ไม่รู้ลืม

maruko_sos

	"ฮัลโหล...ตี้ เราปวดท้องอีกแล้ว"  เอาอีกแล้ว- -ยัยนี่
	7.00 น. วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องขับรถออกมาดูแลผู้หญิงที่เรารู้จักกันเพราะเธอเป็นเพื่อน...ไม่สิ เรียกว่าเป็นคู่นอนของเพื่อนผมดีกว่า
	
	คืนที่มีดนตรี ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดนตรีมากนัก รู้แต่ว่าที่นั่น คืนนั้นผมถูกโทรตาม ก็คุณเธอนั่นแหละ ผมรู้ว่าเธอเป็นใคร เป็นอะไรกับเพื่อนของผม แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ผู้หญิงป่วยคนหนึ่งโทรมาบอกว่าปวดท้องจะตายอยู่แล้ว จะไม่ออกไปดูหน่อยหรือก็ดูจะใจดำเกินไป
	ดนตรี เสียงเพลง เพลงจากเปียโน แซ๊กโซโฟน เธอให้ผมไปรับที่สวนดนตรี มันเป็นสวนดนตรีจริงๆ สวนสาธารณะเล็กๆที่เจ้าของร่ายมนต์ให้มันมีดนตรีในตอนกลางคืน แสงไฟสีขาวนวลระยิบระยับสร้างบรรยากาศให้เข้ากับงานเป็นอย่างดี แต่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็มานอนบิดตัวไปมาอยู่ตรงพุ่มไม้ที่ใหญ่พอจะบังเธอได้มิดต้นหนึ่ง 
	(อยู่ตรงต้นไม้สีชมพูนะ)
	แสงไฟขาวนวลในสวนดนตรี กลายมาเป็นแสงไฟสีเหลืองสว่างจ้าเวลารถวิ่งผ่าน
	"ไอ้ต้นไม้นั่นสวยดีเน๊อะ" หน้าขาวซีดนั้นพยายามหยอกให้ผมยิ้ม 
	"เค้าเรียกต้นพวงชมพู" ผมบอก หวนนึกถึงตอนที่เข้าไปอุ้มเจ้าหล่อนออกมาจากพุ่มไม้ ใครเห็นสภาพนั้นก็ต้องสงสารทั้งนั้นล่ะ
	"เรากำลังจะไปไหนกันเหรอ" ถามดีนี่
	"กลับบ้าน" ผมตอบ สายตายังมีสมาธิจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้า
	"บ้านที่ไหน"
	"..."
	ข้าวของของเธอมาอยู่ที่บ้านผมตั้งแต่เมื่อวาน ผมย้ายไปอยู่กับเพื่อน ข้าวของของเธอมีไม่กี่ชิ้น นอกจากเสื้อผ้าแล้วก็มีกล่องประหลาดๆ 1 ใบ กับกระทะไฟฟ้า
	"เอาไว้ต้มมาม่าเวลาไม่มีเงิน" เธอบอก
	"ทำไมไม่ไปอยู่กับอาร์มล่ะ" ผมถามตรงๆ เธอพับเสื้อผ้าใส่ตู้ที่ผมเตรียมไว้ให้ทีละชิ้น ทีละชิ้นอย่างใจเย็น
	"ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับอาร์มนี่" อื้ม...แล้วเป็นอะไรกับผมมิทราบ
	"ทำไม...ตี้ไม่อยากให้เราอยู่ด้วยเหรอ"
	ประตูรั้วสีขาวหน้าบ้านตัวเองเปิดต้อนรับตัวเองเหมือนรู้ว่าตัวเองจะเข้ามาตอนเช้า
	"ยังมีแรงลุกไปเปิดประตูอีกเหรอ" ผมแซวผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงของผมเอง
	"เปล่าเปิดนะ" เธอบอก มือยังกุมท้องเอาไว้แน่น ท่าไม่ดีแล้ว
	"เราไปโรงพยาบาลดีกว่ามั๊ย" ผมแกะมือที่กุมท้องแน่นนั้นออกมาจับไว้ กลัวเธอจะบิดท้องตัวเองจนเจ็บไปมากกว่านี้
	"ไม่นะ ไม่ไป" เอ๊า..ไม่ไปก็ไม่ไป ผมจัดแจงป้อนยาให้ทีละขวดจนครบ 3 ขวด
	เสียงนกร้องอยู่ตรงระเบียง ให้บรรยากาศยามเช้าจริงๆ แสงอ่อนๆของพระอาทิตย์กับลมเย็นๆในตอนเช้า เธอยังจับมือผมไว้แน่น สายตาจ้องอยู่ที่หน้าของผม
	"หายปวดบ้างหรือยัง" เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ
	"วันนี้ทำงานกี่โมง" 
	"บ่ายสามต้องเข้าโรงงาน" เธอพยักหน้ารับรู้ สายตาเศร้าๆนั้นดูเหนื่อย ผมแกะมือเธอออก
	"จะไปไหนเหรอ"
	"ไปหาอะไรให้กิน"
	"ไม่กินได้มั๊ย" ผมกลับเข้ามานั่งข้างๆเหมือนเดิม จับมือเธอเอาไว้เหมือนเมื่อกี้โดยอัตโนมัติ เธอยิ้ม เธอมองมือของเรา ผมก็มองบ้าง เริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรหวานๆลงไปแล้ว รอยยิ้มเหนื่อยๆนั้นแฝงไว้ด้วยชัยชนะอย่างเต็มเปี่ยม และผม...จะให้ละจากมือนั้นไนตอนนี้  ก็เห็นจะยากเสียแล้ว
	ยามเช้า...ม่านสีครามในห้องผมถูกปิด ห้องนอนกลายเป็นสีครามเหมือนสีของท้องฟ้า แอร์เย็นๆพาให้ผมเข้าไปนอนข้างๆเธอ หนุนหมอนใบเดียวกับเธอ ซุกตัวไว้ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ และกอดเธอไว้แน่นราวว่าเธอจะบินหนีไปได้เหมือนนก
	เธอกอดผมตอบ
	ผมบรรจงจูบตรงริมฝีปาก เธอรับไว้อย่างอ่อนโยน มือเรียวๆลูบไปตามแผ่นหลังของผมอย่างแผ่วเบา ผมไล่จูบลงไปยังซอกคอ ตระเวณสร้างอาณาเขตของตัวเอง เธอหายใจแรง เสียงหายใจนั้นทำให้ความรู้สึกของผมฟุ้งซ่านไปด้วย มือของผมเริ่มทำงานแล้ว ผมพามือไปยังหน้าอกอันเปลือยเปล่า ดูเหมือนมันจะต้อนรับผมเป็นอย่างดี ผมก้มลงไล่ลิ้นที่ตรงนั้น เธอหายใจแรงขึ้น มือของผมเริ่มปลดและถอดทุกสิ่งทุกอย่างตามหน้าที่ของมัน เนื้อตัวของเราสัมผัสกัน เธอจูบผม กอดผมแน่น ผมเริ่มรุกเข้าไปยังประตูที่น่าอัศจรรย์ ร่างกายของเราขยับชิดกัน เบียดกันแน่นขึ้น ผมจัดให้เธอนอนในท่าสบายๆ ความสุขของเรากำลังเริ่มต้นในเช้าวันที่แสนจะอบอุ่น ผมแยกไม่ออกว่ามันเป็นความรักหรือความใคร่ ในขณะที่เรากำลังเดินทางร่วมกันอยู่นั้น เธอจูบที่ซอกคอแล้วไล่ลิ้นขึ้นไปที่ใบหู เธอพูดคำที่แสนดีคำหนึ่ง ผมได้ยินชัด แต่ไม่รู้จะเชื่อมันดีมั๊ย
	"รักตี้นะ" 
	"ตี้จำได้มั๊ย สมัยเรียนมหาวิทยาลัยตี้เคยไปดูแลผู้หญิงที่ชอบปวดท้องคนหนึ่ง" เธอเริ่มการสนทนาของเราระหว่างนั่งรออาหาร
	ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ ที่เรามาเจอกันอีกครั้ง...กับอาร์ม
	"กินแกงป่าไม่ได้" ผมแย้งตอนที่เธอจะกินแกงป่า มันเผ็ดมาก ผมให้เหตุผล
	"อาร์มไม่รู้เหรอว่าเธอกินเผ็ดไม่ได้" อาร์มลุกไปห้องน้ำ ผมได้โอกาสอยู่กับเธอตามลำพัง
	"อาร์มรู้...แต่อาร์มไม่สนใจหรอก" 
	พวกเรารู้กันแค่ว่าเธอเป็นเด็กของอาร์ม แต่ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
	"ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย เรื่องที่พวกตี้รู้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น" เธอยังยืนยันว่าเธอเป็นเพื่อนกับอาร์ม เหมือนผมเป็นเพื่อนกับอาร์ม ในตอนนั้นเธอปฏิเสธและพยายามอธิบายให้ผมเข้าใจ ว่าในคืนที่อาร์มหายไปอยู่กับเธอนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ผมและใครๆคิด
	"เห็นฉันเป็นคนยังไง" เธอโกรธหน้าแดงปั๊ด
	"ก็เห็นอาร์มไปหาบ่อยๆ" เธอยังไม่คุยกับผม และใช้เวลาอีกหลายปี กว่าเธอจะคุยกับผม
	"จำได้สิ" ผมตอบคำถามแรกของเธอ
	ผู้หญิงคนนั้นอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง นานมาแล้วเธอปวดท้องมากแล้วเรียกผมไปดู จากนั้นเราก็เริ่มคุยกันทางโทรศัพท์ ผมจะรู้เรื่องราวทุกอย่างของเธอ แต่เธอจะรู้แค่บางเรื่องที่ผมอนุญาตให้เธอรับรู้
	"วันนี้ตี้มีหางเป็ดด้วย"
	"รู้ได้ไง"
	"เห็นที่คณะ"
	"วันนี้ไปเรียนที่คณะตี้เหรอ"
	"อื้ม"
	วันนี้สถานะของเราเปลี่ยนไปแล้ว...เราไม่จำเป็นต้องโทรคุยกันอีกต่อไป
	"ห้ามพูดถึงอาร์มด้วย"
	ผมสั่งให้เธอเล่าเรื่องทั้งหมดในคืนนั้น
	หลังจากอาร์มกับผมไปนั่งดื่ม อาร์มขอตัวกลับก่อน อาร์มไปหาเธอ
	"อาร์มบอกว่าอาร์มชอบเรา" สายตาของผู้หญิงที่กำลังเล่านั้นลอยละล่องไปตามเรือเดินสมุทรลำใหญ่ที่เพิ่งผ่านไป
	"ถ้าเราเจอกันข้างนอก ถ้าเราไม่รู้จักกันเลย อาร์มคงเฉยๆ" แต่ด้วยความที่เราได้รู้จักกัน เพราะมิตรภาพที่ดีๆที่เรามีต่อกัน เธอให้มิตรภาพแก่เขา ด้วยความรู้สึกนั้นมันสร้างความรู้สึกดีๆแบบอื่นให้กับอาร์ม
	"แล้วตอบอาร์มไปว่าไง"
	"ก็บอกว่าเราอยากมีความรักแบบธรรมดาๆ" เพื่อนของผมเป็นนักกิจกรรมตัวยง เป็นประธานรุ่น เป็นรองประธานสโมสรนักศึกษา แม้แต่ตอนนี้อาร์มก็ยังงานหนัก อาร์มเป็นผู้จัดการฝ่ายวิจัยของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง หากใครได้รักกับอาร์ม รับรองว่าการเป็นคู่รักแบบทั่วไปจะไม่มีวันเกิดขึ้น
	"ไม่ใช่ ถามว่าแล้วรู้สึกยังไงกับอาร์ม"
	"ไม่รู้สึกอะไรเลย" เราเงียบ อาหารมาแล้ว ใจผมอยากจะถามต่อว่า แล้วผมล่ะ เธอรู้สึกอย่างที่กระซิบบอกผมจริงหรือเปล่า
			ใจนั้นเล่าลอยไป
			ทั้งที่ไม่เคยคิดอะไร
			ปรากฎว่าเธอมาอยู่ในหัวใจ
			สร้างความสวยงามตรึงใจ
			เหมือนมาเสกคาถาให้หลงใหล
			จะปล่อยหัวใจไป
			ก็กลัวเจ้าแกล้งให้มอดไหม้ร้าวราน
	"ตี้" เธอเรียกในความมืด ผมหลับไปแล้วด้วยซ้ำ ตื่นขึ้นมาแล้วเธอยังจับมือผมไว้แน่นอยู่เลย
	"ปวดท้องอีกเหรอ" ผมกอดเธอไว้ เธอนอนหนุนหน้าอกผมทุกคืน จับมืออีกข้างไว้แน่น เธออยู่ใกล้ผมทุกวัน ทุกเวลาที่ผมอยู่บ้าน เธอเอาใจ เธอทำความสะอาดบ้าน ดูแลบ้าน เดินไปตลาด ทำกับข้าว แต่งบ้านใหม่ ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ บ้านของผมมีชีวิตชีวาขึ้น ไม่ใช่แค่เป็นสถานที่ซุกหัวนอนของผู้ชายตัวคนเดียวคนหนึ่ง
	"เปล่า"
	"แล้วเป็นอะไร เข้าห้องน้ำเหรอ"
	"เปล่า"
	เธอเงียบ ผมเงียบ เราเงียบอีกครั้ง
	"สมมติ..."
	"สมมติว่าวันหนึ่งเราหายไป..." ความกลัวครั้งแรกที่อยู่ในใจมาเยือนผม 
	ผู้หญิงที่ปวดท้องมาหลายปี ปวดทุกวัน มียาเป็นสิบขวด ทั้งยาเม็ด ยาน้ำ ผู้หญิงที่ฝืนยิ้มตอบผมทุกครั้งเวลาผมยิ้มให้จนอดที่จะเข้าไปประคับประคอง ลูบผม กอด อดไม่ได้ที่จะดูแล ต้องรีบกลับบ้านหลังจากเลิกงานทุกครั้ง ต้องเอาใจ พาไปกินข้าว ดูหนัง พาไปเที่ยว พาไปเติมรอยยิ้มให้มันเต็มขึ้น เต็มขึ้นเรื่อยๆด้วยความกลัวว่ารอยยิ้มนั้นมันจะจางจนหายไป ไม่ก็...กลัวจะไม่ได้เห็น และไม่มีรอยยิ้มนั้นอีกเลย ในวันต่อไป
	"แล้วไง"
	"สมมติว่าพรุ่งนี้เราไม่อยู่แล้ว เราหายไป ตี้จะเหงามั๊ย"
	"เหงาสิ"
	"แล้ว...แล้วตี้จะคิดถึงเรามั๊ย" เธอเริ่มเอาหน้าซุกกับอกของผม อย่าร้องไห้นะ
	"อยากให้คิดถึงหรือเปล่าล่ะ" ผมได้การพยักหน้าแทนคำตอบ
	"ถ้าอยากให้คิดถึงก็อย่าไปไหน ตกลงมั๊ย"
	เธอเงียบ ผมเงียบ เราเงียบอีกครั้ง
	"แต่...แต่อีกไม่นานเราต้องไปแล้ว" เสียงสั่นเครือมากับน้ำตาที่ไหลจากหนึ่งหยด เป็นสองหยด จากสองหยด เป็นสามหยด แล้วมันก็ไหลไม่หยุด ผมลุกขึ้น จับเธอลุก ลุกขึ้นมาคุยกันตรงๆ
	"ไหนบอกว่าเราจะไม่มีความลับต่อกัน" เธอกอดผมไว้แน่นเหมือนหมดแรง
	"เราก็ไม่อยากจากตี้ไปไหนเลย"
	"เรารักตี้ เรารักตี้ตั้งแต่วันที่ตี้มาหาเราที่หอ ตั้งแต่วันที่เราโทรคุยกัน ตลอดเวลา...เราเป็นดาวที่ไร้แสง เราเป็นผู้หญิงที่ส่งข้อความไปให้ตี้ทุกวัน เราเป็นคนเอาขนมกับดอกไม้ไปแขวนไว้หน้าห้องตี้ เราอยากใกล้ตี้ตั้งแต่ตอนนั้น"
	"ตี้อยู่เป็นเพื่อนเรานะ ตี้อย่าไปไหน" ผมไม่รู้ว่าเธอพูดถึงอะไร- -ผมรู้แต่ว่าสมัยเรียน เวลาผมกลับหอผมจะพบขนมเน่าๆกับดอกไม้เหี่ยวๆแขวนอยู่หน้าห้อง ผมไม่เคยได้กินขนมของเธอเพราะผมมัวแต่ทำงานที่คณะ ไม่ก็ขลุกอยุ่ที่หอเพื่อน แต่ผมได้รับข้อความ ข้อความจากผู้หญิงที่ใช้ชื่อว่าดาวไร้แสง และตอนนี้ผมก็รักผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าผม ดาวไร้แสงคนที่ร้องไห้อยู่ตรงนี้ ผมรักผู้หญิงคนที่ผมกอดอยู่ตอนนี้ ผมจะไม่มีวันให้เธอจากผมไปไหนทั้งนั้น
	"เราเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร"
	ปลาดุก 100 ตัว ว่ายอย่างอิสระไปในสายน้ำ ผมมองจนพวกมันหายไปกับสายน้ำในลำคลองหน้าวัดใหญ่แห่งหนึ่ง ผมมาที่วัดนี้ทุกวัน เผื่อจิตใจจะดีขึ้นกว่านี้ บอกเพียงว่าตัวเองต้องมีกำลังใจ...หลังจากที่เธอจากไป และเวลานับจากนี้ ผมต้องอยู่คนเดียว กับความรักที่มันยังคงอยู่ในใจ...ไม่รู้ลืม
	
	
					
comments powered by Disqus
  • แตงโม

    7 กันยายน 2546 17:43 น. - comment id 69554

    ถึงดาวจะไร้แสง  แต่แตงยังเป็นเพื่อนให้ตี้ได้ ใช้ภาษาและคำได้ดีมาก  ต้องเป็นนักเขียนที่ดีมากๆเลย  เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
  • maruko_sos

    18 กันยายน 2546 00:01 น. - comment id 69609

    ขอบคุณค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน