21 มกราคม 2547 17:13 น.

ลำน้ำสายลมกับความรัก

มัทนา


_ยินเสียงลมพร่ำบอกก้องในจิต
ฤๅจะคิด ไหวหวั่นเกินคำขาน
พัดแผ่วเบา ยะเยือกเร้า เคล้าลำธาร
ชอุ่มหวาน วอนใจ ให้โอนเอน

ใจมันอ่อน ยิ่งกว่าหิน ถูกน้ำเซาะ
มิใช่เปราะ แต่ด้วยใจที่เราเห็น
ความจริงใจ ในรักเรา คือประเด็น
สิ่งที่เป็น คือความรัก ปักหัวใจ

สายน้ำหลาก อาจพราก ตะกอนพัด
ลมสะบัด อาจโบกใบ ปลิวไสว
แต่ความรัก แม้ถูกปัด กระหวัดไกล
นานเพียงใด ความใกล้ชิด มิริดรอน

ต่อให้ห่าง ทางไกล จะไม่หวั่น
จะไม่พรั่น พรึงใจ จำคำสอน
กระซิบรัก กระซบทรวง ในบ่วงวอน
ดั่งไม้ขอน แกร่งค่า ว่ามั่นคง
				
20 มกราคม 2547 16:29 น.

สิ่งที่เห็นกับความเป็นจริง

มัทนา


_โลกใบนี้ ที่เป็นอยู่ มีจริงหรือ
สิ่งเล่าลือ เรื่องราว ที่กล่าวขาน
เห็นด้วยตา แต่ก็ต้อง ถูกระราน
แลว่าหวาน แต่ไฉน ปนขมเจือ

คนร้องไห้ ใช่ว่าใจ เขาโศกเศร้า
อาจเพราะเขา สุขใจ เกินใครเชื่อ
ผู้หัวเราะ ก็ใช่ว่า สุขระเรือ
คนอาทร โอบเอื้อ ฤๅจริงใจ

มองชีวิต คิดให้หนัก ตระหนักแน่น
ทั่วถิ่นแคว้น นครเมือง อย่าหวั่นไหว
ภาพลวงตา พาซื่อ หรือเล่ห์ใคร
เห็นจริงได้ เพียงเพราะตน พ้นบ่วงมาร..
				
20 มกราคม 2547 00:17 น.

กำลังใจจากโลกสองแง่

มัทนา


_สิ่งรังสรรค์ ธรรมชาติ สร้างเป็นคู่
ชนต่างรู้ ตระหนักถึง จึ่งกล่าวขาน
ขอเปรียบเปรย เอ่ยซ้ำ ย้อนตำนาน
ร่วมสืบสาน สิ่งคู่กัน พลันเกี่ยวดอง

ชายกับหญิงสิ่งประจักษ์รู้รักแท้
ภมรแล บุปผชาติ ประกาศก้อง
เหล่าพฤกษาพึ่งพาดินกลิ่นละออง
นภา พร้อง คู่วิหก ผกโผบิน

มีปากกา ถ้าไร้หมึก นึกคิดถึง
คราใดบึ้ง อาจหัวเราะ น่าถวิล
มีอดอยาก คงถึงคราว มีข้าวกิน
ความเศร้าสิ้น เพราะความสุข ได้เกิดมา

สายลมพัด คลื่นซัดฝั่ง ดังโหยหวน
เร้ารัญจวนสายน้ำกับหมู่มัจฉา
หยดน้ำค้าง ค้างอยู่ ยอดหญ้าคา
ดาวบนฟ้า ประกายแสง แข่งกับเดือน

เมื่อมีจันทร์ ก็ต้องมี พระอาทิตย์
มีมืดมิด ต้องมีแสง แจ้งเสมือน
ศาสนา กับอธรรม ตอกย้ำเตือน
อย่าบิดเบือน ความจริง สิ่งไม่ตาย

มีภาษา ฤๅไม่มี ซึ่งคำแผลง
มีของแพง ก็ต้องมี ของถูกขาย
มีคนเกิด แน่นอนต้อง มีคนตาย
 สงครามร้าย สงบไป สันติคืน


=>เมื่อมองโลก สองด้าน ได้แง่คิด
หากดวงจิต โศกเศร้า เคล้าคำขืน
อย่าลืมเมื่อ ล้มแล้ว  ต้องกล้ายืน
แม้กล้ำกลืน จักฟันฝ่า ท้าแรงลม
				
16 มกราคม 2547 23:17 น.

ณ กลางสวน(อินทวงสฉันท์๑๒)

มัทนา


๏ยินเสียงอุทกไหล........................ดุจใจมิแห้งมิแล้ง
สายน้ำลุสำแดง..............................สกุณาระร้องขะขานฯ

๏กลางสวน บุหลันเลือน.............วยุเคลื่อนหทัยสราญ
แลทินกรฉาน.................................ภมรินก็บินและไปฯ

๏หมู่มัจฉะแหวกว่าย.....................บ่มิคลายวิจิตรวิไล
เคล้าเสาวคนธ์ได้...........................ดนุชื่นระรื่นฤดีฯ

๏ครวญถึงพระพี่เจ้า......................ยุวเนา คะนึงทวี
จดจำอดีตมี......................................ประณิธานประหนึ่ง ปะชัยฯ

๏ลมโชยก็โชยหาย.........................ยุพคลายระร้อนฤทัย
แต่รักจะพ้นภัย................................ตละแนบสนิทระลึกฯ
				
15 มกราคม 2547 22:59 น.

จากใจความเป็น(ลูก)ครู

มัทนา


ค่าของครูอยู่ที่ไหนใครรู้บ้าง
เพียงเรือจ้างแค่ส่งศิษย์เท่านั้นหรือ
จรรยาบรรณหมั่นเพียรเพื่อฝึกปรือ
เหล่านี้คือพระคุณครูหรืออะไร

คอยสั่งสอนศิษย์น้อยกลอยใจนัก
สอนด้วยรักตีด้วยใจจงรู้ไว้
แต่วันนี้เด็กเรียนเอง เคร่งทำไม?..
ตีมิได้ ต้องถนอม ครูตรอมทำ

เด็กศูนย์กลาง การเรียน เลยเป็นสูญ
หวังเพิ่มพูน ความรู้ อย่าเรียนซ้ำ
ต้องค้นหา ขวนขวายเอง เร่งจดจำ
บ้างก็ทำ ได้ผล ครูดีใจ

แต่บางคน ก็ไม่รู้ ครูสอนเถิด
จักบังเกิด ผลดี อันยิ่งใหญ่
เพราะศิษย์เอง จะไปค้น จากที่ใด
จะถามใคร อยู่บ้านนา ในป่าดอย

เลิกการเอ็นท์ เย็นใจ เด็กชนบท
ที่รัฐลด ความเครียดที่ เบียดเต็มร้อย
จีพีเอ เพิ่มขึ้น พวกเราคอย
เพราะอย่างน้อย ไม่ต้องเรียน พิเศษเปลือง

หัวอกของ ความเป็นครู เธอรู้ไหม
ยากจะหา คนเข้าใจอย่าง ปราดเปรื่อง
มิกล้าเอ่ย มิกล้าขัด ด้วยกลัวเคือง
หลายหลายเรื่อง ครูหนักใจ ทำไงดี

ฉันคนหนึ่ง เห็นหลายสิ่ง ผ่านมามาก
ก็ไม่อยาก จะโทษใคร เดี๋ยวโดนซี้ 
เห็นชีวิต คุณครูมา หลายสิบปี
ขอโทษทีถ้าแต่งกลอน กระทบใคร..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมัทนา
Lovings  มัทนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมัทนา
Lovings  มัทนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมัทนา
Lovings  มัทนา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงมัทนา