติ บางคนก็ยังไม่วายที่จะหันไปมองสิ่งของของตนเอง  เป็นที่เข้าใจ  เด็กบางคนไม่เคยประกอบอาหารเอง ย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดา  กว่าเหตุการณ์จะสงบ กินเวลาในคาบที่หนึ่งไป สิบกว่านาที
     ครูกระดาษทรายสอนไปเรื่อยๆ  พร้อมทั้งยกตัวอย่าง  ป้อนคำถาม  อธิบายคำตอบจนเด็ก ๆ กระจ่าง  เหลือเวลาอีก ๒๐ นาที  ครูกระดาษทรายให้นักเรียนเขียนแผนภาพความคิดจากเนื้อเรื่องที่เรียน  ครูกระดาษทรายเดินดูเด็กทีละคน ๆ ไปตามโต๊ะของเขา  คนไหนทำไม่ค่อยได้ ก็ยืนอธิบายอยู่ตรงนั้น  เดินมาเรื่อย ๆ ถึงโต๊ะของเด็กชายอารัญ  เด็กชายเอามือใส่กระเป๋ากางเกงทันที
     "อารัญ  ไหนสมุดงานล่ะ"  ครูกระดาษทรายเอ่ยถาม  เด็ก ๆ หัวเราะกันคิกคักยกเว้นอารัญ  ซึ่งยังคงเอามือซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนอยู่
     "ไหน  มีอะไรในกระเป๋ากางเกง  เอาออกมาให้ครูดูหน่อยนะ"
     "มันล้วงไข่ครับครู"  เด็กชายที่นั่งข้าง ๆ ตอบแทนเพื่อน
     "ง่ะ !"  ครูกกระดาษทรายทราบทันทีว่า  อารัญไม่นำไข่ไปวางไว้หลังห้องเมือนเพื่อน ๆ แล้วทำไมเอามาถือไว้ คงกลัวไข่แตกกระมัง   
     "ไหนดูสิ  ทำไมต้องเอาใส่กระเป๋ากางเกงล่ะ เดี๋ยวมันก็แตกหรอก"
     "ไข่มันดำครับครู"  เด็ก ๆ ตอบแทนยเพื่อนแล้วหัวเราะกันสนุกสนาน
ครูกระดาษทรายเริ่มงง  มองหน้าตาผิวพรรณลูกศิษย์  เอ้อ!  ดำจริงๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไข่ดำด้วยล่ะ  หรือว่าเอาไข่เยี่ยวม้ามา  แล้วจะผัดสปาเก็ตตี้อย่างไรได้  เอามาผิดล่ะมั้ง  เลยใส่กระเป๋ากางเกงไว้
     "ไหนดูสิ  เอาออกมาให้ครูดูหน่อยทำไข่มดำ"  เด็กชายค่อย ๆ ล้วงออกมา  คงกลัวครูจะตีเรื่องไม่ทำงาน  และทำให้ไข่ดำกระมัง
     "อ้อ ! "  ครูกระดาษทรายยิ้ม  และรู้สาเหตุของไข่ดำทันที  นึกในใจ แหม!    ช่างมีความคิดสร้างสรรค์จริง ๆ นะ  มีอารมณ์ศิลปินจริงๆ  แต่ว่าสร้างสรรค์ไม่ถูกเวลา  แล้วดำขนาดนี้จะเอาไปผัดสปาเก็ตตี้อย่างไรกัน  เหอ ๆๆ ไม่กินด้วยนะ  
     "นักเรียนเตรียมตัวเปลี่ยนห้องไปเรียนวิชาต่อไปได้แล้วค่ะ  อารัญ  เธออยู่ตรงนี้ก่อน"  
     เด็ก ๆ ทำความเคารพแล้วเปลี่ยนห้องเรียนไป  อารัญยังก้มหน้า  คงกลัวถูกฃงโทษ 
     "ครูครับ  ผมขอโทษครับครู  เดี๋ยวเที่ยงนี้ผมเอาสปาเก็ตตี้มาให้ครูทานนะ"
     "ไม่ต้องเลย  ขอบใจทานกันเถอะ  วันนี้ครูมีกับข้าวแล้ว  แต่ว่าเธอจะต้องมาทำงานที่หน้าห้องครูให้เสร็จ  ก่อนกลับบ้านด้วยนะ"
     "ครับ"
     เด็กชายเดินจากไป  ครูยังนึกขำ  ดูสิยังมีน้ำใจจะให้ทานอาหารที่ปรุงจากไข่ดำมาให้กินอีกแน่ะ 
     เที่ยงกว่าแล้ว  เด็กชายอารัญวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาที่ห้องพักครู พร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องเขียนแบบเรียน  เพื่อมาทำงานให้เสร็จ  
     "ไง !  อารัญ  สปาเก็ตตี้อร่วยหรือเปล่าครับ"
     "อร่อยครับ  แต่ว่ามันไหม้ครับ  เลยไม่ได้เอามาฝากครูครับ"
     "เอาเถอะรีบทำงานที่ครูให้ แล้วเข้าใจเนื้อเรื่องที่เรียนไรอเปล่า  มีอะไรก็ถามนะ"
     เด็กชายพยักหน้าแทนคำพูด  แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานที่ได้รับมอบหมายเมื่อเช้านี้   ก็เล่นเอาเวลาเรียนไประบายสีไข่น่ะสิคะ

               86298918jp8.gif				
6 สิงหาคม 2551 14:01 น.

ตารางวิเคราะห์หลักสูตร

ครูกระดาษทราย

c0571d39fb.jpg

          วันนี้ฉันมาถึงคณะก่อนแปดโมงเช้า  มีที่จอดรถให้เลือกตามใจชอบ  ฉันจอดไว้หน้าคณะสังคมศาสตร์  ยังไม่มีใครมาถึง  ฉันจึงไปนั่งรอเรียนที่ตึก ๑๒ ชั้นล่าง  หยิบโน้ตบุ้คขึ้นมาเปิด  Wireless มีสัญญาณดีมาก  แน่นอนเวปที่เปิดต้องเป็นเวปบ้านกลอนเรานี่เอง  อ่านกลอนของคนนั้นคนนี้  เพลินจัง  แต่งเก่งกันทั้งนั้น  แฮะๆๆ  ฉันก็แต่งได้แต่ไม่เก่งเท่าหลายๆ คนที่เข้ามาเขียนไว้  นึกแล้วก็อยากกลับไปกินลูกท้อดอง อิอิอิ  นั่นยายติ๊ก ครูสระแก้ว  เดินมืดฟ้ามัวฝนมาก่อนใคร  ตามด้วยยายเนตร ครูสระบุรีและยายปลา  เจ้าของสวนผลไม้มีชื่อเสียงในจังหวัดระยอง  เป็นยายกันหมดเลย  มากันไกลเหลือเกิน  ไม่มีใครจะสบายเท่าพี่เล็ก  พี่วิ และฉัน  มีบ้านอยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเท่าไรนัก  ติ๊ก เนตร ปลา เอากระเป๋ามาวางแหมะให้ข้าพเจ้านั่งเฝ้า แล้วรีบไปโรงอาหาร  ท้องว่างมาด้วยเพราะเดินทางไกล  

          อ้าวจะแปดโมงแล้ว เจ้าแฝด ครูเมืองลิง ลพบุรี โทรศัพท์มา  ขึ้นมาได้แล้ว อาจารย์มานั่งรอแล้ว  ฉัน พี่วิ รีบขึ้นไปก่อน หอบหิ้วเสบียงไปด้วย  แหะๆๆ ยังไม่ได้ปิดโน้ตบุ้คเลย  ยกไปร้อนๆ  ปิดแต่หน้าจอไว้ละกัน  ห้องเรียนอยู่ชั้น ๖ อาจารย์นั่งรอลูกศิษย์เรียนร้อยเชียว  ฉันแก้เก้อด้วยการทักทายว่า  อาจารย์ทานอะไรหรือยัง  พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้  ทั้งๆ ที่ทราบคำตอบล่วงหน้าแล้วว่า อาจารย์ท่านนี้ไม่ทานข้าวเช้า  แต่ดื่มนมสดแทน  ข้าพเจ้าก็ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพอ ๆ กันล่ะ เพราะเพิ่งดื่มตอนนั่งรอไม่พ้น ๓๐  นาทีนี้เอง
วิชาแรกก็เรียน วิจัยบทที่ ๓  เรื่องวิธีดำเนินการวิจัย  ว่าด้วยประชากร  กลุ่มตัวอย่าง  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย  วิธีการ ทดลองพอมาถึงสถิติที่ใช้ในการวิจัย  เราก็ได้คิดเลขกัน  อาจารย์ก็ให้สูตรทางการวิเคราะห์ข้อมูล ของอาจารย์ล้วน  สายยศ  เราก็คำนวณกัน อย่างไม่สนุกเท่าไรนัก   หมดชั่วโมงเรียนอาจารย์ก็สั่งการบ้านว่า  ให้นิสิตไปเขียนวิจัยบทที่ ๓  มาเสนอให้อาจารย์ดูในสัปดาห์หน้า  โอ! บทที่ ๑ และ ๒  ยังไม่ลุล่วงเท่าไรนัก อัดบทที่สามเลยน้า 

          วิชาที่สอง หลังจากที่ทำความเคารพอาจารย์เรียบร้อย  อาจารย์ก็พูดคุยเรื่องกำหนดการจัดสัมมนาของนิสิตปีที่ ๒ คือกลุ่มพวกฉันนี้เอง  เราก็ได้กำหนดการเชิญวิทยากร  จากจังหวัดอยุธยา  มาอบรมเรื่องการเขียนข้อสอบเชิง  คิด  วิเคราะห์  มาในวันที่  ๑๓  กันยายนที่จะถึงนี้   จากนั้นอาจารย์ก็ทวงข้อสอบของทุกคน  แล้วก็สอนเรื่องการวิเคราะห์ข้อสอบ  แล้วให้แต่ละคนนำข้อสอบของตนมา  วิเคราะห์ใส่ตาราง  ยุ่งล่ะสิ  เพื่อน ๆ บางคนก็ฉีกกระดาษสมุด  บ้างไม่นำกระดาษมาก็ขอกันวุ่นวาย  ฉันก็มีกระดาษเหมือนกัน   แต่เป็นกระดาษไม่มีเส้น  ทุกคนต้องตีตารางกัน  หันไปไม่มีใครพกไม้บรรทัดยาวๆ เหมือนนักเรียนชั้นประถมศึกษากัน  พวกเราพกไม้บรรทัดสั้นๆ มาก็นับว่าดีแล้ว  ท่านอาจารย์ผู้สอนอดรนทนไม่ไหว  ท่านยิ้มแบบละอาพวกเราแน่เลย  แล้วเดินออกไปนอกห้อง  เดินกลับเข้ามาพร้อมไม้บรรทัดขนาด ๑ ฟุต  สามอัน  พี่วินั่งข้างๆ ฉันเธอก็รับจากอาจารย์มาตีตารางก่อน โอ! กว่าจะตีเสร็จ  เราก็นั่งอ่านข้อสอบรอ  พอพี่วิตีตารางเรียบร้อยก็ส่งมาให้ฉันใช้ต่อ  ตอนนี้เราเหมือนนักเรียนที่เราสอนในชั้นเรียนเลย  คือไม่ว่าจะเป็นน้ำยาลบคำผิด  ปากกาแดง  ไม่บรรทัด  พวกเขาจะยืมกันทุกที่  ไม่มีใครมีสมบัติครบ  เราก็ดุนักเรียนเป็นประจำ  วันนี้เราเป็นกันเสียเอง นี่ถ้านักเรียนเข้ามาเห็นคุณครูเรียน  พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนกัน ถ้าไม่เอาไว้บนคอของพวกเรา

          ท่านอาจารย์เดินมาใกล้ ๆ  ทักทายฉัน นี่ หนูยังไม่เริ่มวิเคราะห์เหรอคะ
          ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม  พร้อมกับตอบว่า หนูรอไม้บรรทัดอยู่ค่ะ  
ดูเอาสิตอบเหมือนเด็ก ๆ เราอีกแล้ว  ยี่สิบห้านาทีผ่านไป  งานของทุกคนก็เสร็จ  อาจารย์ให้ส่งทีละคน  พวกเราได้รับคำติและชม กันมากมาย เฮ้อ! จะหมดเวลาเรียนแล้ว  อาจารย์สั่งการบ้านให้ไปออกข้อสอบ คิดวิเคราะห์  นำเสนอในสัปดาห์ต่อไป  แล้วอาจารย์ยังหันมาบอกเหมือนที่ฉันเคยบอกกับนักเรียนว่า
ไม้บรรทัดน่ะคืนด้วยนะคะ  แหะๆๆๆ  อายจัง

                    d7f3a92a26.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟครูกระดาษทราย
Lovings  ครูกระดาษทราย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟครูกระดาษทราย
Lovings  ครูกระดาษทราย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงครูกระดาษทราย