เรื่อง ผู้บัญชาการทหาร................ตอนที่4

สะพั่งสะท้านไมภพ

เมื่อแต่ละกองพันได้ลงไปแล้ว การบริหารกำลังพลในพื้นที่อำเภอจะเป็นของกองพัน การบริหารทรัพยากรต่างๆจะเป็นของกองพัน พื้นที่ไหนเป็นพื้นที่ที่เคลื่อนไหวได้อิสระก็จะเลือกตั้งเป็นฐานปฏิบัติการ และขยายพื้นที่ที่ปลอดภัยออกไปเรื่อยๆ
   การดำเนินการในการปฏิบัติการยุทธระดับยุทธวิธี จะมีการเคลื่อนไหวอย่างหนาแน่น แต่จะไม่มีการแสดงกำลังให้เห็น การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงจะต้องตกอยู่ในสายตาของเหล่าทหารที่พรางตนตามจุดเอ้าโพส และวันดีคืนดี ผู้บัญชาการทหารอย่างผมก็จะไปชวนผู้พันในพื้นทีรับผิดชอบวิ่งเล่นกันในพื้นที่รับผิดชอบ เส้นทางทุกเส้นทางจะต้องมีการควบคุม มาจากไหนต้องรู้ ไปที่ไหนต้องรู้ เวลาออกเวลากลับ ไม่มีการแบ่งแยกศาสนา ไม่มีการฆ่า แต่หากไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายทหาร หรือเป็นฝ่ายเดียวกับโจรก่อการร้ายก็จะต้องมาอยู่ในค่ายผู้อพยพจนกว่าจะมีความประพฤติดีขึ้น  
   ในการดำเนินการของทหารเจ้าหน้าที่พลเรือน เช่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ทุกข้าราชการจะต้องปฏิบัติงานตามที่ได้มีการกำหนดเพื่อความสอดคล้องกัน 
    ในสถานการณ์ที่รุนแรง เช่นเผาโรงเรียน ยิงครู ฆ่าเด็กนักเรียน ก็หยุดการเรียรนเรียนการสอนเสียทั้งสิ้นในอำเภอ และย้ายเจ้าหน้าที่ออกไปทำงานที่อื่นให้เจริญ ส่วนที่เก่าก็ให้ทำการปราบปรามถากถางเสียก่อน
    ในพื้นที่จะไม่มีการส่งข้อมูลใดๆที่เกี่ยวกับภาพและเสียง เป็นพื้นที่ที่จำกัดเพื่อการปราบปราม บุคคลใดพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่องจับเข้าศูนย์อพยพให้หมดจนกว่าจะพุดภาษาไทยเป็น ไม่มีการเรียนการสอนภาษามลายูนอกจากการก่อการร้ายจะสงสงบ
   ผลของการปฏิบัติการ พื้นที่ได้เงียบสงบขึ้นเยอะ แต่เริ่มมีแรงกดดันจากนานาชาติเรื่องกล่าวหาว่าฆ่าตัดตอน ผมผู้บัญชาการทหารหัวเราะ และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทั่วโลกว่า ที่ฆ่าๆเฉพาะโจร  แต่จะไม่ฆ่าเนื่องจากเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่งในศาสนา
   เมื่อได้ทำการรบไปได้สักพักหนึ่ง ผมก็ให้ทหารได้เลือกผู้นำของเขาขึ้นเป็นผู้พันใหม่ ซึ่งเป็นคนที่เขามั่นใจว่าจะนำพวกเขาให้รบชนะ และดูแลการเป็นอยู่พวกเขาเป็นอย่างดี
   นอกจากนั้นผมยังคิดอีกว่าในปีหน้าผมจะต้องให้มีการเลือกตั้งผู้บังคับหน่วยหทารใหม่ในปีหน้ารวมทั้งตำแหน่งของผมด้วย โดยยึดหลักการว่าผู้นำต้องเป็นที่ยอมรับของลูกน้องเท่านั้น
   ในส่วนของการรบทางด้ายยุทธศาสตร์ หากเพียงแต่สงสัยว่าประเทศใดเข้ามาเกี่ยวข้องกับโจรก่อการร้าย เราจะต้องเตรียมกำลังรบและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเหมาะสมไม่คิดจะหาค่าหัวคิว ให้ใช้ได้จริงและจะช่วยให้ชนะได้จริง เพื่อทำการรุกออกนอกประเทศยึดและกวาดล้างรากเง่าโจรร้ายให้สิ้นไป
   ในส่วนสุดท้าย แผนสุดท้าย จะใช้ปรมาณูถล่มสามจังหวัดเสีย หากทหารไม่สามารถควบคุมไม่ได้ ก็ถอนทหารออก ใครอยากจะอยู่ก็อยุ่ ทำลายทิ้งเองดีกว่าให้คนอื่นทำลายทิ้ง
   และที่สำคัญ คนบ้าย่อมกลัวคนที่บ้ากว่า ดังนั้น เมื่อฝ่ายตรงข้ามฆ่าทหารสิบคนเราก็ต้องฆ่ากองโจรของพวกมันทิ้งสิบคน
   ผมได้ไปตรวจเยี่ยมเหล่าผู้การผู้พันผู้ร้อยผู้หมวดจ่าหมู่พลทหารแล้ว ไปดูการฝึกที่กระทำในพื้นที่ซึ่งไม่คล้ายกับการฝึก เพราะหากเสียท่าข้าศึกก็ตายจริง และข้าศึกก็ของจริง ผมมีความสุขที่เหล่าทหารได้ใช้เวลาของเขาในการทำการรบเพื่อประเทศชาติ มากกว่าจะใช้เวลาของเขาในการไปกินเหล้าเมายาเที่ยวเตร่ รวมถึงสนับสนุนให้เขาเพาะพืชพันธ์ทหารไทยกับสาวที่รักในพื้นที่อีกด้วย
   ในส่วนของการข่าว ผมได้ให้หัวข้อข่าวสารที่ต้องการแก่หน่วยข่าวทั้งปวง คำถามง่ายๆคือ ใครคือศัครูของเรา และเรากำลังรบกับใคร ผมเข้าใจการปฏิบัติการลับดีว่ามันต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากมายเพียงใด แต่ทว่าสิ่งที่ได้มาย่อมคุ้มค่ามากกว่าจะยอมเสียชีวิตทหารไปทำการรบโดยที่ไม่รู้ 
   ณ ปัจจุบันนี้ ผมบอกได้เลยว่าไม่ต้องมีตัวชี้วัด หรือมียุทธศาสตร์กันทุกหน่วย แต่มีเป้าประสงค์เดียวคือ กำจัดผู้ก่อการร้ายให้หมดสิ้นทุกวิถีทาง  ใครมีผลงานประทะบ่อยแล้วชนะก็จะมีรางวัลเป็นเงินทองคุ้มค่าเสี่ยงตาย ปะทะแพ้ก็มีการลงโทษให้ไปฝึกใหม่แล้วออกมารบแก้ตัวใหม่ ไอ้พวกที่รบไม่ได้เรื่องก็พิจารณาให้ไปทำงานที่สนับสนุนการรบ เช่น การขับรถส่งทหาร การทำกับข้าวเลี้ยงทหาร หรือล้างรถเปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวให้ทหารทานเป็นต้น
   ในสมัยผมนี้จะไม่มีลูกผู้ใหญ่ใดๆ จะโตได้ลูกน้องต้องรัก ต้องมีฝีมือในการรบ และต้องรักลูกน้องตัวเองมากกว่าตนเองเป็นสำคัญ
   ส่วนทหารที่อยู่ในที่อื่นที่ไม่ได้ทำการรบก็พิจารณาให้น้อยหน่อยเพราะถือว่า ทหารคือคนที่ต้องทำการรบได้ หากทำการรบไม่ได้ก็เป็นเพียงแค่ข้าราชการกลาโหมพลเรือนเท่านั้น				
comments powered by Disqus
  • สะพั่งสะท้านไมภพ

    20 มกราคม 2551 09:25 น. - comment id 98916

    ตอนทื่ห้า หาตัวมันให้เจอ
       ในแต่ละหมู่บ้านจะมีกองกำลังของโจรก่อการร้ายอยู่หกคน ดังนั้น ผู้พันของผมก็ต้องเอาจำนวนหมู่บ้านในแต่ละตำบลมาบวกกันแล้วก็เอาอย่างน้อยหกคูณออกมาเป็นจำนวนคนที่การปฏิบัติการจะต้องหาคำตอบออกมาให้ได้
       ในแต่ละเดือนจะมีการสรุปผลการปฏิบัติงานว่ากองพันไหน ผู้กองคนไหนมีผลงานในการจับกุมตัวกองกำลังของกองโจรได้ รางวัลอย่างหนึ่งก็คือ การประดับยศสุงขึ้น การให้รางวัลเหรียญกล้าหาญและประดับกันในสนามต่อหน้าแถวทหาร และจะต้องได้ทุกคนที่กล้าหาญ ไม่ใช่เหมือนเมื่อก่อนมีแต่นายพลได้อย่างเดียว และได้มาด้วยการนั่งเทียนเขียนเป็นที่เยาะเย้ยกับคนที่ไม่รู้ ส่วนคนที่ไม่รู้ก็จะมัวนับถือด้วยความโง่ต่อไป
       สำหรับครอบครัวของกองกำลังโจรก็จะถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด และย้ายเข้าไปอยู่ในศูนย์อพยพ งดกิจกรรมทั้งปวง ทำงานแลกข้าวไปวันๆ หมดการก่อการร้ายเมื่อไหร่ก็จะปล่อยให้ไปเริ่มตั้งตัวใหม่จากศูนย์ แต่ถ้าหากให้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ก็อาจได้ปล่อยตัวเร็วขึ้นและมีทุนให้ไปตั้งรกรากใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่เดิม
       ผู้ภักดีต่อแผ่นดินไทยเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้รับประชาธิปไตยในแผ่นดินนี้
       สำหรับประเทศเพื่อนบ้านไหนทะลึ่งออกข่าวด่าต่อว่าประเทศไทยในเรื่องนี้ทั้งๆที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องก็จะต้องโดนด่ากลับอย่างทันควันที่แปลเป็นไทยแล้วได้ความว่า อย่าเสือก เป็นต้น
       ผมได้เฝ้ารอคอยผลการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยด้วยความชื่นชม และรอวันที่จะกลับบ้านของผมเมื่อลุกน้องของผมได้ชัยชนะแล้วจากการก่อการร้ายของพวกโจร
       วันที่ผมเคลือนย้ายกลับบ้านเป็นขบวน เหล่าทหารของผมจะได้รับการต้อนรับปรบมือยิ้มแย้มจากประชาชนตลอดทางหรือไม่ แต่ทว่าเมื่อบ้านเมืองเป็นสุขแล้วเหล่าทหารก็คงมีความสุข
       เหล่าทหารของผมก็คงจะไม่ต้องมารอกินเงินเดือนทหาร ผมจะต้องจัดตั้งที่ทำงานทางธุรกิจเพื่อให้ทหารทำธุรกิจ แปรสภาพทหารเป็นพลเรือน แต่ทว่าถึงคราวรบเมื่อใดละก็เหล่าทหารของพวกของผมก็จะมาเจอกันอีก
       แต่ทว่าการคิดคำนึงของผมไม่ทันจะจบเรื่องราวดี ก็นึกได้ว่า สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนคือ ทำให้หน่วยทหารที่เละเทะในตอนนี้ กลับมาเป็นหน่วยให้ได้ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากลูกน้องเป็นคนทำ แต่เกิดจากตัวนายที่ไม่เอาเรื่อง ต่างหาก 
    ปล.โปรดติดตามตอนต่อไป เรื่องสั้นแบบใหม่ แบบไม่มีรูปแบบ แบบว่าไปเรื่อยๆ และต้องขอเน้นว่า เป็นนิยายเรื่องสั้น

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน