26 กรกฎาคม 2552 11:00 น.

ความคิดถึง กำลังเดินทาง

ฉางน้อย

747026bcg918fgqx.gif" ความคิดถึงไม่โทรก็ถึง เพราะคิดก็ถึง แต่อยากได้ยินเสียงจึง
โทรมาหาเวลาอยู่ไกล ฝากไปกับลม กับฝนกับฟ้ามันช้าเกินไป
อยากคิดแล้วถึงทันใด หัวใจมันสั่งให้โทร "  

..... เสียงเพลง " ความคิดถึงกำลังเดินทาง" ของโกไข่กับนายสน
ดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่อาจทราบได้
 ทั้งนี้เพราะฉันตั้งใจเปิดฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่านั่นเอง
แรกที่เดียวที่ฉันได้ยินชื่อเพลงนี้ เพราะใครบางคนบอกให้ฉันลองฟังเพลงนี้ดู
แต่ทว่า ฉันก็ยังคงยุ่งๆวุ่นๆเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
(รวมทั้งเรื่องของคนอื่นด้วยเช่นกัน)
จึงทำให้ฉันหลงลืมที่จะหาฟังเพลงนี้ไปโดยปริยาย   

แต่แล้วจู่ๆในค่ำคืนนั้น เธอถามฉันว่า ได้ลองฟังเพลงที่บอกหรือยัง ?
อ้าว ..ตายละ ลืมซะสนิท ขอโทษๆๆนะเธอคนดีของฉัน
แม้ฉันจะลืมฟังเพลงที่เธอแนะนำมา แต่ฉันไม่ลืมเธอผู้นำเสนอเพลงเพราะๆซึ้งๆ
เนื้อหากินใจมาฝากให้ฟังกันในยามค่ำคืนที่หัวใจเหงาๆ

เธอจะรู้ไหม ..ฉันชอบมากเลยนะ เพลงนี้น่ะ ฉันน่าจะเปิดฟังเวลาฝนตกๆ 
ฟังแล้วเหมือนเหงาๆเศร้าๆยังไง ไม่รุ้ซินะ
เคยได้ยินคำกล่าวของใครบางคนที่บอกว่า.. 
...อย่าตอกย้ำหัวใจเหงาๆของเราเอง
ด้วยกันฟังเพลงเศร้าๆ จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเหงาเป็นทบทวีคูณ...

แต่สำหรับฉันแล้ว ยิ่งเหงาๆเศร้าๆยิ่งแสวงหาฟังเพลงที่
ต้องการตอกย้ำหัวใจให้เหงามากไปกว่าเดิม 
เธอคงไม่คิดว่า ฉันทำอะไรที่แปลกๆพิเรนท์ๆหรอกนะ 
ฉันคิดของฉันแบบนี้นี่นา 

ยิ่งฟังเพลงนี้วนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งคิดถึงเธอ 
ความรู้สึกของฉันคงไม่แตกต่างกับนายโกไข่สักเท่าไหร่หรอกมั้ง 
ผู้ร้องเพลงนี้สื่ออารมณ์ออกมาตรงใจฉันได้ดีเหลือเกิน
คิดถึง โหยหา อยากเห็นหน้า อยากพูดคุย 

ฉันได้แต่เผลอยิ้มกับความรู้สึกในใจของตัวเอง

ข้อความทางโทรศัพท์ที่ฉันส่งๆไป ไม่ว่า....
 " คิดถึงนะ".. " คิดถึงจัง " .." คิดถึงมาก "
แต่ละข้อความในใจจากความคิดถึงของฉันนั้น 
มันเหมือนผ่านหายไปกับสายลม
ไร้การตอบกลับ เหมือนเธอไม่ยินดียินร้ายต่อความคิดถึงที่ฉันฝากไปให้
.   217.gif

      ค่ำคืนนี้ท้องฟ้าสว่างไสวไปด้วยดวงดาวนับร้อยนับพันหมื่นล้านดวง
แต่ก็คงไม่มากไปกว่าความคิดถึงที่ฉันส่งไปให้เธอหรอกนะ
ยิ่งคิดถึง ยิ่งเหงา เศร้าจับใจ ใครจะเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้

เธอจะคิดถึงฉันเหมือนอย่างที่ฉันคิดถึงเธอบ้างไหม
ได้โปรดเถอะ..ได้โปรด...
อย่าให้ความคิดถึงของฉันเลือนหายไปกับกาลเวลาที่ผ่านมาเลยนะ 

" อยากได้ยินสักคำว่า รัก ให้พอชื่นใจ 
ได้ฟังคำนี้ทีไร เติมต่อใจให้ไปต่อฝัน
ไกลก็ไม่ไกล ใจใกล้ด้วยใจ รักและผูกพัน
ไม่เจอหน้ากันตั้งนาน ขอเพียงได้ยินเสียงเธอ.."  

นี่ไง...เนื้อเพลงประโยคนี้ เธอฟังซิ
คำว่า " รัก " คำนี้คำเดียวสามารถเป็นกำลังใจให้ใครต่อใคร
ได้หลายๆคนเชียวนะ
" เติมต่อใจให้ไปต่อฝัน " ชอบจังประโยคนี้ เธอรู้ไหม ? 

เธอเคยบอกฉันว่า ระยะทางอาจยาวไกล แต่ถ้าใจเราใกล้กัน
ก็ไม่เป็นอุปสรรคให้ความคิดถึงได้เดินทางมาบรรจบพบกัน

เธอย้ำเตือนฉันเสมอๆว่า ให้ไว้ใจ มั่นใจ ซึ่งกันและกัน
" ระยะทางความห่างไกล จะชี้วัดความผูกพันของหัวใจ "
เธอแน่ใจกระนั้นเหรอ..ฉันชักหวั่นใจยังไงไม่รู้ซินะ
กลัวเธอเปลี่ยนไป...กลัวเธอไม่เหมือนเดิม...
ขอเพียงใจเธออย่าเพิ่งเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ

สำหรับฉันแล้ว ความคิดถึงของฉันยังเหมือนเดิม
ความคิดถึงของฉันเดินทางไปหาเธอเสมอๆ
แม้ว่าไม่ทุกวัน แม้ว่าไม่ทุกเวลา แต่เป็นทุกลมหายใจที่มีเธอ
217.gif
" ยิ่งคิดยิ่งไกล กรุงเทพฯ - ปักษ์ใต้ห่างหลายกิโล
ยิ่งไกลยิ่งใจพรือโฉ้ อยากเห็นหน้าทุกนาที " 
และแล้ว...สิ่งที่ฉันหวาดหวั่นใจก็เป็นไปอย่างใจฉันคิด
เธอ ผู้ที่ฉันกำลังคิดถึง เธอ เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ 
เธอ ไม่ใช่คนเดิมของฉันอีกแล้ว

และแล้ว...ความคิดถึงของฉัน ก็เดินทางไปไม่ถึงใจเธอจริงๆด้วย
เพราะเหตุใดอย่างงั้นหรือ ? ..ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม...
ความเข้าใจผิด .. ความห่างไกล..หรือว่า ความหวาดระแวง..

หรือว่า..ที่ผ่านมา เธอไม่เคยมีความผูกพันกับความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กัน
หรือว่า..ที่ผ่านมา เธอแค่ล้อเล่นกับความรู้สึกในหัวใจของคนบางคน
หรือว่า..ที่ผ่านมา ฉันเป็นเพียงคนคั่นเวลาคลายเหงา
เมื่อเธอหายเศร้า หายเหงา เธอก็ลาจากฉันไป
หรือว่า.. หรือว่า.. หรือว่า..   

ขอร้องเถอะนะ ไม่รักไม่ว่า แต่อย่ามาสงสาร อย่ามาให้ความหวัง
อย่ามาทำร้ายหัวใจที่เคยอ่อนแออีกเลย

ความคิดถึง..ห่างหาย..ไปตอนไหน
ความห่วงใย..ไม่มีให้..แล้วใช่ไหม
ความผูกพัน..ไม่มี..เลยหรือไร
จะมีใคร..เป็นเช่นเรา..โง่เขลาเอง..

        .205.gif

               ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )  
                        dookdik32.gif				
25 กรกฎาคม 2552 09:17 น.

โอ๊ย โอย โอ๊ย..ปวด

ฉางน้อย

frograin.gif" โอ๊ยๆๆ เป็นอะไรกันนี่ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ตามตัวไปหมด " 
วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วที่ยิหวาบ่นๆกับตัวเอง 
เพราะน้อยวันพันปีมีน้อยครั้งที่ยิหวาจะปวดหัวตัวร้อนอย่างคนอื่นๆเขาล่ะ

วันแรกของอาการปวด เริ่มเมื่อวันพุธที่ 22 ก.ค. 52 นี่เอง 
เธอจำได้เริ่มปวดเมื่อยตามข้อมือ ปวดข้อนิ้วด้วย 
ข้อเริ่มแข็งๆ ข้อศอกก็เริ่มปวดๆ  
คล้ายกับอาการของคนที่เอาข้อศอกไปกระแทกกับของแข็งอย่างแรง
 ยิหวาก็ยังไม่คิดมากยิหวา คิดอีกที อาจเป็น
เพราะความซุ่มซ่ามของเราด้วยหรือเปล่าน๊า
( ซึ่งความซุ่มซ่ามนี้เป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามใครลอกเลียนแบบ อิอิ )

เช้าวันพฤหัสที่ 23 ก.ค.52.... ปวดข้อเท้า หลังเท้าด้านซ้าย 
มองดูหลังเท้าบวมด้วยครั้นพอลุกขึ้นยืน ก็ร้องโอ๊ยๆๆ 
เซไป2ก้าว ต้องหยุดนั่งต่อ ข้อมือข้อศอกก็เริ่มปวดกว่าเดิม
แต่ก็ยังทำงานได้ ทำใจเย็น     
เป็นอะไรหว่าจะย่างซ้ายก็โอ๊ย ก้าวขวาก็โอ๊ย 
ยังคิดอีก เดี๋ยวคงหายมั้ง .......ปลอบใจตัวเอง อิอิ  
พอตอนค่ำ ร้อนๆหนาวๆเลยนอนเร็วกว่าปกติ
 (ถ้าไม่ปกติคือ 4ทุ่มกว่า อิอิ )
พี่ๆยังแปลกใจยัยวาผีเข้าหรือไง เห็นนอนไวผิดปกติ
ทุกทีถ้าไม่ 4ทุ่มนอนไม่หลับ 5555

ศุกร์ที่ 24 ก.ค. 52 ....เอาล่ะซิ ตื่นมาก็ร้องโหยหวน เอ๊ย ร้องโอดโอย
(คำว่า โหยหวนนี่เหมือนคุ้นๆนะเนี่ยะ อิอิ ) 
ได้ยินเสียงพี่สาวแอบนินทาเบาๆ สงสัยยัยวาผีออก

ตื่นเช้ามาเป็นวันที่3 ที่ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ 
ปวดตามข้อพับไปหมด มือทั้งสองข้างก็เหมือน
บวมๆ ปลายนิ้วเหมือนจะชาๆ ..  
ชา ในที่นี้ไม่เกี่ยวกับกาแฟ และโอวัลติน อิอิ
อาการร้อนๆหนาวๆก็มีบ้าง พอให้เป็นกังวลเล่นนิดๆหน่อยๆ 5555
ไม่ได้การละ ต้องอาบน้ำ แต่งตัวไปหาหมอล่ะ 
......267.gif

" มีอาการเป็นยังไงบ้างคะ ? "
 พยายาม เอ๊ย พยาบาลสาวถามหลังจาก
ยิหวาไปยื่นบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอคงยิ้มหวานมั้ง 
เห็นใส่หน้ากากซะมิด อิอิ เลยคิดเองว่าคงยิ้มแหละ
" จู่ๆ ก็ปวดข้อมือขึ้นมาเฉยๆน่ะคะ วันต่อมาก็ปวดข้อเท้า 
ข้อศอก ปวดตามข้อนิ้วก็แข็งๆชาๆ "
 ยิหวาบอกอาการให้พยาบาลรับรู้   
เพื่อจะได้กรอกอาการในแฟ้มประวัติได้ถูกต้อง
" แล้วอาการอื่นละคะ ไอไหม จามไหม เสลด เสมหะมีไหมคะ ? " 
" ไม่มีคะ แค่เหมือนร้อนๆหนาวๆนิดหน่อยค่ะ " 
" งั้น ต้องไปตรวจหาความเสี่ยงไข้หวัด 2009 นะคะ " 
พยาบาลบอกพลางเหล่มองด้วยหางตา
" .......... " ซวยล่ะซิ ตรู อิ อิ ยิหวา คิดในใจ เฮ้ออออ........

ยิหวามองไม่ผิด พยาบาลคนนั้นมองด้วยหางตาจริงๆด้วย 
มองตั้งแต่หัวถึงปลายทีน เอ๊ย ปลายเท้า
( เธอคงเป็นญาติกับสมชายจรดปลายเท้าด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ อิอิ ) 
" คุณนำแฟ้มนี้ไปยื่นข้างนอกนะคะ ไปรอห้องข้างนอกเลยคะ "
 พยายาม เอ๊ย พยาบาลส่งแฟ้มให้พลางรีบดึงมือกลับ 
โห ทำยังกะเราเป็นตัวปล่อยเชื้อโรคงั้นแหละ แหมๆๆ

นำแฟ้นประวัติตัวเองไปวางไว้ด้วยสีหน้าเอ๋อๆเซ่อๆซ่าๆอีกตามเคย 
พยาบาลถามอีก ...
" มีไอ มีจาม มีเสมหะ มีน้ำมูกไหมคะ ? " 
" ไม่ค่ะ..แค่ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อต่างๆ
ในร่างกาย เป็นมา 2วันแล้วคะ "
" งั้น คุณมาผิดที่แล้วคะ คุณต้องไปห้องด้านในนะคะ "
" อ้าว ก็เขาไล่ให้หนูมาที่นี่นี่นา " ยิหวา ชักจะ งงๆ เซ็งๆ
" ไม่ได้นะคะ ที่นี่ตรวจอาการไม่เหมือนกันคะ " 
พยาบาลยังคงยืนยันแบบนั้น   
" ............." อะไรกัน (วะ ) แล้ววันนี้ตรูจะได้ตรวจไหมเนี๊ยะ 
เดินแบบหมดแรง เหนื่อยๆ ปวดก็ปวด 
เมื่อยก็เมื่อย อยากจะนอนเต็มที นำแฟ้มไปที่ห้องด้านใน
พยาบาลสาวสวย ไร้รอยยิ้มรับพลาง(แอบ)ส่ายหน้าด้วยความระอา 
555 เห็นนะว่าแอบน่ะ 
เจ้าหล่อนคงไม่ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูหรอกมั้ง เนอะ
...267.gif

" เชิญคุณยิหวาที่ห้องตรวจหมายเลข 3 ค่ะ "
เสียงเรียกชื่อยิหวาดังขึ้น หลังจากนั่งรอหน้าห้องสัก20นาทีผ่านไป
หน้าห้องตรวจหมายเลข 3 เขียนว่า ...
" น.พ. สงวนนาม นามสมมติ"  (นามสมมติจริงๆนะเนี่ยะ)
แหมๆ พ่อแม่เข้าใจตั้งชื่อให้ซะจริงๆ ทำไมไม่สมชายไปเลยละ 
(แอบนินทาชื่อหมอเล็กๆพอเป็นกระษัยจะได้สบายใจเรื่องชาวบ้าน อิอิ )

" อาการเป็นไงบ้างครับ อ่อ ปวดตามข้อ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดนิ้ว "
" แล้วมีอาการอื่นแทรกซ้อนบ้างไหมครับ มีอาการแพ้ยาไหมครับ ? "
หมอสุชายซักถามอาการ ยิหวาก็บอกๆคุยๆ 
ปวดข้อ ข้อต่างๆไม่ว่าข้อเท้า ข้อมือ หลังเท้าบวม
หลังมือบวม นิ้วข้อแข็งโดยไม่ทราบสาเหตุ 
สายตาคุณหมอหนุ่ม(ใหญ่)จ้องอ่านในแฟ้ม
 พลาพยักหน้ารับรู้ที่ยิหวาเล่าอาการ   
" งั้น เดี๋ยวหมอให้ยาแก้ปวดอักเสบไปทานก่อนนะครับ 
กินพร้อมกับยาเคลือบกระเพาะ "

ยิหวา งง เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้ ตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาใน โรงพยาบาลแห่งนี้ 
เดินเข้ามาในห้องตรวจหมายเลข 3 ไม่ถึง 5 นาที 
หมอพูดคุยไม่ถึง 3นาที พลางสรุปฟันธงสั่งจ่ายยาแก้ปวดอักเสบ
ภายใน 2 นาที โอเค นะ 5 นาทีของหมอ ใช้เวลาคุ้มแล้วล่ะคุณเอ๋ย อิอิ 

ไอ้เราเหรอ ปวดแทบตาย ก้าวเดินแทบจะลงไปคลาน 
แต่หมอฟันธงฉับ ภายใน 2 นาที
เอ..หรือว่า เราเป็นคนไข้ระบบสองมาตรฐานหรือเปล่าหนอ อิอิ 

ลุงผู้ใจดีข้างบ้านให้กินยาหอม เผื่อจะหาย อ่ะนะลุง ยิหวา อึ้ง 5555
ร้านซักอบรีดข้างบ้านก็ให้ยาเหลืองแก้ทรางมาละลายกินกับน้ำร้อน 

เฮ้อ แต่ละคน ผู้หวังดีทั้งนั้น กินยาเหล่านนี้แล้วตรูจะหายไหมเนี๊ยะ อิอิ
คิดเล่นๆเจ้าคะ ทราบน่ะ ว่าพวกเขาก็หวังดีแหละ อยากให้หายไวๆ

ขณะนั่งพิมพ์ต้นฉบับนี้ นิ้วข้อยังแข็งๆปวดๆกำมือไม่เข้าด้วย หลังมือก็ยังบวมนิดๆ
อย่าพูดถึงเรื่องเดิน เซ็งจัด จะเยื้องย่างไปไหน ข้อเท้าแข็งไปหมด เฮ้อ....

วันก่อนชอบแซว ชอบล้อคุณฝน โคลอนดีนัก เรื่องเดินท่านกกระยาง
เจอเข้ากับตัวเอง เพื่อนๆลองคิดดูละกัน
 เดินท่านกกระยาง ต้นฉบับหนู เชิญยิ้มน่ะ    
และแล้ว ก็ไปหัดเดินท่านกกระยางต่อดีกว่า อิอิ ......

โอ๊ยยยยย.....ปวด โอ๊ยยยย ....นกกระยางปวดขา ปวดไปหมดดดด.... 555555


                                ------------------------------------------

                              ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )

                             117.gifkapook_40100.gif				
14 กรกฎาคม 2552 16:23 น.

ย่ำค่ำ...ธรรมศาสตร์

ฉางน้อย

169.gifขออภัย....กระทู้นี้ไม่มีเนื้อหา

จบการนำเสนอข่าวสั้น จาก สำนักข่าว cnn 

แปลว่า ฉางน้อย  นิวส์ อิอิ .....				
13 กรกฎาคม 2552 19:13 น.

ธรรมชาติ..ในธรรมศาสตร์

ฉางน้อย

star.gif  พี่เมี่ยง อาทิตย์นี้พาวาไปเที่ยวไหนป่าว ? " ยิหวาอุตส่าห์กัดฟันโทรถามพี่เมี่ยง
 เพราะตามปกติแล้วพี่เมี่ยงต้องโทรหาเธอเอง
โทรไปงัดปลุกให้ลุกจากที่นอนว่างั้นเหอะ  ถ้าพี่เมี่ยงไม่โทรมา 
ยิหวาไม่ยอมลุกซิน่ะ 5555
" วาอยากไปไหนละ บอกมาซิ เดี๋ยวพี่พาไป ? " พี่เมี่ยงถาม

" วาอยากไปที่ชอบๆๆอ่ะพี่เมี่ยง พาไปหน่อยซิ อิอิ "
" ทะลึ่งนะยัยวา ทะลึ่ง เดี๋ยวโดนๆ อยากไปไหนบอกมาเร็วๆ 
ไปห้างหรือร้านหนังสือหรือกินข้าวหรือนั่งริมน้ำ " พี่เมี่ยงยื่นข้อเสนอให้
"กินข้าวด้วยพี่เมี่ยง กินข้าวริมน้ำ วากำลังหิวพอดี  "  อ่ะนะ เข้าทางยิหวาพอดีเชียว
 ในเมื่อพี่เมี่ยงเสนอ ยิหวาก็สนอง 5555
" งั้น ร้านริมน้ำท่าพระจันทร์นะ ร้านเดิมแหละ ร้านที่มียำไข่เค็มไง ใครไปสาย พี่ไม่รอด้วยจะกินให้หมดเลย 555"
" อ่ะนะ พี่เมี่ยง งก วากำลังหิวนะ เดี๋ยวโดนงับหูเลย "
" ไปอาบน้ำเลย ห้ามช้า ไม่รอนะ พี่ก็หิว  กินช้างได้ทั้งตัวแล้วเนี่ยะ " พี่เมี่ยงโอดครวญตามสายบ้าง
" .... เจ้าคะ....."     dookdik242.gif
.141.gif

   "  สวัสดีค่ะพี่เมี่ยง " ยิหวาเอ่ยปากสวัสดีพี่เมี่ยงพร้อมยกมือไหว้งามๆ อิอิ
" จ้า..... ไปไหนก่อนดีล่ะ หือวา กินข้าวก่อนหรือว่า ไปในธรรมศาสตร์นั่งริมน้ำก่อนดี บอกซิ "
" อ้าว ไม่ใช่ที่เดียวกันเหรอคะ ? "  ยิหวา สงสัย
" ก็ไปถ่ายรูปก่อนไง เหนื่อย เมื่อย หิว ก็ออกมากินข้าว ไง พี่ฉลาดไหม ? "
" ค๊าาาา....ฉลาดกว่าวา นิ๊ดดดนึง " 
ยิหวา ยกปลายก้อยให้ดูว่า ฉลาดกว่านิดเดียว (นิดเดียวจริงๆ 555 )
" อ่ะ ถ้าไม่งั้น พี่จะเป็นพี่ได้เหรอ 
พี่ต้องรอบรุ้ให้ทันเด็กรอบจัด เอ๊ย เด็กแก่แดดอย่างวาไง จริงไหม ? "
       
       พี่เมี่ยงพูดพลางเดินนำหน้ายิหวา เข้าไปในประตูรั้ว มธ.ท่าพระจันทร์ 
" อ่ะ วา รุ้ไหม ว่านี่คืออะไร ? "  พี่เมี่ยงตั้งคำถาม
" ก็ต้นไม้ ไว้นั่งพักผ่อน มีม้าหินอ่อนไงคะ " 
ยิหวา ตอบแบบฟันธง(ขาด)
" เฮ้อ.. ยัยวานี่น๊า ไม่รุ้เรื่องเล๊ยยยย " 
พี่เมี่ยงพูดเหมือนอ่อนอกอ่อนใจซะเต็มประดา

" ที่นี่ เขาเรียกว่า ลานโพธิ์   เข้าใจยัง รุ้ไหมเนี่ยะที่บอกน่ะ " 
พี่เมี่ยงถามย้ำ
" ลานโพธิ์ คืออะไร เอาไว้ทำอะไรล่ะพี่เมี่ยง วาไม่เข้าใจนี่  "
 ยิหวาถาม พลางทำหน้าเหมือนแมวสงสัย

" ลานโพธิ์น่ะ เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ของธรรมศาสตร์และสังคมไทย 
นับตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ที่ขบวนการนิสิตนักศึกษาประชาชนร่วมกันต่อสู้ 
เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย  " 
พี่เมี่ยงอธิบายซะยืดยาวเชียว18_1245157791.gif
" ถามจริงๆ วารุ้ไหมว่า ที่นี่มีสถานที่อะไรๆที่สำคัญบ้าง 
รุ้บ้างไหมเนี่ยะ ?  พี่เมี่ยงถาม
" ก็วาไม่รู้ ไม่เคยมานี่นา ถ้ารู้จะถามเหรอ แหมๆๆ " 
ยิหวา พาลพาโลไปได้เรื่อย

" พี่จะบอกให้ฟังทีละอย่างๆนะ ฟังไหม ห๋า มัวแต่ถ่ายรุป  เดี๋ยวค่อยถ่าย "
" โห ตกใจๆ พูดเบาๆก็ได้ คนอะไร ดุยังกะแมวน่ะ "  
ยิหวาพูดก็ต้องทำคอหด เมื่อเห็นสายตาดุส่งมา

 ( วารุ้พี่เมี่ยง แกล้งขู่ไปงั้น กลัววาเหลิง อิอิ )
..141.gif
" มานี่ เดินดีๆ เดินตามพี่มานี่ อย่าเอาหางไปฟาดใครเขาละ " 
 พี่เมี่ยงพูดพลางหัวเราะนึกขำเบาๆ 
" นี่คือ ลานปรีดี พนมยงค์  หรือว่า ดร.ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส 
อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทย อดีตนายกรัฐมนตรี 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศและ กระทรวงมหาดไทย 
และปัจจุบันองค์การยูเนสโกได้ประกาศว่าท่านเป็นบุคคลสำคัญของโลกอีกด้วย " 

" พูดมากไปวาก็ไม่รุ้จักอยุ่ดีแหละ เดี๋ยวไปหาอ่านแล้วกันมีคำอธิบายน่ะ "

" โห อ่านมากตาลายๆ พี่เมี่ยงอ่ะ ถ่ายรูปก่อนดีกว่า ตาไม่ลาย อิอิ "
 ยิหวาหาเรื่องถ่ายรูปจนได้
" แล้วโน่นอีก วาเห็นไหมคืออะไร ? "
  ยิหวามองตามพี่เมี่ยงชี้มือไป dookdik242.gif

 สิ่งที่เธอเห็นเป็นวัตถุอย่างหนึ่งทรง6เหลี่ยมทรงสูงขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่าน
" นั่นคืออะไรล่ะพี่เมี่ยง เขาเรียกว่าไร ยานอวกาศเหรอ " 
ยิหวาถามแบบกวนโอ๊ย(เจ็บ) อิอิ

" มะเหงกแน่ะยัยวา ยานอวกาศซะที่ไหน 
นี่เขาเรียกว่า ตึกโดม หรือ ยอดโดม "

" ความหมายของตึกโดม คือ ตัวโดมที่เป็นรูป 6 เหลี่ยม 
เพราะจะได้สะท้อนถึงหลักที่ 6 ในหลัก 6 ประการของคณะราษฎร 
คือจะต้องให้การศึกษาเต็มที่แก่ราษฎร และ ที่ยอดตัวโดมแหลมขึ้นฟ้า 
นั่นก็เพราะ เปรียบโดมเสมือนดินสอ ที่จดบันทึกวิชาความรู้และเรื่องราวต่างๆ 
ที่ไม่รู้จักจบสิ้นเอาไว้บนผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ " 
พี่เมี่ยงอธิบายให้วาฟังเชิงวิชาการอีกแล้ว
ยิหวา ได้แต่รับฟังเชิงวิชาเกิน คือ ฟังหูซ้าย ทะลุออกหูขวา อิอิ 

..141.gif

" มานี่วา พี่พาไปดูสิงห์โต " พี่เมี่ยงพูดพลางอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
" เหรอ มีสิงห์โต ด้วยเหรอ พี่เมี่ยง " 
 วา ตาโตเท่าไข่ไดโนเสาร์ (ไข่ห่านยังโตน้อยไป อิอิ )

" อย่าพูดมาก เดี๋ยวก็รุ้  อ่ะ นี่ ไปไหว้ซะ ศาลสิงห์โตทอง "
   พี่เมี่ยงยิ้มปากแทบถึงหู ที่แกล้งวาได้สำเร็จ

" ศาลสิงโตทอง ซึ่งเป็นที่เคารพ สักการะของน.ศ.คณะรัฐศาสตร์ 
และคณะอื่นๆ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณอาคาร 60 ปี "  
พี่เมี่ยงบอกเล่าให้ฟังอีกแล้ว

ยิหวา ได้แต่นึกทึ่งในความรอบจัด เอ๊ย รอบรู้ของพี่เมี่ยง 
รุ้มากเชิงวิชาการจริงๆdookdik242.gif

" ธรรมศาสตร์ ไม่มีระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่จะเรียกว่าเพื่อนใหม่
 เพราะถือว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน 
ฉะนั้นที่นี่ไม่มีการรับน้องใหม่ มีแต่รับเพื่อนใหม่ " 

" ดีจังเนอะ ....." ยิหวา เพิ่งรุ้อีกว่า 
เพื่อนใหม่กับคำว่า น้องใหม่ต่างกันมากมายนัก

" แล้ววารุ้ไหม สีประจำของที่นี่คือสีอะไร ให้ทาย ติ๊กต่อกๆๆ "
" ไม่ทราบคะพี่เมี่ยง " วา จนด้วยคำตอบของพี่เมี่ยงจริงๆ

" สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีเหลือง-แดง มีความหมายว่า 
เหลือง คือ ธรรมประจำจิตใจของน.ศ. 
แดงคือโลหิตที่ต้องอุทิศตนเพื่อประชาชน "  พี่เมี่ยงเฉลย
..141.gif
" เอาน่ะ อีกนิดเดี๋ยว ไง เบื่อล่ะซิ วิชาการมากไปละมั้ง 
" พี่เมี่ยงถามเมื่อเห็นวานั่งทำหน้าเอ๋อๆแปลกๆ

" หิวแล้วด้วยเนี๊ยะ "  วาโอดครวญ 
" อีกนิดๆ จะเล่าให้ฟัง  นิดเดียวๆจริงๆ  ตราประจำมหาวิทยาลัย คือ พระธรรมจักร เกิดขึ้นในปี 2479 
มีความหมายว่าสถาบันแห่งนี้ยึดถือคติธรรมของพระพุทธศาสนาในการกล่อมเกลาบัณฑิต 
สิ่งที่อยู่กลางธรรมจักรคือพานรัฐธรรมนูญ หมายถึงการยึดมั่นเชิดชูรัฐธรรมนูญ "
	
"  ไง เบื่อล่ะซิ งั้นไปหาอะไรกินก่อนดีกว่านะ 
เดี๋ยววางอแงอีก ร้องกินหนมด้วย "
พี่เมี่ยงพูดพลางอมยิ้ม แต่ยิหวาค้อนประหลับประเหลือก  55555
	
" อ่อ พี่ลืมบอกวาไปอย่างหนึ่งว่า....
..ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ต้นยูงทอง ซึ่งจะมีอยู่ 5 ต้น
 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเพาะชำเอง
 และเสด็จฯมาทรงปลูกด้วยพระองค์เองเชียวนะวา "
	dookdik242.gif
	
" ทั้งหมดนี่คือเรื่องราวความเป็นมา สถานที่สำคัญๆของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ล่ะ
วาจะได้รับฟังไว้เป็นความรุ้ ใครถามจะได้ไม่อายเขา
 เขาอาจมองว่าเราเฟอะฟะ แต่ที่ไหนได้วาก็ยังรุ้เรื่องราวแบบนี้ เนอะ " 
พี่เมี่ยงพูดเหมือนประชดวานะนั่น ...
 	
" ยังมีอีกเยอะ ที่วาไม่รุ้ ไม่เห็น ไว้ว่างๆพี่พามาเที่ยวอีก 
ถ้าไม่งอแง ไม่ร้องกวน 5555 " นั่นๆดูพี่เมี่ยงๆ  
	dookdik242.gif
" ไม่พูดแล้ว วาหิวข้าววววววว กินข้าวๆ ข้าวผัดไม่หมูไม่ผัก ด้วย น้ำแดงด้วย สั่งมาเลยๆ " 
.141.gif
.                              
    dookdik242.gif   ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )15_1245155162.gif


(หากข้อมูลใดผิดพลาด ขออภัยด้วยนะคะ ต้องโทษพี่เมี่ยงคำคะ อิอิ 				
6 กรกฎาคม 2552 15:38 น.

..อาลัยรัก..

ฉางน้อย

831211ivukwk3ae9.gif" อ้าว พี่สิน เป็นอะไรไปคะ ดูทำหน้าเหมือนจิ้งจกโดนประตูหนีบ ? " 
ยิหวาร้องทักพี่สินเมื่อเขาเดินเข้ามาในสำนักงาน 
พี่สินเขาเป็นทั้งเพื่อนรุ่นพี่ ทั้งพี่ชายคนสนิท
มีอะไรเราสองคนก็พูดคุย เล่าสู่กันฟังเสมอๆไม่ว่าการทำงาน 
เรื่องที่บ้านหรือแม้แต่ความรัก
และเช้าวันนี้ก็เช่นกัน
" วา พี่เลิกกับเธอคนนั้นแล้วนะ "
 พี่สินเอ่ยปากพูดเมื่อวางแฟ้มเอกสารบนโต๊ะทำงานของเขาแล้ว

" อ้าว ทำไม มีอะไรอีกคะ พี่สินใจเย็นๆน่ะ "
 ยิหวาสีหน้างุนงง เพราะเป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าคู่นี้รักกันมานานพอดู

" ไม่ล้อเล่นนะ พี่พูดจริงๆ พี่กับเธอตัดสินใจตัดขาดจากกันจริงๆซะที"
 พี่สินผ่อนลมหายใจนิดหนึ่งก่อนที่จะระบายคำพูดออกมา

" ไหน มีอะไรเล่ามาซิพี่สิน " คราวนี้ยิหวาเธอวางมือจากงานที่กองตรงหน้า
 หันมาสนใจจริงๆจังๆกับเรื่องราวของพี่สิน

" คืองี้นะวา ..เมื่อเย็นวานนี้พี่กับเธอไปนั่งทานข้าว
ฟังเพลงเบาๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะแยกทางกันเดิน "

" วาก็รุ้นี่ ว่าพี่กับเธอคบกันมานานแค่ไหน 17ปีเชียวนะวาเห
มือน17ปีแห่งการรอคอยที่เปล่าประโยชน์
แต่สำหรับพี่ ไม่เลยนะ เพราะมันเป็น17ปีที่ทำให้พี่มีความสุข " 
พี่สินเริ่มจะคร่ำครวญถึงอดีตที่ผ่านมา

" ค่ะ ..แล้วยังไงต่อคะ ? " วาสนใจรับฟังเรื่องราวของเพื่อนๆ
คนอื่นๆเสมอๆแม้ว่าตัวเองไม่สามารถช่วยแก้ไขได้ก็ตามที

" เราไปนั่งทานข้าวกันแถวๆหน้าโรงเรียนสวนกุหลาบ ร
ร้านนี้เปิดเพลงเบาๆ ดูแล้วเหมือนโรแมนติกใช่ไหมวา แต่ไม่เลยนะ "

" พี่ตัดสินใจถามเธออีกครั้งว่า ..ที่ผ่านๆมาคุณรักผมบ้างไหม
 ผมต้องการได้ยินคำนี้ เพียงคำเดียวจากปากคุณ .."

" เธอเงียบ เธอไม่ยอมพูดอะไรสักคำ พี่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมคนเราคบกันมาตั้ง 17 ปีกับเพียงแค่คำคำเดียวพูดยากนักเหรอไง "

" พี่เคยบอกรักเค้า เคยขอแต่งงานกับเค้า แต่เค้าก็ปฏิเสธพี่เรื่อยมา พี่ไม่เข้าใจว่าเค้ารีรออะไรกันแน่ "

" จะว่าเธอมีผู้ชายคนอื่นก็ไม่ใช่ เพราะ17ปีที่ผ่านมา เราไปไหนๆด้วยกันตลอด
. 198.gif
" พี่ เป็นคนแรกที่เธอเคยคิดถึงยามมีปัญหา 
เรามักจะพูดคุยให้กำลังใจกันและกันมาตลอด "
" พี่เป็นผู้ชายที่เธอใกล้ชิดมากที่สุด เราไปไหนๆด้วยกันเสมอๆ "
" เราสองคนไปทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลง นั่งคุยกันได้เป็นวันๆ 
แต่จู่ๆทำไม ทำไมต้องหันหลังให้กัน ทั้งๆที่ไม่เคยทะเลาะกัน "

ยิหวาได้แต่นิ่งฟังเพื่อนรุ่นพี่ระบายความอัดอั้นตันใจ 
ใครจะคิดล่ะว่าผู้ชายตัวโตคนหนึ่งที่มีหน้าที่การงานที่ดี
มีเพื่อนฝูงมากมายล้อมหน้าล้อมหลัง
 อีกทั้งเขาเป็นคนที่ชอบสนุกสนานเฮฮา
 ไฉนเลยมานั่งอ่อนไหวและจริงจังกับเรื่องความรัก

" ค่ำคืนนั้นนะวา พี่ถามเค้าเป็นครั้งสุดท้ายนะ ..
บอกรักผมสักคำได้ไหม แล้วผมจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต 
ขอเพียงให้รุ้ว่า เค้าเองก็รักพี่เช่นกัน สะใจตัวเองไหมละ 
สิ่งที่ได้คือ ความเงียบ ความว่างเปล่า "

" พี่เลยตัดสินใจบอกเค้าว่า ในเมื่อมันเป็นอย่างงี้ 
พี่ก็ขอตัดใจ เพราะพี่ก็ไม่รุ้ว่าจะต้องอยุ่เพื่อรออะไรอีก "
" แต่เรายังเป็นเพื่อนกันนะ พี่ยังเป็นเพื่อนกับเค้ามาเช่นเก่าก่อน 
พี่ไม่ต้องการใครมาแทนที่เค้า ความรักทดแทนกันไม่ได้นะวา "

" พี่แค่ต้องการฟังคำว่า ..รัก..จากปากเค้า
 ทำไมเค้าไม่ให้ หรือ เค้าให้ไม่ได้ พี่ก็ไม่เข้าใจ "
" ทั้งพี่และเค้าต่างก็ไม่ได้แตะต้องอาหารที่สั่งมาหรอก พร่องไปนิดเดียวเอง คือใจพี่ตีบตันไปหมด เหมือนเคว้างคว้างยังไงไม่รุ้นะ "

" แต่แล้ว จู่ๆ เสียงเพลง เพลงหนึ่งก็แว่วมาเบาๆ
ท่ามกลางความเงียบของเราสองคน 

" ฉันรักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
ว่าสักวัน ฉันคงถูกทอดทิ้ง 
มินานเท่าไหร่แล้วเธอก็ไปจากฉันจริงๆ 
ทิ้งให้ฉันอาลัยอยู่กับความรัก " dookdik242.gif   

" วา รุ้ไหม เพลงเพลงนี้ สามารถทำให้พี่น้ำตาซึมได้ วารุ้ไหมว่าชื่อเพลงอะไร ? " พี่สินถามยิหวาทั้งๆที่น้ำเสียงสั่นครือ
" ไม่ทราบคะ .." สั้นๆ แต่ชัดเจนในคำตอบของยิหวา 
" ชื่อเพลง อาลัยรัก ของคุณชรินทร์ นันทนาครนะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังที่มาที่ไปของเพลงนี้ "
" .. ค่ะ .. " ยิหวาตอบรับ ก็นิ่งเงียบอีกเช่นเคย
 ไม่มีคำปลอบใจหวานๆจากยิหวาถึงเพื่อนต่างวัย
ไม่มีคำปลอบใจเพราะๆจากยิหวาถึงพี่คนนี้
 ไม่มีคำพูดใดๆที่เพื่อนร่วมงานพึงกระทำต่อเพื่อนคนนี้
แต่ยิหวาก็ฟังพี่สินพูดไปเรื่อยๆ เธอรุ้ดีกว่า การนิ่งฟัง คือวิธีการที่ดีที่สุดในเวลานี้
...198.gif
" ขากลับ พี่เดินมาส่งเค้าขึ้นรถ พี่ยังตื้ออ้อนวอน
ขอร้องให้เค้าพูดว่า รักพี่สักคำ 
เค้าบอกว่า พูดไม่ได้ แค่นี้จริงๆที่เธอเอ่ยปากออกม
า พี่ย้อนถามว่า ทำไม เค้าเงียบ "

"ต่อไปนี้ใครเลยจะรุ้ว่าหัวใจพี่จะเป็นเช่นไร 
จะมีใครคอยพูดคุยให้กำลังใจ พี่คงไม่เหลือใครอีกแล้ว "
" พี่ตัดสินใจบอกเค้าว่า พี่ยอมเสียน้ำตาครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย
 ต่อไปจะไม่โทรหาเค้าอีก .."

" แต่ พี่ก็จะรอ..รอให้เค้าเห็นความสำคัญของพี่บ้าง
 รอให้เค้าโทรหาพี่บ้าง "
" พี่ไม่ต้องการ ไม่เรียกร้องอะไรจากเค้า เพียงคำเดียวเค้าให้พี่ไม่ได้
 พี่อยากฟัง เพียงเพื่อบอกตัวเอง
เพื่อปลอบใจตัวเองว่า ..แม้พี่ไม่มีใคร แต่พี่ยังมีเธอคนนั้นที่รักพี่ 
..แต่เธอไม่ตอบ ไม่บอกไม่พูดสักคำ "

" พี่ยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่า เค้าเป็นผู้หญิงที่ทำให้พี่เสียน้ำตาได้ 
พี่ยิ่งน้ำตาคลอเบ้า เมื่อเพลงอาลัยรักยังคงบรรเลงแว่วหวานไปถึงเนื้อร้องที่ว่า...... "

" แม้มีปีกโผบินได้เหมือนนก
อกจะต้องธนูเจ็บปวดนัก
ฉันจะบินมาตายตรงหน้าตัก
ให้ยอดรักเช็ดเลือด..และน้ำตา "   dookdik242.gif
  
พี่สินผู้ยึดมั่นในรัก ฮัมเพลงนี้เบาๆให้ยิหวาได้ยิน
แต่กระนั้นน้ำเสียงของเขาก็ยังคงมีความเศร้าปะปน

ยิหวาไม่รุ้หรอกว่าทำไม พี่สินถึงได้อินกับบทเพลงนี้มากมาย
และเหมือนพี่สินจะรู้ทันความคิดของยิหวา พี่เค้าถามขึ้นว่า..
" วา เคยอ่านนวนิยายสงครามชีวิต ของศรีบูรพาไหมล่ะ 
ที่พระเอกกับนางเอกไม่สมหวังในรักน่ะ ? "

" อ๋อ..ก็เคยอ่านอยุ่คะ แต่ลืมๆเนื้อหาไปบ้างแล้ว " 
ยิหวาตอบพลางทำสีหน้าแหยๆพลางสงสัยเหลือเกินว่า
นวนิยายสงครามชีวิต เกี่ยวอะไรกับเพลงอาลัยรัก
 แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่สินผู้ชายที่เพิ่งโดนสลัดรักมาหมาดๆ

" พี่กำลังจะบอกวา ว่า เพลงอาลัยรักเนี่ยนะ
 ขับร้องโดยคุณชรินทร์ นันทนาคร 
ซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจจากนวนิยายเรื่องนี้นะ 
เป็นตอนที่รพินทร์ พระเอกของเรื่องเขียนจดหมาย
ให้เพลินสาวคนรัก
เนื้อความในจดหมายนั้นมีประมาณว่า.... 

".. ถ้าฉันเป็นนก ฉันจะบินติดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง 
แม้ว่าในระหว่างทางฉันจะต้องถูกธนู
ฉันก็จะอุตส่าห์พยุงกายบินไปตายตรงหน้าตักเธอ 
เมื่อยอดรักได้เช็ดเลือดและน้ำตาให้ฉันสักครั้งหนึ่ง
ฉันก็จะหลับตาตายด้วยความเป็นสุข .
.แต่ ฉันมิอาจเป็นเช่นดั่งนก 
ดั่งนั้น แม่ยอดรัก ได้โปรด อย่าจากฉันไป..."
...198.gif
" นี่แหละวา เนื้อความในจดหมายก็ดั่งชีวิตพี่ 
สุดท้ายเค้าก็จากไป สุดท้ายพี่ไม่มีใคร
 กำลังใจหดหาย กำลังกายเริ่มทดท้อ
คืนนั้นพี่กลับบ้านด้วยความทรมานใจ ไม่คาดคิดด้วยว่า 
ตัวเองกลับถึงบ้านด้วยวิธีใด มันเคว้งคว้างไปหมด สับสนตัวเอง
ล้มตัวลงนอนก็นอนไม่หลับหรอกนะวา
 พอดีว่า เพลงเพลงหนึ่งแว่วเข้าหูพี่ ทำให้น้ำตาคลออีกรอบ

" วา เคยได้ยินเพลงของมาช่าไหม เป็นเกียรติเกินพอ " 
พี่สนถามเพลงเดินไปที่โต๊ะคอมพ์ เพื่อเปิดหาเพลงนี้ให้ยิหวาฟัง
" วาเคยฟังแบบผ่านๆค่ะ ไม่คุ้นหูมากนัก
 วาชอบเพลงใจเอย ของมาช่ามากกว่าคะ "

" แค่เธอรักฉันที่ผ่านมา ก็เป็นเกียรติเกินพอ
ไม่ขออะไรมาก แค่ได้รักเธอ
แค่มีเวลาช่วงหนึ่งที่สมบูรณ์ คือมีเธอ
ชีวิตของฉันก็คุ้มกว่าคนมากมาย
ถึงเราต้องจากกันไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
แต่รุ้ใช่ไหม ว่าฉันไม่เคยเสียใจที่ได้รักเธอ .. "

พี่สิน เปิดเพลงนี้ให้ยิหวาฟัง 3 รอบ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งๆที่รุ้ทั้งรุ้ว่า
 ตัวเองยิ่งฟังยิ่งเจ็บ แต่ก็ยังอยากที่จะฟัง
" เฮ้อ.. ความรัก...." ยิหวาเอ่ยเพียงประโยคนี้แล้วเงียบต่อ
 เธอรุ้ว่าความเงียบเป้นวิธีการที่ดีที่สุด ณ.เวลานี้

" .................." ความเงียบเข้ามาแทนที่ของพวกเราสองคน
แต่แล้วจู่ๆยิหวาก็เอ่ยทำลายความเงียบนั้น

" พี่เชื่อไหม การที่เธอคนนั้นของพี่เงียบเฉย
 ไม่ได้หมายความว่า เธอไม่รักพี่นะคะ 
แต่เธออาจมีเหตุผลบางสิ่งบางอย่างที่พูดไม่ได้ "

" ผู้หญิงเราทุกคนรักใครรักจริงใจ จริงจังกับความรัก 
แต่ก็เป็นเรื่องยากพอสมควรในการที่จะ
เอ่ยปากบอกรักผู้ชายสักคนหนึ่ง "

" ส่วนมากพวกเธอมักเก็บไว้ในใจ มีเพียงการกระทำแค่นั้นที่
เธอแสดงออกมาว่าสุดแสนที่จะรักคนของเ
ธอ รักแล้ว รักอย่างท่วมท้น "

" ทำไมพี่สินไม่ดูการกระทำของเธอ ทำไมต้องสนใจเพียงแค่คำ คำเดียว "

เป็นครั้งแรกที่ยิหวาเธอเอ่ยปากพูดคุย
อย่างเป็นเรื่องเป็นราวหลังจากนิ่งฟังมานาน

" ชายหญิงหลายคู่หลายคนที่แม้ไม่ได้ลงเอยด้วยการแต่งงาน
 แต่พวกเขาเหล่านั้นยังเป็นพี่เป็นเพื่อนกันได้ "

" แม้เธอจะยืนคนละฝั่งฟากฟ้ากับเรา 
แต่เธอก็อยู่ร่วมโลกใบนี้ด้วยกันใช่ไหม ? "

" แม้เธอจะห่างไกลลิบหล้า
 แต่เธอก็ยังคงอยู่ร่วมชายคาภายใต้หลังคาโลกใบเดียวกันใช่ไหม ? "
" แม้กายเธอจะห่างไกลแสนไกลแค่ไหน
 แต่ถ้าใจสองเราสื่อใกล้กัน แค่นี้เราก็สุขใจแล้วมิใช่เหรอ ? "

" ไม่รุ้นะ วาพูดเท่าที่วาเคยรับรู้ เคยได้ยินผ่านๆมาน่ะ 
วาอาจไม่ชำนาญเรื่องรัก

แต่สำหรับความรักของวา วาคิดเพียงแค่ว่า ... 
" วา จะรักเขาที่หัวใจ วาจะไม่รักใครที่ร่างกาย 
หากเขาไม่รักวา วาก็ไม่ฉุดรั้งเขาไว้
เขาอยู่กับวาอาจไม่มีความสุข วาจะให้เขาเลือกทางเดินที่คิดว่า
 เขามีความสุข "
" อีกอย่าง วากลัวว่า วาได้เพียงร่างกายเขามา 
แต่ไม่ได้หัวใจ วาคงไม่มีความสุข
แล้ววาจะอยากได้มาทำไม จะมีประโยชน์อะไรกันล่ะคะ ? " 

คำบอกเล่าของยิหวา เหมือนน้อยใจใครบางคน เหมือนตัดพ้อใครสักคน 
แต่นั่นก็ทำให้พี่สินตกใจได้เหมือนกัน ด้วยไม่คาดคิดว่า 
คนอย่างยิหวา นานๆครั้งที่จะพูดเป็นเรื่องราว
..198.gif

." วา เป็นอะไรไหม เหมือนเศร้าๆนะ พี่ต่างหากกำลังเศร้า 
วาอย่าเพิ่งเศร้าซิ ใครจะปลอบใจพี่ล่ะ ? "
" วา พี่ขอโทษที่ทำให้วาไม่สบายใจ เอาล่ะ..พี่ไม่เป็นอะไรแล้วนะ "

" พี่เข้าใจหัวใจตัวเองดีแล้วล่ะว่าพี่ควรทำอย่างไรกับชีวิตพี่ต่อไป
 พี่ต้องอยู่ให้ได้แม้ไม่มีเธอ "

" พี่ขอบใจวามากนะที่ให้กำลังใจพี่ตลอดมา
" ขอบคุณมากๆที่ได้มาเจอน้องสาวที่น่ารักอย่างวา
 พี่เชื่อ วาต้องเจอคนดีๆ เพราะวาเป็นคนดีไง "

.............. โธ่เอ๊ย ..ยัยวา ทำเป็นปากเก่ง ปลอบใจคนอื่น 
ทีเรื่องของตัวเองก็ยังไม่แคล้วต้องมา
นั่งคิดถึง " เขาคนนั้นของวา " ต่อไปเราจะเป็นอย่างพี่สินไหมนะ 
แว่วเสียงเพลงนั้นดังมาอีกแล้ว

" ฉันรักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
ว่าสักวัน ฉันคงถูกทอดทิ้ง 
มินานเท่าไหร่ แล้วเธอก็ไปจากฉันจริงๆ 
เธอทอดทิ้งให้อาลัย อยู่กับความรัก "  dookdik242.gif
.198.gif


                               ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )

                              kan.gif00521_6.gif160.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฉางน้อย