20 กุมภาพันธ์ 2558 06:29 น.

“บ้านแห่งการเวลา”

บนข.



แดดอุ่นตอนสายลานทรายหน้าบ้าน              

ลมเย็นพัดผ่านลานบ้านเงียบเหงา ไม้ใหญ่ยืนต้นหยัดตนซึมเซา                       ผ่านวันวัยเยาว์เนิ่นนานกาลมา

 

ผลิดอกออกผลดาลดลลูกหลาน                    สืบขันธ์สันดานเผ่าพันธุ์พฤกษา เคียงคู่บ้านเก่าวัยเข้าชรา                           ลานทรายชายคาเคียงคู่อยู่ยัง

 

เม็ดทรายรายเรียงสำเนียงวาจา                  กับบ้านชราค้นหาความหลัง ก่อนมาเป็นทรายเรียงรายเซซัง                  เป็นหินอยู่ยั้งภูเขาเลากา

 

ถูกกาลเวลากัดกร่อนซอนซัด                      ลมเพลมพัดพลัดถิ่นเคหา กลายเป็นกรวดทรายเรียงรายชายคา            อยู่โคนพฤกษาเคหาลานทราย

 

เห็นความเป็นไปไม้ใหญ่เปลี่ยนแปลง            ผ่านฝนลมแล้งสำแดงหลากหลาย เปลี่ยนดอกออกผลร่วงหล่นเรียงราย            ใบร่วงโปรยปรายท่ามกลางสายลม

 

เป็นทรายคอยรับซึ่งสรรพสิ่ง                     อันเขาปล่อยทิ้งดาษดื่นขื่นขม ซบทรายหมายกลบจุดจบจ่อมจม                แนบทุกข์ระทมอกธรณี

 

ตัวฉันบ้านเก่าวัยเยาว์ผันผ่าน                      นับฤดูกาลเนิ่นนานฉะนี้ เห็นสุขทุกข์โศกกรรโชกราวี                      วันคืนเดือนปีหญิงชายรายเรียง

 

เกิดแก่เจ็บตายระบายสีสัน                         วันคืนเปลี่ยนผันนิ่งงันสรรพเสียง ใบไม้ร่วงโรยลมโปรยสำเนียง                             ลานทรายรายเรียงยังเคียงชายคา....
17 กุมภาพันธ์ 2558 19:48 น.

“เมียน้อย”

บนข.


โอ้เคราะห์ซ้ำกรรมสร้างแต่ปางไหน    

ถึงผลักไสให้เห็นเป็นฉะนี้

รักผู้ชายหมายมั่นฝันฤดี                  

ไม่เคยที่คิดข้องหมองฤทัย

 

รักเขาไม่เคยยั้งหวังให้เขา                รักแต่เราคนเดียวไม่เกี่ยวไหน รู้ภายหลังโอ้เราเขามีใคร                 เป็นบ้านใหญ่อยู่แล้วเป็นแก้วตา

 

รักทั้งรักทั้งรู้อยู่อย่างนี้                  ไม่เคยมีความคิดจะอิจฉา หรือรังควาญบ้านใหญ่ให้ระอา           กลืนน้ำตาหมองหม่นอยู่คนเดียว

 

รู้ทั้งรู้ผู้ชายมากหลายรัก                 ก็ยอมภักดิ์กายใจไม่เฉลียว แค่มาหากันบ้างอย่างห่างเชียว           อย่าปล่อยให้เปล่าเปลี่ยวในหัวใจ

 

ช้ำนักช้ำชอกเช่นเป็นเมียน้อย           อยู่ก็คอยหลบท่านคนบ้านใหญ่ เป็นเมียน้อยต้อยต่ำซ้ำรอยใคร          บ้านน้อยไซร้ใครอยากเป็นเช่นตัวเรา

 

ยอมกินน้ำใต้ศอกกระบอกน้ำ            เจ็บและช้ำน้ำคำน้ำใจเขา         แต่หมองหม่นอุราน้ำตาเรา                เป็นน้อยเขาต้องเขียมต้องเจียมตน

 

เพราะรักจึงจำทนเป็นคนช้ำ             วิบากกรรมซ้ำแกล้งทุกแห่งหน เป็นดอกไม้ไร้หมู่ภมรวน                 จนกลีบหล่นร่วงลับไปกับลม

 

โอ้เคราะห์ซ้ำกรรมสร้างในปางไหน    เป็นน้อยใครกล้ำกลืนแต่ขื่นขม เกิดภพหน้าฉันใดได้ปรารมภ์             ได้ชื่นชมชายเล่นเป็นของว่าง.
14 กุมภาพันธ์ 2558 18:17 น.

ดอกกูหลาบ

บนข.


แค่กุหลาบหนึ่งดอกแล้วบอกรัก                   

ช่างง่ายนักรักใครสมัยนี้

ดัชนีความรักความภักดี                             

วัดกันที่ดอกกุหลาบวาบหวามใจ


ยิ่งมากดอกยิ่งบอกหลายดอกรัก                 

เทศกาลชวนชักมักง่ายให้ กุหลาบเหี่ยวแห้งพลันไม่ทันใด                   ก็หมดรักหมดใจในผู้คน

 

อันที่จริงความรักนั้นสูงค่า               เกินวาจาบอกรักมักหวังผล เกินกว่าเทศกาลผ่านมายล               เกินกว่าคนปากพล่อยสำออยรัก

 

ที่สุดในเทศกาลนี้                          ย่อมมีคนสับสนคนอกหัก คนเสียตัวเสียเสียน้ำตามาช้ำนัก                   เพราะพิษรักทำเหตุเทศกาล จำไว้เถิดชายหญิงผู้วิ่งหา                           ความรักมาถนอมย่อมพ้นผ่าน รักมักง่ายหน่ายพลันกระสันดาน                 แล้วซมซานโศกตรมจมน้ำตา แต่ความรักซึ่งประจักษ์ว่ารักนั้น                  คือรักกันทุกวันหมั่นรักษา รักยืนยงคงชัดในอัตรา                    ไร้เวลาบอกเหตุเป็นเทศกาล แค่กุหลาบหนึ่งดอกแล้วบอกรัก                   ช่างง่ายนักรักใครสมัยผ่าน แล้วดื่มด่ำคำหลอกบอกสันดาน           รักหวังการณ์หวังผลดลกำไร

 

เทศกาลเสียตัวไม่กลัวเสีย                เป็นเมียผัวชั่วชุกยุคสมัย ดอกกุหลาบวาบหวามเป็นความนัย     รักจากใจจริงแท้...หรือแค่ลวง
19 ตุลาคม 2557 16:23 น.

“บัวสาย”

บนข.


เยี่ยมดอกปริ่มน้ำมาย่ำเช้า  

อาทิตย์ยิ้มยั่วเย้าเยาว์สมัย

อ้อมกอดแดดอุ่นละมุนละไม

หยดน้ำค้างกลั่นใจบนใบบัว

 

เย็นลมโชยพัดชายมาอ่อนอ่อน       แดดร้อนสาดสายกระจายทั่ว จากเต่งตูมผ่านคืนได้ตื่นตัว รับแดดยั่วเร่งรีบเผยกลีบบาน

 

บานแล้วเจ้าสล้างอยู่กลางบึง         หมู่ภู่ผึ้งเชยชมลมพัดผ่าน งามกลีบซ้อนซ่อนกลีบตระการ      ฉ่ำหวานรสเกสรซุกซ่อนใน

 

คือบ่อทิพย์หยิบยื่นมธุรส            ภู่ผึ้งจึงปรากฏทั้งไกลใกล้ คลุกเคล้าเกสรแล้วว่อนไป   สู่แห่งหนใดสร้างรวงรัง

 

บานแล้วลุกาลแห่งสมัย               กลีบบานผ่านวัยมิหยุดรั้ง แห้งเหี่ยวอับเฉาในเงาบัง            ร่วงโรยโปรยยังผืนนที

 

เป็นสำเภาเกลากลึงประหนึ่งจิต      เนรมิตลอยคว้างกลางพื้นที่ แห่งภพชาติทั้งปวงห้วงวารี จนลับลี้หลุดพ้นไม่วนเวียน

 

เกิดแต่ตมจมปลักไม่หมักหมม        ในโคลนตมหล่มนั้นแล้วผันเปลี่ยน รอดพ้นเต่าปูปลาอันมาเพียร         เฝ้าเยี่ยมเยียนกัดกินเกือบสิ้นกอ

 

จึงโผล่ตนพ้นภัยเต่าปูปลา   รับแดดจ้ากำหนดด้วยจดจ่อ ในอ้อมกอดอรุณอบอุ่นรอ           จากตูมต่อตื่นตัว....เป็นบัวบาน
15 ตุลาคม 2557 18:04 น.

“ฉ้อราษฏร์บังหลวง”

บนข.


ฉ้อฉลแยบยลกลอุบาย                            

ราษฏร์ถูกหมายเรียกยื่นความขื่นขม บังเบียดซุกซอนแล้วซ่อนปม                                  หลวงระทมฝูงห่าประดาลง

           

คดในข้อแถมยังส่อทุจริต                          โกงเป็นกิจถนัดวิบัติบ่ง ปลิ้นปลอกหลอกให้ปักใจปลง                   ปล้อนให้หลงด้วยเล่ห์เพทุบาย

           

ฉ้อกันเป็นระบบตระหลบสัตย์                   ราษฎร์อึดอัดเขาเห็นเป็นของง่าย บังตาแล้วมืดใจไร้ยางอาย                                    หลวงวอดวายปี้ป่นด้วยคนโกง

           

อำนาจเด่นเป็นหลักก็มักใหญ่                    อำนวยให้เงินทองเต็มห้องโถง อำพรางนอกเน่าในใจเป็นโพรง                  อำเภอใจยืดโยงแต่โกงกิน

           

ซื่อสัตย์ครองกมลคนมีสัตย์                                  กินอย่างอัตคัตผลัดหนี้สิน ได้ดีแต่ตกอับเป็นอาจิณ                           อดอยากสิ้นลูกเมียละเหี่ยใจ

           

คดในข้อแถมงอในกระดูก                                    กินพันผูกทวนน้ำตามน้ำไหล อยู่อย่างไม่เกรงกลัวความชั่วใด                 นานเพียงไรเหลือบริ้นมันกินเมือง              

           

มือสิบนิ้วลิ่วล้อคอยต่อนิ้ว                         ใครโหยหิวหาทางเข้าวางเขื่อง ยาวจึงต่อความยืดไม่ฝืดเคือง                   สาวจนเฟืองฟันหักหวังตักตวง

           

ได้เพียงคืบคิดเหมาจะเอาศอก                  สาวออกมาเต็มตักจนหนักหน่วง เอาโลภเป็นดวงตาตัณหาลวง                   ราษฏร์และหลวงป่นปี้...พวกขี้โกง
Lovers  0 คน เลิฟบนข.
Lovings  บนข. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบนข.
Lovings  บนข. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบนข.
Lovings  บนข. เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงบนข.