18 เมษายน 2550 14:02 น.

~* ข้อสอบเลื่อนชั้น*~

ถนปายี

ท่านรัฐมนตรีศึกษาเดินเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด พร้อมคณะ มีทั้งอธิบดี ผู้ตรวจราชการกระทรวง และ ผอ.ประถมศึกษาจังหวัด ซึ่งนำท่านเข้าไปในห้องเรียนของชั้นอนุบาล 3 ที่เตรียมตัวขึ้น ป.1 ในปีถัดมา ผอ.โรงเรียนก็กล่าวแนะนำครูประจำชั้น 

ท่านรัฐมนตรีบอกว่าจะขอให้ครูที่ติดตามมาจากกรุงเทพเป็นผู้ทดสอบความรู้เด็กเพื่อ จะดูว่าเด็กพร้อมที่จะขึ้นเรียน ป.1 ได้หรือไม่ เหตุที่ท่านไม่ให้ครูประจำชั้นทดสอบ เพราะเกรงว่าจะรู้กันกับเด็ก ครูผู้ติดตามเป็นผู้หญิง สวมแว่นหน้าตาดี หุ่นดี ท่าทางบอกชัดว่าเป็นนักเรียนนอก เธอชี้ไปที่เด็กชายน่าตาน่าสงสาร ขี้มูกเปื้อนร่องจมูกเป็นคราบ แล้วเธอก็พูดเสียงดังฟังชัดว่า 

หนูลุกขึ้นซิจ๊ะ หนูชื่ออะไร ผม.. เด็กชาย ม้ง ครับ เด็กตอบเบาๆ หนูม้ง หนูตอบครูดังๆ นะจ๊ะ ครูเป็นผู้หญิง แล้วหนูล่ะเป็นอะไร 

ผู้ชาย ครับ ตอบดังขึ้นแล้ว 

เอาละ คำถามข้อ 1 ครูมีอะไรที่หนูไม่มี ตอบได้ไหม 

เด็กชะงักนิดหนึ่ง แล้วตอบว่า แว่นตา ครับ .... ท่านรัฐมนตรีทำตาโต ครางฮือ 

ถูกต้อง เก่งมาก ..เอานะทีนี้ ...ข้อ 2 อะไรที่เวลาหมามันทำ 

มันยืนสามขา แต่ถ้าครูทำ ครูยืนทำก็ได้นั่งทำก็ได้ ท่านรัฐมนตรีทำตาโตกว่าเก่าอีก ขยับเน็คไทลงอีกเล็กน้อยเพื่อให้หายใจได้คล่อง 

เช็คแฮนด์ครับ ด.ช.ม้งตอบเสียงดังกว่าเก่า เก่งมาก ถูกต้อง คุณครูตบมือ หัวเราะร่า 

คราวนี้ข้อ 3 .....อะไรที่สะกดตัวหน้าด้วยสระเอ แล้วมีขีด ข้างบนขีดมีไม้ไต่คู้อยู่ แล้วตามด้วย..ดอเด็ก.. หนูต้องเติมตัวอะไรไปในช่องที่เว้นไว้ จะมีความหมายว่าของสองสิ่งกระทบกัน เด็กทำหน้างง รัฐมนตรีทำตาถลนออกมานอกเบ้า 

ครูสาวเห็นเด็กงง หันหลังกลับคว้าชอล์คเขียนบนกระดานดำ 

เขียนอย่างนี้ จ้ะ แล้วเธอก็บรรจงเขียนตัวโต 

เ...็..ด 

แล้วบอกว่า ที่หมายความว่า...ของสองสิ่งกระทบกัน...ตอบได้ไหมคะ? พอถึงตรงนี้ รัฐมนตรีดึงปมเน็คไทลงเกือบสุด ตาถลนเหลือกลาน เด็กน้อยตะโกนตอบ เสียงลั่นห้อง 

 เช็ดครับ ! ...เติม ช.ช้าง! อ่านว่า เช็ด เช็ด!! ครับพ้ม !!!  

ถูกต้องๆๆ ถูกต้องที่สุดเลย...หนูเก่งมาก เก่งจริงๆ...... 

คราวนี้ข้อที่สี่ รัฐมนตรี กุมหัวใจตัวเอง โบกมือหยอยๆไป มา พอแล้ว พอแล้ว ทดสอบแค่นี้พอแล้ว รัฐมนตรีบอกเสียงสั่นระรัว 

อธิบดีกรมสามัญที่ตามมาด้วยถามว่า เป็นไงครับท่าน ด.ช.ม้ง พอจะขึ้น ปอหนึ่งได้ไหมครับ 

ให้ขึ้นปอแปดไปเลย !! ....ท่านรัฐมนตรีประกาศ อ้าว ! ทำไมถึงท่านให้พาสชั้นอย่างนั้นล่ะครับ !! 

ท่านรัฐมนตรี มองหน้าอธิบดีกรมสามัญอย่างหดหู่ แล้วบอกเสียงเครือว่า ก็ที่ครูผู้หญิงเธอถามน่ะ..ผมตอบผิดทุกข้อเลย จะอะไรซะอีก !!! 

 				
18 เมษายน 2550 12:59 น.

วิธีคิดของนายจ้อน อ่านขำๆนะ

ถนปายี

วันหนึ่งขณะที่นายจ้อนกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียนคุณครูสาวสวยก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า 
"ถ้ามีนกสามตัวเกาะสายไฟอยู่ แล้วนายพรานก็ยิงนกตัวหนึ่งตกลงมา จะมีนกเหลือ 
อยู่บนสายไฟกี่ตัว?" 
นายจ้อนตอบว่า "ไม่มีเหลือเลยซักตัวครับ" 
คุณครูสาวจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "ผิดย่ะนายจ้อน ถ้ามีนกสามตัว ถูกยิงไปหนึ่งตัว จะ 
เหลืออยู่กี่ตัว ตอบใหม่อีกทีซิ" 
นายจ้อนยังยืนยัน "ไม่มีเหลือครับ" 
คุณครูสาว "ผิดแล้วนะนายจ้อน เธอคิดยังไงของเธอน่ะ" 
นายจ้อนจึงแถลง "ก็นายพรานยิงนก เสียงก็ดัง แถมยังมีนกตกไปตัวนึง นกตัวที่ 
เหลือก็บินหนีไปหมดสิครับ" 
คุณครูสาว "อ้อ ชั้นเข้าใจละ นั่นไม่ใช่คำตอบที่ครูต้องการหรอกนะ แต่ว่าครูก็ชอบ 
วิธีที่เธอคิด" 
นายจ้อนได้ฟังคุณครูสาวอธิบายแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาบ้างว่า "คุณครูครับ ผมมีคำถาม 
จะถามคุณครูเหมือนกันครับ มีหญิงสาวสามคนกำลังนั่งกินไอติมแท่งอยู่ คนนึงเลีย 
ไอติม อีกคนนึงดูดไอติม ส่วนคนสุดท้ายกัดไอติม คุณครูรู้มั้ยครับว่าคนไหนแต่ง 
งานแล้วอ่ะครับ?" 
คุณครูสาวอึกอักไปชั่วครู่แล้วจึงตอบไปว่า "เอ่อ ครูคิดว่าอ่ะนะ คนที่ดูดไอติมใช่ 
มั้ย?" 
นายจ้อนได้ทีจึงตอบไปว่า "ผิดครับครู คำตอบที่ถูกต้องคือคนที่สวมแหวนแต่ง 
งานน่ะครับ แต่ผมชอบวิธีที่ครูคิดนะครับ" 




*****************************************************

อีกเรื่องแล้วกัน

สเปรย์สุดฮา กับ 2 ตาหลาน

บ่ายแก่ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ หลานชายตัวจ้อยพาคุณตาไปเดินเล่นในสวน

หลานชาย: คุณตา..ดูนั่นสิฮะ 
หลานพูดพลางเอามือชี้ไปที่ไส้เดือน
คุณตา: ก็แค่ไส้เดือนกำลังจะเลื้อยลงรู มีอะไรเรอะ?
หลานชาย: ตาเชื่อมั้ย ว่าผมน่ะจับเจ้าไส้เดีอนนี่ยัดลงรูได้นะ
คุณตา: (พูดอย่างยิ้มเยาะ) ตาว่า เจ้าทำไม่ได้ร้อก! ก็ตัวมันทั้งนิ่มทั้งลื่นอย่างนั้น
เจ้าจะจับมันใส่รูได้ยังไงล่ะ ... เอาเป็นว่า ถ้าเจ้าทำได้ตาจะให้ตังค์กินขนม 20 บาท
หลานชาย: แน่นะฮะ งั้นรอผมเดี๋ยว




พูดเสร็จเจ้าหลานชายก็วิ่งปรู๊ดดด... เข้าไปในบ้าน และอีก 5 นาทีต่อมาเจ้าหนูกลับมาพร้อมกับ สเปรย์แต่งผม ในมือ เมื่อมาถึงก็เล็งไปที่ไส้เดือนและฉีดไปเต็มแรง จนมันแข็งตัวเป็นเส้นตรง

หลานชาย: (หยิบไส้เดือนยัดลงรู) นี่ไงฮะตา ลงรูไปอย่างง่ายดาย 
คุณตา: ยื่นเงินให้หลาน 20 บาท พร้อมทั้งหยิบสเปรย์แต่งผมกระป๋องนั้น เดินโขยกเขยกเข้าบ้าน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา คุณตากลับมาหาที่สวนพร้อมยื่นเงินให้หลานอีก 20 บาท

หลานชาย: คุณตาให้เงินผมมาแล้วนี่ฮะ
คุณตา: ใช่ แต่นี่ของยายเค้าฝากมา
หลานชาย: ?!?
				
11 เมษายน 2550 12:59 น.

เรื่องราวความรักในธรรมบท **อิจฉามารศรี ตอน 2**

ถนปายี

** ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว ผู้เป็นมารดา อยากมีหลานสืบสกุล จึงเร่งเร้าให้ลูกชายแต่งงาน คราวแรกตั้งใจว่าจะไปขอผู้หญิงจากตระกูลหนึ่งมาให้ แต่ลูกชายซึ่งปฏิเสธที่จะแต่งงานแต่แรก กลับบอกถึงตระกูลของหญิงที่ตัวเองต้องการ		
		
แต่เมื่อไม่สมใจ เพราะลูกสะใภ้คนนี้เป็นหมัน ไม่สามารถมีบุตรสืบสกุลได้ ผู้เป็นมารดาจึงคิดหาสะใภ้ใหม่ ข้างฝ่ายหญิงสะใภ้แอบล่วงรู้เรื่องนี้เข้า จึงมีความคิดว่า หากขืนปล่อยให้แม่สามีหาภรรยาน้อยมาให้สามีเอง ตัวเองจะตกที่นั่งเป็นนางทาสไป จึงคิดว่า เป็นผู้หาหญิงใหม่ให้สามีเองจะดีกว่า จึงไปหาผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นภรรยาน้อยให้สามี 		
		
เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนที่ 2 ได้เลยครับ		
				
9 เมษายน 2550 14:08 น.

ปี๋ใหม่เมือง

ถนปายี

นับตั้งแต่ท้าวเทพาพฤกษ์จุติ​เป็นเทพ​เมื่อร้อยปี​ที่แล้ว​ ​และ​ได้มาสถิตย์อยู่​ ณ ยางนาต้นใหญ่ริมถนนหน้าวัดแห่งนี้ ท้าวท่าน​ได้เห็น​ความเปลี่ยนแปลงของชุมชนบนถนนสายนี้มา​โดยลำดับ

 เอื้องผึ้ง​กับเอื้องคำ​ที่บานสะพรั่งอยู่​รอบต้นยางใหญ่นั้น​​แต่ก่อนใช่ หามีไม่ ก็ เพราะพวกนักอนุรักษ์ต่างหาก​ที่​เอามันมามัดไว้​ที่ต้นยางสองข้างถนน​เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ​แต่ก็มันเกาะเกี่ยวเกลียวกลม​ไปด้วยกัน จนดูคล้าย​กับเกิดขึ้น​เองตามธรรมชาติ มัน​จะออกดอกสีเหลืองสะพรั่งให้คน​ได้ชื่นชมกันในหน้าร้อนอย่างตอนนี้ ช่วยขับสีสรรค์ของเทศกาลมหาสงกรานต์ให้ตระการตาขึ้น​

 ​เมื่อครั้งกระโน้น ถนนสายนี้เงียบสงบ สองข้างถนน​เป็นทุ่งนากว้างสลับ​กับป่า ยังไม่มีสวนลำไยอย่างเดี๋ยวนี้ ​จะมีบ้านเรือนปลูกอยู่​บ้างก็ห่างๆ ยามกลางคืนถนน​ทั้งสายมืดสนิทไม่มีคนเดินหรือรถราวิ่ง 

 ​ที่ท่านท้าวเลือกมาอยู่​ ณ ต้นยางใหญ่หน้าวัดก็ด้วยศรัทธา​ที่​จะ​ได้เข้า​ไปฟัง​พระธรรมเทศนาในโบสถ์ทุกวันศีล ​และ​เพื่อเข้าฌานรักษามหาศีล อัน​จะยังให้องค์เอง​ไปจุติ ณ ภพภูมิ​ที่เหนือกว่านี้ ​โดยมีนิพพาน​เป็น​ความปรารถนาสูงสุด

 ก่อนนี้ท้าวไท​จะมีชื่ออย่างใดก็หาไม่ จนวันหนึ่ง​มีคนมานั่งขูดๆ ถูกๆ ​ที่เปลือกยางต้นนี้ แล้ว​อีกไม่กี่วัน ต่อมาพวก​เขาก็มาสร้างศาลให้​ที่โคนต้นยางใหญ่ ​เอาผ้าแพรสีต่างๆ มาผูกล้อมไว้ ​เขายังหาป้ายชื่อมาติดไว้​ที่หน้าศาล ตั้งชื่อให้ท่าน​เป็น ท้าวเทพาพฤกษ์ ​และนับ​แต่นั้น​มา ท่านเทพก็กลาย​เป็นจ้าว​ที่มีศาล​และมีชื่อให้​เขาเรียกกัน

 มีคน​เอาดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้​ที่ศาล ขอหวยบ้าง ขอให้พ้นเคราะห์พ้นทุกข์บ้าง บ้างก็​เอาอาหารคาวหวานรวม​ทั้งเหล้าขาวเหล้าแดง มาบนถวายไม่เคยขาด ​แต่ท่านหา​ได้เสพเครื่องเซ่นเครื่องบนเหล่านี้ไม่ เพราะอิ่มอยู่​แล้ว​ด้วยทิพย์ 
วันนี้​เป็นวัน​ที่สามของมหาสงกรานต์ปีนี้ ​เป็นวันพญาวัน ! วันแห่งการเถลิงศกใหม่ ท่านท้าวเห็นมหาสงครามน้ำมาแล้ว​สองวัน ​เมื่อวาน​เป็นวันเนา ไม่เห็นมี​ใครมาขนทรายเข้าวัด ​และวันนี้ก็ไม่มี​ใครมาดำหัวท่าน​พระครู ไม่เหมือนดัง​แต่ก่อน เห็น​แต่ผู้คนมาแออัดเล่นสาดน้ำกันบนถนนมากกว่าทุกปี​ 

 หม้ายผัวร้างวัยรุ่นย้อมผมแดงเพลิงใส่เสื้อรัดรูป จูงลูกชายตัวเท่าเมี่ยง ซึ่งถูกจับย้อมผม​เป็นสีทอง ถือปืนฉีดน้ำ​ไปยืนเบียดกระแซะข้างหนุ่มใหญ่​ที่ ริมถนน หนุ่มกระทงพากันย้อมผมสีแดงบ้างทองบ้าง บางคน​ที่ใจถึงก็​จะย้อมผมสลับสีให้​เป็นสีธงชาติ พวก​เขาพากันขี่รถมอเตอร์ไซค์ฉวัดเฉวียนอยู่​ตาม​ที่ๆ มีสาวๆ ยืนสาดน้ำกันอยู่​ข้างถนน พยายามเสนอหน้าให้ถูกสาดน้ำ

  
 
   
 บางบ้าน​ที่อยู่​ติดถนน ขนเครื่องขยายเสียง​กำลังสูงมาเปิดเพลงฟังกันริม [Iถนนหน้าบ้านตั้งแต่วันแรก ​เขาหมุนปุ่มเร่งเสียงจนสุด แล้ว​คนในบ้าน​ทั้งหนุ่ม​ทั้งแก่​ทั้งชาย​และหญิง ก็ขนเหล้าออกมากินกัน ​เขาถือแก้วน้ำเมาดีดดิ้น ร้องเพลงร่ายรำกันอย่างสนุก เสียงเพลงดังสะท้อนสะท้านขึ้น​​ไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์​​แม้องค์อินทร์ก็คง​จะร้อนทิพย์อาสน์ !

 นี่​คือยามสายของวันพญาวัน วันสุดท้ายของ ปี๋ใหม่เมือง ประเพณีอันยิ่งใหญ่​ที่สืบทอดกันมานับร้อยปี ท่านท้าวมองสิ่ง​ที่แปรเปลี่ยน​ไปอัน​เป็นอนิจจังนี้อย่างไม่ยินดียินร้าย​!

 รถกระบะนับร้อยๆ บรรทุกหนุ่มสาวเต็มคัน วิ่งผ่าน​ไปผ่านมาอยู่​ใต้ต้นยางใหญ่​ที่ท่านเทพสถิตย์อยู่​ บางคันมีสาวงามนั่งคู่คนขับ คอยปรนนิบัติรินเหล้ารินเบียร์ให้คน​ที่ถือพวงมาลัยรถ

 พวก​เขา​เอาถังน้ำใหญ่ใส่รถมาด้วยสำหรับตักน้ำสาดสู้​กับรถ​ที่ขับสวนมา หรือ​กับพวก​ที่ยืนจับกลุ่มถือถังน้ำรอสู้อยู่​ข้างถนน บางคนมีกระบอกฉีดน้ำติดมาด้วย ​เขา​จะฉีดน้ำสวนเข้า​ไปในกลุ่มคน​ที่สาดน้ำสู้​กับ​เขา ​และฝ่ายนั้น​ก็​ต้องรีบ​เอามือปิดหน้า หรือหันหลังให้​กับสายน้ำ​กำลังสูง ก่อน​ที่มัน​จะกระฉูดเข้าลูกนัยน์ตาจนพลัดหลุดออกมา
สองข้างถนน หนุ่มสาวหลายกลุ่มยืนถือกระป๋องน้ำเรียงรายกันอยู่​อย่างไม่ย่อท้อ คอยสาดน้ำเข้าใส่รถกระบะหรือมอเตอร์ไซค์​ที่ขับผ่าน ​แต่หนุ่มบางคนก็จ้อง​ที่​จะสาดน้ำเจาะจงเข้า​ไปตรงหัวเทียนของรถมอเตอร์ไซค์เพียงอย่างเดียว ​เขา​จะดีใจ​ถ้ารถคันนั้น​เครื่องดับลงด้วยฝีมือของ​เขา

 ท่านท้าวมอง​ไป​ที่สาวน้อยรุ่นกระเตาะสองคน​ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนกันมา สองเธอใส่เสื้อเกาะอกสีขาววาบหวาม​และเปียกโชก รถของเธอ​ต้องหยุด​เมื่อถึงด่าน ซึ่งหนุ่มน้อยผมทองกลุ่มหนึ่ง​ยืนดักอยู่​ พวกหนุ่มๆ กรูกันเข้าห้อมล้อมรถ​เอาไว้ คนหนึ่ง​ยกกระป๋องน้ำใบใหญ่ขึ้น​ แล้ว​เทน้ำโครมลงบนหัวสองสาวจนหมด​ทั้งกระป๋อง คน​ที่ซ้อนท้ายมาถึง​กับสำลัก อีกสองหนุ่ม​เอาแป้งดินสอพองเข้าลูบแก้มให้สองเธอ 
คนหนึ่ง​ใจอารีกว่า​เพื่อน ​เขาล้วงมือเข้า​ไปในเสื้อเกาะอกบางเฉียบของสาวน้อย​ที่​เป็นคนขี่รถ ​เอาดินสอพองลูบเคล้าเต้ากระเตาะให้สาวเจ้าคลายร้อน ! เฉลิมฉลองวันพญาวัน ท้าวท่านหลับตาลงแล้ว​ทำใจให้​เป็นอุเบกขา​ 

 เสียงหวีดร้องของสาวน้อยคน​ที่ถูกดินสอพองลูบเต้าดังก้อง ทำให้ท้าวเทพาพฤกษ์ลืมตา ! ​แต่ท่านกลับเห็นสาวน้อยคนนั้น​สรวลระริก หนุ่มน้อยยังไม่ละมือออกจากเสื้อบางแนบเนื้อตัวนั้น​​.

 ครั้นหนำใจกันแล้ว​​ทั้งสองฝ่าย สาวน้อยคน​ที่ขี่รถก็บิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์ พาเต้ากระเตาะแรกแย้มเข้าลุยสู้​กับกลุ่มหนุ่มด่านต่อ​ไป พวกนั้น​​กำลังเตรียมดินสอพองถูมือรออยู่​แล้ว​ ! 
ยังมีอีกหลายด่าน​ที่เธอ​ทั้งสอง​จะ​ต้องฝ่าออก​ไปให้พ้น ! ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ​จะไหวฤๅ ? ลูกเอ๋ย ! ​แล้ว​ท้าวท่านก็รีบเรียกจิตกลับเข้าสู่อุเบกขา ปลง​กับภาพ​ที่เห็นแล้ว​ก็แผ่เมตตาให้ 

  
 
   
 มอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง​แฉลบล้มลง ​เมื่อหนุ่มผมสีม่วงคนขี่โดนน้ำ​ทั้งถังสาดสวนเข้าเต็มหน้า ใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งถูกประไว้ด้วยแป้งหอม ไถลไถเถือก​ไป​กับพื้นถนนยางมะตอย จนมองเห็นกระดูกขาวเว่อ​ที่โหนกแก้มข้างหนึ่ง​ ผู้คนพากันเข้าห้อมล้อมช่วยเหลือ ลาก​เขาเข้า​ไปนั่งพิงโคนต้นยางใหญ่ข้างศาล หาหยูกยาใส่ให้ตามมีตามเกิด รอรถพยาบาล​ที่​จะมารับ​ไปโรงหมอ​

 ​ที่เจ็บก็เจ็บกัน​ไป มีบ้าง​ที่ตาย​ไป ​ที่อยู่​ก็สาดน้ำกันอย่างสนุกสนานต่อ​ไป ฉลองมหาสงกรานต์ ! ท่านท้าวเห็นสรรพสิ่ง​ที่​กำลัง​เป็น​ไปบนถนน มโนสำนึกแห่ง​ความ​เป็นเทพผู้เคร่งศีลบอกองค์เองว่า สัตว์โลกย่อม​เป็น​ไปตามกรรม !

  
 
   
 มวลมนุษย์​ที่คลาคล่ำอยู่​บนถนนสายนี้เริ่มบางลง​เมื่อบ่ายคล้อย ต่างก็อ่อนล้า​กับสงครามน้ำ​ที่สู้กันมาสุดฤทธิ์ พวก​ที่อยู่​ตามริมถนนหลายคนกลับเข้า​ไปในบ้าน เด็กๆ บางคนเริ่มหนาวสั่นกลางแดดกล้า ​เขา​และเธอจับไข้ เพราะกรำน้ำกรำแดดติดกันมาแล้ว​หลายเพลา

 หนุ่มไก่อ่อนวัยสิบห้า​ที่เพิ่ง​จะหัดกินเหล้า​เป็นครั้งแรก นอนฟุบหน้าจมกองอาเจียนของตนเองอยู่​บนรถกระบะ​ที่ตระเวนเล่นน้ำกันมาตั้งแต่เช้า​ สงครามน้ำในวันพญาวันของปีนี้ใกล้​จะถึงเวลาสิ้นศึกในอีกไม่ช้านี้แล้ว​​

 มืดแล้ว​ ! ถนน​ทั้งสายมีรถวิ่งบางตาลง ​แต่ก็ยังนองเจิ่ง​ไปด้วยน้ำ ไฟริมถนนหน้าวัดเปิดขึ้น​ แสงสลัวของมันส่องมาถึงศาล​ที่โคนต้นยางใหญ่ หนุ่มสองคนเดินโซเซมาตามริมถนน ถึงต้นยางใหญ่​ที่ท่านเทพสถิตย์อยู่​ หมอเมาไม่​เป็นคนมาตั้งแต่วันวาน จำแทบไม่​ได้​แม้​แต่ชื่อตัวเอง แล้ว​​เขาก็หยุดลงตรงโคนต้นยาง 

 คนหนึ่ง​​เอามือ​ทั้งสองข้างเท้ายันต้นยางไว้ ก้มหน้าลงแล้ว​ก็โก่งคอ สิ่ง​ที่อยู่​ในกระเพาะอาหารขย้อนทะลักออกมาจากปาก​เป็นระลอก ราดรด​ที่โคนยางใหญ่ บาง​ส่วนรดลงบนเกือกข้างหนึ่ง​ของตัวเอง​ อีกคนหนึ่ง​เดินตุปัดตุเป๋เข้ามา​ที่ศาล ​เขาถ่างขาออก ​และ​ใช้​ความพยายามอยู่​นานจึงรูดซิบกางเกงออก​ได้ แล้ว​ก็ยืนโยกเยก แอ่น รดลง​ไป​ที่เสาของศาลนั้น​​ ปากร้องด่าท้าทายให้จ้าวมาหักคอ !

 ท้าวไท้มองดูหนุ่มเหน้า​ทั้งสอง แล้ว​มองดูศาล​ที่คนอื่นมาสร้างให้ ตอนนี้เสาของมันเปียกโชกด้วยน้ำมูตของหนุ่มคนนั้น​ ท่านดูป้ายชื่อ​ที่คนอื่นตั้งให้อีกเหมือนกัน โทสะ​แม้​แต่น้อยนิด ​แม้เพียงเศษเสี้ยวของเมล็ดงาก็มิ​ได้กรายกล้ำเข้าสู่มโนสติ ท้าวเธอแน่วแน่อยู่​​กับอุเบกขา แล้ว​ก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์​ทั้งมวล​

 จิตท่านเทพโปร่งใส​และสงบนิ่ง ! สงบยิ่งกว่าวันใดๆ ในตลอดเวลาร้อยปี​ที่ผ่านมา เข้าสู่จตุตถาฌาน​โดยแท้ ดังน้ำบ่อน้อย​ที่ใสสะอาดบนยอดดอยสูง ซึ่งใสเสียจนมองเห็นกรวดทราย​ที่ก้นบึ้ง​ได้ ท้าวไท้รู้ด้วยองค์เองว่า ณ วันพญาวันในวันนี้ ท่าน​กำลัง​จะย้าย​ไปสู่โลกุตระภพแล้ว​ ด้วยมหาศีล​ที่เพียรรักษามานาน​O 
 

				
9 เมษายน 2550 13:51 น.

เรื่องรักใคร่ในธรรมบท *อิจฉามารศรี *

ถนปายี

ครอบครัวที่มีลูกชายคนเดียวในปัจจุบันอยากมีลูกหลานไว้สืบสกุลฉันใด ในสมัยพุทธกาลก็ไม่วายคิดทำนองเดียวกัน		
		
อย่างครอบครัวของกุฎุมพีผู้หนึ่ง พอสิ้นพ่อ ลูกชายก็หมายที่จะทำงานลูกดูแม่ผู้เป็นที่รักไปตลอดชีวิต หากแม่กลับไม่คิดอย่างนั้น นางอยากให้ลูกชายได้แต่งงานกับหญิงสักคน จะมานิ่งดูดาย ลูกชายก็ไม่มีวี่แววว่าจะหาลูกสะใภ้เข้าบ้านเสียที จนผู้เป็นแม่อดรนทนไม่ได้		
		
"แม่ว่าจะไปขอผู้หญิงสักคนมาให้แต่งงานกับเจ้า"		
		
"อย่าเลยแม่ ผมตั้งใจจะอยู่เลี้ยงแม่นี่แหละไปจนตลอดชีวิต"		
		
"ไม่ได้ล่ะ แม่เห็นเจ้าเอาแต่ทำงานทั้งนอกบ้าน ในบ้าน เพื่อแม่อย่างนี้ อย่านึกนะว่าแม่จะสบายใจ"		
		
แม้ลูกชายจะคอยห้ามปรามบ่อย ๆ ว่า อย่าเลยแม่ อย่าเลยแม่ ผู้เป็นแม่ก็ไม่ฟังเสียง ยังคงดำรงความตั้งใจเดิมไว้ จนวันหนึ่ง เมื่อห้ามไม่ได้อีกต่อไป ขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังจะออกจากบ้านไป ลูกชายก็ถามว่า		
		
"แม่ แม่กำลังจะไปขอลูกสาวบ้านไหนมาน่ะ"		
		
"ก็บ้านท่าน.." มารดากล่าวอ้างถึงตระกูล ๆ หนึ่งในย่านนั้น		
		
"เอ่อ แม่" ลูกชายอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวสืบไปว่า "ถ้าอย่างที่แม่ว่า ผมว่าอย่าเลย ถ้าแม่อยากให้ผมแต่งงานจริง ๆ ละก็ แม่ไปขอลูกสาวบ้าน..ดีกว่า" ลูกชายบอกเขิน ๆ		
		
(ก็ไหนว่า ไม่คิด แล้วไหงบอกถูก-ผู้เขียน)		
		
ฝ่ายมารดาได้ยินดังนั้นก็สุดแสนจะดีใจ แล่นไปขอลูกสาวบ้านที่ลูกชายแอบบอกทันที		
		
ทั้งคู่ได้แต่งงานอยู่กินกันด้วยความเห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่าย เหตุการณ์ก็น่าจะปกติ ปัญหาเรื่องแม่ผัว-ลูกสะใภ้ ก็ไม่มี เพราะแม่เป็นคนไปขอให้เอง ด้วยความอยากมีสะใภ้ แต่เหตุการณ์กลับไม่ง่ายอย่างนั้น สาเหตุก็มาจาก		
		
.อยู่กินกันมาสักระยะหนึ่ง ถึงได้ทราบความจริงว่า หญิงสะใภ้ผู้นี้ เป็นหมัน ในธรรมบทไม่ได้ระบุชื่อหญิงสะใภ้นี้ไว้เลยเมื่อกล่าวถึง แต่เพื่อไม่ให้เกิดการสับสนว่าใครเป็นใคร จะขอสมมุติชื่อขึ้นก็แล้วกัน ว่า ลูกสะใภ้บ้านนี้ ชื่อ กัญญา		
		
ความร้อนใจบังเกิดขึ้นกับคุณแม่ผัวอีกครั้ง คราวก่อน ลูกชายไม่แต่งงานก็เดือดร้อน คราวนี้ ลูกสะใภ้เป็นหมันก็วุ่นวายอีก สมเป็นคุณแม่ผัวเสียจริง ๆ		
		
"นี่ลูก ธรรมดาของตระกูลที่ไม่มีคนสืบเชื้อสายน่ะ จะถึงกาลอวสานนะลูกนะ" นางปรารภกับลูกชาย ก่อนเกิดไอเดียใหม่ "แม่ว่า เดี๋ยวแม่ไปหาผู้หญิงคนใหม่ให้ลูกดีกว่า"		
		
ไอเดียบรรเจิดมาก เอ่ยปากบอกลูกชายด้วยความภาคภูมิใจในปัญญาของตนว่า คิดได้ไง !		
		
"อย่าเลยแม่" เหมือนเคย ลูกชายไม่เห็นด้วย และกล่าวคำคัดค้าน		
		
		
ฝ่ายแม่เมื่อคิดแล้วก็ไม่หยุดอยู่เพียงนั้น ยังเฝ้าพร่ำพรรณนาถึงความจำเป็นที่จะต้องหาภรรยาที่สองให้ลูกชาย ลูกชายก็คัดค้านทุกที แต่ในเรื่องไม่ได้บอกว่า เสียงอ่อยลงหรือเปล่า		
		
แต่คนที่วิตกกังวลมากขึ้นทุกทีนี่สิ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก กัญญา ที่กำลังจะถูกยกฐานะขึ้นเป็น ภรรยาหลวง ในเร็ว ๆ นี้		
		
ด้วยปัญญาประดามี นางครุ่นคิดคำนึงถึงความเป็นไป แล้วสรุปได้ว่าโดยปกติ คนเป็นลูก ในที่สุด ก็คงทานคำพ่อแม่ไม่อยู่ ..แล้วคิดเลยเถิดต่อไปว่า.ถ้าเกิดหญิงที่แม่หามาให้ใหม่นี้มีลูกเล่า ตัวหล่อนจะไม่วายต้องตกเป็นทาสรับใช้ในบ้านไป ใครจะมาเห็นค่าของหญิงหมันอย่างหล่อน		
		
"อย่ากระนั้นเลย เราตัดไฟเสียแต่ต้นลมท่าจะดีกว่า" ครุ่นคิดเสร็จสรรพ "เรานี่แหละจะไปหาภรรยาน้อยให้เขาเอง เราหามาเองย่อมจะปกครองกันได้ง่ายกว่าปล่อยให้แม่หรือเขาไปหามา"		
		
ตัดสินใจแล้ว นางกัญญาก็สืบเสาะหาดูทั่วตำบลว่าลูกสาวบ้านไหนหนอ เหมาะที่จะมาเป็นเมียน้อยของนาง ก็ไปเจออยู่บ้านหนึ่ง ดูท่าทีแล้วเหมาะสมเหลือเกิน (ไม่รู้ว่าดูตรงไหนว่า ผู้หญิงคนนั้น น่าจะเป็นเมียน้อยได้ดี น่าจะประมาณว่าเป็นคนหัวอ่อน ปกครองง่ายหรือเปล่าในธรรมบทท่านก็ไม่ได้ระบุไว้)		
		
เมื่อนางกัญญาไปสู่ขอลูกสาวบ้านนั้นมาเป็นเมียน้อยให้สามี ก็คงเป็นธรรมดาที่บ้านไหนก็คงไม่มีใครอยากให้ลูกสาวเป็นเมียน้อยใครหรอก งานนี้ นางกัญญาก็เลยต้องใช้ทั้งลูกล่อลูกขน วิงวอนร้องขอความเห็นใจ		
		
"จริง ๆ ดิฉันก็เป็นลูกผู้หญิง ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นว่าตัวเองเป็นหญิงหมัน ก็คงไม่อยากให้สามีมีเมียน้อยหรอก แต่นี่มันเป็นความจำเป็นของตระกูลของสามีจริง ๆ ท่านเองก็ทราบดีว่า ตระกูลไหนไม่มีบุตร ตระกูลนั้นย่อมสาปสูญไปจากโลกนี้ ดิฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุนั้น เลยต้องทำร้ายหัวใจตัวเอง ยินยอมให้สามีมีภรรยาอีกคนนี่แหละ เห็นใจดิฉันเถอะค่ะ และท่านลองคิดดูสิ ถึงลูกสาวท่านจะเป็นภรรยาที่สองก็ตาม แต่หากลูกสาวท่านมีบุตรสืบตระกูลให้สามีแล้ว ทรัพย์สมบัติของตระกูลก็ย่อมจะตกแก่หลานซึ่งหมายถึงลูกสาวของลูกท่านด้วย ท่านคิดดูเถอะ ลูกสาวท่านมีแต่หนทางจะสบายในภายภาคเบื้องหน้า เพียงท่านตัดสินใจยกนางให้อยู่ในความดูแลของดิฉัน ดิฉันรับรองว่าจะดูแลนางให้ดีที่สุด"		
		
ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ผู้เป็นบิดามารดาก็ตัดสินใจ		
		
"มารศรี มารศรี ลูกมา มาไหว้พี่เขา ฝากเนื้อฝากตัวกับพี่เขาเสีย เจ้าจะได้ไปอยู่สุขสบายแล้ว"		
		
มารศรี (นี่ก็ชื่อสมมุติเหมือนกัน) ออกมาไหว้นางกัญญาอย่างว่าง่าย แล้วเดินทางสู่ฐานะภรรยาที่สอง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า เหตุร้ายกำลังจะเกิดขึ้นแก่ชีวิต !		



โปรดติดตามตอนต่อไป
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟถนปายี
Lovings  ถนปายี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟถนปายี
Lovings  ถนปายี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟถนปายี
Lovings  ถนปายี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงถนปายี