23 ธันวาคม 2551 06:38 น.

ปอกเปลือกใจกับค่ายเยาวชน

ร้อยฝัน

ภาพของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ผอมแกร็น เดินต้อย ๆ ตามหลังพ่อ
ที่กำลังเดินหนีอย่างหนึ่งว่ารำคาญใจหนักหนา ผุดขึ้นในรู้สึก
           " พ่อให้อ้อยไปนำหมู่เด้อ  ไปค่ายนำหมู่เด้อ"
           " บ่สิไปเฮ็ดหยัง  ไปบ่ได้ดอก แต่ลมกะสิพัดล้มอยู่  มันบ่ม่วนคือไปเล่นเด๊"
           จะอ้อนวอนปานใด  ผู้เป็นพ่อก็ยังใจแข็งไม่ยอมให้เด็กหญิงตัวน้อยไป
อยู่ดีอาจเพราะความเป็นห่วงสารพัด สารพันของคนเป็นพ่อ
           ในวันที่กำหนดมาถึง  ร้อยฝันจำได้อย่างขึ้นใจว่ารถที่มารับเยาวชนไปค่ายนั้นเป็นรถโตโยตาสีขาว ล้อโต ๆ สูง ๆ
 มีตรากรมป่าไม้ติดที่ประตูรถ  เสียงพ่อเรียกนักเรียนที่จะไปค่ายทุกคน
จัดเตรียมสัมภาระ และตรวจเช็คของให้ครบก่อนขึ้นรถสร้างความอลหม่าน
เกิดขึ้นทันที  บางคนตื่นเต้นกับการได้ขึ้นรถยนต์ เพราะพื้นเพของชาวบ้าน
แถบนี้ อย่างโก้ในตอนนั้น ก็คือรถลากล้อ  เด็ก ๆ ดูตื่นเต้นอย่างมาก
รวมทั้งร้อยฝันที่แอบขึ้นรถ หิ้วถุงผ้าที่มีเพียงเสื้อสองตัว กางเกงขายาว
หนึ่งตัวกับผ้าห่มผืนบางที่แอบเอามาซ่อนไว้ในห้องเรียนวันละชิ้น สองชิ้น 
ถ้าพ่อไม่ให้ไปก็จะแอบไปกับเพื่อน  นั่นคือความคิดในคราวเป็นเด็ก 
 กว่าเด็กทุกคนจะขึ้นรถและจัดสัมภาระเรียบร้อย ก็เสียเวลาไปโข
ก่อนจะไปเจ้าหน้าที่ได้พูดคุยร่ำลาพ่อร้อยฝันได้โอกาสยืดตัวให้ดู
เด่นกว่ากลุ่มเพื่อน
               "พ่ออ้อยไปนำหมู่แล้วเด้อ"
               "เฮ้ยลงมา  สิไปหยัง  ไปอิหลีบ่"
               "ไป ไปแท้  ๆ ล่ะ"
               "เดี๋ยว ๆ  อย่าฟ้าว  พ่อไปเอาเสื้อมาให้"   พ่อเดินหันหลังกลับ
เข้าไปในอาคารเรียนพร้อมกับหอบเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ของพ่อ  และถุงยา
ส่งให้เจ้าหน้าที่พร้อมกำชับ
                  " ฝากเบิ่งนำแหน่  บ่ค่อยแข็งแรง ถ้ากินอิหยังแล้วฮาก
 ให้กินยานี้เด้อ"
                  "ให้ลงมาบ่ครับ "  เจ้าหน้าที่ดูเป็นกังวล
                  "ปล่อยไปโลด  จั๋งได๋กะห้ามบ่ฟัง  คั่นสิไป ผมสิขี่มอไซต์นำ
ก้น"
              ลูกสาวของพ่อแข็งแรงกว่าที่คิด  แทบไม่มีอาการใด ๆ ผิดปกติ
เลย  พ่อจึงต้อลงมาเพราะเป็นห่วงเด็ก ๆ ที่คอยอยู่โรงเรียนกว่าร้อยชีวิต
 นั่นคือการเข้าค่ายครั้งแรกของร้อยฝัน  เป็นค่ายที่อยู่ในความทรงจำ
 และเป็นค่ายที่ห้วยกุ่มแห่งนี้  ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพักกันที่ไหน 
 จะเป็นแลนง้อ หรือ รอยเสือ ก็ไม่แน่ใจ เพราะสภาพในก่อนนั้น
กับตอนนี้แตกต่างกันจนไม่เหลือสภาพเดิม  แต่จำได้ว่าที่พักมีบ้าน
หลังใหญ่ที่สร้างด้วยไม้ไผ่เกือบทั้งหลัง และมีบ้านเล็ก ๆ 2 หลังขนาบข้าง
 อยู่ไม่ไกลจากสายน้ำห้วยกุ่มเท่าไหร่เลย  อาหารมื้อแรกที่ร้อยฝันจำได้
เหมือนติดปลายลิ้น เป็นกับข้าวง่าย ๆ พื้นๆ แต่อร่อยเสียยิ่งกว่าอาหารหรู
 ๆ ในโรงแรมดัง ที่เคยชิมข้าวที่พี่เจ้าหน้าที่หุงให้กิน อร่อยกว่าที่บ้าน 
แกงผักหวานใส่ปลาทูเค็ม กับเห็ดกระด้าง อร่อยเสียจนซดน้ำจนเกลี้ยง 
 อาจจะเพราะความหิว  ความสดสะอาดของผักหวานอ่อน ๆ เห็ดกระด้าง หรือเพราะกำลังใจ ก็ไม่รู้ที่ทำให้ร้อยฝันกินอาหาร แปลกใหม่นี้ได้ 
 เพราะปกติร้อยฝันกินอะไรที่เค็ม ๆ ไม่ได้จะอาเจียนออกมาหมด 
 แต่ครั้งนี้เหมือนกับโรคที่เคยเป็นอยู่มันหายสนิทร้อยฝันกินปลาทูเค็มไ
ด้แล้ว  ครั้งแรกในชีวิตที่ไม่อาเจียนออกมาถ้าใครคนหนึ่งซึ่งเคยร่วมเป็นสมาชิกครั้งนั้น  ได้อ่านอาจจะรื้อฟื้นความทรงจำดี ๆ กลับคืนมา  กับความประทับ
ใจของพวกเรา ที่พี่ ๆ เรียก เรารุ่นไล่จับ  เหตุเพราะพี่ ๆ จะพาเราขึ้นไป
ดูเขื่อนห้วยกุ่ม  ด้วยแรงที่อนุรักษ์ที่ พี่่ ๆ กระตุ้นเตือน  พอพวก
เราเห็นชาวบ้าน สองสามคน กับนกกะเรียนมีทั้งตายแล้ว และยังไม่ตาย
 บริเวณหน้าเขื่อน เด็กว่าสี่สิบคนล้อมหน้าล้อมหลัง  จนชาวบ้านไม่สามารถ
หนีได้  คราวนั้นพี่่ ๆ ควบคุมชาวบ้านไปด้วยความเป็นเด็ก  ยังไม่รู้หรอกว่า
ชาวบ้านทำไปเพราะเหตุผลใด  เพราะเป็นวิถีชีวิต  หรือความอยู่รอด  หรือเพราะเหตุผลอื่น การทำหากินของชาวบ้านจริง ๆ ไม่ได้มีผลกระทบกับป่ามากมายนัก  หากไม่มีพวกหนึ่งซึ่งเห็นชีวิตหนึ่งเป็นของเล่น  กินได้ ขายได้ แม้แต่ชาติบ้านเมือง  ยังกินยังขาย อย่างไม่อายหมาเลย  แต่ร้อยฝันคิดแทนเพื่อนทุกคนว่า  ในเหตุการณ์นั้นทุกคนคงคิดว่า  จับมัน ฆ่ามันทำไม ไม่สงสารมันหรือ  นั่นอาจเป็นความคิดในตอนนั้น
     ณ  ปัจจุบันหลายครั้งที่ร้อยฝันขึ้นไปที่ห้วยกุ่ม  ร้อยฝันเห็นแต่นกกระเรียน
ในภาพวาด  นั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ร้อยฝันได้มีโอกาสเห็นนกกระเรียน
ตัวเป็น ๆ  และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่กระตุ้นเตือนให้ร้อยฝันผูกพันธ์กับค่าย
อนุรักษ์  เมื่อเข้าเรียนในระดับมัธยม ร้อยฝันไม่เคยพลาดในการเป็นสมาชิก
ค่าย ไม่เคยพลาดในกิจกรรมปลูกป่าที่พี่ทหารนำรถคันโตมารับ  ไปปลูก
ต้นสัก ต้นกระถิน ในราวป่าดงลาน  และทุกครั้งที่ขับรถผ่านแถวนั้น
ร้อยฝันยังมีความภูมิใจลึก ๆ ว่านั่นคือป่าที่ฉันปลูก  ป่าที่ฉันมีส่วนร่วมสร้าง
จนมันซึมเข้าสายเลือดไปแล้ว  การเข้าเรียนในระดับที่สูงขึ้นทำให้โอกาสของ
ร้อยฝันมีมากขึ้น  เริ่มจากการเป็นน้องค่าย  จนกลายเป็นหนึ่งในทีมพี่ที่จัดค่าย
บ้าจนกระทั่งโหมทำ Project ให้เสร็จ  จนเข้าโรงพยาบาล  เพราะแรงกระตุ้น
หนึ่ง คือ ไปค่ายกับเพื่อน จนเพื่อนที่เรียนด้วยกันหมั่นไส้  
              "แกลาออกไปเรียนพัฒนาชุมชนไป  เอกคอม ฯ ไม่เหมาะกับแก"
แต่ ณ ตรงนี้ วันนี้ ร้อยฝันก็ทำมันสำเร็จ และมายืนอยู่ตรงนี้ แถมเยาะในใจ
เรียนอะไร  ก็ทำค่ายได้ถ้าใจรัก (555555555555)
               การจัดกิจกรรมค่ายร่วมกับบ้านกลอนไทย  ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
 ครั้งแรกเป็นค่ายที่จัดเมื่อครั้งที่ย้ายมัธยมหนองเขียดใหม่ ๆ  ร้อยฝันมี
เพื่อน ร้อยฝันมีพี่น้องที่เข้าใจ และยอมเสียสละ ร้อยฝันจัดค่ายในครั้งแรก
ด้วยความกดดัน ก่อนจัดค่ายไม่มีเงินอื่นเลยนอกจากค่ารถที่เก็บกับนักเรียนที่ฝัน
อยากเข้าค่ายเพราะนั่นเป็นค่ายแรกของมัธยมหนองเขียด  แต่ร้อยฝันมีเพื่อน มี
พี่น้อง ที่ขอขอบคุณไว้ ณ ตรงนี้  พี่น้องชาวบ้านกลอนไทย  ร่วมบริจาค
เงิน  สิ่งของ และมาช่วยเป็นวิทยากร   รวมกับพี่น้องชาวห้วยกุ่ม  พี่น้องที่
มีแนวทางและความคิดเดียวกัน  จนเกิดเป็นค่ายขึ้นมา  มีใครคนหนึ่งบอกว่า 
ค่ายของร้อยฝัน เป็นค่ายที่ไม่เคยได้ค่าวิทยากร  แถมวิทยากรยังต้องเสีย
ตังค์  อีกตังหาก  แต่คนพูดบ่นไปยิ้มไป  ตรงนั้นร้อยฝันรู้สึกภูมิใจเป็นที่สุด
(ฮา) วิทยากรค่ายของร้อยฝัน  นอกจากจะเสียเวลามาแล้ว  ยังต้องเสียเงิน  
นั่นเป็นสโลแกน ค่าย  
               กับคำพูด เหล่านี้ ร้อยฝันถือว่าเป็น มงคลสูงสุดที่ได้ยิน
              "  ค่าที่พัก  ค่าวิทยากร  แล้วแต่จะให้ "  คำพูดจากน้ำใจของพี่
น้องชาวห้วยกุ่ม
             "  เจ๊  ผมเรียกน้อง ๆ มาช่วย  ค่าวิทยากรไม่ต้อง มีข้าวกิน มีค่า
รถกลับพอแล้ว  "  คำพูดจากน้ำใจของเจ้าโต  และบรรดาน้อง ๆ  บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย
              "  เดี๋ยวโอนตังค์ไปให้  อยากได้อะไร  รางวัลเด็ก  ของแจก
เด็ก ๆหนังสือเก่า  "  นั่นเป็นน้ำใจจากเพื่อน ๆ พี่น้องชาวบ้านกลอนไทย
              "อาจารย์  ค่ารถพวกหนูออกกันเองก็ได้ค่ะ  "นั่นคือน้ำใจของเด็กนักเรียน
              "เอ้าเฮ็ดเลย  กิจกรรมดี ๆ กับเด็กน้อยโรงเรียนมีงบให้ 2,000 " 
นั่นเป็นความกรุณาของผู้บริหาร เป็นเพราะสภาพโรงเรียนเล็กที่กระเบียด
กระเสียนงบประมาณอันน้อยนิดนอกเหนือจากแผนพัฒนาไปจัดทำค่าย ซึ่งผู้ใหญ่บางคนบอกค่ายอนุรักษ์เหรอไม่ต้องทำก็ได้  และนั่นเป็น งบก้อนแรกในการจัดซื้อจัดเตรียมทำค่าย
              " สิไปเบิ่งเด็กน้อยซ่อยดอก"  นั่นคือน้ำใจจากคณะครูโรงเรียน
มัธยมหนองเขียด
               จนค่ายครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 และร้อยฝันจะไม่ทำ
ค่ายอีกหลายปี  ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นแวดล้อม  แต่เป็นเหตุผลจากตัวร้อยฝัน
เอง  ที่เหนื่อย เพราะภาระงานที่เพิ่มขึ้นตามอายุ  และอายุที่ไม่ยอมถอยลงให้
ชื่นใจ  แต่ร้อยฝันยังจะไปร่วมช่วยกับค่ายอื่น ๆ ที่เพื่อน ๆ พี่น้องจัด  ค่าย
นี้คงเป็นค่ายที่ร้อยฝันอยากเก็บไว้ในความทรงจำดีๆ
                ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนทำให้เกิดค่ายนี้  ขอบ
คุณเพื่อน ๆ พี่น้องที่ช่วยเหลือ  ขอบคุณเยาวชนตัวน้อยที่เข้าร่วมกิจกรรมใน
ครั้งนี้  
                   การเพาะกล้าไม้  แม้ว่าเราจะหยอดเมล็ดไปร้อยเมล็ด  ก็อาจจะงอกงามเป็นต้นกล้าที่แข็งแรงเพียงเมล็ดเดียว
                   ค่ายเยาวชนก็มีจุดหมายเดียวกัน  เฉก
เช่นการเพาะกล้าไม้  อย่างน้อย ก็ยังเป็นสิ่งเดียวที่บอกให้รู้ว่า  สิ่งที่ทำไปไม่
สูญค่า  การเพาะกล้าไม้ที่เติบโตแข็งแรงได้หนึ่งต้น  จากร้อยเมล็ด  นั่นคือ
สิ่งที่ร้อยฝันหวัง และตั้งใจ และขอให้เยาวชนทุกคนผองเพื่อน  พี่น้อง ได้
ช่วยกันสานต่อก่อฝันให้มันเป็นความจริง  เพื่องานเขียน ที่เรารัก  เพื่อ
ธรรมชาติที่จะคงอยู่ตลอดไป
                                                                      จากใจ
                                                                                                   ร้อยฝัน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟร้อยฝัน
Lovings  ร้อยฝัน เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟร้อยฝัน
Lovings  ร้อยฝัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟร้อยฝัน
Lovings  ร้อยฝัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงร้อยฝัน