3 สิงหาคม 2547 16:45 น.

นึก...ฝัน...ไปวัน ๆ เท่านั้นเอง

สุชาดา โมรา

6:00 น.  ที่บ้าน

                 เสียงนาฬิกาปลุกเรือนที่สองร้องบอกให้คุณรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้อ งลุกจากที่นอน   สำเนียงรบกวนโสตประสาทของมันทำให้คุณนึกอยากจะเขวี้ยงทิ้งอยู่ห ลายครั้ง   แต่ก็ด้วยคุณสมบัติข้อนี้มิใช่หรือคุณจึงเลือกซื้อมันมาจากตลาด ท้ายรถข้างสำนักงาน  วันจันทร์อีกแล้ว  คุณรู้สึกเกลียดเช้าวันจันทร์ยิ่งนัก  ถึงเวลาถูกสนตะพายอีกครั้ง  รีบลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ  บีบยาสีฟันหลอดใหม่ใส่แปรงแล้วนั่งลงบนโถส้วม  รสชาติไม่เลวเหมือนกันแต่แพงเป็นบ้า  ยาสีฟันอะไรหลอดตั้งเกือบสองร้อยบาท  เจ้านายเอามาขายให้คุณถึงที่ทำงาน   คุณจำต้องซื้อทั้งที่รู้ดีว่ามันคงไม่ช่วยให้ฟันคุณขาวเหมือนพร ีเซ็นเตอร์ในโฆษณาหรอก  นอกจากขายแล้วเธอยังคะยั้นคะยอให้คุณมาขายด้วยกันอีกต่างหาก อ้างว่ารายได้ดี  ฝันไปเถอะ  คุณรู้ทันหรอกน่า   ภายใต้หน้ากากแห่งความหวังดีนั้นหล่อนก็หวังเพียงแค่ส่วนแบ่งเป อร์เซ็นต์จากยอดขายของคุณเท่านั้นเอง  ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ธุรกิจ MLM* ฮิตกันเหลือเกินในหมู่สาวออฟฟิศ  คุณคนหนึ่งล่ะที่ขอบายดีกว่า  ห้านาทีผ่านไปยังถ่ายไม่ออก  คุณนึกดูว่าสองสามวันที่ผ่านมาทานผักผลไม้อะไรเข้าไปบ้าง  รึจะเป็นเพราะเครียด  คุณอาจกังวลเรื่องเขามากจนเกินไปก็ได้  แต่ไม่มีเวลาแล้วเห็นทีต้องเก็บไว้ก่อน  รีบอาบน้ำอย่างลวกๆ  แต่งหน้า แต่งตัว ล็อคประตูห้อง เดินไปหยุดรอลิฟต์  เจอไอ้หมอนี่อีกแล้ว มันจะบังเอิญอะไรทุกวันขนาดนั้น  คุณไม่ชอบแววตากรุ้มกริ่มที่มองมาคู่นั้นเลย รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปว่าเป็นเพราะคุณรูปร่างหน้าตาดี  ทั้งที่เห็นอยู่ว่ามันชอบแอบมองหน้าอก  คุณเคยบอกกับเขาเรื่องนี้หวังอยู่ว่าเขาจะหึงหวงบ้าง  แต่กลายเป็นเสียงหัวเราะเฝื่อนๆ ทุกทีไป  เดินมาที่รถ เสียบรูกุญแจอีแก่คันเดิมที่แม่โละมาให้พลางนึกในใจว่าขออย่าให ้มันรวนเลย  เป็นโชคดีที่วันนี้สตาร์ทติดง่าย  คุณรีบบึ่งออกจากที่พักเพราะไม่อยากเข้างานสายอีก   เมื่อก่อนเคยคิดน้อยใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมซื้อรถใ หม่ให้   แต่เดี๋ยวนี้คุณเข้าใจดีแล้วว่ามันดีกว่ากันแค่ไหนที่ไม่ต้องไป ทนยืนเบียดยืนร้อนอยู่บนรถเมล์เหมือนคนอื่นเขา 

 

7:55 น.  บนถนน

                 คุณนั่งอยู่ในรถมาเกือบชั่วโมงแล้ว  ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณคงหงุดหงิดงุ่นง่านกลัวไปทำงานไม่ทัน แต่ชีวิตสี่ปีในเมืองหลวงสอนอะไรคุณได้มาก   เดี๋ยวนี้คุณชินเสียแล้วกับการขับรถปาดหน้าเขาหรือถูกเขาปาดหน้ าเอา  คุณชินกับเสียงตะโกนด่าไล่หลัง  ชินกับการทำมือเป็นรูปสัญลักษณ์อวัยวะเพศชายจากฝ่ายตรงข้าม  คุณไม่ยี่หระหรอกอย่างมากก็แค่ทำส่งกลับไป  สติ๊กเกอร์ มือใหม่หัดขับ ที่คุณแกล้งติดเอาไว้ท้ายรถอาจช่วยได้บ้างในบางครั้ง  ทำไงได้ล่ะ  ถ้ามันจะช่วยให้คุณถึงที่หมายเร็วขึ้น  คุณเรียนรู้ที่จะแซงรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวขอทาง  และเรียนรู้ที่จะทำผิดกฎจราจรอีกหลายๆ ข้อ  มันเป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณแก้ตัวว่ามันจำเป็น  คุณอ้างว่าใครๆ เขาก็ทำกัน   แต่ถ้ามีใครทำกับคุณอย่างนั้นบ้างคุณก็จะด่าพวกนั้นอย่างสาดเสี ยเทเสีย   สี่ปีผ่านไปเบ้าหลอมแห่งเมืองเปลี่ยนคุณจากหญิงสาวที่ขาดความเช ื่อมั่นในตัวเอง ให้กลายเป็นมือขับชั้นเซียนที่แม้แต่แท็กซี่ยังต้องอาย  คุณกลายเป็นคนกรุงเทพฯ โดยสมบูรณ์แบบแล้ว  คุณเรียนรู้ว่าเมื่อรถติด ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเปิดวิทยุฟังเพลงเย็นๆ แล้วร้องคลอเบาๆ คิดเสียว่าเป็นการฝึกสมาธิ พยายามมองโลกในแง่ดี แยกนี้เพิ่งติดแค่ห้านาทีเอง  แยกที่แล้วติดตั้งสิบห้านาที คุณหยิบแซนด์วิชขึ้นมากินรองท้อง จิบกาแฟไปพลาง สายตาเหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งติดอยู่ข้ างรถเมล์คันที่จอดอยู่ถัดไป  เป็นรูปชายแก่คนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์หน้าตาดูมีความ

สุข  มันทำให้คุณนึกไปถึงพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด  นานแค่ไหนแล้วนะที่คุณไม่ได้กลับไปเยี่ยมพวกท่านเลย  เกือบปีเห็นจะได้  คุณตั้งใจว่าเดือนหน้าจะลาพักร้อนกลับไปเยี่ยมบ้านสักอาทิตย์  รถยังไม่ขยับเลย คุณเริ่มสงสัยแล้วว่าข้างหน้าอาจจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น มันนานผิดปกติ  นั่นไงล่ะ จริงๆ ด้วย  ทำไมเวลาซื้อหวยมันไม่ถูกอย่างนี้นะ คุณบอกกับตัวเอง   คุณกำลังนึกต่อไปว่าน่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือไปให้พ่อกับแม่ใช้ส ักเครื่องจะได้ติดต่อกันได้สะดวกกว่านี้  พลันรู้สึกตัวว่ามีสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่  นั่นไง ไอ้เฒ่าหัวงูบนรถเมล์นั่น  มันลอบมองขาอ่อนคุณอีกแล้ว   คุณพยายามดึงกระโปรงตัวจิ๋วลงปิดต้นขาให้ได้มากที่สุดพลางแช่งด ่าในใจ  คุณไม่เข้าใจเลยว่าผู้คนสมัยนี้เป็นอะไรไปกันหมดแล้ว  เสียงแตรจากด้านหลังฉุดคุณขึ้นจากภวังค์แห่งโทสะ  คุณกระชากเกียร์เหยียบคันเร่งส่งตัวรถพุ่งออกไปด้วยความโกรธ

                 

8:45 น.  ที่ทำงาน

                 แม้จะรีบอย่างถึงที่สุดแล้วคุณก็ยังมาทำงานสายไปสิบห้านาทีอยู่ ดี   หยิบบัตรไอดีการ์ดที่คล้องคออยู่จ่อแถบบาร์โค้ดเข้ากับเครื่องอ ่าน  เหล็กกั้นทางเข้าออกจึงยกตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ  คุณเคลื่อนรถเข้าในอาคารภาวนาอยู่ว่าขอให้มีที่จอดเหลือบ้าง   มิเช่นนั้นคุณคงต้องเสียค่าจอดยี่สิบบาทให้กับอาคารฝั่งตรงข้าม อีกตามเคย  เดือนละเกือบหกร้อยไม่ใช่น้อยๆ เลย  โชคยังเข้าข้างพอมีที่จอดเหลืออยู่แม้จะต้องวนรถหาถึงสิบเอ็ดชั้น  เอาป้ายไอดีคล้องคอเหมือนเดิม หอบแฟ้มงานกองเท่าภูเขาย่อมๆ ไว้กับอก  ล็อครถแล้วเดินไปรอลิฟต์  ซวยอะไรอย่างนี้มาเจอหัวหน้าแผนกเข้าจนได้  คุณยิ่งเสียวๆ สันหลังอยู่  ช่วงเดือนที่ผ่านมาคุณสายบ่อยมาก  ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณก็คงไม่กังวลเท่าไหร่หรอก  อย่างมากก็ตัดเงินเดือนงดโบนัส  แต่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มันอาจหมายถึงการเลย์ออฟ  ปีที่แล้วเพื่อนสนิทของคุณก็โดนไปสองสามคน   คุณรู้ดีว่าแม้คุณจะรอดมาได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะโชคดีตลอด ไป  คุณกล่าวทักทายหล่อนอย่างพินอบพิเทา  แกล้งเอ่ยชมว่าเข็มกลัดติดเสื้อของเธอสวย  เธอกลับเหยียดยิ้มให้อย่างกลายๆ  คุณนึกแปลกใจ   การที่คุณช่วยซื้อยาสีฟันของหล่อนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วกลับไม่มี ผลอะไรเลยหรือไงนะ  ถึงที่ทำงาน  คุณเดินเอาแฟ้มไปวางไว้ที่โต๊ะ  กล่าวทักทายกับเพื่อนร่วมงานพอเป็นพิธี ตั้งแต่เพื่อนสนิทของคุณถูกเลย์ออฟออกไป  คุณก็ไม่เคยคบหากับใครสนิทจริงจังเลย  มันเป็นเพียงสัมพันธภาพที่ผิวเผินประสาคนที่ทำงานร่วมกันพึงมี  มันเป็นเพียงมิตรภาพชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น  คุณไม่ค่อยชอบสายตาที่พวกเขามองมา  คุณรู้สึกได้ถึงมิตรไมตรีที่ฉาบเคลือบไว้เพียงเปลือกนอก  ลึกลงไปเนื้อแท้นั้นมีแต่ความอิจฉาริษยา   คุณสัมผัสได้ถึงแววหื่นกระหายในนัยน์ตาของพวกผู้ชายที่มองคุณเป ็นเพียงแค่วัตถุทางเพศไร้ความจริงใจให้   ภายใต้มิตรไมตรีที่คุณยื่นตอบกลับไปจึงซุกซ่อนไว้ด้วยเกราะกำบั ง  ที่คุณสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกทรยศ   คุณคอยระแวดระวังภัยอยู่เสมอด้วยเกรงว่าอาจถูกใครสักคนแทงข้างห ลังเข้าสักวัน   คุณเดินไปชงกาแฟและตอกบัตรลงเวลาเข้าทำงาน...หลายครั้งขณะที่คุ ณกำลังหย่อนบัตรลงไปในเครื่อง  มักมีคำถามเดิมๆ ผุดวาบขึ้นในห้วงคำนึง Whats the hell Im doing here?  I dont belong here* เป็นเนื้อร้องท่อนหนึ่งจากเพลงโปรดของคุณ   มันช่างขัดกันอย่างสิ้นเชิงกับภาพฝันที่คุณเคยจินตนาการเอาไว้ส มัยที่ยังเรียนอยู่  คุณฝันเห็นภาพตัวเองเปิดร้านขายหนังสือและร้านขายดอกไม้เล็กๆ อยู่ในรั้วเดียวกัน  นึกเห็นภาพชายหนุ่มมาเลือกซื้อบทกวีดีๆ สักเล่มคู่กับกุหลาบขาวงามๆ สักดอก  แล้วยื่นให้กับหญิงสาวคนรักของเขา ช่างโรแมนติคยิ่งนัก  คนที่รักอิสระและไม่ชอบอยู่ภายใต้กรอบเกณฑ์ใดๆ จนจะกลายเป็นคนนอกระบบอย่างคุณน่ะหรือ  จะมาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน  แค่คิดก็ขำกลิ้งแล้ว  แต่กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีหนึ่งคุณก็เข้ามาอยู่ในระบบเป็นปีแล้ว กลาย เป็น Salary Man อย่างเต็มตัว  ระบบขัดเกลาคุณเสียจนไร้สิ้นแล้วซึ่งพิษสง  มอดดับทุกแรงใจและไฟฝัน  คุณยอมจำนนแล้วต่อชะตากรรมตรงหน้า... ยื่นมือไปรับบัตรจากเครื่องลงเวลาแล้วหย่อนลงในช่องสี่เหลี่ยมเ ล็กๆ ที่แขวนอยู่ตรงผนังด้านข้าง   วินาทีนั้นคุณมองเห็นแขนของตัวเองต่ำจากใต้ศอกลงไปกลายเป็นโลหะ สีเงิน  คล้ายมือของหุ่นยนต์  คุณเดินถือถ้วยกาแฟกลับไปที่โต๊ะทำงาน นั่งลง กดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้ยินเสียงมันบู๊ตเครื่องดังปิ๊ป  แขนของคุณหายเป็นปกติแล้ว

                 

10:03 น.  ที่ทำงาน

                 .....1998  1999  2000  2001  2002   DSTV SUBSCRIBER  30,408  39,111  42,817  49,123  58,221   FIBER OPTIC SUBSCRIBER  21,343  25,176  30,452  38,776  42,804  TOTAL  51,751  64,287  73,269  87,899  101,025 ..*

                 คุณเลื่อนเม้าส์พ้อยเตอร์ไปยังไอคอนเล็กๆ ด้านบนซ้ายของจอคอมพิวเตอร์  กดปุ่มเพื่อเลือกคำสั่งเซฟงานลงบนแผ่นดิสเก็ต  เสียงจักรกลครางเบาๆ บอกให้รู้ถึงสภาวะตามคำสั่ง  คุณปิดโปรแกรมการทำงานแล้วเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้  ปิดเปลือกตาลงพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ   กว่าชั่วโมงที่คุณนั่งหลังขดหลังแข็งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่ อคีย์ข้อมูลตัวเลขเหล่านั้น  มันทำให้คุณรู้สึกปวดที่เบ้าตา เสียงเคาะรัวแป้นคีย์บอร์ดยังดังแว่วอยู่ในโสตประสาท  ทุกเซลล์สมองยังอัดแน่นไปด้วยข้อมูลตัวเลข  คุณใช้นิ้วมือนวดคลึงเบาๆ บริเวณหางคิ้วทั้งสองข้าง ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ไม่กี่ปีที่คุณนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอ ร์จะทำให้สายตาคุณเสื่อมสภาพลงได้ถึงเพียงนี้  สี่ปีก่อนสายตาของคุณยังเป็นปกติ  ตอนนี้ซ้ายสั้น 155 ขวา 180 เอียงอีกข้างละนิดหน่อย  คุณเคยพยายามหาวิธีป้องกันแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล โชคดีที่สมัยนี้มีคอนแทคเลนส์ ไม่เช่นนั้นคุณคงต้องกลายเป็นยายแว่นเฉิ่มเบ๊อะ  แว่นตากับใบหน้าคุณช่างไม่ถูกโรคกันเอาเสียเลย  ถอนหายใจอีกครั้งก่อนลืมตาขึ้น  ภาพแบ็คกราวด์บนจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏตรงหน้าต่างออกไปจากเดิม  คุณนึกในใจ ใครกันบังอาจมาแอบใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ  หรืออาจจะเป็นเทคนิเชี่ยนที่มาตรวจเช็คตามปกติก็เป็นได้  แต่จะว่าไปรูปนี้ก็ดูสวยดีเหมือนกัน  มันเป็นภาพเกาะกลางทะเลเล็กๆ เกาะหนึ่ง  สีเขียวอมฟ้าแก่ๆ ของน้ำทะเลรอบๆ เกาะให้ความรู้สึกนุ่มนวลเย็นสบายตา  ข้างใต้ภาพมีอักษรตัวเล็กๆ บอกให้รู้ว่ามันคือเกาะเต่า   จำได้ว่าคุณเคยรบเร้าให้เขาพาไปเที่ยวอยู่หลายทีแต่ก็ไม่เคยได้ มีโอกาส   คุณลองนึกดูว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าหากคุณกับเขาได้ไปเที่ยวที่นั่น กันตามลำพัง  มันอาจจะทำให้สถานการณ์อึมครึมระหว่างคุณสองคนดีขึ้นก็ได้  แล้วคุณก็เริ่มฝันเห็นภาพหาดทรายขาวสะอาด  เม็ดทรายละเอียดยิบที่ยวบตัวลงไปตามรอยเท้ายามคุณก้าวย่าง  คุณกำลังเล่นน้ำกับเขาอย่างสนุกสนาน  จับมือกันดำน้ำดูความสวยงามของแนวปะการัง  ดินเนอร์ใต้แสงเทียน  ปิดท้ายด้วยค่ำคืนอันสุดแสนโรแมนติคในบังกะโลหลังเล็ก... เสียงที่เพื่อนโต๊ะข้างๆ ทำแฟ้มหล่นปลุกคุณสะดุ้งตื่นจากภาพฝันกลางวัน  สัญชาตญาณสั่งให้คุณเคาะนิ้วรัวกับแป้นคีย์บอร์ดโดยอัตโนมัติ  ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดโปรแกรมการทำงานใดๆ  คุณแอบยิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของตัวเองเมื่อรู้สึกตัว  ตอนนี้คุณมีแผนการดีๆ ในหัวแล้ว  เรื่องลาพักร้อนกลับไปเยี่ยมบ้านอาทิตย์หน้าคงต้องพักไว้ก่อน  การกู้สถาน

การณ์ความรักที่กำลังง่อนแง่นย่อมมีความสำคัญกว่า  พ่อกับแม่ยังรอได้ พวกท่านคงเข้าใจ  คุณบอกกับตัวเองอย่างนั้น...

 

