20 เมษายน 2548 23:20 น.

.. บอด ..

หยกสีหม่น



สองตาปิดมืดมิด                 แต่ความคิดมิตีบตัน
	สองแขนไขว่คว้าฝัน            สองเท้าก้าวตามทางเดิน

	อยู่ในโลกสีดำ                     คอยบอกย้ำยามเดินเหิน                 
	ต้องสู้กล้าเผชิญ                  สิ่งไม่เห็นที่เป็นไป 

	มีเจ้าหมานำหน้า                 พาฟันฝ่าฝูงชนให้
	ชีวิตดำเนินได้                     ด้วยลำแข้งแห่งตนเอง

	ผู้นำเลี้ยงครอบครัว              ไม่หวั่นกลัวมัวแต่เกรง
	หากผู้ใดข่มเหง                   พ่อปกป้องคุ้มผองภัย

	ดวงตาสำคัญหรือ?            หรือแค่คือมองเห็นได้
	ตาเนื้อเห็นสิ่งใด                  หากหัวใจไร้ปัญญา

	เขามีสิ่งวิเศษ                     พ้นอาเภทเหตุตัณหา
	คือจิตใจล้ำค่า                     ไม่รอหาใครพึ่งพา

	แล้วตัวฉันคนนี้                    คือผู้มีสองดวงตา
	สองแขนและสองขา             แต่ไยมานั่งคร่ำครวญ ...



สองสัปดาห์มานี้ ได้มีโอกาสรู้จักท่านหนึ่ง .. ผู้มีสัมผัสทุกอย่างเป็นเลิศ
	ทั้งที่ดวงตามืดบอด มีตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างที่ตัวฉันเป็นไม่ได้ 
	อาจารย์มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ...

	ตั้งแต่ได้มีโอกาสสนทนากับท่าน ... ท่านไม่เคยกล่าวถึงความทุกข์ ... 
	ท่านเล่าประสบการณ์ให้ฟังด้วยรอยยิ้ม ... ประสบการณ์ที่ฟังดูเหมือนสนุก ..
	ท่านมีครอบครัวที่ต้องดูแล ดังเช่น ตัวฉัน หรือคนอื่นๆ 

	จะมีอะไรทำให้ท่านท้อบ้างไหมหนอ? 

	ทำไมเรื่องร้ายแรงเพียงเล็กน้อย .. ทำให้ตัวฉันท้อเสียเหลือเกิน 
	                                                                
	สงสัยเป็นเพราะ ท่านตาบอด ... เลยทำให้เข้มแข็ง
	และสงสัยเป็นเพราะตัวฉันใจบอด ... เลยทำให้อ่อนแอ 

	... เรา ... พิการในส่วนที่ต่างกัน 


				
17 เมษายน 2548 13:01 น.

.. คนแปลกหน้า ..

หยกสีหม่น



เปิดหนังสือเล่มบางที่วางอยู่
	พบรูปคู่ฉันกับเขาเคล้าคลอใกล้
	แปลกจริงหนอถ่ายไว้แต่เมื่อไร?
	เขาคือใครหน้าตาหาคุ้นเคย

	มือจับมือยึดเหนี่ยวเกี่ยวกันไว้
	ในหทัยรู้สึกนึกเมินเฉย
	ไออบอุ่นกรุ่นอวลนวลรำเพย
	เอ๊ะ...เราเคยเคียงข้างหรืออย่างไร?

	เป็นภาพวิวทิวทัศน์สงัดเงียบ
	ผืนฟ้าเรียบบนเขาสูงรุ้งสดใส
	รอยยิ้มอาบฉาบหน้ามาจากใจ
	แต่ไฉนนึกไม่ออกใครบอกที

	หรือคือภาพลวงตามาปั้นแต่ง
	อวดสำแดงความเก่งกล้าหาเติมสี
	สร้างเรื่องหลอกล่อเราเข้าราวี
	เหมือนย่ำยีให้เจ็บเหน็บหัวใจ

	หากเคยใกล้ดั่งที่เห็นเช่นในภาพ
	คงผิดบาปที่เลือนลืมคืนสดใส 
	เคยเคียงข้างกลับร้างลามาจากไกล
	ในหัวใจไม่น่าลบจนหมดกัน ...

	ทิ้งรูปถ่ายหลอกลวงร่วงลงถัง ...
	ใช่ความหลังครั้งก่อนย้อนคืนฝัน 
	คงเป็นภาพตกแต่งแกล้งหยอกกัน
	ไม่มีวันฉันจะลืมคนเคียงใจ ...
				
6 เมษายน 2548 22:08 น.

.. หลุมศพหัวใจ ..

หยกสีหม่น



ขุดดินด้วยเสียมเตรียมเอาไว้
	หยิบหัวใจวางลง  ณ  ก้นหลุม
	กอบโกยดินถมทับเพื่อปกคลุม
	ปักป้ายหลุม...ชื่อ ..ศพของหัวใจ...

	ท่องนะโมนำไปสักสามจบ
	เพื่อเจ้าพบหนทางสว่างใส
	จงไปแล้วไปลับไปให้ไกล
	หลงเหลือไว้เพียงซากจากความจำ

	ช่อดอกไม้สีขาวพราวพิสุทธิ์
	ขอจงหยุดโศกาลัยไร้ความช้ำ
	หมดเสียทีเจ็บร้าวคราวกลืนกล้ำ
	เคยตอกย้ำย่ำเจ้าให้เศร้าตรม

	จงสู่สุคติ ...
	เจ้าอย่าริมีรักให้ปักขม
	เกิดชาติหน้าขอให้ไร้ซึ่งระทม
	อยู่ในตมจมปลักเพราะรักลวง...


				
3 เมษายน 2548 15:40 น.

.. มะลิซ้อนซ่อนรัก ..

หยกสีหม่น




กลีบบางซ้อนซ่อนรักปักเกสร
	กลิ่นกำจรกำจายฟุ้งจรุงฝัน
	ดอกสีขาวราวฝ้ายแย้มพรายพรรณ
	ยิ่งนับวันยิ่งฝันใฝ่ได้ดมดอม

	มะลิเอยมะลิซ้อนซ่อนใดไว้
	ดวงหทัยแอบลุ่มหลงดงกลิ่นหอม
	แค่ได้ชิดเคียงใกล้ใจข้าฯ ยอม
	จะถนอมเจ้าไว้ไม่สร่างซา
	
	เจ้าซ่อนรักซ้อนกลมนต์ดำหรือ
	เสียงเล่าลือขานกล่าวข้าฯ เฝ้าหา
	อยากติดตามถามข่าวเจ้าทุกครา
	ในอุราตกหลุมรักให้ปักใจ

	เจ้ามะลิซ้อน...เจ้าเอย ...
	โปรดจงเผยวาจาข้าฯ ฝันใฝ่
	อยากได้ยินเสียงเพรียกเรียกจากใจ
	เจ้ามีใครครอบครองจองดวงมาลย์				
1 เมษายน 2548 23:51 น.

.. ชวนชม ..

หยกสีหม่น



ชวนเอ๋ย ... เจ้าชวนชม
	กลีบระบมระทมช้ำ
	เจ้าถูกใครยีย่ำ
	ดอกงามขำย้ำเคยงาม

	ชวนเอ๋ย ... เคยชูช่อ
	ลิ่วลมล้อใต้ฟ้าคราม
	เจ้าถูกใครเหยียดหยาม
	คร่าคุกคามเจ้าทรามวัย

	ชวนเอ๋ย ... เคยสดชื่น
	ต้องขมขื่นฝีนสดใส
	ถูกริดรอนก้านใบ
	แล้วผลักไสไว้บนดิน

	ชวนเอ๋ย ... เคยชวนชม
	ลิ้มรสขมจนแหว่งวิ่น
	ทุกข์จับทับชีวิน
	ระรวยรินสิ้นชวนชม...


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหยกสีหม่น
Lovings  หยกสีหม่น เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหยกสีหม่น
Lovings  หยกสีหม่น เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหยกสีหม่น
Lovings  หยกสีหม่น เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหยกสีหม่น