17 มิถุนายน 2545 20:33 น.

.... ฝน ช้ำ กับค่ำคืนร้าว ....

ผีเสื้อปีกบางฯ


คืนเหงา ยามฝนเศร้า สาดกระหน่ำ
ฟ้ามืดดำ ม่านหม่น จนใจหมอง
ละอองฝน ปนน้ำตา เปื้อนหน้านอง
ฟ้าร้อง แข่งใจโหย โรยระทม
กบเขียด ครางเคียง เสียงสะอื้น
เมฆทะมึน เหมือนมา พาใจขม
แมกไม้โยก โบกไกว ดั่งใจตรม
จนต้องก้ม หน้านิ่ง ยิ่งกว่าช้ำ
เพราะวันที่ พบรักหวาม ท่ามกลางฝน
เช่นได้ค้น พบวัน ปลื้มที่ดื่มด่ำ
ประคองคู่ เคี่ยงร่าง กลางฝนพรำ
และถ้อยคำ ที่พร่ำฝาก รักจากใจ
ถนอมรัก เฝ้าสนอง สองใจฝัน
ข้ามคืน ผ่านวัน อันแจ่มใส
ชวนชม ทิวา ประภารำไพ
แลนับดาว พราววิไล ในราตรี
จนเมื่อรัก กลับสลาย ในสายฝน
วันนั้นฝน หล่นหลั่ง อย่างคืนนี้
ต้องรับรู้ เรื่องราว ร้าวฤดี
เพราะเธอมี ฝันใหม่ กับใครอีกคน
ไม่เหลือแล้ว ทั้งใจ ไม่มีใครแล้ว
เหมือนแก้ว แตกสลาย กลางสายฝน
ไม่อาจรอง รับหยาดใส ใส่กมล
ด้วยหลั่งล้น ท่วมระทม จมน้ำตา............ ม้าก้านกล้วย 

..................................................................... 

... ฝนเจ้าเอย  เจ้าตอกย้ำ  ความช้ำเจ็บ
ฝนเจ้าเก็บ  น้ำตา  ฟ้าใช่ไหม
ฝนปรายโปรย  โรยละออง  มาต้องใจ
ฟ้าร้องไห้  รู้ไหม  ใครคนทำ
... เราพบกัน  วันที่  มีหยาดฝน
ละอองหล่น  พริ้วพราย  เป็นสายฉ่ำ
ม่านสลัว  มัวฝ้า  ฟ้ามืดดำ
แต่สุขล้ำ  เกินเอ่ยคำ  จำนรรจา
... ความรู้สึก  ดีดี  ที่ให้กัน
ยังจำมั่น  ในใจนี้  นะพี่จ๋า
เสียงกระซิบ  จากใจ  ไม่โรยรา
นั้นมากค่า  กว่าคำไหน  ใครบอกเรา
... แต่เมื่อเรา  พบกัน  ในวันก่อน
พี่แสนงอน  ไม่สบตา  พาใจเหงา
เข้าใจผิด  คิดมากไป  เพราะใจเบา
ลืมความหลัง  ครั้งก่อนเก่า  คราวรักกัน
... ฝนตกมา  คราใด  ให้เศร้าหนัก
ด้วยขาดรัก  พักพิง  ยิ่งโศกศัลย์
รอฝนซา  ฟ้าสว่าง  กระจ่างพลัน
รอพี่นั้น  หันคืนกลับ  ซับน้ำตา............ ผีเสื้อปีกบางฯ				
12 มิถุนายน 2545 17:42 น.

.... มังกรน้ำเต้าหู้กับพญานาคซาละเปา ....

ผีเสื้อปีกบางฯ


.... นมนานกาลก่อนมา
ไม่รู้ว่าประเทศไหน
มีเมืองศิวิไลซ์
นามนั้นไซร้เมืองมังกร
.... มีเจ้ามังกรน้อย
กระจ้อยร่อยเที่ยวซอกซอน
อารมณ์แสนแง่งอน
เพราะละอ่อนไม่เหมือนใคร
.... หน้าตาเจ้าบึ้งตึง
ขมึงทึงไม่แจ่มใส
มังกรทั่วทั่วไป
ต่างพ่นไฟได้ทุกตัว
.... แต่เจ้ามังกรนี้
พ่นทุกทีชนยิ้มหัว
ไม่มีใครหวาดกลัว
รู้กันทั่วว่าเป็นไง
.... เล่นพ่นน้ำเต้าหู้
ออกจากรูจมูกไป
เจ้าถูกเรียกชื่อใหม่
น้ำเต้าหู้ตู้มังกร
.... วันหนึ่งตัดสินใจ
แยกตัวไปจากนคร
เข้าป่าปีนสิงขร
จะไม่ย้อนกลับคืนมา
.... ดั้นด้นอยู่หลายวัน
เจ้าก็พลันออกจากป่า
มาถึงนัครา
เมืองพญานาคาลัย
.... พวกนาคตั้งมากมาย
ทั้งหญิงชายต่างดีใจ
อยากเห็นมังกรไฟ
เป็นอย่างไรไม่เคยดู
.... หัวโจกพญานาค
จึงออกปากว่าเจ้าหนู
มาเล่นเกมส์หมูหมู
ลองคิดดูเจ้าว่าไง
.... เจ้าพ่นไฟออกมา
แล้วตัวข้าพ่นน้ำใส
จะได้ไปดับไฟ
ตกลงไหมให้ตอบมา
.... มังกรน้อยตกลง
แต่คิดปลงทำไงหว่า
พ่อแม่ปู่ย่าจ๋า
ขอจงมาช่วยหนูที
.... มังกรส่งเสียงฟู่
ทำท่าขู่แบบดูดี
น้ำเต้าหู้พลันไหลรี่
พ่นกี่ทีนี้เหมือนเดิม
.... พวกนาคต่างขบขัน
ฮาเสียงลั่นว่ากล่าวเสริม
มังกรทุกข์ถมเติม
เจ้ายิ่งเพิ่มความอับอาย
.... เดินหลีกปลีกออกมา
หลบเข้าป่าตอนสายสาย
พลันเจอะนาคตัวลาย
ยืนเดียวดายไม่มีใคร
.... นาคน้อยกระจ้อยร่อย
ดูเศร้าสร้อยละเหี่ยใจ
เจ้าจึงถามออกไป
ว่าเหตุใดหรือใครทำ
.... นาคบอกว่าตัวข้า
เกิดขึ้นมาช่างน่าขำ
มันคงเป็นเวรกรรม
ที่เคยทำชาติก่อนกาล
.... นาคอื่นพ่นน้ำใส
แต่ข้าไซร้น่าสงสาร
ไม่เหมือนกับชาวบ้าน
พ่นตั้งนานได้ซาละเปา
.... ข้าเลยหนีออกมา
อยู่ในป่าอย่างเงียบเหงา
มังกรว่าสองเรา
คงจะเข้ากันได้ดี
.... จูงมือกันเดินไป
รีบคลาไคลเข้ากรุงศรี
เมืองใหญ่คนมากมี
ต่างชวนชี้เดินชมเมือง
.... ถึงย่านร้านตลาด
ของเกลื่อนกลาดดูฟูเฟื่อง
ค้าขายคงรุ่งเรือง
คิดได้เรื่องรีบลงมือ
.... เช่าแผงที่โต้รุ่ง
ต่างก็มุ่งเร่งฝึกปรือ
ไม่สนข่าวเล่าลือ
ไม่ยึดถือเรื่องเก่ามา
.... เปิดขายน้ำเต้าหู้
ถึงไม่หรูรสโอชา
ซาละเปาไส้นานา
คนชมว่าอร่อยดี
.... มังกรและนาคา
ค้าขายมาก็นานปี
คนเรียกท่านเศรษฐี
เพราะเหตุที่ไม่เหมือนใคร
.... ขอจบแค่นี้ก่อน
กลัวเจ้ากลอนจะพาไป
เข้ารกเข้าพงไพร
ต้องบ๊ายย...บายยย...ไปก่อนเอย				
4 มิถุนายน 2545 15:53 น.

.... บ้านนา...หน้าฝน ....

ผีเสื้อปีกบางฯ


.... บ้านนาเมื่อหน้าฝน
ลมพริ้วบนใบหญ้าเขียว
ต้นข้าวทอดใบเรียว
งามนักเชียวรอเคียวคม
.... น้ำเจิ่งเต็มท้องทุ่ง
มองผักบุ้งทอดอารมณ์
ผักตบเจ้าสวยสม
น่าชื่นชมดอกม่วงงาม
.... โสนเหลืองละออ
เหลิงลมล้อใต้ฟ้าคราม
กลีบใสไอแดดลาม
ร่วงหล่นตามสายน้ำไป
.... เจ้าทุยนอนแช่น้ำ
คงสุขล้ำนะเพื่อนใจ
พักผ่อนตอนฟ้าใส
หลังคราดไถให้ชาวนา
.... ลำประโดงโค้งรอบคุ้ง
มากมีกุ้งและปูปลา
นั้นคือเหล่าภักษา
ตามประสาบ้านนาเรา
.... พริ้วพริ้วเพลงไผ่ไหว
เสียงขลุ่ยใสคลอเบาเบา
บ้านนาไม่เคยเหงา
มีสองเราเคล้าเคลียคลอ....				
27 พฤษภาคม 2545 20:35 น.

.... ชวนพี่ชี้ชมดาว ....

ผีเสื้อปีกบางฯ


.... นั่งข้างตะเกียงลาน
ที่นอกชานของบ้านสวน
ตลบหอมอบอวล
รายรอบล้วนสุมาลี
.... เอนกายเหยียดแข้งขา
ชมดาราหลายหลากมี
กระพริบริบริบหรี่
อยากชวนพี่ชี้ชมดาว
.... นั่นดาวประจำเมือง
ส่องแสงเรืองแข่งจันทร์เจ้า
ดูงามกว่าทุกคราว
สุกสกาวราวดวงโคม
.... ดาวเหนือแสงพราวพร่าง
ส่องสว่างกลางโพยม
ยั่วเย้าเจ้าแสงโสม
ปลอบประโลมให้สุขใจ
.... ไกลลิบวิบวิบวับ
งามระยับจับใจไหม
นั่นคือดาวลูกไก่
แม่อยู่ไหนไปด้วยกัน
.... ดาวจระเข้ขึ้นกลางหาว
โน่นดาวว่าวลอยผกผัน
หมีใหญ่ตามมาทัน
งามยิ่งฝันทุกราตรี
.... ดวงดาวรักท้องฟ้า
ผูกพันมาเนิ่นนานปี
เหมือนใจเราน้องพี่
เป็นเช่นนี้ตลอดไป.....				
26 พฤษภาคม 2545 20:16 น.

.... ใครเอ่ย ....

ผีเสื้อปีกบางฯ


.... จริงหรือที่เธอบอก
จะไม่หลอกให้ช้ำใจ
บอกว่าไม่มีใคร
เธอแน่ใจแล้วหรือยัง
.... ไม่ถวิลหาใครใคร
เธอเอ่ยไปด้วยใจสั่ง
หรือพูดเพราะไม่ยั้ง
สมองสั่งจึงพูดไป
.... ถ้าหัวใจเธอว่าง
หรืออ้างว้างและเดียวดาย
เหลียวมองรอบข้างกาย
จะมีสายตาจ้องดู
.... จะรู้ว่ามีใคร
ที่ห่วงใยตัวเธออยู่
ถ้าแม้นเธอตรองดู 
ก็จะรู้ว่าเป็นใคร......				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผีเสื้อปีกบางฯ
Lovings  ผีเสื้อปีกบางฯ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผีเสื้อปีกบางฯ
Lovings  ผีเสื้อปีกบางฯ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผีเสื้อปีกบางฯ
Lovings  ผีเสื้อปีกบางฯ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงผีเสื้อปีกบางฯ