12:40 น.  ที่ร้านข้าว

                 กลิ่นหอมฉุยของไข่เจียวที่ลอยมาปะทะจมูกช่างสร้างความอึดอัดใจใ ห้กับคุณยิ่งนัก  มันเหมือนกับบททดสอบความอดทนและความตั้งใจจริงของคุณที่จะไดเอ็ต... ไดเอ็ต คุณเกลียดคำๆ นี้นัก  ใครกันนะอุตริคิดคำๆ นี้ขึ้นมา  แล้วจะไดเอ็ตไปทำไมกัน ไดเอ็ตไปเพื่ออะไร ในเมื่อการได้กินอาหารอร่อยๆ ก็เป็นความสุขเพียงหนึ่งในไม่กี่อย่างที่มนุษย์เรามีอยู่  ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาที่ทักว่าคุณอ้วนขึ้น  คุณคงไม่ต้องมาทนทรมานอยู่อย่างนี้หรอก  คุณกังวลว่ามันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาดูแปลกๆ ไป  ไม่โทรมาหาคุณบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน ไม่มารับไปเดินเที่ยวไปดูหนังเหมือนอย่างเคย  คล้ายๆ กับเขาจงใจจะหลบหน้าคุณอย่างนั้นแหละ  แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง   ถ้าการที่คุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงแค่ห้ากิโลคือสาเหตุที่ทำใ ห้เขาเปลี่ยนไป  ก็แสดงว่าจริงๆ แล้วเขาไม่เคยรักคุณอย่างแท้จริงเลยน่ะสิ  ถึงได้สนใจแต่เพียงเปลือกและรูปลักษณ์ภายนอก มองข้าม ตัวตน ความเป็นคุณไปอย่างน่าเสียดาย   ภาวนาขออย่าให้มันเป็นอย่างนั้นเลยแค่คิดคุณก็รู้สึกอุ่นที่เบ้ าตาแล้ว   สมัยที่ยังเรียนอยู่คุณเคยหวังว่าสักวันจะได้เจอใครสักคนที่รัก คุณอย่างแท้จริง รักในตัวตน รักในจิตวิญญาณความเป็นคุณ ทั้งในส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดี  ใครที่พร้อมจะให้อภัยในความงี่เง่าของคุณ ใครสักคนที่รักในความไม่สมบูรณ์แบบของคุณ ใครสักคนที่ไม่ได้มองคุณแค่เพียงเปลือก   แต่เดี๋ยวนี้คุณเข้าใจดีแล้วว่ามันเป็นสภาวะอุดมคติที่ยากจะบรร ลุถึงในสังคมที่นิยมบริโภคแต่วัตถุนี้  สังคมที่ตัดสินสิ่งต่างๆ เพียงแค่ชั่วเสี้ยววินาทีจากเสื้อผ้าที่คุณใส่ จากกระเป๋าที่คุณถือ จากรถที่คุณขับ   คุณเข้าใจดีแล้วว่าตราบใดที่มนุษย์เรายังคงลุ่มหลงอยู่ในโลกของ ผัสสะ เสพ สิ่งต่างๆ รอบกายผ่านเพียงประสาทสัมผัสทั้งห้า ตาดู หูฟัง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส  ตราบนั้น เปลือก ยังคงมีความสำคัญยิ่งนัก  ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องทนฝืนใจทำในหลายสิ่งที่ไม่สู้เต็มใจนัก   ทั้งการแว็กซ์ขนรักแร้และขนหน้าแข้งเดือนละสองครั้งที่คุณเจ็บแ ทบน้ำตาเล็ด   การผ่าตัดเสริมดั้งให้โด่งขึ้นที่คุณต้องเสียเงินไปหลายหมื่นแถ มยังต้องทนเจ็บนอนหน้าบวมอยู่ที่บ้านอีกเกือบเดือน   รวมถึงการฝืนใจสั่งออกไปว่าสลัดไก่น้ำใสกับน้ำเย็นหนึ่งขวดเมื่ อบริกรเดินเข้ามาถามเมื่อครู่นี้  ทั้งที่ใจจริงคุณอยากกินข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทยไข่ดาวแทบตาย  หลายครั้งที่คุณเคยนึกอิจฉาผู้หญิงที่เกิดในยุคเรเนส์ซองส์  พวกอ้วนๆ ที่นอนเป็นแบบนู้ดให้จิตรกรเอกป้ายปาดฝีแปรงลงบนเฟรมผ้าใบ  ภาพที่คุณเคยเห็นแขวนอยู่ตามแกลเลอรี่บ่อยๆ  พวกเธอคงไม่ต้องมาทนอดๆ อยากๆ เหมือนผู้หญิงสมัยนี้หรอก  ในเมื่อยุคนั้นไขมันหน้าท้องและความอ้วนหมายถึงความสวย  ส่วนร่างผอมสูงหุ่นนางแบบมีความหมายในทางตรงกันข้าม  ถ้าเลือกเกิดได้คุณอยากไปมีชีวิตอยู่ในยุคนั้นเสียจริง  บริกรยกจานสลัดมาวางตรงหน้า   คุณไม่ลืมที่จะดื่มน้ำเปล่านำไปก่อนสองแก้วเพื่อให้น้ำย่อยในกร ะเพาะเจือจางลง ลดความอยากอาหาร   เพื่อนรุ่นน้องที่มาด้วยกันเอ่ยแซวว่ากลัวแฟนไม่รักหรือไงคะถึง ต้องไดเอ็ต   คุณทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแต่ในใจนึกอยากเดินไปตบหน้าหล่อนสัก ฉาด โทษฐานที่แซวไม่รู้กาลเทศะ

                 

13:35 น.  ที่ทำงาน

                 คุณก้มลงสำรวจเงินในกระเป๋าสตางค์  ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาเพียงแค่ยี่สิบนาทีหลังกินข้าว  ที่คุณไปเดินช็อปปิ้งจะผลาญเงินไปได้มากมายถึงเพียงนี้  คุณนึกทบทวนดูว่าซื้ออะไรมาบ้างนอกจากกระเป๋าสะพาย Prada รุ่นใหม่ล่าสุดใบนั้นแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นของปลอมก็เถอะ  หวี  ที่หนีบผม  มาสคาร่า  แล้วก็ครีมทาหน้า  อ้อ ไอ้นี่เองที่แพง  ขวดนิดเดียวตั้งเกือบห้าร้อยบาท  มีส่วนผสมของ Q10 สารสกัดจากธรรมชาติช่วยต่อต้านริ้วรอยก่อนวัย ลดรอยหมองคล้ำคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า  เห็นผลภายในสามสัปดาห์ถ้าใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง...เฮอะ เฮอะ  นึกๆ ดูคุณก็ขำตัวเองอยู่เหมือนกัน  เสียแรงที่อุตส่าห์เรียนจบมาทางโฆษณาซะเปล่า  กลับตกเป็นทาสของโฆษณาเสียเองนี่   ทั้งที่รู้ดีอยู่ว่ามันเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อเป็นการสร้างภ าพลักษณ์ตราสินค้าให้ประทับอยู่ในใจของผู้บริโภค โดยอาศัยความถี่ในการออกอากาศเป็นตัวกระตุ้น  ปีที่แล้ว Whitening* มาแรง  ทุกยี่ห้อในตลาดเครื่องสำอางต่างใช้สิ่งนี้เป็นจุดขาย   พอมาปีนี้ขาวอย่างเดียวไม่พอเสียแล้วแต่ต้องเป็นขาวอมชมพูซะด้ว ย  นัยว่าบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี  คุณรู้ดีว่าไม่ใช่อื่นใดเลยมันก็แค่หลักจิตวิทยาขั้นพื้นฐาน โฆษณาเล่นกับความกลัวของผู้บริโภค ใช้ความกลัวรอยตีนกา กลัวหน้าหมองคล้ำ กลัวไม่ขาว กลัวไม่สวย เป็นตัวกระตุ้นความต้องการซื้อความอยากทดลองใช้  เมื่อบวกกับการโหมโฆษณาตามสื่อต่างๆ และกลยุทธ์ส่งเสริมการขายอีกนิดหน่อย  ผู้บริโภคก็ยินยอมพร้อมใจจะกลายเป็นหนูทดลองด้วยความยินดี  คุณรู้ดีว่าในบางครั้งมันกลายเป็นการบริโภคในตราสินค้า บริโภคในยี่ห้อ ในภาพลักษณ์  หาใช่การบริโภคในคุณสมบัติของตัวผลิตภัณฑ์ไม่   แต่ถึงรู้ทั้งรู้คุณก็ยังยินดีจ่ายออกไปเกือบห้าร้อยบาทเพื่อเส ี่ยงดู  เผื่อว่ามันจะทำให้คุณดูดีขึ้นมาบ้าง  นึกปลอบตัวเองอยู่ว่า ในโลกนี้ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก และถึงแม้คุณจะต้องตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาอีกครั้ง  อย่างน้อยคุณก็ยังเป็น เหยื่อผู้รู้เท่าทัน หรอกน่าคุณบอกกับตัวเองอย่างนั้นได้เวลาทำงาน  เอื้อมมือกดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้ยินเสียงมันบู๊ตเครื่องดังปิ๊ป  เสียงเคาะรัวแป้นคีย์บอร์ดดังขึ้นอีกครั้ง

                 

15:38 น.  ที่ทำงาน

                 บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบวังเวงคล้ายป่าช้า ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ   แต่ละคนนั่งหลังขดหลังแข็งสีหน้าเรียบเฉยราวไร้อารมณ์ความรู้สึ ก  สองตาจ้องเขม็งไม่กระพริบจับนิ่งหน้าจอภาพ   ข้อมูลมหาศาลแปลผ่านคลื่นสมองสู่นิ้วมือทั้งสิบของจักรกลมนุษย์ ที่สลับกระดกขึ้นลงอย่างรวดเร็วแม่นยำ  ป้อนข้อมูลอัดแน่นอยู่ในทุกหน่วยความจำของจักรกลคอมพิวเตอร์

                 51751  64287  เกาะเต่า 73269  87899  ครีมกันแดด 101025   หมวก 7.64  24.22  13.97  แว่นดำน้ำ 19.96  Condom 14.93 

                 เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สามครั้งแล้วคุณก็ยังไม่ได้ยิน  จนเมื่อเพื่อนคุณที่นั่งอยู่ติดกันร้องบอกนั่นแหละ   คุณถึงได้รู้สึกตัวเอื้อมมือคว้าหูโทรศัพท์แนบกับแก้มกรอกเสียง ทักทายลงไป...เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับใด  คุณกล่าวประโยคทักทายอีกครั้ง มีเสียงเรียกชื่อคุณตอบกลับมา  เขานั่นเอง  คุณดีใจที่รู้ว่าเป็นเขา  แต่ก็นึกแปลกใจไม่น้อย  นานแล้วที่เขาไม่เคยโทรมาหาคุณที่ทำงานอีกเลย  นับตั้งแต่คบเป็นแฟนกันมา  คุณตั้งใจจะบอกกับเขาเรื่องเกาะเต่า  แต่เห็นเขามีน้ำเสียงเครียดๆ เลยเก็บเอาไว้ก่อนเขาคงมีเรื่องไม่สบายใจอยากจะระบายกับคุณกระม ัง  ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น  คุณจำได้แต่เพียงประโยคที่เขาบอกว่า ...ผมขอโทษ  ผมมีคนใหม่   เพราะหลังจากนั้นหูของคุณก็กลับกลายเป็นอื้ออึงไร้การรับรู้สรร พสำเนียงใด  หน้าชาไปทั้งแถบจนไร้ความรู้สึก  เบ้าตาอุ่นระอุจนร้อนมีหยาดน้ำเกาะคลออยู่ที่หน่วยตา   คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่ากระแทกหูโทรศัพท์ลงกับเครื่องรับดังปั งแล้วเดินออกมา  ทิ้งให้พวกที่อยู่ข้างหลังได้แต่นั่งมองหน้ากันทำตาปริบๆ  กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีคุณก็มานั่งร้องไห้อยู่บนโถส้วมนี้แล้ว  คิดอยู่แล้วเชียวว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้  คุณบอกตัวเองอย่างนั้น คุณนึกสังหรณ์ใจตั้งแต่วันที่เห็นเขาลืมตาจูบคุณวันนั้นแล้ว คุณสัมผัสได้เลยว่าเขาเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนเดิมที่คุณเคยรู้จักเมื่อสามปีก่อน ชายหนุ่มอารมณ์ดี ช่างเอาอกเอาใจและโรแมนติคคนเดิมหายไป  กลายเป็นชายอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิดและเอาแต่ใจ  คุณรู้สึกได้เลยว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น  แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงดังคาด ผมขอโทษ ผมมีคนใหม่ ช่างเป็นวิธีบอกเลิกที่ง่ายดายสิ้นดี  ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้  เบื่อแล้วก็ทิ้ง แต่ก็ยังดีกว่าแฟนคนก่อนที่พยายามสรรหาเหตุผลมากมายมาบังหน้าเพ ื่อที่จะเลิกกับคุณ โทษว่าคุณไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้   อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะกล้าสาร ภาพออกมาตรงๆ และยอมรับผิด  คุณนึกเสียดายก็แต่เวลาที่คบกันมา  กว่าจะเรียนรู้กว่าจะเข้าใจกันไม่ใช่น้อยๆ เลย  แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง  เป็นวิถีที่คุณไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากทำใจยอมรับความจริง  ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนคุณอย่างนั้น  ถึงอย่างไรคุณก็จะไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอก   คุณเชื่ออยู่ว่าแม้จะต้องเจ็บปวดอีกสักกี่สิบกี่ร้อยครั้งเพราะ ความรัก  ก็ยังดีกว่าต้องทนเหงา โดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังเพราะไร้รัก  คุณสรุปกับตัวเองอย่างนั้น  แต่ก็ยังไม่วายร้องไห้ขี้มูกโป่งจนกระดาษชำระเกือบหมดม้วน  พลันรู้สึกปวดท้องขึ้นมาหน่วงๆ จึงลุกเปิดฝาครอบโถส้วมขึ้น  คุณนั่งลงพลางนึกถึงเนื้อร้องของเพลง ทางเดินแห่งรัก ที่มักใช้ปลอบใจตัวเองยามรักคุด  หยดน้ำตาไหลผ่านร่องแก้มพร้อมๆ กับที่สิ่งปฏิกูลหล่นลงสู่คอห่าน  อย่างน้อยที่สุดท่ามกลางเรื่องเลวร้ายทั้งปวง  คุณก็หายจากอาการท้องผูกแล้ว

 

17:58 น.  บนถนน

                 กรุงเทพฯ ยามเย็น  รถยังคงติดเป็นแถวยาวเหยียดเหมือนที่มันเคยติด  เป็นมาอยู่อย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ต่างไปจากดวงอาทิตย์ที่ยังคงปรากฎกายขึ้นทางฟากฟ้าทิศตะวันอ อก แล้วทิ้งตัวลงนอนลับแนวเหลี่ยมมุมตึกสูงระฟ้าทางทิศตะวันตก  สม่ำเสมอไม่เปลี่ยนแปลง  ลมหายใจแห่งเมืองใหญ่ยังระอุกรุ่นไปด้วยมลพิษทางอากาศ   อณูปรอทล่องลอยปะปนกับคลื่นแห่งมลพิษทางเสียงสู่ประสาทการรับรู ้ของผู้คน แทรกซึม กดดัน บีบคั้น จนกลั่นเป็นมลพิษทางอารมณ์  ฉายฉานอยู่ในสีหน้าและแววตา  บ้างระบายออกกับการขับรถปาดหน้าแซงซ้ายแซงขวา  บีบแตรดังลั่นราวกับอันธพาลบนท้องถนน บ้างพรั่งพรูออกมาเป็นคำสบถนับร้อยพัน... รถจอดนิ่งสนิทอยู่เกือบยี่สิบนาทีแล้ว  คุณกำลังดิ่งลึกลงสู่ภวังค์แห่งความทุกข์  คิดทบทวนถึงเรื่องราวระหว่างคุณกับเขา พยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง  แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งวกวนเหมือนพายเรืออยู่ในอ่างไร้ทางออก  ภาพความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นในห้วงคำนึงซ้อนทับกันภาพแล้วภาพเล่า  หยดน้ำที่คลออยู่ที่หน่วยตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว  หยดแหมะลงที่ต้นขา   คุณยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาไม่รู้ตัวเลยว่านั่นยิ่งทำให้เครื่องส ำอางที่ฉาบผิวหน้าไว้เลอะเทอะเต็มไปหมด  สารรูปคุณตอนนี้ไม่ต่างไปจากผีดิบที่เพิ่งลุกจากหลุม   คุณนึกทบทวนต่อไปว่าแต่ก่อนนี้คุณเคยเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องรา วต่างๆ มากมายจนคิดสงสัยขึ้นมาว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น   เมื่อคิดไตร่ตรองดูจึงพบว่าสาเหตุแห่งความทุกข์ใจทั้งหลายนั้นล ้วนมาจากสิ่งเดียวกัน  สิ่งนั้นคือความคาดหวัง  คุณมัวแต่คาดหวังเอาจากสิ่งอื่น จากบุคคลอื่นซึ่งคุณไม่สามารถควบคุมได้  คุณคาดหวังว่าพ่อแม่จะเข้าใจคุณ  คาดหวังว่าเพื่อนจะจริงใจกับคุณ  คาดหวังว่าแฟนจะรักและซื่อสัตย์กับคุณคนเดียว   เมื่อขอบเขตแห่งความคาดหวังที่มากเกินไปปะทะกับโลกแห่งความเป็น จริง  สิ่งที่หวังเอาไว้ไม่เป็นไปดั่งใจหวัง  คุณจึงเป็นทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความคาดหวัง  คิดได้ดังนั้นคุณจึงเริ่มเข้าใจ  ตั้งแต่นั้นมาคุณก็พยายามคาดหวังจากสิ่งต่างๆ ให้น้อยลง  กับเขาเองคุณก็แทบจะไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้ว  แต่นี่มันอะไรกัน ทำไมคุณถึงยังต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้อีก  มันน่าน้อยใจในโชคชะตายิ่งนัก  เสียงข่าวรายงานสภาพการจราจรบนท้องถนนดังขึ้นคั่นรายการเพลง  คุณรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ ไม่รู้จะฟังไปทำไม ในเมื่อที่ไหนๆ ก็ติดเหมือนกันหมด เอื้อมมือกดปุ่มเปลี่ยนไปยังสถานีอื่น  บ้าจริง  ทำไมทุกคลื่นถึงได้พร้อมใจกันเปิดแต่เพลงอกหักอย่างนี้  นี่โลกยังกระหน่ำซ้ำเติมคุณไม่พออีกหรือ   นาทีนี้ฟังเพลงไหนคุณก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันถูกแต่งขึ้นมาเพื่ อคุณคนเดียวอย่างนั้นแหละ  คุณชักเริ่มเอะใจว่าทำไมผู้คนบนรถเมล์ถึงหันมามองคุณแปลกๆ  ชะเง้อมองดูหน้าตัวเองในกระจกมองหลังถึงกับผงะ  แม้จะอยู่ในอารมณ์อกหัก  คุณก็ยังอดขำในความสะเพร่าของตัวเองไม่ได้   กำลังจะเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่เบาะหลังก็พอดีรถคันหน้าเคล ื่อนตัวออกไป  คุณใส่เกียร์เหยียบคันเร่งส่งตัวรถพุ่งตามไป  เร็วขึ้นและเร็วขึ้น  ทันใดนั้นรถเมล์ทางฝั่งซ้ายก็หักพวงมาลัย ปาดหน้ารถคุณอย่างกะทันหัน  คุณเหยียบเบรคจนตัวเกร็งก่อนแช่งด่าด้วยความโมโห  คุณขับตามรถเมล์คันนั้นไปจนทัน หักเข้าเลนขวา เร่งเครื่องขึ้นไปจนอยู่ในระยะแซง ก่อนหักพวงมาลัยซ้ายปาดหน้ารถเมล์คันนั้นด้วยอาการเดียวกัน แล้วแกล้งเหยียบเบรคกะทันหันในชั่วเสี้ยววินาที   ก่อนจะกระชากเกียร์เหยียบคันเร่งส่งตัวรถพุ่งไปข้างหน้าด้วยควา มรวดเร็วอีกครั้ง  ทิ้งให้รถเมล์คันนั้นจอดนิ่งอยู่ที่สี่แยกไฟแดงข้างหลัง.. รถวิ่งมาหยุดอยู่บนสะพานข้ามแยกถัดมา คุณขับหนีมาไกลแล้ว แต่หัวใจยังเต้นกระชั้นถี่รัวแรง  แวบแรกคุณรู้สึกสะใจที่ได้ทำอย่างนั้น  แต่ภายหลังจากสติกลับคืนมาคุณกลับสำนึกเสียใจ  ผีห่าซาตานตนใดกันเข้าสิงคุณให้ทำอย่างนั้น  คุณไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย  นึกสงสารผู้คนที่อยู่บนรถเมล์คันนั้น ไม่รู้จะมีใครหัวร้างข้างแตกบ้างหรือเปล่า  คนขับรถเมล์ก็เหมือนกัน  เขาอาจจะเครียดกับการทำงานมาทั้งวันก็เป็นได้ ไม่น่าไปถือโทษโกรธเคืองเขาเลย...เสียงเพลงจากวิทยุดังแว่วขึ้นมา  Sometimes I feel like I dont have a partner. Sometimes I feel like my only friend is the city I live in, the city of angels. Lonely as I am, together we cry.**  หยาดน้ำใสๆ ไหลผ่านร่องแก้มลงมาอีกครั้ง

                 

19:20 น.  ที่บ้าน

                 คุณพาสังขารอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งแรงกายและแรงใจ  กลับมาถึงบ้านด้วยความทุลักทุเล  น่าแปลกใจจริง  ทั้งที่คุณก็แค่นั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น  หาได้ไปแบกค้อนปอนด์ทุบตึกที่ไหนมาแต่กลับอ่อนระโหยโรยแรงอย่างกับเพิ่งเดินข้ามเขามาสักลูก   อาจเป็นเพราะเรื่องของเขากับการเดินทางกว่าสองชั่วโมงบนท้องถนน ที่สูบเอาพลังชีวิตจากคุณไปใช่น้อย  คงจะจริงอย่างที่ใครสักคนว่าไว้ จิตเป็นนาย  กายเป็นบ่าว เมื่อใดก็ตามที่จิตใจอ่อนล้าเศร้าซึม หดหู่และสิ้นไร้กำลังใจ  ร่างกายก็จะพลอยเหี่ยวเฉาไร้เรี่ยวแรงตามไปด้วย  เห็นทีจะได้เวลาเข้ารับการบำบัดอีกครั้ง  คิดได้ดังนั้น  คุณจึงลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ   สำหรับคุณแล้วยามต้องเจอะเจอกับเรื่องทุกข์ใจหรือประสบกับมรสุม บางอย่างที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิต   ไม่มีอะไรจะช่วยผ่อนคลายได้ดีไปกว่าการได้อาบน้ำชำระล้างร่างกา ย  สายน้ำนับสิบสายที่พุ่งผ่านร่องรูเล็กๆ ของฝักบัวปะทะกับผิวหน้า ไหลผ่านเส้นผมทุกเส้น แทรกซึมสู่ทุกอณูของร่างกาย   ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังกระตุ้นเตือนทุกเซลล์ให้ฟี้นต ื่นจากการหลับใหล  สายน้ำให้ความรู้สึกสดชื่น  คุณมีความสุขกับการได้อาบน้ำครั้งละนานๆ ค่อยๆ บรรจงเทแชมพูลงบนฝ่ามือแล้วนวดคลึงเบาๆ จนทั่วหนังศีรษะ  การได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกวันไม่มีซ้ำให้ความรู้สึกสุขใจ อย่างประหลาด  ด้วยเหตุนี้ห้องน้ำจึงเปรียบเสมือนสถานบำบัดจิตย่อมๆ ที่เป็นส่วนตัวของคุณเอง   มันจึงเต็มไปด้วยสบู่และครีมอาบน้ำนับสิบกลิ่นกับแชมพูอีกหลากห ลายยี่ห้อที่คุณสรรหามาเก็บไว้  สามสิบนาทีผ่านไป   คุณก้าวออกมาด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่คล้ายกับสายน้ำได้ช ำระล้างเอาความทุกข์ใจไหลรวมไปกับสิ่งปฏิกูล   สายน้ำชำระล้างจิตวิญญาณของคุณให้กลับคืนมาบริสุทธิ์เหมือนเดิม อีกครั้งคุณเปิดทีวีดู  เปลี่ยนช่องไปยังสถานีที่มีละครเรื่องที่คุณกำลังติดพันอยู่   ก่อนลงมือละเลียดข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทยไข่ดาวด้วยความเอร็ด อร่อย  ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวทุเรียนเป็นของหวาน  ข้อดีอย่างหนึ่งของการเลิกกับแฟนก็คือไม่ต้องมากังวลกับเรื่องไดเอ็ตอีก  เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน  คุณเอนหลังลงกับที่นอนปิดเปลือกตาลง  ในห้วงคำนึงสุดท้ายคุณนึกอยู่ว่าจะซื้ออะไรไปฝากพ่อกับแม่บ้าง  คุณไม่รู้ตัวหรอกว่าหลับฝันไป  ในฝันคุณเห็นตัวเองนั่งอยู่บนโถส้วมคุณท้องผูกอีกแล้ว.

..

* = เทคนิคนี้มาจากเรื่องสั้น จั่น โดย นาม มะโรง 

      นิตยสารช่อการะเกด 18 โภคานุวัตร (ไตรมาสที่สอง 2537) 
--------------------------------------------------------------------------------

MLM ( Multi Level Marketing) = กลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่งที่ใช้กลวิธีในการขายแบบขายตรง (Direct Sales) 

เพลง Creep ของวง Radio Head
เพลง Under the Bridge ของวง Red Hot Chili Peppers				
3 สิงหาคม 2547 16:40 น.

บารมี....?!!!

สุชาดา โมรา

 คดีนี้ต้องไม่แพ้  ไอ้นพย้ำ  เพราะมันหมายถึงอนาคตหน้าที่การงานของกูด้วย

 ก็มันแพ้เขาแหงๆ  ต่อให้เอาเทวดามาว่าความให้ก็แพ้  

เอาเหอะ  มึงขึ้นมาช่วยกู  เพราะกูเองไม่มีปัญญาทำอะไรแล้ว  และนัดคราวนี้ศาลก็กำชับไม่ให้ขอเลื่อนคดีแล้ว แต่กูบอกมึงก่อนนะว่ากูมีเงินแค่ซื้อตั๋วรถไฟไป-กลับให้มึง

แล้วมึงจะเสียตังค์โดยใช่เหตุทำไมวะ  กูบอกแล้วไงว่าโอกาสชนะเป็น 0  ผมไม่วายทักท้วงมันก่อนที่จะยอมทำตามคำขอร้องของมัน

 


ผมเพิ่งรู้จักไอ้นพได้ไม่นานนัก  ตอนที่ผมเดินทางไปว่าความที่สงขลา  แล้วบังเอิญว่ามันโดยสารรถไฟขบวนเดียวกับผม  โดยเพื่อนร่วมทางของผมเป็นผู้แนะนำให้รู้จักกัน  

ความที่วิชาการที่จำเป็นในการว่าความของมันค่อนข้างอ่อนแอ  ทำให้มันต้องเอางานที่มันได้รับมอบหมายมาปรึกษาผมอยู่เนืองๆ  จนกระทั่งมันตัดสินใจกลับไปตายรัง  คือกลับไปทำมาหากินที่เชียงใหม่

 


แล้ววันหนึ่ง  มันก็โทรศัพท์ทางไกลมาหาผมเพื่อปรึกษาคดีที่มันรับมา

ก็แค่คดีแพ่งที่ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค  จำนวนเงินตามเช็คแค่ห้าหมื่นบาท  แถมเป็นทนายความฝ่ายจำเลยด้วย  แบบนี้มันจะได้ค่าจ้างว่าความไม่กี่พันบาทหรอก

หลังจากที่ลงทุนเสียค่าโทรศัพท์ทางไกลเพื่อปรึกษาผมได้ไม่กี่คร ั้ง มันก็ตัดบทเอาดื้อๆว่าให้ผมเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อว่าความคดีน ั้นแทนมัน

 


จากข้อมูลที่ไอ้นพมันบอกมา  จำเลยในคดีดังกล่าวคือพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งขณะนั้นกำลังมีชื่อเ สียงขจรขจายเล่าลือกันว่าท่านเทศนาได้ไพเราะจับใจคนฟังจนเป็นที ่ศรัทธาของบรรดาญาติโยมทั่วประเทศไทย   ส่วนเช็คฉบับที่ถูกฟ้องเป็นเช็คผู้ถือ  หมายถึงเช็คที่สั่งธนาคารจ่ายเงินให้แก่ใครก็ตามที่นำเช็คฉบับน ั้นมาเรียกเก็บเงิน  เช็คแบบนี้หากจะโอนเปลี่ยนมือก็เพียงแค่ส่งมอบเช็คให้กันไปโดยไ ม่ต้องมีการสลักหลังให้ยุ่งยาก  ซึ่งถ้านำมาฟ้องร้องทางแพ่งแล้ว ฝ่ายโจทก์มีภาระการพิสูจน์เพียงแค่นำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คฉบับนั้นๆ และเมื่อได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินหรือที่ภาษาชาวบ้านพูดกันสั้น ๆว่า ขึ้นเงิน แล้ว  ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน  ส่วนฝ่ายจำเลยมีหนทางเดียวที่จะเอาตัวรอดได้คือต้องหาพยานหลักฐ านมาแสดงให้ศาลเชื่อว่าโจทก์ได้รับเช็คมาโดยไม่สุจริต   แต่หนทางเดียวที่ว่านี้เป็นทางตันเพราะในทางปฏิบัติแล้วเป็นเรื ่องที่เป็นไปไม่ได้

 

เกือบตลอดระยะทางบนรถไฟเที่ยวนั้น  ผมนึกถึงแต่ภาพยนตร์โทรทัศน์ชุดหนึ่งมีชื่อภาษาไทยว่า ขบวนการพยัคฆ์ร้าย  แต่ชื่อภาษาอังกฤษสิ Mission impossible  แปลเป็นไทยว่าภารกิจที่เป็นไปไม่ได้  มันช่างเหมาะเจาะกับสภาพภารกิจที่ผมกำลังเดินทางไปปฏิบัติเสียจ ริงๆ

 


หลังจากไปถึงเชียงใหม่  ไอ้นพก็โอดครวญให้ผมฟังว่ามันคงไปไม่รอดในวิชาชีพทนายความแล้ว  เพราะนอกจากมันจะไม่แม่นข้อกฎหมาย  และไม่ค่อยรู้จักใครแล้ว  มันยังเสือกไม่มีใจรักที่จะเป็นทนายความด้วย  และตอนนั้นมันเพิ่งจะได้เป็นลูกจ้างชั่วคราวของมหาวิทยาลัยแห่ง หนึ่ง  โชคดีที่ได้รู้จักอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่จะสามารถสนับสนุ นให้มันเลื่อนฐานะเป็นลูกจ้างประจำและข้าราชการประจำไปในที่สุด ได้  และอาจารย์คนนี้เป็นคนหนึ่งที่เลื่อมใสศรัทธาพระภิกษุรูปนี้  และติดต่อให้มันเป็นทนายความต่อสู้คดีให้พระ  รวมทั้งเป็นคนกำหนด เงื่อนไขของการแพ้ไม่ได้ให้กับมันด้วย 

ตอนนั้นผมก็ยังอ่อนเยาว์ทั้งในฐานะทนายความและต่อโลก   เลยนึกไม่ออกว่ามันมีความจำเป็นอะไรที่พระภิกษุจะแพ้คดีชาวบ้าน ไม่ได้  โดยเฉพาะในเมื่อพิจารณาทั้งจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยละเอี ยดแล้วก็ไม่มีหนทางใดๆ ที่จะพลิกแพลงรูปคดีได้เลย  จนกระทั่งไอ้นพพาผมไปพูดคุยกับอาจารย์คนนี้แหละผมถึงได้รับรู้ว ่าการพ่ายแพ้คดีนั้นอาจหมายถึงการเสื่อมศรัทธาของคนทั่วไปที่มี ต่อพระด้วย  ซึ่งเป็นเรื่องที่พระจะยอมเสี่ยงไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ผมหายแปลกใจแล้วว่าทำไมไอ้นพถึงไม่เชื่อฟังตอนที่ผมแนะนำให้มัน ขอประนีประนอมด้วยการขอลดยอดหนี้หรือขอผ่อนชำระให้แก่โจทก ์  ซึ่งเป็นวิธีการง่ายๆ ที่ทำกัน   แต่ที่ไม่หายไปซ้ำกลับพอกพูนขึ้นก็คือความอึดอัดใจ   ภาระของไอ้นพที่ตอนนั้นถูกโอนมายังผมทั้งหมดแล้วมีเป้าหมายที่ม ืดแปดด้านจริงๆ  จนแม้คืนนั้นผมจะลองนอนคิดอีกทั้งคืนก็ยังมองไม่เห็นช่องทาง

 


เช้าวันรุ่งขึ้น  เราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังอำเภอพร้าว    เพราะสมัยนั้นยังมีการส่งผู้พิพากษาจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ไปนั ่งพิจารณาคดีที่นั่น  โดยอาศัยสถานที่ของที่ว่าการอำเภอพร้าวทำเป็นห้องพิจารณา  และเรียกเป็นภาษาราชการว่า ศาลเคลื่อนที่ประจำอำเภอพร้าว

เราแวะกินข้าวมื้อเช้าที่บ้านโยมของพระก่อนที่จะไปศาล  ที่นั่นทำให้ผมยิ่งเครียดกับภารกิจที่ได้รับนั้นมากขึ้นเพราะมี ชาวบ้านมาคอยต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แถมไอ้นพดันเสือกบอกกับคนพวกนั้นว่าผมเป็นทนายความฝีมือดีที่มั นจุดธูปเชิญมาจากกรุงเทพฯ เสียอีก

ตอนรถแล่นออกจากบ้านนั้น  สายตาหลายคู่ที่แสดงการฝากความหวังทั้งหมดไว้กับผมทำให้ผมแอบอธ ิษฐานขอให้มีเครื่องบินสักลำบินมาตกใส่รถที่ผมนั่งอยู่นั้นเสีย   แต่คำอธิษฐานของผมไร้ผล

 


ขณะที่รถค่อยๆแล่นผ่านประตูรั้วของที่ว่าการอำเภอพร้าวเข้าไป  ไอ้นพชี้ให้ผมดูรถเบ๊นซ์ 300 ป้ายแดงซึ่งจอดอยู่พร้อมบอกผมว่าฝ่ายโจทก์มาถึงก่อนเราแล้ว  

แสงแห่งความหวังเจิดจ้าขึ้นมาในความคิดของผมทันที  ผมรีบบอกให้ไอ้นพชี้ตัวโจทก์ให้แล้วโอนภาระงานธุรการเกี่ยวกับก ารติดต่อกับศาลทั้งหมดให้มันก่อนที่จะเข้าไปยกมือไหว้ทักทายคู่ ความฝ่ายตรงข้าม


 พ่อเลี้ยงครับ   ผมเอ่ยทักก่อนที่จะแนะนำตัว

 ผมขอรบกวนคุยกับพ่อเลี้ยงสักนิด   คือผมคิดดูแล้วว่าคนระดับพ่อเลี้ยงไม่น่าจะลงทุนขับรถมาจากน่าน เพื่อฟ้องคดีนี้เลยนี่ครับ

 ผมต้องการพิสูจน์ว่าตุ๊ตนนี้บ่ดี พ่อเลี้ยงตอบเสียงเครียด

 ไม่ดียังไงบ้างครับ  ผมก็ไม่รู้จักหรือสนใจอะไรท่านมาก่อนหรอก  คดีนี้เพื่อนมันขอให้ผมมาช่วยผมก็มา  ยังไม่รู้เรื่องอะไรในคดีนี้มากด้วยซ้ำ

ได้ผลแฮะ  พ่อเลี้ยงระบายความอัดอั้นใจให้ผมฟังเสียยืดยาว  ซึ่งผมก็ฟังด้วยความเห็นอกเห็นใจ


 

 พ่อเลี้ยงคงไม่มีโอกาสทำอย่างที่ตั้งใจหรอกครับ  ผมติงหลังจากพ่อเลี้ยงเล่าความเป็นมาจบแล้ว

 ในศาลนี่เราไม่ได้มีโอกาสให้การนอกเรื่องนอกราวตามใจเรา  อย่างคดีนี้ประเด็นมีแค่ว่าเช็คนี่พระลงชื่อสั่งจ่ายแล้วก็มีคน เอาไปจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างที่ซื้อจากพ่อเลี้ยง   เรื่องอื่นๆที่พ่อเลี้ยงเล่าให้ผมฟังนี่มันนอกประเด็นนะครับ  ผมพักหายใจหายคอบ้าง   ผมเชื่อว่าพ่อเลี้ยงไม่ได้โกหกผม  แต่พ่อเลี้ยงก็น่าจะเชื่อผมบ้างว่าพ่อเลี้ยงไม่มีโอกาสเอาเรื่อ งนอกประเด็นมาพูดได้มากขนาดนั้นหรอก 

ถึงตอนนี้พ่อเลี้ยงอึ้งไป

 คดีนี้พ่อเลี้ยงชนะแน่นอนครับ  แต่พ่อเลี้ยงจะไปยึดทรัพย์พระถึงในวัดเชียวหรือ  แล้วทรัพย์สินเหล่านั้นก็มาจากศรัทธาชาวบ้านทั้งนั้นด้วย  ตอนท้ายนี่ผมอาศัยความรู้ว่าชาวล้านนามีความเชื่อเคร่งครัดเรื่ องไม่ควรเอาของวัดมาเป็นของตน

 ได้มาเท่าไหร่ผมก็จะเอาไปทำบุญทั้งหมด  พ่อเลี้ยงตอบไม่ทันขาดคำเจ้าหน้าที่ศาลก็เรียกให้รีบเข้าห้องพิ จารณาเพราะผู้พิพากษากำลังจะขึ้นนั่งบนบัลลังก์ 


 

เมื่อเข้าไปในห้องพิจารณาซึ่งอยู่มุมสุดของอาคารชั้นล่าง  ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นชาวบ้านยืนกันสลอน  ลองกะประมาณด้วยสายตาก็คงสักสองร้อยคนขึ้นไป   ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาวบ้านเหล่านี้คอยเอาใจช่วยฝ่ายไหน 

ทันทีที่ศาลเริ่มดำเนินกระบวนพิจารณา  ผมรีบแถลงต่อศาลว่าผมได้คุยอะไรกับพ่อเลี้ยงมาบ้าง และเน้นว่าไม่อยากเห็นคดีนี้ลงเอยอย่างน่าอเน็จอนาถต่อความรู้ส ึกของชาวพุทธ  ปิดท้ายด้วยการเสนอขอให้โจทก์เอาเงินจำนวนนั้นทำบุญกับวัดที่จำ เลยจำพรรษาโดยไม่ต้องไปทำบุญที่อื่น 


 โจทก์จะว่าอย่างไรล่ะ  ศาลว่าที่ทนายจำเลยเขาเสนอมานี่ก็ดีนะ  ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นคล้อยตามผมช่วยไกล่เกลี่ย

  ผมไปทำบุญที่อื่นดีกว่าครับ  เพราะถ้าทำที่นี่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาเงินผมไปทำอะไร  

 ทำไมจะต้องคิดมากขนาดนั้นล่ะ  ผู้พิพากษาติง   คนเราทำบุญมันสำคัญตรงได้ทำ  ทำแล้วก็อิ่มเอิบใจ  ไม่ต้องเก็บมาวิตกวิจารณ์อะไรหรอก

 ผมกลัวว่าเงินจำนวนนี้จะไม่เข้าวัดจริงน่ะสิ  พ่อเลี้ยงไม่วายอิดเอื้อน

 เรื่องนี้หมดห่วงได้เลยครับ ผมได้โอกาสพูดบ้าง   วัดทุกแห่งต้องอยู่ในการดูแลของกรมการศาสนา ต้องทำบัญชี  ถ้าพ่อเลี้ยงยินดีตามที่ผมเสนอแล้วทางวัดก็จะต้องออกใบอนุโมทนา บัตรให้เป็นหลักฐาน  แบบนี้พ่อเลี้ยงก็มั่นใจได้เลยว่าเงินต้องเข้าวัดแน่

ถึงตอนนี้พ่อเลี้ยงหันไปสบตาทนายความของตนในเชิงขอความคิดเห็น  ก่อนที่จะยอมถอนฟ้องคดีนั้น   แลกกับการที่มีผู้ที่ศรัทธานับถือพระออกเงินบริจาคเท่ากับทุนทร ัพย์ของคดีแล้วให้วัดออกใบอนุโมทนาบัตรให้แก่พ่อเลี้ยงเพื่อเป็ นหลักฐานยืนยันว่ามีเงินเข้าบำรุงวัดตามจำนวนนั้นจริง 


 

ผมเดินออกจากห้องพิจารณามาอย่างยิ้มย่อง  ในที่สุดคดีนี้ฝ่ายจำเลยก็ไม่ได้แพ้  ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ฝ่ายตรงข้ามสามารถกินเลือดกินเนื้อได้เลย ถ้าตัวจำเลยโผล่หน้ามาให้เห็น   แต่ตอนนี้เขาถอนฟ้องไปแล้ว   และถ้าผมเดินออกไปถึงกลุ่มชาวบ้าน  พวกเขาคงจะรุมล้อมแสดงความชื่นชมยินดีกับผม   

ชาวบ้านกำลังสลายกลุ่มทยอยกันกลับ   แต่ไม่มีใครสักคนให้ความสนใจผม   ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มหรือการสบตาทักทาย

ผมรู้สึกเก้อกับสถานการณ์ตอนนั้น  งุนงงด้วยความแปลกใจจนกระทั่งได้ยินชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ถึงเห ตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งผ่านพ้นไปตามความรู้สึกของพวกเขา และคนหนึ่งพูดว่า

 บารมีตุ๊แต๊ๆ    เปิ้นตึงยอมถอนฟ้อง 

หรือว่าไม่จริง  อิ ๆ ๆ ๆ ๆ.................................?
ใช่มะ.........................................?				
3 สิงหาคม 2547 16:37 น.

ทำนายรัก...ทำนายฝัน

สุชาดา โมรา

ผมเป็นนักโบราณคดีอยู่ที่กรมศิลปากร  อาชีพหลักของผมคือสอนหนังสือแต่ที่จริงใจผมอยากไปขุดเจาะหาร่องรอยทางประวัติศาสตร์มากกว่าเพราะผมชอบและถนัดทางด้านนี้  แต่มันติดตรงที่ว่ายังไม่มีแหล่งข้อมูลใหม่ ๆ ที่พวกเราจะไปเก็บข้อมูลและทำการขุดน่ะสิ...
	.......ในคืนที่เงียบสงัดผมเดินออกไปที่หลังบ้านคนเดียว  ผมรู้สึกเหมือนใครกำลังจ้องมองผมอยู่  พอผมหันไปก็ไม่มี  จู่ ๆ สายลมก็พัดวูบมาทั้ง ๆ ที่ใบไม้ไม่กระดิกเลยแม้แต่นิดเดียว  มันถึงกับทำให้ผมขนลุกซู่ขึ้นมาทันที...  ผมหันไปที่ข้างหลังผมเห็นอะไรขาว ๆ ลอยผ่านหน้าผมไป  ผมรู้สึกกลัวมากจึงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเลย  ทำไมแถวบ้านจากที่มีแต่ตึกกลับกลายเป็นป่าไปได้  ผมรู้สึกกลัวและสังหรณ์ใจไม่ดีเลย  ยิ่งผมเร่งฝีเท้าก็ยิ่งเหมือนถูกจ้องและถูกไล่ตามมากเท่านั้น  โอ๊ย....!!!! ผมสะดุดตอไม้ล้ม  ที่ขามีรอยกรีดเหมือดถูกมีดบาด  เลือดค่อย ๆ ซึมออกมาและก็หยดลงไปที่พื้น  ทำไมบาดแผลนิดเดียวจึงมีเลือดออกมามากขนาดนี้เนี่ย...  ผมรู้สึกเหมือนใครบางคนกำลังจ้องมองผมอยู่ผมจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเธอสวยมาก  เธอมายืนจ้องมองผม  เธอยิ้มแล้วก็ผยุงตัวผมขึ้น  "คุณมาทำอะไรที่นี่ในยามดึกดื่นป่านนี้  ขอบคุณนะที่ช่วยผม"  ผมถามเธอในใจแต่เธอกลับตอบผมเสียนี่  "ไม่เป็นไรค่ะ  บ้านฉันอยู่ที่นี่ตรงนี้  คุณหลวงฉันรอคุณอยู่  มองดูสินี่มันบ้านของเรา......."
	เฮือก..........!!!!
	ผมสะดุ้งตื่นจนสุดตัว  ผมฝันไปหรือนี่  เฮ้อ...ทำไมมันจึงเหมือนจริงได้ขนาดนี้....ผมเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วก็เดินไปนั่งดูทีวี  พอผมเปิดทีวีก็เห็นเป็นภาพผู้หญิงคนนั้นจึงทำให้ผมต้องขยี้ตาหลายที  ผมตาฝาดไปเอง

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ				
3 สิงหาคม 2547 16:34 น.

ทรัพย์ธรนินทร์

สุชาดา โมรา

ท่านผู้หญิงผอบแก้วเป็นภรรยาเอกมีบุตรธิดาด้วยกัน 4 คน  คุณเรณูเป็นลูกสาวคนโตเธอเป็นคนสวยเรียบร้อยอ่อนหวานหัวอ่อน  ออกเรือนไปกับเจ้าคุณรัตนาซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพ่อของเธอ  คุณปราบเป็นบุตรคนรองชีววิตของเธอค่อนข้างผาดโผน  ความฝันของเธอคืการได้เป็นนายทหารให้สมหน้าสมตากับชาติตระกูล  และเธอก็ทำสำเร็จเธอได้เป็นถึงพระยาปราบราชบดินดร์  แต่เธอก็มิใคร่ที่จะหาลูกสาวบ้านไหนมาเป็นภรรยาถึงแม้ว่าคุณหญิงและเจ้าคุณพ่อของเธอจะจัดหาให้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม  คุณเทพเป็นบุตรคนที่สามไม่ได้รับราชการเพราะเธอถนัดการค้าขายเธอจึงไม่เคยอยู่ติดกับบ้านเหมือนคุณปราบ  เธอมักจะล่องสำเภาตามแบบอย่างของคนจีนเพื่อไปเร่ขายสินค้าที่จีนบ่อย ๆ เธอจึงแต่งงานกับลูกเจ้าสัวจีนไล้ที่อยู่เมืองจีนชื่อเหมยลี่  มีลูกด้วยกันสองคน  ชื่อลูกท้อและตี๋น้อย  ส่วนคุณโสภีลูกสาวคนเล็กเธอเป็นคนสวยมากเรียบร้อยอ่อนหวาน  เด็ดเดี่ยวและไม่เคยยอมคน  เธอค่อนข้างหัวทันสมัยเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวที่ได้เรียนหนังสือ  มีผู้ชายหลายคนมาสู่ขอแต่เธอก็ไม่ตกลง  เธอยอมที่จะขึ้นคานดีกว่าที่จะเป็นเหมือนครอบครัวของตัวเอง  ทรัพย์สินธุ์ทุกอย่างในบ้านจึงตกเป็นของเธอเพราะคุณปาบก็ไม่ใคร่ที่จะอยากได้ของบรรพบุรุษเนื่องจากเธอมีบ้านหลวงพระราชทานอยู่แล้ว
	ส่วนบรรดาภรรยาน้อยของท่านเจ้าพระยาบริบาลย์อุดมศักดิ์มนตรีนั้นไม่มีบุตรหรือธิดาเนื่องจากท่านผู้หญิงผอบแก้วนั้นเธอเป็นคนร้ายกาจถึงแม้ว่าเธอจะยอมให้สามีมีภรรยาหลายคนแต่เธอก็ไม่ยอมให้ภรรยาน้อยคนใดหรือเมียบ่าวคนใดมีลูกได้เลย  เธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เมียของท่านมีลูกได้  ไม่ว่าจะเป็นการเอาน้ำมะนาวกรอกลงไปในมดลูกหรือแม้แต่การทำแท้งก็ตาม  เพราะเธอไม่อยากให้ลูกของเมียคนใดได้สมบัติไป  เธอจะมีบ่าวที่สนิทอยู่สองคนคือนางรื่น  นางแดง  นางมา  และนางสาย  ซึ่งบ่าวพวกนี้มักจะทำการสำเร็จโทษบรรดาเมีย ๆ ของท่านทุกคนเพื่อไม่ให้มีลูกได้
	"โอ๊ย....!!!!อย่า...ท่านคะช่วยด้วย...เมตตาอิฉันเถอะ....กรี๊ด......!!!!!"
	เสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแสนสาหัสของภรรยาน้อยทุกคนที่หลังจากถูกเรียกตัวไป...ก็จะถูกบ่าวทั้งสี่มาลากตัวออกไปจากห้องเพื่อไปสำเร็จโทษที่เรือนหลังเก่าท้ายที่  ถึงแม้ว่าท่านเจ้าพระยาจะรู้แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรคุณผอบแก้วได้เพราะเธอเป็นถึงเมียพระราชทานมาจากข้างใน...  ทุก ๆ ครั้งที่บ่าวทั้งสี่ทำการสำเร็จโทษนั้นคุณผอบแก้วก็มักจะไปควบคุมด้วยตนเองเสมอ
	"อย่าดิ้นหรือร้องไปเลยนางลำไย  ช่วยไม่ได้นี่ที่เธอมาเป็นเมียของท่าน  มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่จะมาเทียบตำแหน่งกับฉัน"
	"อิฉันก็เป็นถึงลูกเจ้าพระยาทำไมต้องทารุณกับอิฉันอย่างนี้..."
	"ทนไม่ได้ก็ต้องทน  ฉันจะไม่ให้แกหนีรอดไปได้หรอก...มานี่  อวดดีดีนัก....!!!!"
	เพี๊ยะ  เพี๊ยะ  เพี๊ยะ.........!!!!
	คุณผอบแก้วหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นความทุกข์ของภรรยาน้อยของท่าน...  หลายคนแล้วที่ต้องตายไปเพราะการทรมานของคุณผอบแก้ว  ภรรยาหลายคนทนไม่ไหวถึงกับผูกคอตายบนขื่อบ้านคนแล้วคนเล่าจนเหลือภรรยาที่ตบแต่งมาเพียง 4 คน  คือคุณผยอม  คุณไฉไล  คุณอัญชัญ  และคุณไข่มุก

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...				
3 สิงหาคม 2547 16:30 น.

ฝัน...คนละใบ

สุชาดา โมรา

เล็กชอบเพลงพวกนี้หรือ  

เขาพลิกหน้าหนังสือเพลงค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่วางอยู่ตรงหน้า

           ชอบเกือบทุกเพลงค่ะ

           และเล็กก็เล่นเพลงพวกนี้ได้

           ค่ะ

 

           ดวงจันทร์กลมโตพ้นปลายไม้ด้านตะวันออกราวสองคืบสาดกระจ่างทั่วช านบ้านด้านไม่มุงหลังคาแลเห็นกระถางดอกไม้ป่าแจ่มชัด     กระนั้นแสงเทียนก็ยังทำหน้าที่ขับความมืดหม่นตรงหน้าระหว่างคนส องคนอยู่อย่างซื่อตรงและเป็นผล

           บ้านหลังนี้ชาวบ้านสร้างเป็นบ้านพักครูหลังแรกของโรงเรียนป่าเต ็งวิทยา  ส่วนหลังที่สองที่อยู่ถัดไปเป็นบ้านพักครูจากงบประมาณของรัฐ  บ้านหลังที่สองดูสวยงามต่างจากหลังที่หนึ่งลิบลับ แต่กนกวรรณก็เลือกบ้านหลังแรกแม้ครูอีกคนในโรงเรียนเสนอให้เธออ ยู่บ้านพักหลังที่ดีกว่า

           พิษณุนั่งเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยมที่วางอยู่ชิดเสาหันหน้าไปทา งเหนือ     กนกวรรณยังประคองกีตาร์นิ่งคล้ายเหม่อมองจันทร์แต่ไม่ใช่  เธอยังไม่ขยับนิ้วเล่นสายใด ๆ   ในความนิ่งงันชั่วครู่มีแต่เสียงน้ำตกที่ห่างออกไปไม่เกินห้าสิ บเมตรได้ยินเสียงซ่าซ่าซู่ซู่อยู่อย่างนั้น     ชายหนุ่มเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น  ระยะทางเกือบสองร้อยกิโลเมตรห่างจากตัวจังหวัดอาจดูไม่ไกลสำหรั บเขากับโฟวีลไดรฟ์สีเข้มที่จอดอยู่หน้าบ้านพัก   แต่มันก็ทุลักทุเลเอาการเพราะต้องไต่มาตามทางชันแคบ ๆ ร่วมสิบสามกิโลเมตรกว่าจะถึงโรงเรียนบ้านป่าเต็งวิทยา

           ทั้งพิษณุและกนกวรรณต่างเป็นเพื่อนร่วมคณะแต่ต่างสาขา ของมหาวิทยาลัยในภูมิภาค  ฝ่ายชายเลือกที่จะทำงานกับบริษัทเอกชน  แต่ฝ่ายหญิงเลือกที่จะเป็นครูตามความใฝ่ฝันวัยเด็ก

           เล็กไม่คิดเปลี่ยนใจหรือ

           ก็ไม่แน่ค่ะ     อาจจะเปลี่ยนเร็ว ๆ นี้ก็ได้  

เธอตอบออกไปอย่างนั้น  แต่ความจริงเธอยังรู้สึกห่วงใยแววตาแป๋วแสนซื่อของเด็กบ้านป่าล ูกศิษย์ของเธอ

           ไปทำงานกับผมไหม  มีตำแหน่งโปรโมตขึ้นใหม่  คิดว่าเหมาะกับเล็กมาก

           เป็นยังไงคะ

           เป็นงานฝ่ายอบรมและพัฒนาบุคลากร   ก็เหมือนกับที่เล็กทำตอนนี้   เพียงแต่เป็นทำกับผู้ใหญ่เท่านั้นเอง     เงินเดือนมากพอที่เล็กจะออกรถสบาย ๆ ในหนึ่งปี

           หรือคะ

           หญิงสาวเริ่มเกาสายกีตาร์ เป็นบทเพลงเปลี่ยวเหงาแห่งค่ำคืนของคนที่พลัดหลงไปบนเส้นทางอัน ไม่คุ้นเคย   คนฟังไม่รู้จักเพลงนั้น  ถ้าเธอเล่นเพลงสากลเก่า ๆ ยังจะรู้จักดีกว่า

           ถ้าเล็กตัดสินใจ  พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปติดต่อเดินเรื่องย้ายให้    ผมมีญาติที่อยู่ข้างในและรู้จักกับนักการเมืองด้วย

           เขาพูดแทรกเสียงจากสายคีย์ไมเนอร์ ส่วนหญิงสาวยังไม่ตอบรับและปฏิเสธ  ความอึดอัดจึงเริ่มแผ่คลุมหัวใจเขา   แต่ในใจของเล็กนั้นก็ยากที่ใครจะรู้   เธออาจอยากได้ยินถ้อยคำอย่างหนึ่งอย่างใดให้ชัดเจน  หรืออาจอยากให้คืนนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หรือสว่างเสียที เพื่อทีจะได้กลับไปอยู่กับแววตาซื่อ ๆ ของเด็กน้อย

           ณุคะ   เล็กขอคิดดูก่อนได้ไหมซักเดือนนึง แล้วเล็กจะเขียนไปบอก

           นั่นเป็นคำพูดสั้น ๆ ที่ให้ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่หนุ่มหล่อมีอนาคตในการที่เขาบากบั่นเข้ามาเยี่ยมเพื่อนสาวหน แรกนี้  

           รุ่งเช้าฝุ่นแดงทิ้งตัวลงแล้วหยุดนิ่งหลังจากรถขับเคลื่อนสี่ล้ อจากไปไม่นาน

 

           ครูคะ  แฟนของครูมาเยี่ยมหรือคะ  เด็กน้อยท่าทางฉลาดที่สุดในห้องถามซื่อ ๆ

           เพื่อนของครูจ้ะ   เขาแวะมาเยี่ยม

           เขาทำงานอะไรคะ   ดูโก้จัง

           เขาทำงานในบริษัท

           พวกเรากลัวครูจะจากพวกเราไป

           ไม่หรอกจ้ะ  ครูจะอยู่กับพวกหนูที่นี่

           เด็กน้อยแย้มยิ้มดีใจ น้ำตาเอ่อไหลยินดี

 

OOOOOOOO

 

           สมปอง  เป็นครูสอนอยู่ที่นี่ก่อนหน้ากนกวรรณไม่นานนัก  ก่อนหน้านี้เขาพักอยู่กับชาวบ้าน  พอหญิงสาวเดินทางมาบรรจุทำงานที่นี่เขาก็เข้ามาอยู่บ้านพักด้วย ความเป็นห่วงเธอ    ถึงแม้ว่าบ้านพักครูกับบ้านชาวบ้านจะห่างกันไม่มากนักแต่หญิงสา วก็เป็นคนตัวคนเดียวจากต่างถิ่น

แถมไม่อยากเข้าไปพักกับชาวบ้านตามคำขอของผู้ใหญ่บ้านเสียด้วย เธอกลัวว่าจะเป็นการรบกวนสร้างความยุ่งยากให้ชาวบ้านนั่นเอง

           สมปองยังไม่แต่งงานด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือยังไม่พร้อม  แม้ว่าจะมีสาวชาวบ้านหน้าตาดีมาแสดงความสนใจใยดีมากมายอย่างไรก ็ตาม   เขาว่าเขาต่ำต้อยเกินจะเอ่ยคำว่ารักกับใคร  ชายหนุ่มจึงมีแต่ท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัว  ในขณะที่หญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนกล่าวหาว่าเขาเย่อหยิ่งถือตัว  เขาได้ยินก็ยิ้มแล้วปล่อยให้ผ่านเลย   หนุ่มโสดไร้พันธะจึงขึ้นเขาลงห้วยไปไร่ไปสวนกับชาวบ้านได้อย่าง เสรี

           พี่สมปอง  กลับบ้านบ้างหรือเปล่า    ตั้งแต่หนูมาเห็นพี่ไปโน่นไปนี่กับชาวบ้าน  ไม่เห็นพี่เข้าเมืองเลย

           ครูหนุ่มสาวคุยกันระหว่างอาหารมื้อเที่ยงที่เพิงกินข้าวข้างอาค ารเรียน

           พี่เพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อสองเดือนนี่เอง  พ่อกับแม่ว่าพี่แก่ดำคล้ำไปเยอะ

           เขาหัวเราะหึ ๆ  หญิงสาวก็พลอยยิ้มกว้างไปด้วย  เด็กที่กินข้าวอยู่ใกล้ ๆ มองครูของพวกเขาอย่างชื่นชม

           หนูอยากใช้ชีวิตอย่างพี่จัง  ทำโน่นทำนี่คงไม่เหงา

           ก็ไม่ใช่พี่ไม่เหงานะ  เวลาว่าง ๆ มันก็มีบ้าง    แต่ส่วนใหญ่พี่ก็ไม่ให้มันว่าง ออกไปคุยกับคนเฒ่าคนแก่  เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เราไม่ต้องปลูก  ที่สนุกกว่านั้นคือลงไปลุยกับเขา ขึ้นเขาลงห้วย หาปูหาปลา ทำไร่ทำนาอะไรก็ว่าไป  มีอะไรที่เรายังไม่ได้เรียนรู้อีกมาก

           หนูเพิ่งรู้จักชาวบ้านไม่กี่คนเลย

           ก็ไม่เป็นไร   ถ้าอยากเรียนรู้ก็เริ่มจากคนที่เราสนิทสนมรู้จักและไว้ใจก็ได้   น้องอยากไปช่วยเขาเกี่ยวข้าวขนข้าวไหมล่ะ

           อืม  น่าสนใจ   ถ้าพี่ไปชวนหนูได้ไหมคะ

           เดี๋ยวพี่จะบอกนะ

           ขอบคุณค่ะ

 

           สมปองกับกนกวรรณสอนนักเรียนคนละ 3 ชั้น ครูใหญ่ช่วยบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนหน้านี้โรงเรียนป่าเต็งวิทยามีครูหลายคนแต่ก็ย้ายเข้าเมือง กันหมด  ครูใหญ่เป็นครูที่พักอยู่ต่างหมู่บ้านออกไป  เขาเข้ามาโรงเรียนสลับกับออกไปข้างนอกอยู่เสมอ    ครูในบ้านพักครูจึงต้องอยู่กันอย่างเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรทั้งชั่ วโมงสอนและการใช้ชีวิต

           ปีนี้ชาวบ้านป่าเต็งปลูกข้าวได้ผลดีเพราะน้ำท่าอุดม  พวกเขาลงแขกเกี่ยวข้าวจนแล้วเสร็จและกำลังขนขึ้นลานเพื่อนวดก่อ นขนขึ้นยุ้ง   สมปองกับกนกวรรณมาช่วยชาวบ้านขนข้าวขึ้นลาน  ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ปกครองของนักเรียนในชั้นที่กนกวรรณสอนปลื้มอ กปลื้มใจมากคาดไม่ถึงว่าครูทั้งสองจะมาช่วย 

           อาหารบ้านป่าอร่อยไหมครับแม่ครู

           เจ้าของลานนวดข้าวเอ่ยถามขณะล้อมวงกินข้าวเที่ยงกันใต้ร่มไม้ให ญ่

           อร่อยมากค่ะ

           อาหารมื้อเที่ยงที่รสชาติไม่เผ็ดร้อนจนเกินไปนักคือยำไข่มดแดง  นอกนั้นเผ็ดร้อนทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นผัดเผ็ดปูหินพริกไทยอ่อน , คั่วอ่อมตะกวดหนุ่ม , ต้มยำปลากั้ง  เผ็ดจนเหงื่อเม็ดโป้งๆผุดและย้อยเปียกชื้นไรผม

           หาเกลือมาให้แม่ครูหน่อย   แม่  

           เจ้าของนาหันไปบอกภรรยาของเขา  เพราะรู้ว่าเกลือจะช่วยให้ครูไม่รู้สุกเผ็ดร้อนทรมานเกินไป

           ครูสมปองกับแม่ครู  อยู่ด้วยกันที่นี่เถิดนะ ได้ไหม   พวกเราจะยกที่ดินให้ซักห้าสิบไร่กับปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้อยู่

           แหม  เล่นจีบกันดื้อ ๆ แบบนี้หนูก็เขินอายแย่ซิคะ   แต่ว่าที่ดินที่ดอนยังมีเหลืออยู่เยอะขนาดนั้นหรือคะ  เห็นครูสมปองบอกว่าแถวนี้เป็นป่าสงวน

           เขามาสงวนกันตอนหลังนี้ดอกแม่ครู    พวกเราตั้งหมู่บ้านอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แปดสิบปีที่แล้ว โรงเรียนหมู่บ้านและวัดวามันอยู่ในที่สงวนหมดแหละถ้าจะว่าตามนั ้น     แต่ว่าแม่ครูก็ยังไม่ตอบคำถามของพวกเราอยู่ดี

           ให้เวลาหนูคิดดูก่อน  นะคะ

           ไม่เป็นไรครับ  ตามใจแม่ครูก็แล้วกัน   พวกเรายินดีมากที่ครูมาสอนลูกหลานพวกเราที่นี่  พวกเขาจะได้ฉลาดทันเล่ห์เหลี่ยมคนในเมืองบ้าง

           เย็นย่ำและค่ำนั้นหลังจากสมปองกับกนกวรรณกลับบ้านพักอาบน้ำอาบท ่าแล้วต่างคนต่างม่อยหลับไปง่ายดายด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่เป็น สุขบนบ้านพักของแต่ละคน

 

 

OOOOOOOOOOOO

 

           

           ไม่ถึงเดือนพิษณุก็กลับมาอีกครั้งตอนสาย ๆ   พร้อมกับรถคันใหญ่ที่ยกสูงขึ้นใหม่  เขาเปิดเพลงเสียงทุ้มกระแทกดังมาแต่ไกล   ยิ่งใกล้เข้ามายิ่งก้องสะท้อนแปลกแยกกับหุบผาและป่าเขา  เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านพักหลังแรกเครื่องเสียงกระหึ่มจึงสงบลงได ้  เขาขึ้นบ้านไปพบหญิงสาวที่นิ่งเงียบอยู่บนนั้น  เสียงพูดคุยกันหลายประโยคแต่น้ำเสียงดูไม่แจ่มใสนัก

           ครูสมปองเดินมาชะโงกหน้าถามหญิงสาว  

           ครูเล็กอยากได้อะไรไหมวันนี้พี่จะออกไปอำเภอกับผู้ใหญ่บ้าน

           ยังหรอกค่ะ  เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน  ขอบคุณมากนะคะ

           เมื่อสมปองเดินห่างไป พิษณุจึงเริ่มสนทนา

           เล็กไม่ไปกับผม  เพราะไอ้หมอนั่นใช่ไหม

           ณุไม่มีสิทธิ์ว่าอะไรเขาแบบนั้นนะ   และเหนืออื่นใดเล็กก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรเอง เห็นไหมคะ  แค่นี้ก็พอรู้แล้วว่าในความพร้อมของณุ มันเป็นคนละอย่างกับความพร้อมของเล็ก

           หญิงสาวพูดแล้วก็นิ่ง  ปล่อยให้ความอึดอัดดำเนินไปตามสภาพของมัน

           

           ขุนเขาลำเนาป่าก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง   หลังจากรถเสียงดังคันนั้นจากไปแล้วในตอนเที่ยงวัน  ครูสาวมีสีหน้าเหงาปนว้าวุ่น  ในใจของเธอนั้นบอกไม่ถูกว่าเป็นอย่างไรแน่   เวลาผ่านไปเร็วแต่เหมือนช้านัก  เย็นย่ำค่ำแล้ว  ครูสมปองยังไม่กลับมา  ส่วนเธอก็ยังกอดกีตาร์ตัวนั้นไม่เล่นเพลงใด ๆ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา