26 เมษายน 2548 19:38 น.

คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่ 24 )

สุชาดา โมรา

เอาก็เอามันคงไม่อันตรายหรอกเนาะ  อย่างดีก็แค่หนาวก็เท่านั้น
พี่โอและกระต่ายเดินเข้าไปยังดินแดนขั้วโลกเหนือจำลอง  เขาทั้งคู่สนุกกับการเล่นกระดานเลื่อนราวกับเด็กเล็ก ๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เดินสำรวจดูสถานที่และความสวยงามของการจัดฉากที่สุดแสนจะพรรณา
นี่ดูหิมะสิ  อย่างกับก้อนน้ำแข็งในช่องฟิตตู้เย็นเก่า ๆ เลย
อืมจริง ๆ ด้วยค่ะอุ๊ย! พี่โอคะดูนั่นสิคะ  สวยมากเลยค่ะ
กระต่ายชี้ชวนให้พี่โอดูบ้านของชาวเอสกีโมซึ่งจำลองมาอย่างน่าอัศจรรย์
ต่ายดูนั่นสิ  พี่โอชี้ชวนให้กระต่ายดูบ้าง
ไหนคะ  
กระต่ายหันไปก็ไม่เห็นมีอะไร  เธอจึงหันกลับมาหาพี่โอ  พี่โอจึงสบโอกาสในขณะที่ไม่มีใครสนใจ  เขาจึงแอบหอมแก้มภรรยาของตัวเองเบา ๆ ทำให้กระต่ายรู้สึกเขินเป็นอย่างมาก  เธอจึงเอามือตีไหล่พี่โอเบา ๆ  
อายคนอื่นบ้างสิ  
กระต่ายพูดขึ้นพร้อมกับเดินหนี  แต่พี่โอก็คว้ามือเธอเอาไว้แล้วก็จูงมือเธอเดินท่ามกล่างหิมะจำลองที่มีความเย็นติดลบถึงลบสี่องศา
..
พี่นันต์และแป้งเดินจูงมือกันไปเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ราวกับเด็ก ๆ เขาทั้งคู่นั่งไวกลิ้งด้านท้ายสุด  เมื่อไวกลิ้งเคลื่นตัวทีแรกเลยแป้งก็ยังไม่กลัวเท่าไรเพราะความสูงยังไม่มากพอ  แต่เมื่อความสูงถึงขนาดตั้งฉากกับพื้นโลก  แป้งก็กรีดร้องจนเสียงหลงและก็หันไปกอดพี่นันต์ทันที  ในขณะที่พี่นันต์นั่งนิ่งราวกับไม่กลัวอะไรเลย
พี่นันต์คะคุณเก่งนะคะที่ไม่กลัวอะไรเลย  ฉันนะร้องเสียงหลงทีเดียวละ
พี่นันต์ไม่พูดอะไร  เขาเดินเงียบออกมาจากไวกลิ้ง  เมื่อแป้งหันไปมองสามีของตัวเองก็ถึงกับขำขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นพี่นันต์ยืนตัวเกรงขาสั่นราวกับเจ้าเข้าทีเดียว
ไปงั้นเราไปต่อที่อื่นกันอีกเถอะ
หา!!!!  พี่นันต์ถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินแป้งพูดว่าจะไปเล่นต่ออีก
ไม่ต้องตกใจค่ะ  ก็เราไปเสียวได้ถึงขนาดนี้แล้วเราก็ดับความเสียวความกลัวด้วยการเล่นเครื่องเล่นทุกชนิดที่มีเพื่อจะได้ไม่กลัวอีกไงคะ  แป้งพูดขึ้น
ปกติแล้วแป้งจะเป็นคนไม่ค่อยพูดสักเท่าไรนัก  เมื่อแป้งพูดแบบนี้จึงทำให้พี่นันต์เชื่อแป้งซะสนิททั้ง ๆ ที่แป้งเองก็คิดจะแก้เผ็ดความปากดีที่ทำให้สาว ๆ ติดเขาอย่างกับตังเมด้วยการแกล้งให้เล่นเครื่องเล่นซะให้อ่วมไปเลย  จะได้ไม่มีเวลาใช้สายตาหวาน ๆ และคำพูดหวาน ๆ หว่านเสน่ห์ใครอีก
ชักช้าอยู่ได้ไป  ไปสิคะ
แป้งยื้อยุดฉุดกระชากให้พี่นันต์ขึ้นไปเล่นรถไฟเหาะตีลังกากับตัวเอง  ทีแรกเลยพี่นันต์ก็ไม่อยากจะขึ้นไปซักเท่าไร  แต่ในเมื่อภรรยาสาวของตัวเองพูดโน้มน้าวจิตใจให้เชื่อแล้ว  ตัวเองจึงต้องจำยอมที่จะขึ้นไปเล่นรถไฟเหาะตีลังกากับเธอ
เสียงหวีดร้องของผู้คนมากมายร้องดังขึ้น  พี่นันต์เองก็ได้แต่เงียบเก็บอารมณ์เพราะกลัวจะเสียฟอร์มที่จะต้องมาร้องตะโกนดัง ๆ ให้ใครต่อใครได้ยิน
ร้องออกมาเถอะค่ะจะได้ระบายสิ่งที่เก็บไว้ข้างใน  ไม่งั้นก็จะกลายเป็นคนเสียสตินะคะ  ร้องดัง ๆ ไปเลยค่ะ  แป้งตะโกนดังขึ้นทำให้พี่นันต์ร้องแบบตะเบงเสียงจนสุดเสียงยาว ๆ จนตัวเขาเองรู้สึกโล่งใจและสบายใจเป็นอย่างมาก
ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก..!!!!!!!!!!!!!!!!
เมื่อรถไฟเหาะตีลังกาจอด  พี่นันต์และแป้งเดินลงมาช้า ๆ โดยพี่นันต์ลงมาก่อนส่วนแป้งนั้นเดินตามลงมา
เมื่อกี้ได้ยินไหม  ตอนที่รถไฟเหาะดิ่งตัวลงมา  ใครก็ไม่รู้ร้องดังอย่างกับควายถูกเชือดเลย  ใครคนหนึ่งพูดขึ้นทำให้แป้งอดที่จะขำไม่ได้  พี่นันต์เองก็เช่นกัน  เขาหัวเราะดังขึ้นแล้วก็เดินจูงมือภรรยาของตัวเองลงไปข้างล่างเพื่อที่จะไปเล่นเครื่องเล่นในส่วนอื่น ๆ
วันนี้พี่สนุกมากเลย  พี่ไม่เคยสนุกแบบนี้มาก่อนเลยนะขอบคุณนะจ๊ะที่รักที่พาพี่มาปล่อยแก่  พี่นันต์พูดขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนมือไปโอบกอดเธอเอาไว้  เขายิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่แป้งคิดโครงการที่จะพาเขาไปเล่นในที่อื่น ๆ อีกในส่วนของสวนสนุก
.
คุณไผ่  คุณนิว  และแนนซี่ไปเล่นด้วยกันที่ลานรถบั้ม  ทุกคนสนุกมาก  ต่างคนต่างก็ขับรถพุ่งเข้าชนกันแนนซี่ขับรถหมุนออกมาเลาะริมแล้วก็ขับหนีคุณไผ่และคุณนิว
จะหนีไปไหนน่ะ  คุณไผ่ตะโกนดังขึ้น
ชนเลย  
คุณนิวพูดขึ้นพร้อมกับขับรถพุ่งเข้าหาแนนซี่  แนนซี่จึงหันมาพุ่งหน้าเข้าไปชนคุณไผ่แทนและอ้อมไปชนด้านหลังคุณนิวอย่างแรง  ต่างคนก็ต่างหัวเราะชอบใจกันใหญ่ผู้หญิงคนหนึ่งเธอทั้งสวย  ขาว  น่ารัก  ดูมีเสน่ห์  สวมชุดกระโปรงยาวเดินก้าวเข้ามานั่งในรถบั้มสีแดงแล้วก็ขับรถเข้ามาร่วมเล่นกับคุณไผ่และแนนซี่ด้วย  คุณไผ่รู้สึกใจสั่นรัวเมื่อเห็นเธอคนนี้ทำให้คุณไผ่อยากจะรู้จักกับเธอขึ้นมาแล้วก็ขับรถเข้าไปพุ่งชนเธออยู่หลายครั้งเพื่อที่จะตะโกนถามชื่อเธอ  แต่เธอก็ไม่ยอมตอบอะไร  ทำให้เขาขับตามเธออยู่นานทีเดียวกว่าจะรู้ว่าเธอชื่อมารินี  เป็นลูกครึ่งสาวชาวไทยสิงคโปร์ที่เข้ามาเรียนต่อในเมืองไทยที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในชั้นปริญญาโท  และเขายังได้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อของเธอที่เธอหยิบนามบัตรนั้นออกมาจากหน้าอกของเธออีกด้วย  ทำให้คุณไผ่หยิบนามบัตรใบนั้นขึ้นมาดมอยู่หลายครั้งหลายหน
คุณนิวจับคู่กับแนนซี่  เขายังคงเล่นรถบั้มต่ออย่างสนุกสนาน  ต่างคนก็ต่างแยกคู่ออกไปเล่นเป็นคู่ ๆ ทำให้คุณนิวกับแนนซี่สนิทกันมากขึ้น  และมารินีกับคุณไผ่ก็ทำความรู้จักกันมากขึ้นอีกด้วย  คุณนิวนั้นทราบดีว่าแนนซี่เป็นสาวประเภทสอง  แต่เขาก็รับเธอได้เพราะเขาก็ทราบดีว่าเรื่องของเขากับกัญญานั้นเป็นไปไม่ได้  อีกอย่างแนนซี่เองก็เป็นคนดี  เขาจึงเลือกที่จะรักคนที่เขารักเราดีกว่า  ส่วนคุณไผ่นั้นเขาไปติดใจสาวลูกครึ่งที่ชื่อมารินี  ซึ่งเจอกันเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ปิ้งเธอให้เต็มเปา  ทำให้เขาอยากที่จะเข้าไปค้นหาและอยากที่จะทราบเรื่องราวของสาวสวยคนนี้มากกว่านี้  อีกอย่างเธอเองก็มาคนเดียวด้วยทำให้คุณไผ่รู้สึกว่าอะไร ๆ ก็ดูจะเปิดทางให้เขาไปเสียหมด  การเข้ามากรุงเทพฯ ในครั้งนี้ทำให้เขาเจอกับคนที่คิดว่าใช่แล้วจริง ๆ
.
กัญญาและคุณภูรินั่งกระเช้าลอยฟ้าเพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของสวนสนุก  ทั้งคู่รู้สึกมีความสุขมากที่ได้มีโอกาสมานั่งชมวิวด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างจะร้อนอบอ้าวไปสักนิด  แต่ก็ไม่ได้ทำให้การจู๋จี๋ของเขาขมเลยสักนิด  เพราะความหวานของน้ำตาลในตัวของทั้งคู่ยังคงหวานเยิ้มอยู่ตลอดเวลา
อากาศบนนี้ดีจังเลยนะครับ  นาน ๆ ทีเราจะได้มาสูดอากาศที่บริสุทธิ์แบบนี้  คุณภูริพูดขึ้น
กัญญายิ้มด้วยความสุข  เธอมองดูทิวทัศน์รอบ ๆ ซึ่งก็มีแต่ป่าไม้และป่าคอนกรีตเต็มไปหมด  ทำให้เธอมีความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ผมถามจริง ๆ เถอะ  คุณเองก็ใกล้จะ 30 แล้วแต่ทำไมหน้าคุณถึงดูไม่สมวัยเลย
ยังไงคะ
ก็ดูมันอ่อนเยาว์อย่างกับผมกำลังนั่งคุยกับเด็กอายุ 17-18 ยังไงยังงั้นแหละ
จริงเหรอคะ  ไม่ใช่ว่าคุณพูดเล่นเพื่อยอฉันนะ
จริง ๆ ไม่เชื่อคุณก็ลองไปถ่ายรูปเทียบกับหน้าเพื่อน ๆ ของคุณสิ  ขานั้นนะดูหน้าตาอย่างกะ 35 ขึ้นไปแล้วเลย
จริงเหรอคะ  กัญญาแสดงอาการเขินอายขึ้นมาทันที
จริง ๆ ผมจะโกหกคุณไปทำไมกันเอผมถามจริง ๆ เถอะว่าคุณไปฉีดคอโรเจนหรือไปทำเบบี้เฟรชมาหรือเปล่า  ทำไมหน้าตาถึงได้ดูเด็กแบบนี้ล่ะ  นี่ถ้าตัดผมสั้นนะ  ผมยังคิดว่าเป็นเด็กวัยคอซองเลย
พูดเป็นเล่นน่า  คุณนี่หาเรื่องยอให้ฉันตัวลอยเรื่อยเลยนะ  
กัญญารู้สึกเขิน ๆ จึงนั่งหันหน้าไปชมวิวแบบไม่รู้ไม่ชี้คุณภูริจึงขยับตัวมานั่งทางฝั่งของกัญญาแล้วก็ยื่นหน้าไปใกล้ ๆ เธอและชี้นั่นชี้นี่ให้เธอดู  เขาพยายามจะหอมแก้มเธอหลายครั้งแต่เธอก็หันหน้าไปทางอื่นตลอดเลยจนเขาต้องยื่นมือขึ้นมาจับที่ปลายคางของเธอเอาไว้  ทั้งคู่ต่างก็จ้องตากัน  ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ แย้มออกและใกล้เข้าไปหาเธอทุกที  ทุกทีจนในที่สุดกัญญาก็ยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นพรวดออกมานั่งอีกฝั่งนึงทันทีทำให้คุณภูริรู้สึกเขินที่ทำอะไรก็ดูจะเสียฟอร์มไปซะหมด  เขาจึงทำท่าเหมือนกับจะจับแมลงวันที่บินผ่านไปผ่านมาทันที
นี่แน่ะนี่แน่ะ!!!!
ทำอะไรคะคุณ  กัญญาถามอย่างสงสัย
จับแมลงวันไงคุณ  โหมันเยอะจังเลย
มีที่ไหนกัน  นี่กระเช้ามันสูงกว่าพื้นดินตั้งไม่รู้กี่ฟุต  คุณนี่ท่าจะติ๊งต๊องนะเอหรือว่าทำแก้เขินกันแน่เนี่ย.  
กัญญาถึงกับหลุดขำขึ้นมาทันทีทำให้คุณภูริถึงกับจ้องหน้าเธอตาไม่กระพริบทีเดียว
อย่าให้เผลอละกัน
ถ้าเผลอแล้วจะทำไม
ผมจะให้คุณรีบเปลี่ยนนามสกุลแทบไม่ทันเลยละ
ฝันไปเถอะย่ะ!!!!นี่จะลงไหม  ถึงแล้วนะคุณ.!!!!
จ้า ๆ แม่ยอดยาหยีโธ่  คุณพูริเอ่ยขึ้น  ฝากไว้ก่อนเถอะยายตัวร้ายอืม  คุณภูริถึงกับบ่นพึมพัมขึ้นมาทันที
อะไรคะ  เมื่อกี้ว่าอะไรนะ
ปะเปล่าครับ
งั้นก็แล้วไป  ไปทางนั้นกันเถอะค่ะ
เมื่อทั้งคู่ลงจากกระเช้าลอยฟ้าแล้ว  พวกเขาจึงเดินไปเล่นเครื่องเล่นอื่น ๆ อีกเขาเดินมาหยุดตรงเครื่องเล่นที่เรียกว่าตะลุยอวกาศ  ข้างในคนเยอะมากเพราะมีแต่เด็ก ๆ ทั้งคู่ต้องต่อแถวเข้าคิวยาวเหยียดกว่าจะได้ขึ้นไปนั่งบนรถไฟ  รถไฟค่อย ๆ เคลื่อนที่ลงไปในที่มืดเรื่อย ๆ แล้วก็ทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็ว  เสียงกรีดร้องของผู้คนมากมายดังกึกก้อง  คุณภูริสบโอกาสเมื่อรู้ว่ากัญญากลัวและโผเข้ากอดเขาเอาไว้  เขาจึงกอดเธอไม่ยอมให้ห่างกายไปไหนทั้ง ๆ ที่เขาเองก็รู้ว่าระบบนิรภัยของที่นี่ป้องกันเป็นอย่างดี  กัญญากรีดร้องเสียงหลง  ในขณะเดียวกันคุณภูริก็ร้องขึ้นเช่นกัน  ทั้งคู่รู้สึกสนุกมาก  เมื่อเครื่องลงจอด ณ จุดเดิม  คุณภูริจึงค่อย ๆ ประคองกัญญาให้เดินลงมาจากเครื่องเล่นนั้นด้วยความระมัดระวัง
เมื่อกี้กลัวหรือเปล่า  คุณภูริถามขึ้น
ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะร้องเพราะความมืดและการโคจรของเครื่องเล่นเป็นไปอย่างรวดเร็วและชอบทิ้งตัวลงในที่ ๆ ต่ำที่สุดอย่างรวดเร็ว  ฉันก็เลยต้องกรี๊ดเป็นธรรมดา
แหมถามหน่อยเดียวพูดเป็นพิธีการเชียวนะแม่คุณ
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งตามกัญญาไป  เธอเดินจ้ำ ๆ ๆ แล้วก็จ้ำด้วยความรู้สึกที่เขินอายเพราะถูกคุณภูริแซวเรื่องที่กรี๊ดเสียงดังลั่นตอนที่เล่นเครื่องเล่น  ทั้ง ๆ ที่คุณภูริเองก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย  แต่เธอเข้าใจผิดไปใหญ่ทำให้คุณภูริต้องวิ่งไปง้อเพราะรู้ว่ากัญญาเป็นคนขี้ใจน้อย  แสนงอน  และค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง
ผมขอโทษนะ  ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้คุณโกรธ  ผมแค่ถามเฉย ๆ เท่านั้นเอง
มาขอโทษฉันทำไม  ฉันเปล่าโกรธซะหน่อย
จริงอ่ะ
อืม
ไม่เชื่อหรอก  ถ้าไม่โกรธจะเดินจ้ำ ๆ ๆ ขนาดนี้เหรอ
แหมช่างรู้ใจไปซะหมดเลยนะยะ
ถ้าผมไม่รู้ใจคุณแล้วใครจะมารู้ใจคุณได้อีกล่ะจริงไหม
เอแล้วถ้าฉันไม่ได้โกรธล่ะ
พนันได้เลยว่าถ้าไม่โกรธผมจะยอมให้คุณหอมทีเลย  แต่ถ้าคุณโกรธผมจะหอมคุณทีนึง  ดีไหม
บ้าน่าคุณน่ะได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะคนผีทะเล
แหมก็จะไปได้ทั้งขึ้นทั้งล่องได้ไง  ก็ในเมื่อผมเปิดโอกาสให้คุณหอมแก้มผมขนาดนี้จริงไหม
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปช้อนปลายคางของเธอขึ้นมา  เขายิ้มแล้วก็เปลี่ยนมือมาจับแก้มของเธอด้วยความหมั่นเขี้ยว  จากนั้นก็จูงมือเธอเดินมาแถว ๆ บริเวณบ้านของยักษ์  ซึ่งข้าวของภายในนั้นมีแต่สิ่งที่ใหญ่โตมโหราฬไปหมด
โอ้โหบ้านยักษ์นี่ทำเหมือนในหนังสือการ์ตูนเลยนะคะ
แล้วคุณรู้ไหมว่านี่บ้านยักษ์ในเรื่องอะไร
หึ  กัญญาส่ายหน้าแล้วก็จ้องมองคุณภูริด้วยท่าทางที่สงสัย
เรื่องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ไง  คุณภูริตอบขึ้น  แต่ตอนนี้ผมจะฆ่าคุณ ห้า ๆ ๆ ๆ  
คุณภูริหัวเราะดังขึ้นทำให้กัญญาวิ่งหนีคุณภูริไปรอบ ๆ ส่วนเขาเองก็วิ่งตาม  ทั้งคู่สนุกมากราวกับได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง  จนกระทั่งเขาวิ่งกันจนเหนื่อยและหอบ  ทำให้คุณภูริสะดุดขากางเกงตัวเองล้มไปถูกกัญญาพอดี  ร่างของทั้งคู่จึงหล่นลงไปกองแนบกันที่พื้น  ซึ่งเป็นโชคดีของเขาตรงที่บริเวณส่วนนี้ไม่มีใครอยู่เลย  จึงทำให้พวกเขาไม่รู้สึกอายเลยสักนิด
คุณภูริโอบกอดร่างของกัญญาเอาไว้  สายตาของเขาจ้องมองไปที่เธอด้วยท่าทางตาหวานเยิ้ม  นัยตาของเธอก็จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ  แล้วจู่ ๆ คุณภูริก็ค่อย ๆ ก้มตัวลงช้า ๆ จนรินฝีปากนั้นกำลังจะเข้าใกล้เธอเข้าไปทุกที ๆ ๆ ทำให้เธอหลบสายตาแล้วก็ลุกขึ้นพรวดพราดขึ้นมาทันที
เดินไปตรงอื่นเถอะค่ะ  ฉันเบื่อตรงนี้แล้ว  
กัญญาพูดขึ้นเพื่อแก้เขิน  แล้วเธอก็เดินออกไปนอกบริเวณตรงนี้ทำให้คุณภูริลุกขึ้นยืนแล้วก็ส่ายหน้าพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ และวิ่งตามเธอไป
.24.
โปรดติดตามผลงานตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนมาก ๆ ค่ะที่ติดตามผลงานของผึ้งมาโดยตลอด  และเป็นกำลังใจให้เสมอมา				
26 เมษายน 2548 19:36 น.

คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่ 23 )

สุชาดา โมรา

จะไปไหนกันล่ะ  ขนมากันทั้งโคตรเลยนะ
โหพูดเกินไปนะเนี่ยเราก็แค่จะไปเที่ยวกันเท่านั้นแหละก็เลยจะมาชวนยายกัญญาไปด้วยเผื่อจะได้สละโสตกันบ้าง  เพราะเราก็เพิ่งได้ข่าวว่ากัญญาหมั้นกับคุณภูริแล้วนี่ข่าวออกจะดังเนาะ  กระต่ายพูดขึ้น
แหมฉันก็น้อยใจแย่น่ะสิ  ชวนแต่กัญญา  พวกเธอน่ะใจร้ายลืมฉันได้ไงอ่ะ
ไม่ได้ลืมแต่ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอต้องอยู่ที่นี่จริงไหมพวกเรา  หนูนาพูดขึ้น  เพื่อน ๆ ในกลุ่มจึงพยักหน้าเห็นด้วย
เออแล้วเธอแต่งตัวซะสวยเท่ห์เชียว  จะไปไหนกับยายกัญญาเหรอ  หนูนาถามขึ้น
ก็คุณไผ่กับคุณนิวขวัญใจฉันเขาจะมาน่ะสิ  เขาอยากให้ฉันกับกัญญาพาเที่ยว  ฉันก็เลยมานั่งรอยายกัญญาอาบน้ำอยู่นี่ไงไม่รู้จะล้างไส้ไปถึงไหน  นี่ก็ปาเข้าไป 3 ชั่วโมงแล้วนะเนี่ย
เพื่อน ๆ ทุกคน  รวมทั้งเด็ก ๆ และสามีของแต่ละคนต่างก็พากันหัวเราะในคำพูดของแนนซี่กันไปหมดเพราะน้ำเสียงของเธอบ่งบอกถึงการต่อว่าต่อขานและประชดประชันเพื่อน  บางครั้งเสียงกระเทยของเธอก็หลุดออกมาโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ  ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ไปผ่าตัดกล่องเสียงมาจนเสียงใสเหมือนกับผู้หญิงจริง ๆ ไปแล้วด้วย
รถจากั่วสีแดงเปิดประทุนป้ายแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดที่หน้าประตูบ้าน  แนซี่วิ่งออกไปดูว่าใครกันที่ขับรถหรูคันนั้นเมื่อเธอวิ่งออกมาก็เห็นคุณภูริสวมแว่นสีดำเดินลงจากรถ  เขาค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดมาช้า ๆ และค่อย ๆ ถอดแว่นนั้นออกแนนซี่ถึงกับตะลึงทันทีเมื่อเห็นคุณภูริที่แต่งตัวดูเท่ห์เป็นพิเศษ  ผนวกกับความหล่อเหลาของเขาแล้วแนนซี่จึงเกิดรู้สึกเสียดายคุณภูริขึ้นมาทันที
มองอะไรจ๊ะสาวสวยถ้าจะมองหาเจ้าดลละก็มันไม่ได้มาด้วยหรอก  ขานั้นเขาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน  ตั้งหน้าตั้งตาจะเป็นพ่อที่ดีของลูกในอนาคตน่ะ  คุณภูริพูดขึ้น
เปล่าหรอกค่ะแนนซี่เขาไม่ได้มองหาคุณภูวดลหรอกค่ะ  เขากำลังหาคุณไผ่กับคุณนิว อยู่  เพราะเห็นได้ข่าวว่าจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีนี้  เพราะเมื่อกี้เธอเพิ่งโทรคุยกับเขาอยู่  หนูนาพูดขึ้นทำให้คุณภูริแอบอมยิ้มนิด ๆ ขึ้นมาทันที
แล้วเขาเป็นอะไรเหรอครับ  คุณภูริถามหนูนาขึ้นเบา ๆ
อ๋อ!!!  กำลังสติแตกเพราะรอหนุ่ม ๆ อยู่  นี่นะคะ  รถมากี่คันเธอก็วิ่งไปดูตลอด  ดูเขาทำสิคะ
หนูนาพูดขึ้นเบา ๆ พร้อมกับชี้ให้คุณภูริและเพื่อน ๆ ดูท่าทางแนนซี่ที่กำลังยืนเกาะประตูชะเง้อคอรอคุณไผ่และคุณนิวอยู่ด้วยท่าทางใจจดใจจ่อทุกคนถึงกับขำทันที
ลุงฮะลุงฮะลุงเป็นอะไรเหรอฮะ
ก็เป็นกระเทยน่ะสิว๊าย.!!!!!.มาเรียกเค้าว่าลุงได้ไง  ต้องเรียกป้าสิย๊ะ!!!!  
แนนซี่ร้องเสียงหลง  เด็กน้อยถึงกับแสดงท่าทางล้อเลียนทันทีทำให้แนนซี่เชิดหน้าใส่  เด็กน้อยก็ทำตามบ้าง  แนนซี่เดินไปทางไหน  เด็กน้อยก็ทำตามตลอดเวลาจนแนนซี่รู้สึกหงุดหงิด
นี่ยายหนูนาที่รัก  เธอช่วยเอาลูกของเธอไปไกล ๆ หน่อยได้ไหม!!!!
เธอช่วยเอาลูกของเธอไปไกล ๆ หน่อยได้ไหม
แนะ.!!!!
แนะ.!!!!
เอ๊ะ.!!!!
เอ๊ะ.!!!!
มานี่เถอะลูกอย่าไปล้อเลียนคุณป้าเขา  เดี๋ยวเขาตีเอานะจ๊ะคนดี๊คนดีของแม่  หนูนาพูดขึ้นพร้อมกับจูงมือลูกชายของเธอที่ชื่อต้นต่อให้ไปนั่งกับน้องที่โซฟา
ลูกของเธอนี่มันเหลือร้ายจริง ๆ นะ  ดูสิยังมาทำหน้าทะเล้นใส่อีก  แนนซี่พูดฟ้องหนูนาขึ้นมาทันที
รถสปอตไลน์เดอร์สีบลอนเข้ามาจอดที่หน้าประตู  แนนซี่วิ่งถลาไปหาทันที  เธอช่วยเขาเปิดประตูรถแล้วก็ยิ้มหน้าบานเลยทีเดียวเมื่อเห็นคุณไผ่และคุณนิวเดินออกมาเธอกอดคุณไผ่ทีนึงแล้วก็กอดคุณนิวทีนึงราวกับฝรั่ง  จากนั้นก็พาทั้งคู่มาให้ทุกคนรู้จักกัน
สวัสดีครับ  คุณนิวและคุณไผ่พูดขึ้นพร้อมกัน
กัญญาเดินลงมาจากบันไดบ้านด้วยเสื้อสายเดี่ยวสีชมพู  กางเกงยีนส์สีดำเอวต่ำ  มือซ้ายของเธอถือเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์พาดที่บ่าพร้อมกับกระเป๋าสะพายหลังใบเก๋สีชมพูเดินลงมาช้า ๆ  ทำให้ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียวกันคุณภูริเดินไปที่ระเบียงบันไดเพื่อจะรับเธอ  ในขณะที่คุณไผ่และคุณนิวแย่งที่จะเดินไปรับเธอกัน
กัญญาเอื้อมมือมาจับมือคุณภูริพร้อมกับส่งกระเป๋าสะพายให้เขาถือ  เธอเดินควงแขนเขามาและหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อน ๆ  แววตาเธอดูมีเสน่ห์  รอยยิ้มของเธอน่าหลงไหล  จึงทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ทั้งหลายต่างก็เคริ้มกันไปหมดจนเพื่อน ๆ ของเธอทุกคนต้องสะกิดสามีของตัวเองทันที
จะไปไหนกันเหรอ  ทำไมขนมากันเยอะแยะแบบนี้ล่ะ
ก็ว่าจะชวนเธอไปเที่ยวสวนสนุกน่ะ  เพราะรู้ว่าเธอชอบ  อีกอย่างลูก ๆ ฉันก็ชอบด้วย  ไปกันนะ  หนูนาพูดขึ้นทำให้กัญญาหันไปหาคุณภูริทันที
จ่ะจะไปไหนก็ไป  ถ้ามีคุณที่ไหนผมก็จะอยู่ที่นั่น  ผมจะเป็นเงาติดตามตัวคุณไป
ผมจะเป็นเห็บเป็นเหา  เป็นหมัดผมก็จะติดตามคุณไป.!!!!  
แนนซี่พูดล้อเลียนขึ้นทำให้เพื่อน ๆ ที่กำลังจะเบะหน้าเพราะความหวานต้องหยุดขำกันทุกคน  กัญญาจึงหันมาตีแขนแนนซี่เบา ๆ ด้วยความขวยเขิน
เพื่อน ๆ ทุกคนต่างก็ขึ้นรถตู้ไปด้วยกันหมด  ยกเว้นกัญญาเพราะเธออยากจะไปกับคุณภูริกันตามลำพัง
แนน  แนน  แนน  แนนซี่  แนน  แนน  แนน  แนนซี่  ถึงคำนำหน้าเป็นชาย  ฉันก็เต็มใจเรียกนางสาวแนนซี่เสียงเพลงดังกึกก้องไปหมดตรงบริเวณรถบ้ำ  ทำให้เด็ก ๆ หัวเราะกันใหญ่  และก็หันมาล้อเลียนแนนซี่  ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะเกรงใจเพื่อน
อย่าทำแบบนี้สิลูกคุณป้าเขาจะอายนะไป  ไปเล่นในส่วนของเด็กกันเถอะ  หนูนาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล  เด็ก ๆ จึงวิ่งไปที่ม้าหมุนและเครื่องเล่นอื่น ๆ ในส่วนของเด็ก
แม่ให้เวลา 3 ชั่วโมงนะ  แม่จะนั่งรอตรงนี้  เดี๋ยวเที่ยง ๆ เราจะได้ทานอาหารกันนะลูก  
กิ๊กพูดขึ้นพร้อมกับนั่งรอลูกอยู่ตรงหน้าเครื่องเล่นมากมาย  โดยปล่อยให้ลูก ๆ ของเธอและลูก ๆ ของเพื่อน ๆ ได้เข้าไปเล่นในส่วนของเด็ก ๆ
ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอนะกิ๊ก  เพราะฉันก็เป็นห่วงลูกของฉันเหมือนกัน  หนูนาพูดขึ้น
พี่เอกนายตำรวจหนุ่มเดินไปกับต้นกล้าสามีของหนูนา  ทั้งคู่พูดคุยกันถึงเรื่องของภรรยาของตัวเอง  ต้นกล้าจึงคุยถึงเรื่องความดีของหนูนาที่ทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีตลอดเวลา
หนูนานะเธอชอบโชว์ทรงผมบ่อย ๆ เวลาที่เธอไปร้านทำผมมา  เธอชอบทำอาหารใหม่ ๆ ให้ชิมตลอดเวลา  ซึ่งตอนแรก ๆ ผมก็เบื่อมาก ๆ แต่ว่าพอมาคิด ๆ ดูแล้วเธอทำไปเพราะเธอรักเรา  เธอเอาอกเอาใจเราตลอดเวลา  ไม่ว่าจะเป็นการเลือกชุดนอนให้ใส่  การเปิดน้ำอุ่นเตรียมไว้ให้อาบเวลาที่กลับบ้านมา  เวลาที่ผมเหนื่อยเธอก็มักจะมานวดให้บ่อย ๆ ทำให้ผมยิ่งรักเธอมากขึ้นทุกที  ทุกที  ทั้ง ๆ ที่ผมเคยออกนอกลู่นอกทางไปบ้างแต่เมื่อเห็นหน้าเธอ  เห็นความดีของเธอ  ผมก็เลยต้องทิ้งความเลวที่ทำไปจนหมดสิ้นแล้วคุณกิ๊กภรรยาของคุณล่ะผมรู้สึกว่าเธอจะเอาอกเอาใจคนเก่งมากกว่าหนูนาอีกนะผมนะอิจฉาคุณจริง ๆ เลย  
ต้นกล้าพูดขึ้นทำให้พี่เอกนายตำรวจหนุ่มถึงกับอึ้งและคิดตามในสิ่งที่เขาพูด  เขาเห็นเป็นภาพเวลาที่อยู่กับกิ๊กภรรยาของตัวเอง  ซึ่งเธอจะเอาอกเอาใจเขาตลอดเวลาตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้าน  เธอก็จะเตรียมรองเท้าไว้ให้  เธอรู้ว่าเขาไม่มีเวลาว่างที่จะทานอาหาร  เธอก็มักจะเตรียมนมและซนวิชเอาไว้ให้เขาในรถเสมอ ๆ เวลาที่กลับบ้านมาเหนื่อย ๆ เธอก็จะมาบีบนวดให้ตลอดเวลา  เตรียมกับข้าวไว้ให้ทานไม่ซ้ำกันเลยสักนิด  เตรียมน้ำไว้ให้อาบ  ดูแลลูก ๆ และสามีโดยไม่เคยเอ่ยปากว่าเหน็ดเหนื่อย  และไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่  ยิ่งนับวันก็ยิ่งจะทำนั่นทำนี่มากขึ้น  มากขึ้นจนเขารู้สึกรำคาญจนกระทั่งแอบไปมีใครต่อใครมากมาย  ณ  ปัจจุบันนี้เขาเองก็ยังคงมีใครอื่นอีกนับไม่ถ้วน  แต่เมื่อมาฟังคำพูดของต้นกล้าแล้วทำให้เขารู้สึกรักภรรยาของตัวเองมาก  และอยากที่จะกลับตัวกลับใจเสียใหม่  ซึ่งเขาเองก็รู้สึกผิดที่เคยตบตีเธออยู่บ่อยครั้งจนเธอไปทำงานไม่ได้  เขาจึงได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าที่จะพูดอะไร  เพราะถ้าหากพูดออกไปแล้วดีแต่จะพูเรื่องเสีย ๆ ของตัวเองเสียมากกว่า  เพราะกิ๊กเองก็เคยบอกเสมอ ๆ ว่าอย่าเปิดหลังเสื้อให้คนอื่นเห็น  เพราะนั่นเท่ากับเป็นการเผยเรื่องราวความลับของคนในครอบครัวจนหมดสิ้นนายตำรวจหนุ่มนึก
นายตำรวจหนุ่มเห็นเด็กผู้ชายตัวน้อย ๆ หกล้ม  เด็กน้อยนั่งร้องไห้โฮใหญ่  เขารู้สึกสงสารเด็กคนนั้นมากจึงเข้าไปโอ๋  เข้าไปปลอบใจ
เป็นอะไรหรือเปล่าลูกไหนมาดูซิโอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะ  อย่าร้องนะ  แผลแค่ถลอกเองไกลหัวใจตั้งเยอะ  เกิดเป็นผู้ชายต้องกล้าหาญและไม่ร้องนะครับ  นายตำรวจหนุ่มพูดขึ้น  ในขณะที่แม่ของเด็กน้อยคนนั้นเดินเข้ามาอุ้มลูกของตัวเองและโอ๋  ทำให้เขารู้สึกเกิดความรักลูกและรักเมียขึ้นมามากขึ้น
ขอบคุณนะคะไป  ไปทางนั้นกันเถอะ
ผู้หญิงคนนั้นอุ้มลูกชายตัวน้อย ๆ ของเธอเดินจากไปไกลจนสุดสายตาแล้ว  พี่เอกนายตำรวจหนุ่มจึงรีบเดินไปซื้อน้ำและขนมขบเคี้ยวและตรงดิ่งมาหากิ๊กและหนูนาทันที
..23..
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ				
26 เมษายน 2548 19:35 น.

คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่ 22 )

สุชาดา โมรา

ขอบใจมากนะลูกแม่ขอโทษจริง ๆ แม่เสียใจ
ไม่เป็นไรหรอกครับ  เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว
ส.ส.ธนิตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมากขึ้น  เขาสนิทสนมกับกัญญามากราวกับพี่น้องท้องเดียวกันเลยทีเดียว  ทำให้คุณแม่อิ่มรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากที่ลูกทั้งสองคนเข้ากันได้ดี  และไม่คิดที่จะแย่งยิงทรัพย์สมบัติ
กิ๊กมาหากัญญาในช่วงหัวค่ำ  ในขณะที่ ส.ส.ธนิต  กัญญาและคุณแม่อิ่มกำลังทานอาหารค่ำที่โต๊ะอาหารด้วยกันกิ๊กมาพร้อมกับลูกสาวและลูกชายฝาแฝดของเธอซึ่งกำลังน่ารักทีเดียว  เด็กสามขวบพูดจาฉอเลาะ  ปากหวานจนกัญญารู้สึกหลง
ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะฉันกับพี่เอกเราดีกันแล้วนะ
จริงเหรอเป็นข่าวดีมาก ๆ เลยนะ  ฉันนะปลื้มใจจริง ๆ ที่เห็นเพื่อนมีความสุข
แล้วนี่อย่าบอกนะว่าเธอกับท่านธนิตเป็นแฟนกัน  แล้วคุณภูริล่ะ  เธอจะเอาเขาไปไว้ที่ไหน  เขารักเธอจริง ๆ นะ
บ้าน่านี่มันพี่ชายฉันต่างหากล่ะมามาทานข้าวด้วยกันนะ  
กัญญายิ้มในขณะที่กิ๊กทำท่างง ๆ และสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรเพราะมันจะเสียมารยาท
อืมอย่างนี้เธอก็สบายใจได้แล้วสินะ
เรื่องอะไรเหรอ
ก็เรื่องพี่เอกไงฉันว่าบ้านเธอคงจะแฮปปี้มาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ
ก็ทำนองนั้น  แต่ฉันยังตะขิดตะขวงใจกับเรื่องภรรยาลับ ๆ ของเขานี่แหละ  เธอใกล้ชิดกับเขามาก  ทำให้ฉันรู้สึกกลัวยังไงบอกไม่ถูก
อย่าคิดมากน่ากิ๊ก  เชื่อฉันเถอะ  ความรักน่ะมันอยู่ได้ด้วยกำลังใจ  หากเราคิดที่จะสู้เพื่อลูกของเรา  เราก็จะยืนหยัดใช้ความดีเข้าข่มความเลวร้ายต่าง ๆ ได้  อีกอย่างพี่เอกก็จะได้รู้ตัวสักทีว่าเวลานี้เขาควรจะยืนอยู่ตรงไหน  และควรจะอยู่ดูแลลูกอย่างไรลูกถึงจะไม่เป็นเด็กมีปัญหา
แหมกัญญา  แม่สาวคานเพชรนิเวศน์  นี่เจ้าหล่อนพูดอย่างกะเคยมีลูกแล้วอย่างงั้นแหละ
แหมยายกิ๊ก  ต่อให้ไม่เคยมีก็พูดได้  ในเมื่ออายุเราก็ป่านนี้แล้ว  ใช่ไหมคะพี่ชาย
กัญญาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมตักลูกชิ้นปลากรายสูตรเด็ดของคุณแม่ซึ่งเป็นปลากรายห่อไข่เค็ม  รูปร่างน่าทานให้กับ ส.ส.ธนิตพี่ชาย  เธอยิ้มด้วยท่าทางที่มีความสุขมากซึ่งคุณแม่อิ่มก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
ขอบใจจ่ะ  ส.ส.ธนิตพูดขึ้น
สูตรเด็ดของคุณแม่นะคะ  คุณพ่อท่านก็ชอบทาน  พี่ชายลองทานดูสิคะ
กัญญาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนละมุนละไมทำให้ ส.ส.ธนิตยิ่งรู้สึกรักและหวงแหนน้องสาวคนนี้มากขึ้นท่าทางในการยิ้มของเธอดูมีเสน่ห์  น่าหลงไหล  เป็นใคร ๆ ก็ชอบ  เพราะรอยยิ้มของเธอนั้นดูจริงใจ  และดูเป็นมิตร
กับข้าวมื้อนี้อร่อยมากเลยครับคุณแม่  ขอบคุณนะครับ
ส.ส.ธนิตยกมือกราบที่หน้าอกของคุณแม่อิ่มคุณแม่เอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบา ๆ ทั้งที่ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้เลย  แต่เพื่อลูกสาวเธอไม่อยากให้เขาคิดปองร้ายกับบริษัทและกัญญา  เธอจึงต้องแสร้งทำเป็นว่าเอ็นดูเขาราวกับเขาเป็นลูกแท้ ๆ ทั้ง ๆ ที่ใจจริง ๆ นั้นเธอออกจะชิงชัง ส.ส.ธนิตมากมายเพราะเธอไม่อยากให้ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ควรจะเป็นของกัญญาคนเดียวต้องถูกหารครึ่งเพราะความเป็นลูกของ ส.ส.ธนิตในขณะเดียวกันกับกัญญา  เธอคิดกับ ส.ส.ธนิตอย่างจริงใจที่สุดคือพี่ชายที่แสนดี  เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากจะมาบริหารงานต่อจากคุณพ่อของเธอสักเท่าไร  เพียงแต่เธออยากจะเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังก้องฟ้าก็เท่านั้น  แต่เธอเลือกทางเดินไม่ได้  เพราะหากว่าเธอไม่เข้ามาบริหารงานใครกันล่ะที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในจุดนี้
กัญญา  เราต้องกลับแล้วนะ  แล้วถ้ามีเวลาเราจะมารับ
แล้วเธอจะกลับยังไงในเมื่อเธอไม่ได้เอารถมา
นั่นไง  พี่เอกมารับแล้ว  จอดรถที่หน้าประตูรั้วน่ะ
แล้วทำไมเขาไม่เข้ามาล่ะ
ไม่รู้เหมือนกันไปละนะ  กิ๊กยิ้มแล้วก็จูงมือลูก ๆ เดินไปกราบลาคุณแม่อิ่ม  จากนั้นก็พาเดินออกจากบ้านไป  โดยกัญญาและ ส.ส.ธนิตเดินออกไปส่งที่ประตูรั้วบ้าน
บ๊ายบาย!!!  เด็กน้อยสองคนโบกมือบ๊ายบายตามที่กิ๊กชี้ชวนให้เขาทำรถของพี่เอกนายตำรวจหนุ่มแล่นออกไปจนลับสายตาไปแล้ว  ส.ส.ธนิตพี่ชายของเธอจึงขอตัวลากลับบ้างเพราะไม่อยากจะรบกวนเวลาว่างของน้องสาวไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ไปละนะ  แล้วพรุ่งนี้เจอกัน
พี่ชาย  
กัญญาพูดด้วยน้ำเสียงอันออดอ้อน  ดวงตาเธอคล้ายกับเด็กน้อยที่ขาดเพื่อนเล่น  ซึ่งกำลังโหยหาอะไรบางอย่าง  คล้าย ๆ กับไม่อยากให้พี่ชายคนนี้ไปเลย  
จะรีบกลับไปไหนล่ะคะ  ไม่อยู่ดูทีวีด้วยกันก่อนเหรอคะ  
กัญญาพูดขึ้นทำให้ ส.ส.ธนิตถึงกับเดินหันกลับมาขยี้หัวน้องสาวเบา ๆ ด้วยท่าทางหมั่นเขี้ยวก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูรถและขับออกไป
คุณหนูคะ  คุณท่านเรียกหาค่ะ  ปอยสาวใช้พูดขึ้น
ขอบใจจ่ะ  กัญญาพูดเธอเดินมาหาคุณแม่ของเธอที่ห้องนั่งเล่นและนั่งลงกับพื้นจากนั้นก็เอาหัวหนุนไปที่ตักของคุณแม่แล้วก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า  ที่จริงหนูน่าจะมีพี่ชายมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนะคะ  หนูจะได้มีเพื่อนเล่น  ไม่งั้นหนูคงไม่เหงาอย่างนี้หรอกนะคะ
คำพูดของลูกสาวทำให้คุณแม่ถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว  จริง ๆ แล้วเธออยากจะพูดกับลูกเรื่อง ส.ส.ธนิต  ให้ลูกระวังตัวเพราะเธอเองก็คิดไว้เสมอว่าเขาไม่น่าไว้วางใจ  แต่เมื่อเห็นลูกสาวคิดกับพี่ชายอย่างจริงใจขึ้นมาเธอเองจึงไม่กล้าพูดออกไปเพราะเหมือนกับจะทำให้ลูกเข้าใจเธอเองว่าคิดจะโกงสมบัติของ ส.ส.ธนิตไว้ให้ลูกสาวคนเดียว  ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ถูกต้องเป็นอย่างมากเสียด้วย
คุณแม่เรียกหนูมาทำไมคะ
เปล่าหรอกลูก  แม่แค่จะหาเพื่อนั่งดูหนังขึ้นมานั่งข้างบนสิลูก
กัญญาลุกขึ้นมานั่งใกล้ ๆ คุณแม่  เธอนั่งดูโทรทัศน์ไปหัวเราะไปในขณะที่ ส.ส.ธนิตได้ขับรถย้อนกลับมาอีกครั้งเพื่อมองเธอและคุณแม่อิ่มอยู่ห่าง ๆ
.22.
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...				
22 เมษายน 2548 12:16 น.

สารคดี : ประเพณีแห่เทียนทางน้ำที่บ้านบางคู้

สุชาดา โมรา

เมื่อหล่อเสร็จแล้วก็มีการแห่แหนตามประเพณีรอบพระอุโบสถ เวียน ๓ รอบ แล้วนำไปจุดบูชาพระตลอดระยะเวลา ๓ เดือนของการเข้าพรรษา
เมื่อกล่าวถึงประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา หลายคนคงคิดถึงประเพณีแห่เทียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นประเพณีที่ทั้งคนไทยและคนต่างชาติรู้จักกันดี  แต่ประเพณีแห่เทียนของจังหวัดอุบลราชธานีเป็นการแห่เทียนทางบกต่างจากประเพณีแห่เทียนของบ้านบางคู้ที่แห่เทียนทางน้ำ โดยใช้เรือเป็นพาหนะ
	ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของบ้านบางคู้ที่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำลพบุรีเป็นสายน้ำหลักไหลผ่านกลางหมู่บ้าน  การเดินทางสัญจรในอดีต เรียกว่า หน้าบ้าน ใช้เรือเป็นหลัก แม้ว่าปัจจุบันทางการจะสร้างถนนหนทางที่สะดวกกว่าการใช้เรือลดความนิยมลง แต่เพื่อเป็นการอนุรักษ์ให้ทุกคนยังเห็นความสำคัญของสายน้ำ ทุกคนให้หมู่เห็นพ้องกันว่าควรมีประเพณีที่ทำให้ทุกคนระลึงถึงน้ำอยู่เสมอ จึงจัดประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาทางเรือขึ้น
	ประเพณีแห่เทียนของบ้านบางคู้มีครั้งแรกเมื่อปี  ๒๕๔๕  เมื่อใกล้ถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ทางอำเภอท่าวุ้งจะจัดการประกวดเทียนเข้าพรรษาของชาวบ้านทั้งอำเภอ  และจะนำเทียนเหล่านี้มา แจกจ่ายให้กับวัดทั่วอำเภอ  ชาวบ้านบางคู้จะจัดขบวนเรือที่ตกแต่งอย่างสวยงามมารับเทียน โดยตกแต่งเรือโป๊ะเป็นเรือที่รับเทียน  มีเรือพาย เรือแจวของชาวบ้านตามหลังขบวน  แล้วใช้เรือเล็กแห่เทียนเข้าวัดปากคลอง  โดนจะงานขึ้นในวันขึ้น  ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หรือ วันอาสาฬหบูชา 
	นอกจากการประกวดเทียนแล้ว  ยังมีการประกวดเรือที่มารอรับเทียน และการประกวดแม่ย่านางเรือ ได้รับความสนใจจากชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก  สองฟากฝั่งน้ำจะมีชาวบ้านตกแต่งท่าน้ำของตนอย่างสวยมากไว้คอยรับเทียน  เมื่อขบวนเรือถึงวัดปากคลองจะมีขบวนกลองยาวประจำหมู่บ้าน  แตรวง บรรเลงเพลงรับเทียนเข้าวัด เป็นที่สนุกสนานอย่างมาก
	ในช่วงสองปีแรกของการจัดงาน จะใช้วิธีการแห่เทียนทางเรือ ตามแม่น้ำลพบุรี โดยทางจังหวัดสิงห์บุรีจะปล่อยน้ำจากเขื่อนส่งมาให้จนเต็ม แต่ปีนี้ ( ๒๕๔๗ ) ทางจังหวัดสิงห์บุรีปล่อยน้ำมาในปริมาณที่น้อย เพราะกลัวว่าชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีจะมีน้ำไม่เพียงพอต่อการทำนา น้ำที่ไหลมาถึงบ้านบางคู้จึงมีน้อย  ชาวบ้านจึงปรับเปลี่ยนวิธีจากการแห่เทียนทางน้ำมาเป็นทางบกแทน  
แม้วิธีการจะเปลี่ยนไป แต่ด้วยแรงศรัทธา ความร่วมมือร่วมใจ ความสามัคคีของชาวบ้าน ประเพณีแห่เทียน ประเพณีสำคัญทางพระพุทธศาสนายังคงอยู่ให้ลูกหลานได้ตระหนักและเห็นคุณค่าและช่วยกันรักษาให้คงอยู่สืบไป				
22 เมษายน 2548 12:14 น.

สารคดี : “น้ำรำ” ทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพ

สุชาดา โมรา

หมู่บ้านบางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี  เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่ชาวบ้านหันมาใส่ใจกับสุขภาพและนำทรัพยากรที่มีในหมู่บ้านของตน  มาดัดแปลงให้เป็นสินค้าและเพิ่มมูลค่า คือ การทำน้ำรำจากรำข้าว
	รำที่เราเห็นทั่วไปนั้นมีลักษณะเป็นฝุ่น หรือผงละเอียดสีขาว  ซึ่งเป็นส่วนที่ขัดออกจากผิวนอกของเมล็ดข้าว  หลายท่านไม่คาดคิดว่าจะนำมาทำเป็นเครื่องดื่มได้  เพราะตั้งแต่อดีตพบว่ามีการนำรำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์ เช่น หมูและไก่  คนเช่นเราเราจึงไม่นำมารับประทาน  แต่ใครจะทราบว่านอกจากรำจะให้ประโยชน์แก่สัตว์แล้วยังให้คุณค่าทางโภชนาการแก่มนุษย์เราด้วย
	นางอัจฉรา  โพธิมูล  สมาชิก หมู่บ้านบางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี  เจ้าของสูตรน้ำรำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ  กล่าวว่า  ตนชอบอ่านหนังสือทุกประเภท  และได้อ่านหนังสือเก่าเล่มหนึ่ง  ซึ่งเป็นตำราอาหารของคนโบราณ  ผู้เขียนเป็นถึงนายแพทย์  ได้เขียนถึงวิธีการทำน้ำรำไว้ว่า  น้ำรำเป็นเครื่องดื่มของคนโบราณ  ใช้ในโอกาสต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน  ตนจึงลองทำดูบ้าง  เพราะในหมู่บ้านนั้นมีโรงสีข้าวซึ่งเป็นรำข้าวที่มีคุณภาพดี  อีกด้วย
	รำข้าวของโรงสีหมู่บ้านบางคู้  มีลักษณะที่แปลกไปจากโรงสีขาวอื่นๆ  เนื่องจากรำละเอียดจะมีความละเอียดมาก  เป็นฝุ่นผงสีขาวนวล  ส่วนรำหยาบที่เรานำมาทำน้ำรำนี้  หยาบกว่ารำละเอียดเพียงนิดหน่อยเท่านั้น  ซึ่งจะมีคุณภาพดีเพราะเป็นการขัดเอาคุณค่าจากเมล็ดข้าวออกมา  ประโยชน์ต่างๆ จึงได้ตกมาอยู่ที่รำข้าว
	ผู้เขียนได้มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสวิธีการทำน้ำรำ  ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก  แต่ต้องอาศัยความอดทน  ใจเย็น  เพื่อให้ได้น้ำรำที่มีกลิ่นหอม  รสชาติหวานชุ่มคอ  รำข้าวที่ใช้ต้องเป็นรำที่ใหม่  ถ้าเป็นรำจากข้าวหอมมะลิแล้วยิ่งดี  เพราะจะทำให้กลิ่นของน้ำรำหอมชวนดื่มยิ่งขึ้น  ส่วนรำที่นำมาทำนั้นควรเป็นรำหยาบ ซึ่งตามท้องตลาดที่เราพบเห็นบ่อยๆ นั้น  มีลักษณะที่หยาบมาก  คล้ายๆ ข้าวเปลือก  ถ้าผู้อ่านสนใจที่จะทำน้ำรำ  ผู้เขียนแนะนะว่าควรใช้รำละเอียดมาแทนรำหยาบ  เพราะจะอุดมไปด้วยคุณค่ามากกว่ารำประเภทดังกล่าว
	วิธีการทำนั้น  เริ่มจากการนำรำหยาบมาคั่วบนไฟอ่อนๆ  คั่วไปจนกระทั่งสีเริ่มเหลืองและมีกลิ่นหอม  เมื่อคั่วเรียบร้อยแล้ว  นำมาใส่ถ้วยปิดฝาให้ดีเพื่อไม่ให้ฝุ่นละอองตกลงไป  จากนั้นตั้งน้ำเชื่อมปริมาณเท่าที่ต้องการ  ชิมความหวานให้พอเหมาะกับความชอบ  เมื่อน้ำเชื่อมเดือดจึงนำลงมาตั้งไว้ให้อุ่นพอดี  แล้วนำรำที่คั่วไว้มาคนให้เข้ากัน  ซึ่งเจ้าของสูตรบอกว่า  ถ้านำรำคั่วใส่ตอนที่น้ำเดือดจะทำให้น้ำรำขุ่นไม่น่าดื่ม  แต่ถ้าใส่รำคั่วตอนที่น้ำอุ่นๆ จะทำให้สีของน้ำรำใสน่าดื่มมาก หรือถ้าใส่รำคั่วในน้ำเชื่อมมากเกินไป  จะทำให้รำนั้นดูดน้ำเชื่อมซึ่งจะทำให้ปริมาณที่ตั้งเกณฑ์ไว้ลดลงขึ้น  เมื่อคนน้ำเชื่อมกับรำคั่วเข้ากันแล้ว  ต้องตั้งทิ้งไว้สักพักเพื่อให้รำที่ใส่ลงไปตกตะกอน
ขณะที่รอการตกตะกอน  เราควรเตรียมอุปกรณ์ที่จะกรองไว้ คือ หม้อ, กระชอนและผ้าขาวบาง  การกรองนี้ต้องกรองอย่างดีพับผ้าขาวบางสัก ๔ ชั้น เพื่อให้น้ำรำนั้นใสน่าดื่ม  ไม่เป็นฝุ่นขาว  เมื่อรำตกตะกอนเรียบร้อยแล้ว  เราจึงตักน้ำใสๆข้างบนมากรองที่ละนิด  เป็นอันเสร็จวิธีการทำน้ำรำเพื่อสุขภาพน้ำรำนี้อุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามินต่างๆ ได้แก่ วิตามิน บี๑บี ๖, กรดโฟลิก, ไบโอติน, วิตามิน อี และเกลือแร่ต่างๆ ได้แก่ โซเดียม, โปแตสเซียม, แคลเซียม, แมกนีเซียม, ฟอสฟอรัส, เหล็ก, ทองแดง, สังกะสี, กำมะถัน, คลอไรด์  ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมาก  ที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมนำมารับประทาน  
 	รำข้าว มีประโยชน์อีกมากมาย  ทั้งต่อการเจริญเติบโต  ให้พลังงานแก่ประสาท  รักษาโรคเหน็บชา  ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานดีขึ้น  ระบบประสาทและระบบกล้ามเนื้อสัมพันธ์กัน  กากใยในรำข้าวนั้นมีคุณสมบัติที่ดึงน้ำ  ซึ่งช่วยในการทำงานของระบบขับถ่ายเป็นอย่างดี 
	น้ำรำจะทำในโอกาสพิเศษ เช่น  การต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียนหมู่บ้านและเทศกาลประเพณีของหมู่บ้าน  ซึ่งเป็นที่ต้องการของบรรดาผู้มาเยี่ยมชมดูงานในหมู่บ้านบางคู้เป็นอย่างมาก  เรียกได้ว่าเป็นดาวเด่นของงานก็ว่าได้  ทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์หมู่บ้าน  ประชาสัมพันธ์โรงสีและสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในหมู่บ้านบางคู้  
	ถ้าผู้อ่านสนใจที่จะชิมหรือสั่งทำน้ำรำ  เครื่องดื่มที่หาดื่มได้ยาก  สามารถติดต่อได้ที่ นางอัจฉรา  โพธิมูล  เจ้าของสูตร  บ้านเลขที่ ๔๒ หมู่ ๑๓ ต.บางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี  หรือหมายเลขโทรศัพท์ ๐๓๖๖๒๒๖๘๑  จำหน่ายกันเพียงขวดละ ๕ บาท  เท่านั้น  ซึ่งคุ้มค่ามากเพราะเป็นเครื่องดื่มบำรุงร่างกายอย่างดี  อีกทั้งเป็นการสนับสนุนภูมิปัญญาชาวบ้านของไทย  เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรค์สร้างสิ่งที่ดีออกสู่สังคมต่อไป
	คุณค่ามากเพียงนี้  สนใจที่จะเลือกดื่ม น้ำรำ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพท่านบ้างหรือยัง?				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา