7 ตุลาคม 2556 17:59 น.

พื้นที่ของชีวิต

บนข.


ต่างต้องการพื้นที่ของชีวิต                

เพื่อลิขิตขีดทางสร้างความฝัน

เมื่ออรุณเบิกฟ้าดวงตาวัน                 

ส่องแสงฉายเฉิดฉันวันเวลา

 

คือวันเวลาอันยิ่งใหญ่                        

เติมพื้นที่ดวงใจให้ค้นหา

สุดขอบเขตความฝันอนันตา            

ยังหยัดรอผู้กล้าร่วมฝ่าฟัน

 

คือก้าวย่างวางเท้าที่ก้าวย่าง              

ระยะทางเป้าหมายที่ปลายฝัน

แม้นเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสารพัน  

จะเก็บดวงตะวันกำนัลใจ

 

คือดวงใจไฟฝันตะวันฉาย                

จุดประกายเสรีอันยิ่งใหญ่

รอคืนค่ำเดือนดับลับฟ้าไกล             

ดาวคงได้เด่นฉายประกายแวว

 

ในราตรีใช่จะมีแต่จันทร์เพ็ญ           

อวดดวงเด่นเฉิดฉายอยู่ผ่องแผ้ว

แต่ล้านดาวพราวพร่างระหว่างแนว

ประกายเพชรเกล็ดแก้วระยับตา

 

เดือนจึงได้เด่นงามความผุดผ่อง      

ได้อวดตนจองหอง ณ ท้องฟ้า

เพราะดาวขับให้เด่นเพ็ญนภา         

ในท่ามราตรีกาลผ่านมายล

 

ต่างต้องการพื้นที่ของชีวิต                

สร้างความถูกความผิดได้คิดค้น

ในมืดเมามัวตามายากล                     

ก็หนทางแห่งตนได้ค้นพบ

 

เมื่อรากหญ้าแตกหน่อเป็นกอหญ้า

 ปกคลุมดินถิ่นฟ้ามาประสบ

ระบัดใบไหวเอนระเนนซบ             

ฤาสยบต่อครอบกรอบกะลา...    
12 กันยายน 2556 16:37 น.

น้ำค้าง

บนข.

 

เจ้าหยาดน้ำค้างมาเยี่ยมเช้า                                              

เจ้าหยาดหยดเกล็ดพราวมาจากไหน เจ้าหยาดมาจากฟากฟ้าใด                                 

กลั่นเป็นหยาดหยดใสอยู่พราวตา

เจ้าผู้มีนามว่าน้ำค้าง                                           

มณีพร่างพร่ำพรอดกับยอดหญ้า

 หรือเจ้าคือรัตติกาลอันผ่านมา                        

แล้วอำลาไปลับกับตาวัน

 

หรือเจ้าคือน้ำตาของคนโศก                            

ผู้วิโยคท้อแท้รักแปรผัน

จึงกลั่นหยดน้ำตาความจาบัลย์                         

เป็นอุษาโศกศัลย์ทิพย์วารี

 

หรือฟ้าสั่งจากฟ้าเวหาหน                                

ในคืนค่ำเดือนหม่นดาวริบหรี่

 เป็นหยาดหยดน้ำค้างรมณีย์                            

ปลอบทุกชีวีใต้เดือนดาว

 

 เจ้าผู้มีนามว่าน้ำค้าง                                         

เจ้าคือความอ้างว้างสายลมหนาว

แต่งแต้มยอดหญ้าลดาพราว                             

ปลอบทุกกรวดเม็ดร้าวคลายร้าวราน

 

ก่อนเจ้าจะสลายร่าง                                           

ทิ้งยอดหญ้าอ้างว้างผันผ่าน

ก่อนอาทิตย์ลืมตาทิวาวาร                                 

สาดแสงประหารแห่งสุรีย์

 

บอกข้าได้ไหมเจ้าน้ำค้าง                                  

เจ้าเคยอ้างว้างบ้างไหมนี่   

หรือเจ้าเพียงผ่านมามิยินดี                               

ทุกขณะนาที...ความเปลี่ยนแปลง..!!

2 กันยายน 2556 15:33 น.

ทุ่งนาป่ายาง

บนข.


สุดท้องทุ่งคุ้งฟ้าคือนาข้าว                                

เป็นเรื่องราวกล่าวขานตำนานทุ่ง

คนผู้เป็นสันหลังหวังผดุง                                

และหมายมุ่งปลูกข้าวเป็นชาวนา

 

คนปลูกข้าวเลี้ยงคนแต่จนอับ                          

หนี้ย่อยยับดักดานทนหว่านกล้า

สุดท้องทุ่งรวงข้าวขึ้นพราวตา                         

ปลูกความหวังโรยรากล้าแตกกอ

 

ถึงหน้าเกี่ยวเคียวคมระดมเกี่ยว                       

เหลือแต่ซังเหี่ยวเหี่ยวแล้วใจฝ่อ

ข้าวที่ได้ขายสิ้นหนี้สินรอ                                 

ใช้หนี้ก่อต่อหนี้ซ้ำเป็นตำนาน

 

ตำนานคนทำนาคู่นาข้าว                                  

ผู้หลั่งหยดเหงื่อพราวมากล่าวขาน

กสิกรผู้ทนจนดักดาน                                        

จารึกผ่านผืนดินตราบสิ้นใจ

 

มาบัดนี้ท้องทุ่งเคยคุ้งฟ้า                                   

หมดผืนนากล้าข้าวพราวไสว

แทนต้นข้าวแตกหน่อชูช่อใบ                          

เขียวไสวสล้างยางพารา

 

เขาเปลี่ยนจากชาวนาเป็นชาวสวน                 

กลิ่นยางอวลกรีดยางกลางสวนป่า

เขาทิ้งเคียวเกี่ยวคมจมกลางนา                        

มีดกรีดยางพาราแทนเคียวคม

 

เขาจับมีดกรีดยางน้ำยางหยด                           

หวังหนี้หมดปลดหนี้ที่หมักหมม

ทำนาข้าวพราวหนี้ทุกปีจม              

สวนยางล่มถูกค่าราคายาง

 

เหมือนคมมีดกรีดคอหนอชาวสวน

ความหวังล้วนหดหู่อยู่อ้างว้าง

จับขวานคมจำเป็นไม่เห็นทาง                         

มาเป็นคนรับจ้าง...โค่นยางทิ้ง
4 สิงหาคม 2556 13:00 น.

โคลง ปริศนาคำผวน

บนข.

ไร-หนึ่งตีนเหล็กล้วน           ควบราง ไร-หนึ่งถ้วนสรรพางค์         อ่อนช้อย

 ไร-หนึ่งไก่แม่พราง              กกไข่  แม่นา  ไร-หนึ่งนางแน่งน้อย           รอแล้วบ่ไหว ฯ

 หาง-หนึ่งแนบสนิทหน้า      คชสาร

หาง-หนึ่งพฤกษาขาน             บ่งชี้  หาง-หนึ่งย่อมอาจหาญ          พลายพ่อ  สืบพันธ์  หาง-หนึ่งกางโสตนี้               สดับแล้วมีคุณ ฯ

 

มา-สบพบเนตรน้อง               ชวนชม มา-หนึ่งเดือนท้ายคม              บ่งไว้  มา-หนึ่งท่านเปรียบพรหม  คุณยิ่ง  บุตรเอย  มา-หนึ่งวาทะไร้                    สัจจ์แท้วาทีฯ

 

เชิญเถิดผองเพื่อนเย้า.             เรือนกลอน

คำผวนควรขำวอน                 ทายเหล้น

ไร,หาง,มา พาจร                     หาคู่ ผวนแฮ

ลองขยับลับสมองเน้น          อย่าได้สงกา ฯ
19 มิถุนายน 2556 12:03 น.

แด่ความทุกข์ทั้งมวล

บนข.


เก็บคำรำร่ายประกายคำ                                     

เป็นลำนำคำกานต์ผสานผสม

กูเขียนทุกข์ด้วยคำและช้ำตรม                         

เก็บดาษดื่นขื่นขมมาชมเชย

 

หยิบปืนยื่นให้ในความคิด                                

กระสุนปลิดปลงกูอยู่ไยเหวย

ในโลกมืดเดินทางก็อย่างเคย                           

พบแต่ช้ำงอกเงยอยู่เปล่าดาย                            

 

เพียงกระสุนระริกกระดิกนิ้ว                          

ก็พร่างพลิ้วลิ่วลับสลับสลาย

ดับทุกข์โศกกรรโชกใจและกาย                       

วิญญาณวายฝังร่างลงกลางดิน

 

เป็นก้อนกรวดดินทรายคงง่ายกว่า                  

มิต้องโศกโศกามาด่าวดิ้น แม้นแตกแหลกร้าวพังภินท์                             

หมดสิ้นแล้วความทุกข์ที่ซุกใจ

 

เก็บคำรำร่ายประกายคำ                                     

เป็นสายธารลำนำหลั่งไหล              

เขียนกูผู้เขียนพร่ำเพียรไป                                

แด่กูและหัวใจที่ทุกข์ทน

 

 เจ็บเอย...เจ็บกูอยู่เต็มอก                                   

น้ำตาตกไหลรวมอยู่ท่วมท้น ทะเลน้อยยังด้อยน้ำตาตน                                 

น้ำตากูไหลจนท่วมโลกา วอนเถิดสายลมช่วยพรมผ่าน                           

ช่วยพัดม่านความทุกข์ซุกฟากฟ้า

วอนเถิดหัวใจใครกรุณา                                    

เมตตาผ่อนทุกข์ ขุกระทม

 

อกกูร้าว รวดร้าว เกินกล่าวขาน                       

จิตวิญญาณเกินขื่นจะขื่นขม

หยิบปืนกลืนกล้ำระกำตรม                              

ทุกข์ระทมกลายเกลียว...แค่เหนี่ยวไก
Lovers  0 คน เลิฟบนข.
Lovings  บนข. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบนข.
Lovings  บนข. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบนข.
Lovings  บนข. เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงบนข.