19 พฤษภาคม 2548 18:32 น.

.. ลา ..

หยกสีหม่น

ขออำลาจากมุมมืดสู่สว่าง
	ขออำลาจากอ้างว้างสู่ทางใส
	ขออำลาจากเงียบเหงาร้าวทรวงใน
	ขออำลาสู่ทางใหม่ใจเลือกเดิน

	ขออำลาจากความทุกข์สู่สุขล้ำ
	ขออำลาจากกลืนกล้ำช้ำเหลือเกิน
	ขออำลาบินสู่ฟ้าท้าเหาะเหิน
	ขออำลาขอมองเมินยับเยินไป

	ขออำลาสู่ความรักที่ภักดี
	ขออำลาสู่ชีวีที่สดใส
	ขออำลาสู่ทุ่งกว้างไม่ร้างไกล
	ขออำลาสู่สิ่งใหม่ให้ตัวเอง


ที่มีเด็กเล่นอยู่ .. ที่มีสาวสวยๆ อยู่ .. ที่ดอกไม้ขึ้นบานอยู่ ..

	.. มีใครคนหนึ่งอยู่ตรงนั้น ..				
19 พฤษภาคม 2548 01:08 น.

.. ปลายสุดทาง ..

หยกสีหม่น

ทุกหยาดหยดน้ำตาที่รินรด
	ให้ปรากฎความช้ำเกินกล้ำเก็บ
	ทุกมัวหมองหม่นหมางปางรอยเย็บ
	ที่ถูกเก็บลั่นกลอนนอนในใจ

	ทุกหยดรักซึมซาบอาบดวงจิต
	ฝังรอยติดตราตรึงดังขึงไว้
	ทุกหยาดความคิดถึงคำนึงไกล
	ดั่งถูกขีดทางให้ไปถึงเธอ

	ทุกทรงจำนำใจให้จำจด
	ทุกอรรถรสบทรักมิพักเผลอ
	ทุกบทกลอนมิถอนทอดกอดละเมอ
	เคยบำเรอต้องบำราศไม่อาจจำ

	หยดสุดท้าย ...
	ถึงบั้นปลายสุดทางอย่างที่ย้ำ
	ฝังลงใต้ผืนดินพร้อมน้ำคำ
	ที่เคยพร่ำวาจาว่า ..ไม่ลืม .. 

	
					
5 พฤษภาคม 2548 19:59 น.

.. กรรม ..

หยกสีหม่น

บุปผาคู่ภมร
ลิ้มเกสรรสหอมหวาน
ความสวยงามตระการ
อวดเบ่งบานเย้ายวนใจ

หมดสิ้นความหวานหอม
แมลงดอมดมแล้วไซร้
บินว่อนร่อนจากไป
ทิ้งหัวใจเจ้าตรอมตรม 

ภมรคู่บุปผา
เจ้ามาลายามใจขม
ส่งกลิ่นเย้ายวนชม
ล่อแมลงไม่แคลงใจ

บินลงกลางเกสร
หวังดมดอมเจ้าดอกไม้
กลีบใบหุบทันใด
มาลาได้ลิ้มภมร


				
20 เมษายน 2548 23:20 น.

.. บอด ..

หยกสีหม่น



สองตาปิดมืดมิด                 แต่ความคิดมิตีบตัน
	สองแขนไขว่คว้าฝัน            สองเท้าก้าวตามทางเดิน

	อยู่ในโลกสีดำ                     คอยบอกย้ำยามเดินเหิน                 
	ต้องสู้กล้าเผชิญ                  สิ่งไม่เห็นที่เป็นไป 

	มีเจ้าหมานำหน้า                 พาฟันฝ่าฝูงชนให้
	ชีวิตดำเนินได้                     ด้วยลำแข้งแห่งตนเอง

	ผู้นำเลี้ยงครอบครัว              ไม่หวั่นกลัวมัวแต่เกรง
	หากผู้ใดข่มเหง                   พ่อปกป้องคุ้มผองภัย

	ดวงตาสำคัญหรือ?            หรือแค่คือมองเห็นได้
	ตาเนื้อเห็นสิ่งใด                  หากหัวใจไร้ปัญญา

	เขามีสิ่งวิเศษ                     พ้นอาเภทเหตุตัณหา
	คือจิตใจล้ำค่า                     ไม่รอหาใครพึ่งพา

	แล้วตัวฉันคนนี้                    คือผู้มีสองดวงตา
	สองแขนและสองขา             แต่ไยมานั่งคร่ำครวญ ...



สองสัปดาห์มานี้ ได้มีโอกาสรู้จักท่านหนึ่ง .. ผู้มีสัมผัสทุกอย่างเป็นเลิศ
	ทั้งที่ดวงตามืดบอด มีตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างที่ตัวฉันเป็นไม่ได้ 
	อาจารย์มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ...

	ตั้งแต่ได้มีโอกาสสนทนากับท่าน ... ท่านไม่เคยกล่าวถึงความทุกข์ ... 
	ท่านเล่าประสบการณ์ให้ฟังด้วยรอยยิ้ม ... ประสบการณ์ที่ฟังดูเหมือนสนุก ..
	ท่านมีครอบครัวที่ต้องดูแล ดังเช่น ตัวฉัน หรือคนอื่นๆ 

	จะมีอะไรทำให้ท่านท้อบ้างไหมหนอ? 

	ทำไมเรื่องร้ายแรงเพียงเล็กน้อย .. ทำให้ตัวฉันท้อเสียเหลือเกิน 
	                                                                
	สงสัยเป็นเพราะ ท่านตาบอด ... เลยทำให้เข้มแข็ง
	และสงสัยเป็นเพราะตัวฉันใจบอด ... เลยทำให้อ่อนแอ 

	... เรา ... พิการในส่วนที่ต่างกัน 


				
17 เมษายน 2548 13:01 น.

.. คนแปลกหน้า ..

หยกสีหม่น



เปิดหนังสือเล่มบางที่วางอยู่
	พบรูปคู่ฉันกับเขาเคล้าคลอใกล้
	แปลกจริงหนอถ่ายไว้แต่เมื่อไร?
	เขาคือใครหน้าตาหาคุ้นเคย

	มือจับมือยึดเหนี่ยวเกี่ยวกันไว้
	ในหทัยรู้สึกนึกเมินเฉย
	ไออบอุ่นกรุ่นอวลนวลรำเพย
	เอ๊ะ...เราเคยเคียงข้างหรืออย่างไร?

	เป็นภาพวิวทิวทัศน์สงัดเงียบ
	ผืนฟ้าเรียบบนเขาสูงรุ้งสดใส
	รอยยิ้มอาบฉาบหน้ามาจากใจ
	แต่ไฉนนึกไม่ออกใครบอกที

	หรือคือภาพลวงตามาปั้นแต่ง
	อวดสำแดงความเก่งกล้าหาเติมสี
	สร้างเรื่องหลอกล่อเราเข้าราวี
	เหมือนย่ำยีให้เจ็บเหน็บหัวใจ

	หากเคยใกล้ดั่งที่เห็นเช่นในภาพ
	คงผิดบาปที่เลือนลืมคืนสดใส 
	เคยเคียงข้างกลับร้างลามาจากไกล
	ในหัวใจไม่น่าลบจนหมดกัน ...

	ทิ้งรูปถ่ายหลอกลวงร่วงลงถัง ...
	ใช่ความหลังครั้งก่อนย้อนคืนฝัน 
	คงเป็นภาพตกแต่งแกล้งหยอกกัน
	ไม่มีวันฉันจะลืมคนเคียงใจ ...
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหยกสีหม่น
Lovings  หยกสีหม่น เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหยกสีหม่น
Lovings  หยกสีหม่น เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหยกสีหม่น
Lovings  หยกสีหม่น เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหยกสีหม่น