20 มกราคม 2551 09:07 น.

เรื่อง ผู้บัญชาการทหาร................ตอนที่4

สะพั่งสะท้านไมภพ

เมื่อแต่ละกองพันได้ลงไปแล้ว การบริหารกำลังพลในพื้นที่อำเภอจะเป็นของกองพัน การบริหารทรัพยากรต่างๆจะเป็นของกองพัน พื้นที่ไหนเป็นพื้นที่ที่เคลื่อนไหวได้อิสระก็จะเลือกตั้งเป็นฐานปฏิบัติการ และขยายพื้นที่ที่ปลอดภัยออกไปเรื่อยๆ
   การดำเนินการในการปฏิบัติการยุทธระดับยุทธวิธี จะมีการเคลื่อนไหวอย่างหนาแน่น แต่จะไม่มีการแสดงกำลังให้เห็น การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงจะต้องตกอยู่ในสายตาของเหล่าทหารที่พรางตนตามจุดเอ้าโพส และวันดีคืนดี ผู้บัญชาการทหารอย่างผมก็จะไปชวนผู้พันในพื้นทีรับผิดชอบวิ่งเล่นกันในพื้นที่รับผิดชอบ เส้นทางทุกเส้นทางจะต้องมีการควบคุม มาจากไหนต้องรู้ ไปที่ไหนต้องรู้ เวลาออกเวลากลับ ไม่มีการแบ่งแยกศาสนา ไม่มีการฆ่า แต่หากไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายทหาร หรือเป็นฝ่ายเดียวกับโจรก่อการร้ายก็จะต้องมาอยู่ในค่ายผู้อพยพจนกว่าจะมีความประพฤติดีขึ้น  
   ในการดำเนินการของทหารเจ้าหน้าที่พลเรือน เช่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ทุกข้าราชการจะต้องปฏิบัติงานตามที่ได้มีการกำหนดเพื่อความสอดคล้องกัน 
    ในสถานการณ์ที่รุนแรง เช่นเผาโรงเรียน ยิงครู ฆ่าเด็กนักเรียน ก็หยุดการเรียรนเรียนการสอนเสียทั้งสิ้นในอำเภอ และย้ายเจ้าหน้าที่ออกไปทำงานที่อื่นให้เจริญ ส่วนที่เก่าก็ให้ทำการปราบปรามถากถางเสียก่อน
    ในพื้นที่จะไม่มีการส่งข้อมูลใดๆที่เกี่ยวกับภาพและเสียง เป็นพื้นที่ที่จำกัดเพื่อการปราบปราม บุคคลใดพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่องจับเข้าศูนย์อพยพให้หมดจนกว่าจะพุดภาษาไทยเป็น ไม่มีการเรียนการสอนภาษามลายูนอกจากการก่อการร้ายจะสงสงบ
   ผลของการปฏิบัติการ พื้นที่ได้เงียบสงบขึ้นเยอะ แต่เริ่มมีแรงกดดันจากนานาชาติเรื่องกล่าวหาว่าฆ่าตัดตอน ผมผู้บัญชาการทหารหัวเราะ และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทั่วโลกว่า ที่ฆ่าๆเฉพาะโจร  แต่จะไม่ฆ่าเนื่องจากเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่งในศาสนา
   เมื่อได้ทำการรบไปได้สักพักหนึ่ง ผมก็ให้ทหารได้เลือกผู้นำของเขาขึ้นเป็นผู้พันใหม่ ซึ่งเป็นคนที่เขามั่นใจว่าจะนำพวกเขาให้รบชนะ และดูแลการเป็นอยู่พวกเขาเป็นอย่างดี
   นอกจากนั้นผมยังคิดอีกว่าในปีหน้าผมจะต้องให้มีการเลือกตั้งผู้บังคับหน่วยหทารใหม่ในปีหน้ารวมทั้งตำแหน่งของผมด้วย โดยยึดหลักการว่าผู้นำต้องเป็นที่ยอมรับของลูกน้องเท่านั้น
   ในส่วนของการรบทางด้ายยุทธศาสตร์ หากเพียงแต่สงสัยว่าประเทศใดเข้ามาเกี่ยวข้องกับโจรก่อการร้าย เราจะต้องเตรียมกำลังรบและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเหมาะสมไม่คิดจะหาค่าหัวคิว ให้ใช้ได้จริงและจะช่วยให้ชนะได้จริง เพื่อทำการรุกออกนอกประเทศยึดและกวาดล้างรากเง่าโจรร้ายให้สิ้นไป
   ในส่วนสุดท้าย แผนสุดท้าย จะใช้ปรมาณูถล่มสามจังหวัดเสีย หากทหารไม่สามารถควบคุมไม่ได้ ก็ถอนทหารออก ใครอยากจะอยู่ก็อยุ่ ทำลายทิ้งเองดีกว่าให้คนอื่นทำลายทิ้ง
   และที่สำคัญ คนบ้าย่อมกลัวคนที่บ้ากว่า ดังนั้น เมื่อฝ่ายตรงข้ามฆ่าทหารสิบคนเราก็ต้องฆ่ากองโจรของพวกมันทิ้งสิบคน
   ผมได้ไปตรวจเยี่ยมเหล่าผู้การผู้พันผู้ร้อยผู้หมวดจ่าหมู่พลทหารแล้ว ไปดูการฝึกที่กระทำในพื้นที่ซึ่งไม่คล้ายกับการฝึก เพราะหากเสียท่าข้าศึกก็ตายจริง และข้าศึกก็ของจริง ผมมีความสุขที่เหล่าทหารได้ใช้เวลาของเขาในการทำการรบเพื่อประเทศชาติ มากกว่าจะใช้เวลาของเขาในการไปกินเหล้าเมายาเที่ยวเตร่ รวมถึงสนับสนุนให้เขาเพาะพืชพันธ์ทหารไทยกับสาวที่รักในพื้นที่อีกด้วย
   ในส่วนของการข่าว ผมได้ให้หัวข้อข่าวสารที่ต้องการแก่หน่วยข่าวทั้งปวง คำถามง่ายๆคือ ใครคือศัครูของเรา และเรากำลังรบกับใคร ผมเข้าใจการปฏิบัติการลับดีว่ามันต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากมายเพียงใด แต่ทว่าสิ่งที่ได้มาย่อมคุ้มค่ามากกว่าจะยอมเสียชีวิตทหารไปทำการรบโดยที่ไม่รู้ 
   ณ ปัจจุบันนี้ ผมบอกได้เลยว่าไม่ต้องมีตัวชี้วัด หรือมียุทธศาสตร์กันทุกหน่วย แต่มีเป้าประสงค์เดียวคือ กำจัดผู้ก่อการร้ายให้หมดสิ้นทุกวิถีทาง  ใครมีผลงานประทะบ่อยแล้วชนะก็จะมีรางวัลเป็นเงินทองคุ้มค่าเสี่ยงตาย ปะทะแพ้ก็มีการลงโทษให้ไปฝึกใหม่แล้วออกมารบแก้ตัวใหม่ ไอ้พวกที่รบไม่ได้เรื่องก็พิจารณาให้ไปทำงานที่สนับสนุนการรบ เช่น การขับรถส่งทหาร การทำกับข้าวเลี้ยงทหาร หรือล้างรถเปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวให้ทหารทานเป็นต้น
   ในสมัยผมนี้จะไม่มีลูกผู้ใหญ่ใดๆ จะโตได้ลูกน้องต้องรัก ต้องมีฝีมือในการรบ และต้องรักลูกน้องตัวเองมากกว่าตนเองเป็นสำคัญ
   ส่วนทหารที่อยู่ในที่อื่นที่ไม่ได้ทำการรบก็พิจารณาให้น้อยหน่อยเพราะถือว่า ทหารคือคนที่ต้องทำการรบได้ หากทำการรบไม่ได้ก็เป็นเพียงแค่ข้าราชการกลาโหมพลเรือนเท่านั้น				
19 มกราคม 2551 08:24 น.

เรื่อง ผู้บัญชาการทหาร................ตอนที่3

สะพั่งสะท้านไมภพ

หลังจากที่ท่านเสือดำ หนึ่งในห้าเสือของกองทัพได้ไปป่าวประกาศให้กำลังพลระดับกรมและกองพันทราบแล้วก็ได้นัดวันและเวลาการแถลงแผนของแต่ละกรมกองพัน หนึ่งเดือนผ่านไปและวันนี้ก็มาถึง
    ในระดับแปดสิงห์ของกองทัพได้มาเข้าร่วมประชุมด้วย ต่อมาก็ในระดับสามสิบสองกระทิงก็มาแล้ว กับอีกหนึ่งร้อยแปดแรด มากันเต็มไปหมด จะเห็นได้ว่าในที่ประชุมของทหารนั้น หากมากันอย่างพร้อมเพรียงแล้วนี่ก็คือความเกรียงไกรของกองทัพ แต่ทว่าจะเกรียงไกรแค่ไหนก็อยู่ที่ผลการปฏิบัติงานที่ออกมาแล้วเกิดประโยชน์เป็นสำคัญ ไม่ใช่ไปออกในรูปแบบของผลประโยชน์ส่วนตัวเหมือนในอดีต
   เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว เสียงบอกแสดงความเคารพก็ดังขึ้น ทุกคนมองเห็นเสือใหญ่หรือเสือโคร่ง ผู้บัญชาการทหารเดินอาดอาดขึ้นไปบนเวที 
   ผมได้มองหน้าตั้งแต่ สี่เสือ ครบ แปดสิงห์ครบ สามสิบสองกระทิง ครบ รวมทั้งบรรดาแรดอีกกว่าร้อยชีวิต และก็กล่าวขึ้นมาว่า ผมได้มอบหมายให้เสือดำได้ชี้แจงแบ่งมอบพื้นที่ปฏิบัติการให้กับพวกท่านแล้วเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกท่านทั้งหลายคงจะได้ไปสำรวจตรวจตราพื้นที่รับผิดขอบของท่านแล้ว และคงจะได้มีแนวทางในการปฏิบัติในแต่ละหน่วยแล้วและในวันนี้ผมจะขอฟังแผนของแต่ละกอพัน หลังจากที่ได้มีการแถลงแผนและฟังแผนของหน่วยต่างๆแล้วก็ขอได้ไปปรับแผนอีกครั้งหนึ่งตามระเบียบการนำหน่วยหกข้อที่ได้ร่ำเรียนมา สำหรับอุปกรณ์พิเศษต่างๆผมได้ให้ ฝ่ายส่งกำลังได้จัดหาตามความต้องการของแต่ละหน่วย และหน่วยจะต้องมีอาวุธที่สุดยอดเท่านั้นที่จะใช้และจะต้องเหนือกว่าฝ่ายตรงข้ามทุกประการ สำหรับงานฝ่ายกำลังพลและยุทธการจะตรวจสอบผลการปฏิบัติงานและปรับย้ายให้ได้ผู้ที่จะเหมาะสมในการรบทางภาคใต้ สำหรับทรัพยากรของหน่วยแต่เดิมอาจจะใช้ไปในทางส่วนรวมบ้างส่วนตัวบ้างก็ขอให้เลิกเสีย หันมาทำให้ทรัพยากรของหน่วยเช่นเงิน น้ำมัน งบประมาณต่างๆเป็นทรัพยากรของหน่วยและจะต้องใช้ไปเพื่อการปฏิบัติงานการรบในครั้งนี้ การรบในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันหายากของพวกท่านผู้การผู้พันทั้งหลายที่จะแสดงผลงาน พวกที่มีลูกน้องเก่งๆและใช้มันเป็นท่านก็คงได้ประโยชน์ ท่านที่เก่งแต่ไม่ใช้ลูกน้องที่เก่งๆในการรบก็คงจะสุ้แพ้เขา ดังนั้นก็ต้องรู้จักเลือกใช้คนให้ดีให้เหมาะสมด้วย ผมหวังว่านโยบายของผมคงจะทำให้กองทัพของเราเกรียงไกรได้จริง แต่ก็ต้องเกิดจากความร่วมมือของพวกท่านทุกท่านอย่างพร้อมเพรียง ผมและอีกสี่เสือจะไม่ขอสบายอยู่ในเมืองแต่จะขอไปร่วมทุกข์ร่วมสุขร่วมรบกับพวกบรรดาเหล่าพลทหารของเราด้วยหมุนเวียนกันไป วันที่จะกลับมาเมืองหลวงก็เป็นวันที่พวกท่านคนสุดท้ายได้กลับกันหลังจากที่จบภารกิจการปราบกองโจร ขอโทษที่พูดยืดยาวไปหน่อย ต่อไปให้เสือดำจัดการแถลงแผนได้
   การแถลงแผนได้ใช้เวลานานมากจนทุกคนได้แถลงแผนจบ และอีกในหนึ่งสัปดาห์จะได้เริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามแผนการเคลื่อนย้ายของฝ่ายยุทธการ
   รอยเตอร์ได้รายงานความเคลื่อนไหวของทหารในกองทัพนี้ให้รู้กันทั่วโลกว่ามีการวางแผนขนานใหญ่เพื่อที่จะปราบปรามโจรก่อการร้ายในภาคใต้
   ที่ห้องทำงานชั้นหกของผู้บัญชาการทหาร ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ของกองทัพได้นำเงินประจำเดือนมาให้ พร้อมๆกันนั้นหัวหน้าสนามมวยก็นำเงินค่าสนามมวยมามอบให้ ผมได้ให้หนึ่งในแปดสิงห์ได้รวบรวมเงินพวกนั้นและตั้งไว้เป็นเงินบำเหน็จรางวัลหรือเป็นทรัพยากรพิเศษของผู้บังคับบัญชาในการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งก็เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดไปได้กระทำจริงนั่นก็คือ จะจนและลำบากร่วมกับกำลังพลของผม และจะสบายเมื่อกำลังพลของผมคนสุดท้ายได้สบายแล้ว หลายคนคงแอบนินทาว่าโง่ ซึ่งผมก็ไม่สนใจก็เพราะผมมันก็รู้ตัวว่าผมมันโง่อยู่แล้ว 
   ผมได้สั่งเดินทางไปตั้งกองอำนวยการรบที่ภาคใต้แล้วและจะออกเดินทางในอีกสามวัน จึงให้ลูกน้องต่างไปร่ำราเมียลูกซะ แล้วก็ออกเดินทางไปปราบโจรกัน
   นิราศสามจังหวัดชายแดนใต้ได้เริ่มเบิกโรงแล้ว ความมันสุดยอดเกินบรรยาย ลีลาเหนือกว่าหนังแอ๊คชั่นใดๆ ที่จะได้ดู ชื่นชมลีลาของทหารที่สุดกล้าหาญได้ร่ายรำกระบวนท่าอย่างงดงามแช่มช้อยให้ได้เห็น การสัปปะยุทธชิงชังยกองทัพนี้มิได้มีไว้เพื่อค้ำจุนใครนอกจากกระทำให้บ้านเมืองอยุ่รอดจากคนภายนอกที่จะเข้ามาย่ำยีและแสวงหาผลประโยชน์บนหลังของประชาชนของเรา				
18 มกราคม 2551 10:19 น.

เรื่อง ผู้บัญชาการทหาร................ตอนที่1

สะพั่งสะท้านไมภพ

ตอนแรก รับตำแหน่ง
ปีพุทธศักราช 2562 กระผมได้ขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชาการทหาร
ผมคิดขณะรับธงหน่วยทหารจากผู้บัญชาการทหารคนเก่า รู้ตัวว่าโง่ กับรู้ตัวว่าไม่โง่ เนี่ย มันต่างกัน
เส้นทางการมาของกระผมกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ หยุดคิดแป๊บหนึ่ง ยื่นธงคืนให้แก่ผู้หมวดหนุ่มก่อน ตะเบ๊ะให้ทีนึง แล้วเขาก็นำธงออกไป กลับมาคิดต่อว่า ที่มาได้เป็นแบบไหนหนอ 
หนึ่ง ฝีพระหัตถ์พระผู้เป็นเจ้า
สอง ฝีมือ
สาม ฝีเท้า
สี่ ฝีปาก
ห้า ฝีไม้
ผู้บัญชาการทหารคนเก่าแกกระแอมและกำลังยื่นมือมา ผมกลับมาสู่ความเป็นจริงแล้วยื่นมือออกไปเช็ดแฮนด์กับท่านจนกระทั่งเราทั้งสองหันหน้าออกไปยังหน่วยทหารแล้ว นายสิบคนหนึ่งก็เอาไมค์มาให้ เพื่อให้ ผู้บัญชาการคนเก่าได้กล่าวอำลาแล้วผมก็จะได้กล่าวให้นโยบาย ตอนที่ท่านผู้บัญชาการคนเก่าพูดผมก็ไม่ค่อยได้ฟังมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ พอถึงตาผมพูดบ้าง นายทหารคนสนิทของผมก็เอาแฟ้มสีแดงมาให้พอเปิดดูก็เห็นคำกล่าวของผมตัวโต ผมได้อ่านก่อนแล้วเมื่อวานนี้ แต่ผมไม่อยากพูดแบบที่ร่างไว้ก่อนแล้ว เพราะในอารมณ์วันนี้ผมอยากพูดอีกอย่าง ในใจคิดกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ลำบากยากเย็นจริงๆ ผมอยากจะเล่าให้ใครรู้บ้างเหลือเกินว่า ลำบากยากเย็นจริงๆ และในรอบปีที่ผ่านๆมา ไม่มีเลยที่จะมาแบบผมได้คือ แบบฝีมือ ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปแป๊บนึง สายตาของผมมองไปทางซ้าย แล้วมองไปทางขวา ผมเห็นสายตาของพี่น้องทหารได้มองมาที่ผมเป็นจุดเดียว เขารออะไร เขารอให้จบพิธีไวๆเพราะมันยืนตากแดดร้อน หรือเขารอจะฟังวาจาของผู้บัญชาการทหารที่เอาแต่อ่านสิ่งที่ฝ่ายเสนาธิการประจำตัวของเขาเขียนมาให้อ่านแบบนกแก้วนกขุนทองงั้นหรือ คนอย่างผมคงไม่ใช่ แม้ว่าผมจะรู้ตัวว่าโง่ไม่ได้ฉลาดไปกว่าทหารคนอื่น แต่ผมมีความจริงใจที่ตีแผ่ได้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผมไม่ได้กินดีไปกว่าพลทหาร แต่ผมจะภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่พลทหารจะกินดีอยู่ดีกับผม เอาละผมจะเริ่มให้นโยบายแล้ว
   พี่น้องทหารที่รัก ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหาร นโยบายของผมคือ ทหารต้องเป็นทหาร คนที่จะเป็นนายหรือผู้บังคับหน่วยได้จะต้องเป็นสุดยอดทหาร นักรบ เป็นเลือดทหาร และที่สำคัญลูกน้องต้องรัก และต่อไปผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนจะต้องได้รับความสุขสบายในการเป็นเป็นอยู่ แต่จะต้องลำบากในการสร้างกองทัพ เราจะเลิกระเบบเหี้ยๆทั้งมวล 
   ตอนนี้ผู้สื่อข่าวหันมาถ่ายภาพกันใหญ่ ผู้บัญชาการเก่ามองหน้า ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงของผมที่กล่าวออกไป ลูกน้องเริ่มหันหน้าไปกระซิบกระซาบ ผมก็พูดต่ออีกว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำ อย่าให้ใครรังแกทหารแท้ๆได้ ความขมขื่นของเราที่ทนทรมานมากว่าร้องปีจะต้องจบลง และต่อไปจะไม่มีทหารโง่โง่อีก แต่จะมีแต่ทหารที่จริงใจต่อประเทศชาติเท่านั้น ผมจะจน อด เหมือนกับพวกท่าน จนกว่าพวกท่านทั้งหลายจะมี ผมถึงจะมีพร้อมกับพวกท่าน เราจะไปด้วยกัน หากว่าท่านลำบากผมจะคอยช่วย และหากว่าผมลำบากท่านก็ช่วยผมด้วย เราจะไปด้วยกัน
   เสียงโฮโห่ร้องดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณลานพิธี ผมมองออกไปด้วยความปลื้มปิติ น้ำตาเอ่อคลอแทบจะกลั้นไว้ไม่ได้ ความเต็มตื้นใจในการยอมรับของพวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้กระผมจะต้องกระทำเพื่อพวกเขาและเพื่อกองทัพของประเทศนี้ไห้ได้ ผมชูมือขวาขึ้นพร้อมๆกับก็มีเสียงเฮกระหึ่มของบรรดาเหล่าทหารทั้งตัวนายและลูกน้อง พวกวงโยธวาทิตไม่รู้จะทำอย่างไรหัวหน้าวงก็มองตาผม ผมเห็นก็เลยพยักหน้าให้วงบรรเลงเพลงได้ ก็เป็นอันว่าจบพิธีรับตำแหน่งผู้บัญชากทหารของผมในวันนี้ หากในสองปีนี้ก่อนเกษียณ ผมไม่ตายห่าก่อน ด้วยจากเฮลิก๊อบเตอร์ตก โดนระเบิด หรือตายคาอก ก็คงจะเจริญแน่ 
ปล.เรื่องราวของผู้บัญชาการทหารเรื่องนี้จะจบภายในหนึ่งเดือน ตามที่ผมได้ตั้งใจได้ตั้งใจไว้ และต้องจบขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามครับ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