18 เมษายน 2548 23:30 น.

ปาฏิหาริย์รักข้ามมิติ ตอน Connector ( ตอนที่ 1 )

สุชาดา โมรา

ทุกคน นี่เพื่อนเราชื่อชาตินักรบ เรียนอยู่สื่อสารมวลชน เขาจะมาช่วยเราคิดว่าจะนำเสนองานยังไงให้น่าสนใจ นั่นคือเหตุผลที่ราชพฤกษ์พาชาตินักรบมาร่วมวงสนทนากันได้ไม่นาน มีบางสิ่งที่ทำให้อาริซ่าสาวลูกครึ่งอังกฤษคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งวิธีคิดและวิธีการพูดของเขา
การได้พูดคุยกับเขาทำให้เธอรู้สึกดี และมีความสุขใจเป็นพิเศษแตกต่างกับคนอื่น ๆ ที่คบหาเป็นเพื่อนกันมาเกือบปีหนึ่ง จู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็บอกกับเธอว่าเธอเป็นคนที่เวลาเขาอยู่ใกล้ ๆ และพูดคุยด้วยแล้วรู้สึกดีเป็นพิเศษ
ริซ่าดีใจนะที่เราสองคนคิดตรงกัน..  วันนั้นเธอบอกเขาไปอย่างนั้น   นับตั้งแต่นั้นมา เธอและเขาก็เริ่มคบหาเป็นแฟนกัน
หลังเรียนจบชาตินักรบก็ตัดสินใจมาทำงานที่กรุงเทพฯ ราชพฤกษ์เลือกจะทำงานเกี่ยวกับการดูแลเพาะพันธุ์ต้นไม้อยู่ที่เชียงราย ในขณะที่เธอตัดสินใจเรียนปริญญาโทต่อที่กรุงเทพฯ ทำให้เขาและเธอไม่ห่างเหินกันมากนักในช่วงแรก  ส่วนเธอเลือกเรียนต่อจิตวิทยาด้วยเหตุผลที่เธอบอกชาตินักรบและราชพฤกษ์ว่า  หลังจากที่รู้จักโครงสร้างและระบบการทำงานต่าง ๆ ของพืช  สัตว์และคนมาพอสมควรแล้ว  เธออยากเรียนรู้จิตใจและความคิดภายในของคนเพิ่มมากขึ้น
สองปีแรกที่ชาตินักรบทำงานและเธอเรียนอยู่ ทั้งสองมีโอกาสนัดพบเจอกันบ้างอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง ตามเวลาที่เขาและเธอว่าง แต่หลังจากที่เธอเรียนจบและเริ่มทำงานเป็นที่ปรึกษาทางจิตวิทยา ทั้งสองก็มีเวลาว่างตรงกันน้อยลง
เข้าสู่ปีที่สี่ที่อยู่ในกรุงเทพฯ หลังจากที่พยายามปรับตัวเข้าหากันอยู่นาน และต่างฝ่ายต่างเริ่มเรียกร้องเวลาระหว่างกันและกันมากขึ้น ในที่สุดชาตินักรบและเธอก็ตัดสินใจ กลับมาเป็นเพื่อนกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้พบคนใหม่ที่อาจจะมีเวลาให้เขาและเธอมากกว่าที่เขาและเธอมีให้แก่กัน 
แต่เกือบปีแล้วที่ทั้งคู่ ยังไม่เคยคิดที่จะมีคนใหม่...เธอยังรักชาตินักรบอยู่หรือเปล่านะ..ไม่รู้สิ อาริซ่าตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กับชาตินักรบ กับความทรงจำในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันแม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือน ไม่ได้ทำให้มันลดน้อยหายลงไปเลย 
อาริซ่ายอมรับกับตัวเองว่าเธอยังคงแอบดีใจอยู่ลึก ๆ ทุกครั้งที่เขาโทรหาเธอ แม้มันจะเป็นการโทรมาเพื่อระบายความอัดอั้นภายในใจก็ตาม
.
ชาตินักรบมาช้าเกือบครึ่งชั่วโมง เขาบอกขอโทษขอโพยเธอ  ด้วยเหตุผลที่ว่าวันนี้ต้องไปทำข่าวไกลถึงย่านรังสิต ช่วงกลับเข้ามาในเมืองจึงต้องผจญกับรถติด เพราะเป็นเวลาเลิกงานของคนอื่น ๆ พอดี 
เขายังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย  เรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเสมอ  น่าแปลกที่ช่วงแรกเธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพราะอะไรงานถึงสำคัญกับเขาขนาดนั้น  จนกระทั่งเธอเริ่มทำงานเอง ไม่น่าเชื่อว่านิสัยเรื่องงานเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเสมอของเขาจะติดมาอยู่กับตัวเธอด้วย 
อาริซ่ารอจังหวะให้เขาได้พักเหนื่อยและสั่งน้ำ  สั่งอาหารเสร็จก่อน จึงเริ่มเอ่ยถาม
ชาติ มีอะไรเหรอ
เขาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง
ชาตินักรบเล่าให้อาริซ่าฟังถึงความรับผิดชอบใหม่ที่เขากำลังทำอยู่ เล่าให้เธอฟังถึงเรื่องประหลาดที่เขาเจอ  และข้อสังเกตเกี่ยวผู้ชายคนนั้นของเขาให้เธอฟัง   อาริซ่านั่งฟังอย่างตั้งใจ   เรื่องที่เขาเล่าให้เธอฟัง ทำให้เธออดนึกถึงผู้ชายคนหนึ่งไม่ได้
ริซ่า มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่คนเราจะสามารถถ่ายโอนความเจ็บปวดจากคนหนึ่งมายังอีกคนหนึ่ง   เขาตั้งคำถามทันทีหลังจากที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังเสร็จแล้ว
พนักงานยกอาหารที่อาริซ่าสั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ทำให้จังหวะในการสนทนาหยุดลงไปชั่วขณะ อาริซ่าใช้ช่วงเวลาขณะนั้นประมวลความคิดของเธอก่อนที่จะเอ่ยถามเขากลับมา
ชาติคะ  ชาติจำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ที่เคยช่วยพวกเราทำพรีเซ็นเตชั่น สมัยที่เรียนชีวะกันได้หรือเปล่า 
พอจะจำได้ลาง ๆ มั้ง ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเซลล์กับส่วนประกอบของเซลล์ใช่หรือเปล่า แต่เดี๋ยว ๆ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของเรายังไง
อาริซ่ายิ้มก่อนที่เอ่ยตอบออกมา ชาติจำเรื่องของอะตอมได้หรือเปล่าว่าถ้าเราแบ่ง ธาตุหรือสารประกอบของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ให้เป็นส่วนเล็ก ๆ ให้เล็กลงไปมาก ๆ เราจะได้หน่วยเล็ก ๆ ที่เกือบเล็กที่สุดที่เขาเรียกกันว่า อะตอม   ในอะตอมแต่ละอะตอมถ้าแบ่งให้เป็นส่วนย่อยลงไปอีก จะประกอบด้วยอนุภาคต่าง ๆ อีกสามอย่างคือ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งทำหน้างง ริซ่ากำลังจะเข้าเรื่องจริงๆ แล้วล่ะ ก็เพราะสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ คือผลรวมของเซลล์ต่าง ๆ ที่เกาะกลุ่มรวมตัวกัน และเซลล์แต่ละเซลล์ก็มีอนุภาคต่าง ๆ สามอนุภาคเป็นส่วนประกอบนี่เอง เมื่อมารวมตัวกันจึงมีปฏิกิริยาเคมีหรือมีการถ่ายโอนประจุระหว่างกันเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่ชาติพูดถึงก็ถือว่าเป็นผลพวงมาจากปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน  อย่างกรณีความเจ็บปวดในร่างกายของคน จะมีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกที่จะแปลงการกระตุ้นจากสิ่งเร้าต่าง ๆ ให้เป็นปฏิกิริยาเคมี  ถ่ายโอนประจุจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง ผ่านตัวรับและตัวส่งผ่านต่าง ๆ 
อาริซ่าหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาวาดรูปให้ชาตินักรบดู ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เธอกำลังพูดให้เขาฟัง 
และในส่วนของสิ่งมีชีวิตที่เป็นพืช ก็มีปฏิกิริยาเคมีดังกล่าวเกิดขึ้นเช่นกัน

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ				
18 เมษายน 2548 12:11 น.

คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่ 21 )

สุชาดา โมรา

เขาว่ากันว่ากาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในรัก  ฉันก็เชื่อว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น...  เพราะฉันมีความฝันในหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำให้สำเร็จ  ฉันเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างหัวดื้อเกเร  แต่ก็เป็นคนที่เข้มแข็ง  กล้าและพร้อมที่จะลุยอยู่ทุกเมื่ออยู่แล้ว  งานวันนี้เราคงจะมุให้หนักเพื่อเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดสิ้นก่อนที่จะไปแก้ปัญหาเรื่องพี่ชายคนนั้นที่เขาไม่เคยคิดว่าเราเป็นน้องเลย  ไม่อย่างนั้นเขาจะกล้าที่จะโกงบริษัทได้ถึงขนาดนี้เหรอ...กัญญานึกในขณะที่เธอเดินมาแปรงฟันในห้องน้ำ  เธอยิ้มกับกระจกเงาบานใหญ่แล้วก็ก้มมองดูแหวนด้วยความภาคภูมิใจ
กัญญาลงมาทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ  เขามาสะดุดที่หนังสือพิมพ์ของ  Pu.insine ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่เกริกไกรได้มาสัมภาษณ์เธอเมื่อคืนนี้กับคุณภูริ  เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นการพาดหัวข่าวที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา
เปิดใจหนุ่มเนื้อหอมเจ้าของ N.TV  กับสาวหน้าหวานนอกวงการ  คู่รักใหม่แห่งวงการบันเทิงซึ่งสร้างความฮือฮาไปทั่ววงการว่าสาวเจ้าเสน่ห์คนนี้คือใคร
เมื่อค่ำวานนี้คุณภูริได้ขอความรักจากเธอด้วยแหวนราคาประเมินค่าไม่ได้ให้กับเธอ  เป็นการขอหมั้นในห้องหนังสือธรรมชาติบ้านของว่าที่เจ้าสาวแสนสวยด้วยบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก
อ่านให้จบสิลูก  แม่ชอบคอลัมน์นี้มากเลย
โธ่คุณแม่  หนูเขินนะคะขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ
อ้าวแล้วจะถือหนังสือพิมพ์ไปไหนล่ะแหมทำเป็นเขิน  นี่ลูกอย่าลืมอ่านนิตยสารพูนะลูกแม่ขั้นหน้าของลูกเอาไว้ในรถน่ะ
กัญญายิ้มแล้วก็เดินไปยังรถ  เธอหยิบนิตยสารพูออกมาอ่านก่อนที่จะขับรถออกไปที่บริษัทซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บ้านในขณะที่คุณแม่ของเธอและแม่ประนอมแม่บ้านของเธอกำลังแอบยืนมองเธออยู่ที่ข้าง ๆ หน้าต่างด้วยท่าทางอิ่มเอิบใจ
มาแล้วคุณกัญญาขอถามหน่อยได้ไหมคะเอ่อเรื่องข่าวที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงเป็นเรื่องจริงเหรอคะ  แล้วคุณพบรักกันครั้งแรกที่ไหนคะ
นักข่าวมากหน้าหลายตาเข้ามารุมถามเธอจนเธอต้องชี้นิ้วเรียก ร.ป.ภ.ให้เข้ามาคุ้มกันเธอ  ร.ป.ภ.หลายคนจึงต้องวิ่งเข้ามากันนักข่าวกับเธอโดยที่เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเลย  ก่อนเธอจะเดินเข้าประตูของบริษัทนั้นเธอก็หันกลับมายิ้มกับนักข่าวแล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล
ลองกลับไปคิดดูนะคะและลองถามคุณภูริดูเถอะค่ะว่าข่าวนั้นมีมูลความจริงแค่ไหน  อ้อ!!!!  ฝากขอบคุณนักข่าวฝึกหัดที่ชื่อ  ชื่อ  อ๋อเกริกไกรด้วยนะคะที่ทำให้เราไม่ต้องโปรโมทเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าว
กัญญาเดินขึ้นลิฟท์ไป  ทุกคนในลิฟท์ต่างก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กัน  เมื่อเธอก้าวออกจากลิฟท์พนักงานหลายคนลุกขึ้นสวัสดีพร้อมทั้งแสดงความยินดีกับเธอในคราวเดียวกัน
ยินดีด้วยนะคะ  ยินดีด้วยนะครับ
กัญญายิ้มกับพวกเขาก่อนที่จะเดินเข้าห้องเพื่อเข้าไปนั่งทำงานตามปกติ  เธอนั่งลงที่โต๊ะทำงานโดยไม่ได้สังเกตว่าคนที่นั่งหันหลังให้เธอซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของคุณวจีคือใคร
	ยินดีด้วยนะกัญญากับเรื่องความรักพี่ขอแสดงความดีใจด้วย
ท่าน สส.ธนิต!!!!  กัญญาร้องขึ้นด้วยความตกใจ  สส.ธนิตค่อย ๆ หมุนเก้าอี้หันมามองเธอแล้วก็ยิ้มแปลก ๆ ทำให้เธอรู้สึกกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
ท่านเลยเหรอ  ทำไมต้องเรียกซะน่าเกลียดขนาดนั้นด้วยล่ะ  ในเมื่อเราเองก็เป็นพี่น้องที่แทบจะคลานตามออกมาด้วยซ้ำ
บ้าน่าคุณพ่อมีฉันเป็นลูกคนเดียว  คุณจะมาพูดจามั่ว ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ  กัญญาแกล้งพูดทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเขาเป็นพี่ชายเธอ  แต่เธอต้องการอยากจะรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้เลยอีกอย่างเธอก็อยากจะรู้ว่าสิ่งที่ใครหลายคนพูดกันนั้นมีมูลความจริงมากน้อยแค่ไหน
นี่อย่าบอกนะว่าแม่ของเธอไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีเนี่ย
กัญญาได้แต่ส่ายหน้าและจ้องมอง สส.ธนิตที่กำลังเดินวนไปวนมาในห้องทำงานของเธอพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง
ในเมื่อเธอไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร  งั้นก็ดีฉันจะได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการว่าฉันเป็นลูกที่ถูกลืมถึงขนาดวันเผาฉันยังไม่มีสิทธิ์ที่จะย่างก้าวเข้าไปเผาด้วยเลยมันน่าเศร้าไหมล่ะแม่น้องสาวสุดสวย
มีหลักฐานอะไรมาแสดงหรือเปล่าฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณพ่อจะไม่บอกฉันเรื่องฉันมีพี่ชาย
มีสินี่ไง
สส.ธนิตหยิบบัตรประชาชนซึ่งมเป็นนามสกุลเดียวกันกับเธอออกมาให้เธอดูพร้อมทั้งรูปถ่ายซึ่งเป็นภาพเมื่อครั้งเป็นเด็กของเขากับคุณพ่อออกมาให้เธอดู  เธอถึงกับอึ้งน้ำตาไหลทีเดียว
นี่หมายความว่าคุณเป็นพี่จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ
ใช่คุณพ่อเคยกอดเคยอุ้มพี่  เคยดูแลเอาใจใส่พี่เมื่อครั้งเป็นเด็ก  แต่นั่นก็นานมาแล้ว  พอท่านเลิกกับแม่ของพี่  ท่านก็มีเมียใหม่แล้วก็ลืมพี่ไว้เบื้องหลัง  ท่านได้แต่ส่งเสียเงินทางให้เราอยู่ดีกินดีเท่านั้นเอง  แล้วก็ลืมว่าพี่เป็นลูกของท่านไปเสียแล้วพี่กลับมาในวันนี้เพื่อที่จะทวงถามสิทธิ์อันชอบธรรมของพี่ที่ได้สูญเสียไปมานานเกือบจะ 30 ปี  พอ ๆ กับอายุของเธอเลยก็ว่าได้
แล้วคุณจะเอาไงเรามาช่วยกันบริหารบริษัทเอาไหมเพราะยังไง ๆ ครึ่งนึงนี่ก็เป็นของคุณจนกว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรมในอีก 2 ปีข้างหน้า  ซึ่งจะต้องไม่มีคนใดคนหนึ่งหายไปไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถเปิดพินัยกรรมนั้นได้  เพราะต้องรอจนกว่าคน ๆ นั้นจะกลับมา
ไม่เห็นคุณทนายมานพบอกเลยเธอโกหก
ฉันจะโกหกไปทำไมจุดประสงที่คุณพ่อทำแบบนั้นฉันก็เพิ่งรู้วันนี้นี่เองว่าคุณพ่ออยากให้เรารู้จักกัน  คุณพ่อต้องการให้เราร่วมกันบริหารบริษัทให้ไปด้วยดีไม่ใช่ในทางที่เลวลง  ไม่ใช่นั้นคุณพ่อท่านคงนอนตายตาไม่หลับ
กัญญาฉลาดพูดเอาตัวรอด  เธอพูดเพื่อดักคอเขาเพื่อไม่ให้เขาคิดทำร้ายเธอและก็แม่ของเธอก่อนที่จะถึงวันเปิดพินัยกรรม  และเธอยังต้องการให้เขาล้มเลิกในสิ่งที่กำลังทำอยู่ซึ่งจะนำพาผลร้ายมาสู่บริษัท  เธอจึงใช้กลยุทธและจิตวิทยาในการพูดเพื่อให้เขาหันมาช่วยเธอบริหารบริษัทแทนการโกงบริษัททำให้ สส.ธนิตยืนคิดอยู่นานจนกระทั่งคุณวจีเดินเข้ามาในห้องทำงาน
ทำอะไรอยู่คะ  รู้สึกว่าบรรยากาศจะเครียดเป็นพิเศษนะคะ  คุณวจีพูดขึ้น
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  คือพี่ชายของฉันเขาจะมาช่วยเราพัฒนาบริษัทเพื่อคุณพ่อน่ะค่ะ
กัญญาพูดขึ้นแล้วก็ยิ้มอย่างคนจริงใจทำให้  สส.ธนิตเห็นความอ่อนโยนและความไร้เดียงสาของเธอที่บ่งบอกบนสีหน้าอันอ่อนเยาว์ของเธอแล้วถึงกับเปลี่ยนความคิดโอ่นอ่อนต่อน้องสาวที่ไม่เคยจะคุยหรือรู้จักกันเลยสักนิด
หมายความว่าคุณจะเข้ามาช่วยคุณกัญญาที่บริษัทอย่างนั้นเหรอ  แล้วงานของผู้แทนฯ ล่ะคุณจะไม่สนใจเลยเหรอ  
คุณวจีถามขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ  และแสดงความสนิทสนมออกมาจนกัญญารู้ได้ว่าคุณวจีหลอกลวงเธอมาตลอด  คุณวจีก็เป็นตัวอันตรายคนหนึ่งที่พยายามจะกอบโกยผลประโยชน์จากบริษัทไปเช่นกัน
ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเข้ามาช่วยเธอในเบื้องหลัง  ส่วนเบื้องหน้าก็ยังคงทำงานรับใช้ประชาชนอยู่โดยให้น้องสาวคนนี้ช่วยหนุนหลังพี่ชายไม่ให้ล้ม  และพี่ชายคนนี้จะมาช่วยในส่วนที่น้องสาวทำไม่ได้และเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คู่แข่งเข้ามาแทรกซึม
สส.ธนิตพูดขึ้นพร้อมกับขยี้หัวห้องสาวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู  สายเลือดเดียวกันยังไง ๆ ก็ต้องรักกันถึงแม้ว่าจะต่างแม่กัน  ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  แต่ถ้าพี่ชายรู้ว่าน้องสาวเป็นคนดี  พี่ชายก็ไม่อยากจะทำร้ายน้องสาวหรอกทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เคยทำร้ายบริษัทมานานถึง 5 ปีก็ตามกัญญานึก
กัญญาไม่พยามที่จะตรวจสอบบัญชีย้อนหลังอีกแล้วเพราะเธอไม่อยากจะรื้อฟื้นความหลังเพื่อไม่ให้พี่ชายไม่สบายใจ  เธอยอมให้พี่ชายเข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันกับเธอ  แต่เขาไม่มาเพราะเขาไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโลกส่วนตัวของน้องสาวแต่เขาขอมาช่วยงานในบริษัทเป็นบางครั้งบางคราวจนกระทั่งงานในไตรมาศนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
นักข่าวมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามาขอสัมภาษณ์เธอเกี่ยวกับเรื่องความรักและคุณภูริจนเวลาล่วงเลยมา 3 เดือนแล้วนักข่าวก็ยังคงอออยู่ที่หน้าประตูบริษัทอย่างหนาแน่น  แม้กระทั่งหน้า N.TV  ก็ยังคงมีนักข่าวเข้ามาออขอสัมภาษณ์เป็นการใหญ่  แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ออกมาโต้ข่าวกับนักข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงไปเลย  ทำให้นิตยสารของพูทำยอดขายติดอันดับจนคุณภูริต้องมีโครงการทำหนังสือเกี่ยวกับความรักของเขาและเธอเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คส์ออกมาวางจำหน่ายเพื่อตีขนาบกับนิตยสารพูจนหนังสือขายดิบขายดีเป็นอย่างมาก
เกริกไกรได้เข้ามาร่วมงานกับคุณภูริ  เขาเรียนรู้งานของบริษัทหลายอย่างทั้งเรื่องการทำหนังสือ  วารสาร  นิตยสาร  หนังสือประเภทบันเทิง  สารคดี  บทความ  และข่าวต่าง ๆ รวมทั้งงานทางด้านทีวี  ซึ่งเขาก็ทำได้ด้วยดีและได้ออกหนังสือเกี่ยวกับความรักและผลงานสุดยอดการทำข่าวของเขาออกมาวางจำหน่ายในนามของบริษัทของคุณภูริจนทำให้ชื่อเสียงของ N.TV  ดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศเลยทีเดียว จนใคร ๆ ก็อยากจะได้นักข่าวมือหนึ่งคนนี้ไปทำข่าวทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ลีลาการอ่านข่าวของเขาก็ไม่เบา  เป็นลีลาสนุกสนานพร้อมกับลีลาดุเด็จเผ็ดมันครบรส  ซึ่งเป็นแนวการอ่านข่าวที่ไม่ซ้ำใครออกมาเผยแพร่ทำให้สำนักข่าวหลายช่องต้องการจะซื้อตัวเขาไปทำข่าวและเป็นพิธีกรแต่เขาก็ไม่ไป  เขายังคงยืนกรานที่จะอยู่ N.TV  กับคุณภูริผูเซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักข่าวที่ดังก้องฟ้าอยู่อย่างนี้ตลอดไป
..21.
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ				
18 เมษายน 2548 12:07 น.

คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่ 20 )

สุชาดา โมรา

คนผีทะเลนี่ที่บ้านฉันนะ
แหมผมล้อเล่นน่าเอาอย่างนี้ละกันค่าเสียเวลา  ผมขอร้องคุณนะ  ไปเที่ยวกับผมเถอะ
ไปไหนคะฉันมีงานที่ต้องทำอีกเยอะแยะ
ห่วงงานมากกว่าสุขภาพของตัวเองเหรอเดี๋ยวผมจะช่วยคุณเองนะ  เรื่องงานน่ะไม่ต้องเป็นห่วง  คุณก็มีเลขาที่ดีถึง 2 คน  จะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ
กลัวสิคะ  ฉันกลัวคุณวจีและ  สส.ธนิต
ทำไม!!!!  เขามายุ่งกับคุณเหรอ
ไม่ต้องทำตาโตขนาดนั้นก็ได้ค่ะ  คือฉันเพิ่งทราบมาว่า สส.ธนิตเขาเป็นพี่ชายของฉัน  เป็นลูกของภรรยาเก่าซึ่งฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฉันมีพี่ชายกับเขาด้วย  ตอนนี้เขามีสิทธิในบริษัทเท่า ๆ กับฉันถึงแม้ว่ากำหนดการเปิดพินัยกรรมมันยังไม่ถึงเวลาก็ตาม
กำหนดเหรอคุณพ่อคุณกำหนดไว้เมื่อไร
หลังจากท่านเสียได้ 5 ปีเราจึงจะมีสิทธิในการเปิดพินัยกรรมคุณพ่อคงอยากใจให้เราพี่น้องได้เข้ามาบริหารบริษัทด้วยกัน  แต่มันผิดพลาดตรงที่ สส.ธนิตเขาพยายามยักยอกทรัพย์และผลผลิตของบริษัทตอนนี้เขาถ่ายเทเงินในบริษัทหายไปถึง 5 ปีแล้ว  ก่อนที่ฉันจะเข้ามาบริหารบริษัทเสียอีก  ฉันนะกลุ้มใจมากเลย  พรุ่งนี้ก็ต้องสอบพนักงานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตอีกหลายคน  ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะเริ่มต้นอย่างไร
เอาอย่างนี้ละกัน  ในฐานนะที่ผมเป็นคนหนึ่งในวงการนักข่าว  ผมขอทำตัวเอ็นนักข่าวหัวเห็ดเหมือนคุณหนูนา  ผมขอไปสืบเรื่องของ สส.ธนิต  พร้อมเรื่องราวของในบริษัทของคุณด้วย  ดีไหมคุณจะได้หาหลักฐานได้มากขึ้นในการจัดการกับพนักงาน  เจ้าหน้าที่ในบริษัทและพี่ชายของคุณ
กัญญายิ้มด้วยท่าทางสบายใจในขณะที่คุณแม่ของเธอนั้นยืนแอบฟังอยู่ห่าง ๆ ด้วยท่าทางที่ตกใจหานี่ยายกัญญารู้แล้วเหรอว่านายธนิตเป็นพี่ชาย  เราอุตส่าห์ปิดบังมานับสิบ ๆ ปีในที่สุดความลับมันก็ไม่มีในโลกจริง ๆแม่ของเธอนึก
คุณภูริพากัญญาและคุณแม่ของเธอออกไปทานอาหารค่ำข้างนอก  เขาตักอาหารให้คุณแม่ของเธอ  แต่วันนี้คุณแม่แสดงสีหน้าใจลอยราวกับไม่ได้พกวิญญาณมาด้วยทำให้กัญญาต้องสะกิดคุณแม่อยู่หลายครั้ง
คุณแม่คะคุณภูริตักอาหารให้ค่ะ
อุ๊ย!!!!   คุณแม่สะดุ้งสุดตัวทันทีพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคุณภูริ  ขอบใจจ่ะ
วันนี้คุณแม่ดูแปลก ๆ นะ  เหมือนกับว่าท่านกำลังมีเรื่องกลุ้มใจอะไรสักอย่างเลย
คุณคิดอย่างนั้นเหรอ
อืม
กัญญาและคุณภูริกระซิบกระซาบกันอยู่ครู่หนึ่ง  ทั้งคู่มองดูคุณแม่ด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป  คุณภูริมาส่งกัญญาและคุณแม่ที่บ้าน  เขาขอกับเธอที่หน้าบ้านตามลำพังจนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นนักข่าวของบริษัทคู่แข่งแอบมาถ่ายภาพของตัวเองเขาจึงวิ่งกวดนัข่าวกลุ่มนั้นและจับมาได้คนหนึ่ง
นี่นายมีจุดประสงอะไร  เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันดุดัน
เปล่าครับผมแค่อยากจะทำข่าวคู่รักเท่านั้นเอง
คุณภูริถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นคนละคนทีเดียว  เขาจูงมือให้นักข่าวคนนั้นเดินเข้ามาในบ้านของกัญญาแต่นักข่าวคนนั้นไม่ยอมเดินตามเขาไป  ทำให้คุณภูริต้องยื้อยุดฉุดกระชากนักข่าวคนนั้นอยู่นานจนเหนื่อย
ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณหรอก  แต่ผมจะให้คุณเข้าไปสัมภาษณ์ผมแบบเป็นกันเองในบ้านของเธอ  ผมจะได้ขอความรักจากเธอไปพร้อม ๆ กับของที่ผมจะเซอร์ไพร์ทเธอเลย  ผมยินดีให้คุณสัมภาษณ์จริง ๆ นะ  มากับผมเถอะ
จริง ๆ นะครับ
ผมเป็นใครล่ะผมถึงจะต้องมาโกหกคุณ  ผมโกหกคุณแล้วจะได้โล่ห์พระราชทานเหรอ
คุณนี่อารมณ์ขันดีเหมือนกันนะแต่เดี๋ยวก่อนนะครับผมขอเดินไปที่มุมถนนก่อน
เดินไปทำไมกัน
ก็ไปตามนักข่าวคนอื่น ๆ ให้มาสัมภาษณ์คุณไงครับ
ไม่ต้องหรอก  ถ้าอยากดังต้องหัดบินเดี่ยวเข้าใจไหม!!!  ผมรู้นะว่าคุณเป็นแค่นักข่าวฝึกหัด
คุณรู้ได้ไงอ่ะ
ก็ป้ายชื่อของคุณมันบ่งบอกนี่นาว่าคุณเป็นนักข่าวฝึกหัด  ใช่ไหมคุณเกริกไกร
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม ๆ เขาเดินโอบไหล่นักข่าวคนนั้นเข้าไปในบ้านของกัญญาในขณะที่เธอกำลังยืนชะเง้อคอรอเขาอยู่ด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายนักข่าวเนื่องจากท่าทางที่เขาวิ่งพรวดออกไปนั้นราวกับนักเลงหัวไม้ที่เตรียมพร้อมที่จะออกไปต่อยตีกับใครต่อใคร
ใครคะ
นักข่าวฝึกหัดน่ะ  ผมอยากให้เขามาหัดสัมภาษณ์เรา
เด็กในสังกัดของคุณเหรอ
เปล่าหรอก
อ้าวแล้วคุณไปช่วยเขาทำไมล่ะ
ผมชอบนักข่าวที่กล้าพูดแบบเขา  อีกอย่างเขาดูซื่อ ๆ ดีผมอยากให้เขามาลองทดสอบสัมภาษณ์เราเผื่อผมจะพิจารณาให้เขามาเป็นนักข่าวในสังกัดของผม
จริงเหรอครับ!!!
เกริกไกรพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดีใจที่สุด  เขาถึงกับกระโดดกอดคอคุณภูริทันทีทำให้คุณภูริแสดงทีหน้าที่ไม่พอใจจนเขาต้องละมือออกจากคอของเขา  จู่ ๆ คุณภูริก็หัวเราะดังขึ้น
ผมแหย่เล่นน่าไป  ไปสัมภาษณ์กันที่ห้องรับแขกในบ้านกันเถอะ
แปลกคนนะคุณ  นึกจะขำก็ขำขึ้นมาดื้อ ๆ
กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับเดินจูงมือคุณภูริเข้าบ้านไป
เกริกไกรสัมภาษณ์ทั้งคู่อยู่นานถึงเรื่องความรักของเธอและเขารวมทั้งเรื่องการงานจนกระทั่งกัญญาพาเกริกไกรและคุณภูริเดินสัมรวจบ้านจนเดินมาถึงมุมโปรดของเธอซึ่งเป็นเรือนกล้วยไม้ในบ้านซึ่มมีแสงสปอตไลท์ส่องสลัว ๆ สีชา  มีน้ำตกจำลองเล็ก ๆ ในบ้านซึ่งฝั่งตรงข้ามกับเรือนกล้วยไม้นั้นเป็นห้องหนังสือซึ่งเวลาอ่านหนังสือจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติไปในคราวเดียวกัน  คุณภูริจึงจับมือเธอเอาไว้และคุกเข่าลง  เขายิ้มและหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขึ้นมา
อะไรกันคะ  อยากบอกนะว่าเป็นนาฬิกาเหมือนเมื่อคราวที่แล้ว
โธ่อย่าพูดดักคอสิ  เดี๋ยวมันไม่โรแมนติก
คุณภูริพูดขึ้นพร้อมกับเปิดกล่องกำมะหยี่ออกมาและค่อย ๆ ดึงแหวนวงเล็ก ๆซึ่งน้ำหนักของการัตนั้น ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
อะอะไรคะ
ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เจอกับคุณที่งานแต่งงานของคุณกิ๊ก  สบตาแรกที่ผมได้มองคุณผมรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่เป็นคนที่ผมค้นหามานานแสนนาน  ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนนิสัยแย่ ๆ ไปหน่อย  กวนอารมณ์คุณตลอดเวลา  แต่ผมก็จริงใจกับคุณนะ  ผมอยากให้คุณมาเป็นคนที่สำคัญที่สุดของผมคนหนึ่งรองจากคุณแม่ของผมคุณพร้อมไหมที่จะก้าวเข้ามาร่วมใช้ชีวิตกับผมตลอดไปผมรักคุณนะกัญญา  แหวนวงนี้ตกทอดมาหลายชั่วคนตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษของผม  ผมอยากให้คุณรับแหวนวงนี้ไว้พิจารณา
จะพิจารณาทำไมคะ  กัญญาพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ พราวเสน่ห์ของเธอ  สำหรับฉันแล้วคุณเป็นคนที่สำคัญเสมอ  ฉันก็คิดกับคุณแบบที่คุณคิดกับฉันเหมือนกัน  นับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วด้วยซ้ำ
คุณภูริถึงกับยิ้มหน้าบานทีเดียวและรีบสวมแหวนให้เธอทันที  เขาอุ้มเธอจนตัวลอยและหมุนไปรอบ ๆ อยู่หลายครั้งในขณะที่เกริกไกรได้ถ่ายภาพทุกภาพของทั้งคู่เอาไว้พร้อมทั้งตั้งกล้องวีดีโอสำหรับถ่ายเอาไว้ด้วย  รวมทั้งอัดเทปเพิ่มเพื่อจะนำไปถอดเทปเพื่อเขียนหัวข้อข่าวต่อไป
จะแต่งกันเมื่อไรครับ
ยังไม่มีกำหนดครับ  ผมกะว่าจะให้เรื่องที่คาราคาซังอยู่นั้นเรียบร้อยไปก่อน  จากนั้นจึงจะคิดเรื่องแต่งงาน
ผมขอบคุณคุณทั้งสองคนมากนะครับที่ให้ความร่วมมือ  ผมจะนำเรื่องของคุณไปลงนิตยสารและพาดหัวข่าวในวันพรุ่งนี้อย่าลืมอ่านนะครับ
เอ่อเดี๋ยวครับ  คุณภูริเรียกเกริกไกรไว้  ผมอยากให้คุณไปร่วมงานที่ N.TV   ถ้าคุณไม่รังเกียจผมขอเชิญคุณมาร่วมงานเลยละกัน  ผมรู้สึกถูกชะตากับคุณมากเลย
จริงเหรอครับงั้นผมเสร็จจากฝึกงานที่  Pu.TV  insine  แล้วผมจะเข้าไปทำงานกับคุณนะครับ  แล้วผมจะติดต่อกับคุณอย่างไรครับ
เกริกไกรพูดด้วยท่าทางดีอกดีใจ  คุณภูริจึงหยิบนามบัตรให้เขาก่อนที่จะเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านของเธอ
ไปนะครับ
คุณภูริและกัญญายิ้ม  ทั้งคู่โบกมือให้กับเกริกไกรคุณภูริกอดกัญญาไว้แน่นแล้วก็หอมแก้มอยู่หลายทีจนกัญญารู้สึกเขิน
อายคุณแม่บ้างสินี่บ้านฉันนะไปกลับบ้านได้แล้วคุณน่ะ  นี่จะเที่ยงคืนแล้วนะ
ว้ากลับบ้านไม่ถูกเลยน่ะ  ขอนอนที่บ้านคุณได้ไหมอ่ะ
อย่าทำเป็นยียวนกวนประสาทนะ  เดี๋ยวตีก้นลายเลยไป  ไปได้แล้ว  กลับบ้านนอนได้แล้ว
กัญญาผลักคุณภูริให้เดินไปที่รถของตัวเอง  เขาค่อย ๆ เปิดประตูรถออกแล้วก็ทิ้งตัวลงไปนั่งในรถ  เขาจับมือเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ห่างไปไหนแล้วค่อย ๆ จูบมือเธอเบา ๆ ก่อนที่จะสตาร์ทรถ
ราตรีสวัสดิ์นะครับแล้วผมจะฝันถึงคุณ
คุณภูริยิ้มแล้วก็ขับรถออกไปกัญญายืนมองรถของเขาจนลับสายตาไปแล้วก่อนที่กลับเข้าไปในบ้านในขณะที่คุณแม่ของเธอแอบยืนอมยิ้มอยู่ข้างหน้าต่างห้องนอนบนชั้นที่สองของตัวบ้านก่อนที่จะดับไฟนอน
.20
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ				
18 เมษายน 2548 12:03 น.

คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่ 19 )

สุชาดา โมรา

เกิดอะไรขึ้นเหรอคะมีงานอะไรที่สงสัยหรือเปล่าคะ
อ๋อไม่มีค่ะ
กัญญาก้มหน้าก้มตาทำงานพร้อมกับคีย์เอกสารที่อยู่ในแฟ้มข้อมูลบนจอคอมพิวเตอร์  เธอแอบหันไปมองคุณวจีอยู่หลายครั้งแล้วก็ส่ายหน้า
.แนนซี่นี่ขี้ระแวงจังเลย  มาหาว่าคุณวจีเป็นแบบนั้นได้อย่างไร  ไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่ได้เป็นคนสนิทของคุณพ่อหรอกกัญญานึก
คุณกัญญาคะมีคนมาติดต่องานค่ะ
ใครคะ
ส.ส.ธนิตค่ะ
แล้วแนนซี่ไปไหนเหรอ  ทำไมไม่มาทำหน้าที่เลขาฯ ล่ะ
เห็นว่าท้องเสียค่ะคือดิฉันเห็นคุณวจีชงกาแฟมาให้แก้วนึงจากนั้นก็ท้องเสียทั้งวันเลยค่ะ  รู้สึกว่าตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ
อืมเอาอย่างนี้นะเธอช่วยเอาเกลือแร่ในลิ้นชักโต๊ะของฉันมาชงใส่น้ำอุ่นแล้วก็เอาไปให้แนนซี่หน่อยนะเธอชื่ออะไรนะ
ดิฉันชื่อรุ่งฤดีค่ะ  อยู่ฝ่ายบัญชีค่ะ  คือดิฉันเอาแฟ้มเอกสารที่คุณแนนซี่สั่งมาให้แล้วบังเอิญเห็นคุณธนิตมาพอดี  ดิฉันก็เลยทำหน้าที่แทนคุณแนนซี่ไปก่อนน่ะค่ะ
อยู่ฝ่ายบัญชีใช่ไหมอย่างนั้นพักเที่ยงแล้วมาหาฉันที่ห้องหน่อยนะแล้วก็ไม่ต้องทานข้าวมาล่ะ  เดี๋ยวฉันจะพาไปทานอะไรข้างนอก  อ้อเดี๋ยวเล่าเรื่องงานบัญชีที่มีปัญหาให้ฉันฟังด้วยนะ
ค่ะ
กัญญาสั่งงานรุ่งฤดีพนักงานบัญชีก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องทำงาน  เธอเริ่มคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่แนนซี่พูดจากนั้นก็เดินเลาะไปข้าง ๆ ห้องทำงานเพื่อแนบหูฟังว่าคุณวจีและ ส.ส.ธนิตนั้นกำลังพูดอะไรกันอยู่สิ่งที่เธอได้ยินนั้นค่อนข้างจะอู้อี้  แต่ก็พอที่จะฟังได้ว่าเขาคุยเรื่องอะไรกันแต่ก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาพูดกันตรงกับความเข้าใจของเธอหรือไม่
ทำอะไรคะคุณกัญญา
เสียงนี้ถึงกับทำให้กัญญาสะดุ้งจนสุดตัว  เธอหันมาด้วยความลานลนราวกับคนที่มีความผิด  หรือทำอะไรผิดในขณะนั้น
โธ่!!!  เธอร้องเสียงหลงพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่  ตกใจหมดเลย  นึกว่าเป็นคุณวจีแล้วนี่เธอท้องเสียตลอดเลยเหรอ
เปล่าหรอกเพียงแต่ฉันอยากจะรู้ว่าคุณธนิตกับคุณวจีทำอะไรอยู่  ฉันก็เลยไปที่ห้องควบคุมแผงโทรทัศน์วงจรปิดก็เท่านั้นเอง
ไปทำอะไรที่นั่น
ก็ไปดูภาพในห้องของเธอไงล่ะเอาอย่างนี้ละกัน  เธอตามฉันมาเลยดักว่าจะได้รู้สักทีว่าอะไรเป็นอะไร
แนนซี่เชื้อชวนให้กัญญาเดินตามเธอไปที่แผงควบคุมโทรทัศน์วงจรปิดกัญญาเดินตามไปด้วยท่าทางเร่งรีบ  เมื่อมาถึงห้องแผงควบคุมโทรทัศน์วงจรปิดแล้ว  แนนซี่ก็เลื่อนกล้องไปจับภาพคุณวจีกับคุณธนิตทันที
นี่ห้องฉันมันมีโทรทัศน์วงจรปิดตั้งแต่เมื่อไรฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย  กัญญาถามอย่างงง ๆ
ก็มีตั้งแต่ตอนที่เราไปเชียงใหม่แล้วละ  ฉันเป็นคนสั่งให้เขามาติดตั้งเองละ
ทำไมล่ะ
ก็ช่วงที่เราไม่อยู่จะได้รู้ว่ามีใครลักลอบเข้ามาค้นหรือเปลี่ยนแปลงเอกสารหรือเปล่ายังไงล่ะเธอนี่ไม่น่าถามเลย  ของอย่างนี้เราจะไว้ใจใครได้ล่ะจริงไหม
ก็ถูกของเธอนะ
นั่นไงฉันคิดแล้วไม่มีผิด  แนนซี่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเลื่อนกล้องและขยายภาพทันที
เปิดเสียงได้ไหมแนนซี่
อืมฉันก็ลืมไป  เดี๋ยวนะ  ฉันขอหาปุ่มโวลุ่มก่อนนะ  แนนซี่วุ่นอยู่กับการหาปุ่มกดเพราะเธอจำไม่ได้ว่าต้องกดปุ่มไหนจนกระทั่งเธอเอื้อมมือไปพร้อมกับจะกดปุ่มบนแผงควบคุมชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกดปุ่มทางด้านขวามือสุดทันที
ปุ่มนี้ครับ!!!
ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นทำให้แนนซี่ถึงกับสะดุ้งโหยง  กัญญาและแนนซี่หันมาพร้อมกันทันที  ทั้งคู่มองผู้ชายคนนั้นด้วยความแปลกใจ
เอ่อผมชื่อสุรัชครับ  เป็นหัวหน้าควบคุมแผงฯ.  วันนี้ผมเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยแล้วลูกน้องผมบอกว่าคุณกัญญาลงมาดูแผงฯ ด้วยตัวเองผมก็เลยเข้ามาช่วยเหลือ  หากขาดตกบกพร่องผมต้องขออภัยด้วยนะครับ
เอ่อไม่เป็นไรค่ะไม่ต้องพิธีรีตองอะไร  นั่งสิแล้วมาช่วยฉันดู
สุรัช  หัวหน้าแผงควบคุมโทรทัศน์วงจรปิดกดปุ่มให้วุ่นวายไปหมด  ภาพต่าง ๆ จากหลายห้องหลายที่ตามจุดต่าง ๆ ของบริษัทติดบนหน้าจอโทรทัศน์ที่มีอยู่นับสิบ ๆ เครื่อง  สุรัชไล่ดูภาพต่าง ๆ จนมาสะดุดที่ฝ่ายขาย  เขาชี้ให้คุณกัญญาดูพนักงานและหัวหน้างานหลายคนขนสินค้าออกจากบริษัทโดยบางส่วนไม่มีการประทับตราปิดผนึกว่าได้นำออกจากบริษัท
คุณสุรัชคุณช่วยเลื่อนภาพไปที่รถขนส่งสินค้าที่เข้ามารับผ้าในโรงงานได้ไหม
ครับ
ตายแล้ว!!!!  นั่นมันรถของ ส.ส.ธนิตนี่ทำไมถึงเข้ามาจอดหลังรถขนส่งสินค้าล่ะ
คุณกัญญาไม่รู้เหรอครับว่าท่าน ส.ส.ธนิต เขาเป็นลูกชายของคุณพ่อของคุณกับภรรยาเก่า  เขามีสิทธิ์ในบริษัทคุณเท่า ๆ กับคุณเพราะคุณพ่อของคุณโอนหุ้นพร้อมกับมอบฉันทะให้กับ ส.ส.ธนิตกึ่งหนึ่งของบริษัท
หา!!!   กัญญาร้องเสียงหลงพร้อมกับตั้งสติคิดแก้ปัญหาเรื่องนี้ทันที  อ๋อแล้วก็เลยพยายามโกงบริษัทเพราะตัวเองคิดว่าตัวเองไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในบริษัทฉันนะเกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลยเอาอย่างนี้นะสุรัช  นายแจ้งหัวหน้า รปภ.ให้สกัดรถขนส่งสินค้าสองคันนั้นไว้แล้วเร่งให้ตรวจสอบสินค้าโดยด่วน
กัญญาพูดขึ้นสุรัชวอเรียกหัวหน้า รปภ.แจ้งเรื่องสกัดดักรถขนส่งสินค้าสองคันที่มีรถของ สส.ธนิต ควบคุมไปนั้นเพื่อตรวจสอบสินค้าทันทีเพื่อไม่ให้สินค้าออกจากบริษัทอย่างไม่ถูกต้อง
เดี๋ยว!!! กัญญาเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ  ทำไมนายถึงรู้ว่า สส.ธนิต เป็นลูกของคุณพ่อฉันนะสงสัยจริง ๆ เพราะไม่เห็นมีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย
เพราะ สส.ธนิตเป็นพี่ชายของผมครับ
พูดเป็นเล่นถ้า สส.ธนิตเป็นพี่ชายเธอ  ทำไมเธอถึงได้มาเป็นแค่พนักงานตัวเล็ก ๆ ในบริษัทเล็ก ๆ ได้เธอกำลังโกหกอะไรฉันอยู่หรือเปล่าพูดความจริงออกมา!!!!
กัญญาพูดเสียงดังขึ้น  ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนสุรัชตกใจแนนซี่จึงต้องเดินเข้ามาตบไหล่กัญญาเบา ๆ เพื่อให้เธอระงับสติอารมณ์จิตใจของเธอจึงค่อย ๆ สงบลง
คือผมเป็นลูกแม่เดียวกับ คุณธนิตจริงครับ  แต่ผมเป็นลูกคนละพ่อกับเขาเดิมทีคุณแม่ของเราเคยเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณธานินทร์พ่อของคุณ  แต่ว่าวันหนึ่งคุณธานินทร์และคุณแม่ของผมต่างคนต่างก็ไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่าและเหมาะสมกับตัวเอง  ท่านทั้งสองจึงต้องแยกทางกัน  ผมจึงเป็นลูกของพ่อค้าร้านดอกไม้จน ๆ ส่วนคุณธนิตเขาเป็นลูกนักธุรกิจใหญ่  พ่อของเขาส่งเสียเขาจนจบปริญญาโท  เป็นเจ้าคนนายคนจนถึงทุกวันนี้  มรดกก็หยิบยื่นให้เขาจึงได้ยืนอยู่สูงจนไม่ได้หันกลับมามองคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างผมและน้อง  รวมทั้งคุณแม่ด้วยผมผมผม
พอเถอะฉันเข้าใจแล้ว
กัญญาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเพราะเห็นสุรัชแสดงสีหน้าเศร้าหมองราวกับจะร้องไห้กัญญาเดินออกจากห้องแผงควบคุมโทรทัศน์วงจรปิดแล้วก็หันมายิ้มให้กับสุรัชเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะคิดมากจริง ๆ แล้วเธอเองก็ไม่ได้อยากให้เขาเล่าเรื่องราวที่เป็นปมด้อยของชีวิตนักหรอก  แต่ว่าเหตุการณ์มันบังเอิญต้องทำให้เขาต้องเล่าเรื่องราวที่เขาไม่เต็มใจจะเล่าขึ้นมา  จึงทำให้กัญญารู้สึกเสียใจอยู่บ้างเหมือนกันเพราะเธอได้ทำให้คน ๆ หนึ่งต้องทุกข์ใจโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
.19.
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ				
18 เมษายน 2548 12:00 น.

คิดจะรัก...ต้องพักรบ ( ตอนที่ 18 )

สุชาดา โมรา

ขอบคุณนะคะที่พาไปเที่ยวและช่วยถือของเยอะแยะเชียว  ฉันสนุกมากเลยค่ะ
ไม่เป็นไรครับ  เดี๋ยวถ้ามีโอกาสผมจะไปหาคุณบ้าง  คุณจะได้พาผมเที่ยวไงครับ
กัญญายิ้มพร้อมกับรับของฝากเอาไปวางไว้ในรถก่อนที่จะเดินขึ้นรถบัสไป  คุณนิวยิ้มอย่างพอใจแล้วก็โบกมือลา  สีหน้าของเขาอิ่มเอมใจมากจนหลายคนรู้สึกได้ว่าคุณนิวมีจุดประสงค์ที่จะจีบกัญญาอย่างเป็นจริงเป็นจัง  ในขณะที่คุณไผ่ยืนเท้าเอวมองคุณนิวอย่างเคือง ๆ
ตึกตึกตึกคุณไผ่วิ่งขึ้นไปบนรถพร้อมกับกล่องของขวัญสามกล่อง  เขาส่งให้กัญญากล่องหนึ่ง  จากนั้นก็ยื่นให้คุณวจี  และแนนซี่แนนซี่ดีใจเป็นอย่างมากโผเข้ากอดคุณไผ่เพื่อโชว์คนในรถว่าคุณไผ่ให้ของขวัญแก่เธอด้วยใจเสน่หาทั้ง ๆ ที่เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้มีใจให้เธอเลยสักนิดทุกคนในรถหัวเราะดังลั่นไปหมดทำให้คุณไผ่รู้สึกเขินอายแต่ก็ปฏิเสธแนนซี่ไม่ได้ ร้ายกว่านั้นแนนซี่เองก็หอมแก้มคุณไผ่อยู่หลายทีจนจมูกเกือบจะหลุดติดแก้มเลยก็ว่าได้  สร้างความตลกขบขันให้กับคนทั้งรถยิ่งนัก  หลายคนโห่กรี๊ดกันสนั่นคุณไผ่รีบแกะมือแนนซี่ออกจากตัวและรีบวิ่งลงจากรถทันที  เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากคุณนิวยืนยิ้มเยาะอย่างพอใจก่อนที่รถบัสของบริษัทหลายคันจะแล่นออกจากบริเวณวัด
นายกล้ามากเลยนะที่แอบพาคุณกัญญาเดินออกมา
ใครว่า  ฉันไม่ได้แอบพาเธอออกมาสักหน่อย  ถ้าแอบก็คงต้องย่องออกมา  แต่นายไม่เห็นเองมากกว่า  จะมาโทษฉันได้ไง
นี่!!!!
คุณไผ่ถึงกับพูดไม่ออก  เขาจ้องตาคุณนิวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ  ในขณะที่ผู้คนที่มาเที่ยวมากมายต่างจ้องมองมาที่ทั้งคู่เพราะคิดว่าสองคนนี้คงต้องต่อยกันแน่ ๆคุณนิวและคุณไผ่หันไปมองคนรอบข้าง  จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับเพราะรู้สึกเสียหน้าที่มีคนมามุงดูตัวเอง
.
คุณไผ่น่ะดี๊ดีเนาะมีน้ำใจ  ยังคิดถึงแนนซี่  ดูสิคะคุณวจี  รู้ใจถึงขนาดซื้อโคมไฟสวย ๆ ของเมืองเหนือมาฝากด้วยแต่แนนซี่อยากรู้จังเลยว่าของคุณวจีกับยายกัญญาเป็นอะไร  แกะดูหน่อยสิ
ไม่ได้ย่ะเขาให้ฉัน  ฉันจะเก็บไปแกะที่บ้าน
แหมคุณวจีก็  แล้วของเธอล่ะยายกัญญา  เจ๊อยากดูมากเลย
ของฉันก็ไม่ได้เหมือนกันย่ะเสียใจด้วยนะหล่อน
แหมทำเป็นหวงคนใจร้ายเหอะ!!!! เจ๊อยากตาย
ทำเป็นใจน้อยแอนด์น้อยใจไปได้  น่านะอย่าโกรธนะ  เดี๋ยวพาไปเลี้ยงอาหารที่สุโขทัยดีไหม  เพราะฉันรู้ว่าเธอชอบทานเผ็ด ๆ และรสจัดฉันเลยมีโปรแกรมจะพาเธอไปทานที่สุโขทัยดีไหมล่ะหือ
กัญญาพูดปลอบใจแนนซี่  จากนั้นเธอก็หยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาดูรูปที่ถ่ายไว้ก่อนที่จะเอนตัวนอนอย่างสบายใจ  ในขณะที่แนนซี่ก็นั่งคุยโทรศัพท์กับกิ๊กหลายคนอยู่อย่างเพลิดเพลิน  หล่อนคุยไม่หยุดปากทีเดียว  พอคุยกับคนนี้เสร็จก็คุยกับคนนั้นต่อทำให้คุณวจีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รู้สึกรำคาญจึงต้องขอย้ายที่นั่งเพื่อไปหลับเพราะระยะทางนั้นไกลมากกว่าจะถึงสุโขทัยเพื่อทานอาหาร  นอกจากการนอนแล้วคงไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว  ยกเว้นพนักงานบางส่วนที่แอบลงไปชั้นล่างเพื่อนั่งเล่นไพ่ยิปซีทำนายดวงอยู่ด้านล่างอย่างสนุกสนาน
แนนซี่...แนนซี่ตื่นได้แล้วนี่มาถึงร้านอาหารแม่เวียงแล้วนะ
แม่วงแม่เวียงที่ไหนจะนอนอย่ามายุ่งน่า
อย่างนั้นก็ตามใจเชิญนอนให้เต็มอิ่มเลยนะแม่นักเมาท์กับหนุ่ม ๆ แหมคุยโทรศัพท์เสียนาน  คุยข้ามจังหวัด  บทจะหลับก็ลืมเรื่องกินเลยนะนี่ถ้าอยากนอนก็นอนให้สบายเลยนะย๊ะ  แล้วอย่ามาโวยวายตอนหลังล่ะ
กัญญาพูดประชดก่อนที่จะลงจากรถเพื่อไปทานอาหารในร้านแนนซี่หลับอย่างสบายใจโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าคนอื่นเขาทำอะไรอยู่ข้างล่างทุกคนเมื่อทานอาหารเสร็จก็แวะซื้อของฝากของสุโขทัยกันใหญ่  หลายคนเลือกซื่อผ้าไหม  หลายคนแวะเข้าไปซื้อทองรูปพรรณในห้างทองเพราะลายที่สุโขทัยนั้นขึ้นชื่อเรื่องความสวยเป็นอย่างมาก
รถแล่นออกจากสุโขทัยนานพอควร  บรรยากาศในรถเงียบสงัดเพราะทุกคนหลับกันหมดเหลือเพียงคนขับรถเท่านั้นที่ยังคงขับรถต่อและสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันขับถึงสี่คน  แนนซี่ตื่นขึ้นมาด้วยความหิว  เธอหันไปมองทุกคนในรถแล้วก็ต้องหันกลับมานั่งกุมท้องของตัวเอง  เธอรู้สึกหิวมากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป  เมื่อมองออกไปสองข้างทางก็เห็นแต่ความมืดกับแสงไฟบนท้องถนนทำให้เธอไม่รู้ว่าขณะนี้รถได้แล่นไปถึงไหนแล้ว  เธอตัดสินใจอยู่นานว่าจะถามคนขับรถดีหรือไม่ดีว่าถึงสุโขทัยหรือยังเพราะเธอหิวมาก  ในที่สุดจึงตัดสินใจเดินออกไปหาคนขับรถเพื่อถามทันที
เมื่อไรจะถึงสุโขทัยล่ะ  ฉันหิวมากเลยนี่ก็มืดแล้วด้วยทำไมยังไม่ถึงอีกล่ะ
โธ่คุณเลขา  นี่มันนครสวรรค์แล้วครับก็ตอนที่คุณกัญญาปลุกคุณ  คุณก็ไม่ยอมตื่นบอกว่าจะนอน  ทุกคนก็เลยลงไปกินข้าวกันหมด
ตายแล้ว!!!!  ปล่อยให้ฉันนอนน้ำลายยืดอยู่ได้  อดกินเลยเฮ้อเจ๊อยากตาย!!!!
แนนซี่พูดขึ้นแล้วก็เดินกลับมานั่งที่เดิมเธอนั่งบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวตลอดทางจนกัญญาตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงอะไรหงุงหงิงอยู่เธอจึงชะโงกหน้าออกไปดูเสียงที่ได้ยินเธอเห็นแนนซี่นั่งบ่นอยู่คนเดียวก็รู้ทันทีว่าคงหิว  เธอจึงหยิบข้าวกล่องที่ซื้อเผื่อเอาไว้ให้แนนซี่เดินถือมาให้เธอทันที
หิวใช่ไหมนี่จ่ะ
กัญญายื่นข้าวกล่องให้กับแนนซี่  เธอยื่นมือมารับด้วยสีหน้าดีใจอย่างเป็นที่สุด
ขอบใจนะย๊ะนี่ถ้าไม่ได้เธอฉันคงจะหิวแย่เลย
ฉันรู้ว่าเธอต้องหิวแน่ ๆ ฉันก็เลยต้องซื้อมาให้ฉันไปนะ
ขอบใจจริง ๆ นะเธอนี่มันเจ้านายที่แสนดีและก็ยังเป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันอีกด้วย
18.
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา