ปี๋ใหม่เมือง

ถนปายี

นับตั้งแต่ท้าวเทพาพฤกษ์จุติ​เป็นเทพ​เมื่อร้อยปี​ที่แล้ว​ ​และ​ได้มาสถิตย์อยู่​ ณ ยางนาต้นใหญ่ริมถนนหน้าวัดแห่งนี้ ท้าวท่าน​ได้เห็น​ความเปลี่ยนแปลงของชุมชนบนถนนสายนี้มา​โดยลำดับ
 เอื้องผึ้ง​กับเอื้องคำ​ที่บานสะพรั่งอยู่​รอบต้นยางใหญ่นั้น​​แต่ก่อนใช่ หามีไม่ ก็ เพราะพวกนักอนุรักษ์ต่างหาก​ที่​เอามันมามัดไว้​ที่ต้นยางสองข้างถนน​เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ​แต่ก็มันเกาะเกี่ยวเกลียวกลม​ไปด้วยกัน จนดูคล้าย​กับเกิดขึ้น​เองตามธรรมชาติ มัน​จะออกดอกสีเหลืองสะพรั่งให้คน​ได้ชื่นชมกันในหน้าร้อนอย่างตอนนี้ ช่วยขับสีสรรค์ของเทศกาลมหาสงกรานต์ให้ตระการตาขึ้น​
 ​เมื่อครั้งกระโน้น ถนนสายนี้เงียบสงบ สองข้างถนน​เป็นทุ่งนากว้างสลับ​กับป่า ยังไม่มีสวนลำไยอย่างเดี๋ยวนี้ ​จะมีบ้านเรือนปลูกอยู่​บ้างก็ห่างๆ ยามกลางคืนถนน​ทั้งสายมืดสนิทไม่มีคนเดินหรือรถราวิ่ง 
 ​ที่ท่านท้าวเลือกมาอยู่​ ณ ต้นยางใหญ่หน้าวัดก็ด้วยศรัทธา​ที่​จะ​ได้เข้า​ไปฟัง​พระธรรมเทศนาในโบสถ์ทุกวันศีล ​และ​เพื่อเข้าฌานรักษามหาศีล อัน​จะยังให้องค์เอง​ไปจุติ ณ ภพภูมิ​ที่เหนือกว่านี้ ​โดยมีนิพพาน​เป็น​ความปรารถนาสูงสุด
 ก่อนนี้ท้าวไท​จะมีชื่ออย่างใดก็หาไม่ จนวันหนึ่ง​มีคนมานั่งขูดๆ ถูกๆ ​ที่เปลือกยางต้นนี้ แล้ว​อีกไม่กี่วัน ต่อมาพวก​เขาก็มาสร้างศาลให้​ที่โคนต้นยางใหญ่ ​เอาผ้าแพรสีต่างๆ มาผูกล้อมไว้ ​เขายังหาป้ายชื่อมาติดไว้​ที่หน้าศาล ตั้งชื่อให้ท่าน​เป็น ท้าวเทพาพฤกษ์ ​และนับ​แต่นั้น​มา ท่านเทพก็กลาย​เป็นจ้าว​ที่มีศาล​และมีชื่อให้​เขาเรียกกัน
 มีคน​เอาดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้​ที่ศาล ขอหวยบ้าง ขอให้พ้นเคราะห์พ้นทุกข์บ้าง บ้างก็​เอาอาหารคาวหวานรวม​ทั้งเหล้าขาวเหล้าแดง มาบนถวายไม่เคยขาด ​แต่ท่านหา​ได้เสพเครื่องเซ่นเครื่องบนเหล่านี้ไม่ เพราะอิ่มอยู่​แล้ว​ด้วยทิพย์ 
วันนี้​เป็นวัน​ที่สามของมหาสงกรานต์ปีนี้ ​เป็นวันพญาวัน ! วันแห่งการเถลิงศกใหม่ ท่านท้าวเห็นมหาสงครามน้ำมาแล้ว​สองวัน ​เมื่อวาน​เป็นวันเนา ไม่เห็นมี​ใครมาขนทรายเข้าวัด ​และวันนี้ก็ไม่มี​ใครมาดำหัวท่าน​พระครู ไม่เหมือนดัง​แต่ก่อน เห็น​แต่ผู้คนมาแออัดเล่นสาดน้ำกันบนถนนมากกว่าทุกปี​ 
 หม้ายผัวร้างวัยรุ่นย้อมผมแดงเพลิงใส่เสื้อรัดรูป จูงลูกชายตัวเท่าเมี่ยง ซึ่งถูกจับย้อมผม​เป็นสีทอง ถือปืนฉีดน้ำ​ไปยืนเบียดกระแซะข้างหนุ่มใหญ่​ที่ ริมถนน หนุ่มกระทงพากันย้อมผมสีแดงบ้างทองบ้าง บางคน​ที่ใจถึงก็​จะย้อมผมสลับสีให้​เป็นสีธงชาติ พวก​เขาพากันขี่รถมอเตอร์ไซค์ฉวัดเฉวียนอยู่​ตาม​ที่ๆ มีสาวๆ ยืนสาดน้ำกันอยู่​ข้างถนน พยายามเสนอหน้าให้ถูกสาดน้ำ
  
 
   
 บางบ้าน​ที่อยู่​ติดถนน ขนเครื่องขยายเสียง​กำลังสูงมาเปิดเพลงฟังกันริม [Iถนนหน้าบ้านตั้งแต่วันแรก ​เขาหมุนปุ่มเร่งเสียงจนสุด แล้ว​คนในบ้าน​ทั้งหนุ่ม​ทั้งแก่​ทั้งชาย​และหญิง ก็ขนเหล้าออกมากินกัน ​เขาถือแก้วน้ำเมาดีดดิ้น ร้องเพลงร่ายรำกันอย่างสนุก เสียงเพลงดังสะท้อนสะท้านขึ้น​​ไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์​​แม้องค์อินทร์ก็คง​จะร้อนทิพย์อาสน์ !
 นี่​คือยามสายของวันพญาวัน วันสุดท้ายของ ปี๋ใหม่เมือง ประเพณีอันยิ่งใหญ่​ที่สืบทอดกันมานับร้อยปี ท่านท้าวมองสิ่ง​ที่แปรเปลี่ยน​ไปอัน​เป็นอนิจจังนี้อย่างไม่ยินดียินร้าย​!
 รถกระบะนับร้อยๆ บรรทุกหนุ่มสาวเต็มคัน วิ่งผ่าน​ไปผ่านมาอยู่​ใต้ต้นยางใหญ่​ที่ท่านเทพสถิตย์อยู่​ บางคันมีสาวงามนั่งคู่คนขับ คอยปรนนิบัติรินเหล้ารินเบียร์ให้คน​ที่ถือพวงมาลัยรถ
 พวก​เขา​เอาถังน้ำใหญ่ใส่รถมาด้วยสำหรับตักน้ำสาดสู้​กับรถ​ที่ขับสวนมา หรือ​กับพวก​ที่ยืนจับกลุ่มถือถังน้ำรอสู้อยู่​ข้างถนน บางคนมีกระบอกฉีดน้ำติดมาด้วย ​เขา​จะฉีดน้ำสวนเข้า​ไปในกลุ่มคน​ที่สาดน้ำสู้​กับ​เขา ​และฝ่ายนั้น​ก็​ต้องรีบ​เอามือปิดหน้า หรือหันหลังให้​กับสายน้ำ​กำลังสูง ก่อน​ที่มัน​จะกระฉูดเข้าลูกนัยน์ตาจนพลัดหลุดออกมา
สองข้างถนน หนุ่มสาวหลายกลุ่มยืนถือกระป๋องน้ำเรียงรายกันอยู่​อย่างไม่ย่อท้อ คอยสาดน้ำเข้าใส่รถกระบะหรือมอเตอร์ไซค์​ที่ขับผ่าน ​แต่หนุ่มบางคนก็จ้อง​ที่​จะสาดน้ำเจาะจงเข้า​ไปตรงหัวเทียนของรถมอเตอร์ไซค์เพียงอย่างเดียว ​เขา​จะดีใจ​ถ้ารถคันนั้น​เครื่องดับลงด้วยฝีมือของ​เขา
 ท่านท้าวมอง​ไป​ที่สาวน้อยรุ่นกระเตาะสองคน​ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนกันมา สองเธอใส่เสื้อเกาะอกสีขาววาบหวาม​และเปียกโชก รถของเธอ​ต้องหยุด​เมื่อถึงด่าน ซึ่งหนุ่มน้อยผมทองกลุ่มหนึ่ง​ยืนดักอยู่​ พวกหนุ่มๆ กรูกันเข้าห้อมล้อมรถ​เอาไว้ คนหนึ่ง​ยกกระป๋องน้ำใบใหญ่ขึ้น​ แล้ว​เทน้ำโครมลงบนหัวสองสาวจนหมด​ทั้งกระป๋อง คน​ที่ซ้อนท้ายมาถึง​กับสำลัก อีกสองหนุ่ม​เอาแป้งดินสอพองเข้าลูบแก้มให้สองเธอ 
คนหนึ่ง​ใจอารีกว่า​เพื่อน ​เขาล้วงมือเข้า​ไปในเสื้อเกาะอกบางเฉียบของสาวน้อย​ที่​เป็นคนขี่รถ ​เอาดินสอพองลูบเคล้าเต้ากระเตาะให้สาวเจ้าคลายร้อน ! เฉลิมฉลองวันพญาวัน ท้าวท่านหลับตาลงแล้ว​ทำใจให้​เป็นอุเบกขา​ 
 เสียงหวีดร้องของสาวน้อยคน​ที่ถูกดินสอพองลูบเต้าดังก้อง ทำให้ท้าวเทพาพฤกษ์ลืมตา ! ​แต่ท่านกลับเห็นสาวน้อยคนนั้น​สรวลระริก หนุ่มน้อยยังไม่ละมือออกจากเสื้อบางแนบเนื้อตัวนั้น​​.
 ครั้นหนำใจกันแล้ว​​ทั้งสองฝ่าย สาวน้อยคน​ที่ขี่รถก็บิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์ พาเต้ากระเตาะแรกแย้มเข้าลุยสู้​กับกลุ่มหนุ่มด่านต่อ​ไป พวกนั้น​​กำลังเตรียมดินสอพองถูมือรออยู่​แล้ว​ ! 
ยังมีอีกหลายด่าน​ที่เธอ​ทั้งสอง​จะ​ต้องฝ่าออก​ไปให้พ้น ! ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ​จะไหวฤๅ ? ลูกเอ๋ย ! ​แล้ว​ท้าวท่านก็รีบเรียกจิตกลับเข้าสู่อุเบกขา ปลง​กับภาพ​ที่เห็นแล้ว​ก็แผ่เมตตาให้ 
  
 
   
 มอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง​แฉลบล้มลง ​เมื่อหนุ่มผมสีม่วงคนขี่โดนน้ำ​ทั้งถังสาดสวนเข้าเต็มหน้า ใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งถูกประไว้ด้วยแป้งหอม ไถลไถเถือก​ไป​กับพื้นถนนยางมะตอย จนมองเห็นกระดูกขาวเว่อ​ที่โหนกแก้มข้างหนึ่ง​ ผู้คนพากันเข้าห้อมล้อมช่วยเหลือ ลาก​เขาเข้า​ไปนั่งพิงโคนต้นยางใหญ่ข้างศาล หาหยูกยาใส่ให้ตามมีตามเกิด รอรถพยาบาล​ที่​จะมารับ​ไปโรงหมอ​
 ​ที่เจ็บก็เจ็บกัน​ไป มีบ้าง​ที่ตาย​ไป ​ที่อยู่​ก็สาดน้ำกันอย่างสนุกสนานต่อ​ไป ฉลองมหาสงกรานต์ ! ท่านท้าวเห็นสรรพสิ่ง​ที่​กำลัง​เป็น​ไปบนถนน มโนสำนึกแห่ง​ความ​เป็นเทพผู้เคร่งศีลบอกองค์เองว่า สัตว์โลกย่อม​เป็น​ไปตามกรรม !
  
 
   
 มวลมนุษย์​ที่คลาคล่ำอยู่​บนถนนสายนี้เริ่มบางลง​เมื่อบ่ายคล้อย ต่างก็อ่อนล้า​กับสงครามน้ำ​ที่สู้กันมาสุดฤทธิ์ พวก​ที่อยู่​ตามริมถนนหลายคนกลับเข้า​ไปในบ้าน เด็กๆ บางคนเริ่มหนาวสั่นกลางแดดกล้า ​เขา​และเธอจับไข้ เพราะกรำน้ำกรำแดดติดกันมาแล้ว​หลายเพลา
 หนุ่มไก่อ่อนวัยสิบห้า​ที่เพิ่ง​จะหัดกินเหล้า​เป็นครั้งแรก นอนฟุบหน้าจมกองอาเจียนของตนเองอยู่​บนรถกระบะ​ที่ตระเวนเล่นน้ำกันมาตั้งแต่เช้า​ สงครามน้ำในวันพญาวันของปีนี้ใกล้​จะถึงเวลาสิ้นศึกในอีกไม่ช้านี้แล้ว​​
 มืดแล้ว​ ! ถนน​ทั้งสายมีรถวิ่งบางตาลง ​แต่ก็ยังนองเจิ่ง​ไปด้วยน้ำ ไฟริมถนนหน้าวัดเปิดขึ้น​ แสงสลัวของมันส่องมาถึงศาล​ที่โคนต้นยางใหญ่ หนุ่มสองคนเดินโซเซมาตามริมถนน ถึงต้นยางใหญ่​ที่ท่านเทพสถิตย์อยู่​ หมอเมาไม่​เป็นคนมาตั้งแต่วันวาน จำแทบไม่​ได้​แม้​แต่ชื่อตัวเอง แล้ว​​เขาก็หยุดลงตรงโคนต้นยาง 
 คนหนึ่ง​​เอามือ​ทั้งสองข้างเท้ายันต้นยางไว้ ก้มหน้าลงแล้ว​ก็โก่งคอ สิ่ง​ที่อยู่​ในกระเพาะอาหารขย้อนทะลักออกมาจากปาก​เป็นระลอก ราดรด​ที่โคนยางใหญ่ บาง​ส่วนรดลงบนเกือกข้างหนึ่ง​ของตัวเอง​ อีกคนหนึ่ง​เดินตุปัดตุเป๋เข้ามา​ที่ศาล ​เขาถ่างขาออก ​และ​ใช้​ความพยายามอยู่​นานจึงรูดซิบกางเกงออก​ได้ แล้ว​ก็ยืนโยกเยก แอ่น รดลง​ไป​ที่เสาของศาลนั้น​​ ปากร้องด่าท้าทายให้จ้าวมาหักคอ !
 ท้าวไท้มองดูหนุ่มเหน้า​ทั้งสอง แล้ว​มองดูศาล​ที่คนอื่นมาสร้างให้ ตอนนี้เสาของมันเปียกโชกด้วยน้ำมูตของหนุ่มคนนั้น​ ท่านดูป้ายชื่อ​ที่คนอื่นตั้งให้อีกเหมือนกัน โทสะ​แม้​แต่น้อยนิด ​แม้เพียงเศษเสี้ยวของเมล็ดงาก็มิ​ได้กรายกล้ำเข้าสู่มโนสติ ท้าวเธอแน่วแน่อยู่​​กับอุเบกขา แล้ว​ก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์​ทั้งมวล​
 จิตท่านเทพโปร่งใส​และสงบนิ่ง ! สงบยิ่งกว่าวันใดๆ ในตลอดเวลาร้อยปี​ที่ผ่านมา เข้าสู่จตุตถาฌาน​โดยแท้ ดังน้ำบ่อน้อย​ที่ใสสะอาดบนยอดดอยสูง ซึ่งใสเสียจนมองเห็นกรวดทราย​ที่ก้นบึ้ง​ได้ ท้าวไท้รู้ด้วยองค์เองว่า ณ วันพญาวันในวันนี้ ท่าน​กำลัง​จะย้าย​ไปสู่โลกุตระภพแล้ว​ ด้วยมหาศีล​ที่เพียรรักษามานาน​O 
 
				
การเล่นสงกรานต์ดีๆเดี๋ยวนี้คงมีแต่ในรูปแหละครับ				
				
comments powered by Disqus
  • สืบสวัสดิ์ สนิทวงศ์

    3 พฤศจิกายน 2551 19:06 น. - comment id 102278

    เรื่องนี้ ผมเป็นคนเขีนยเองลงใน  www.noknoi.com  ในนามปากกา "ชาร ทิคัมพร"

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน