อยู่ในความมืด

sun strom

หลังจากที่ผ่านพ้นเหตุการณ์ร้าย ๆ นั้นมา เราก็กลับไปเรียนต่อ แต่น่าเสียดาย เกรดที่เคยนำลิ่วมาตลอดหล่นฮวบฮาบ สุดท้ายเราเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 2.95 ซึ่งถือว่าเป็นเกรดที่น้อยหากมองย้อนกลับในระดับคะแนนที่ผ่านมา ไม่เคยได้เกรด 1 ก้อได้ เนื่องจากไม่ได้สนในการเรียนเท่าที่ควร ทุกเย็น จะนั่งเหม่อ ข้าวปลาไม่แตะต้อง ร่างกายที่เคยสวยงาม ดูซีดเซียว ผ่ายผอม เพราะความไม่เอาใจใส่ตัวเอง ตลอดเวลาสามปีสิ่งที่ปฏิบัติเป็นกิจวัตร คือการนั่งเขียนหนังสือ ไม่รู้ว่าเขียนอะไรไปบ้าง มาเปิดอ่านทีไร นั่งร้องไห้ทุกที(ปัจจุบันปะป๋าเอาไปเผาทิ้งแล้วค่ะ) กำหนดกรอบให้ตัวเองอยู่ในวงแคบ ๆ ไม่ไปไหน กิจวัตรที่ทำก็ซ้ำซากจำเจ ไม่เที่ยวเตร่ อยู่กับบ้านตลอดไม่บ้านแม่ ก็บ้านปะป๋า แม่เป็นคนหาข้าวหาปลาให้ทาน แม่เล็กบ้าง ปะป๋าบ้าง ทุกคนล้วนเอาใจใส่ แต่ก้อเหมือนขาด  ไม่มีใจที่จะทำอะไร เหมือนคนไร้ค่า หากจะเปรียบก็คือเหมือนหุ่นยนต์ ไม่มีชีวิต จิตใจที่ทำอะไรซักอย่าง ในจิตใจนั้น สุดแสนเบื่อ แต่ไม่ทราบว่าเบื่ออะไร เบื่อทำไม  หนักเข้าปะป๋าพาเข้าโรงพยาบาล เพื่อฟื้นฟูจิตใจ  เราไม่ทราบน๊ะว่าความรักทำลายคนได้ขนาดนี้ หากทราบเราจะไม่รักใคร
               ด้วยความที่เป็นลูกคนโต ครอบครัวตั้งความหวังไว้มาก อยากให้สานต่อทุกอย่างที่พ่อแม่สร้างขึ้น จากคนที่ร่าเริงสดใส กลายเป็นคนเจ้าทุกข์ คิดมาก กังวล หงุดหงิดง่าย ช่วงนั้นเราไม่นึกหรอกนะคะว่า เราสร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้างขนาดไหน ใครทำอะไรไม่พอใจก็แว้ด ๆ ใส่เค้า ใครมายุ่งที่โต๊ะเขียนหนังสือเป็นต้องโดนด่า เรานิสัยเสียมาก แม้แต่ปากกาที่เราใช้เขียนหนังสือ หากวางผิดจากที่เคยวาง ก็จะเป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับครอบครัว ก็เราคิดของเราตลอดว่า เราจะอยู่แบบนี้ อยู่ในโลกของเรา โลกข้างนอกมันโหดร้ายนัก คนข้างนอกน่าชิงชัง เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร คิดแบบนี้ตลอดเวลา ไม่ทราบหรอกนะคะว่าตัวเองทุกข์ เพราะไม่รู้สึกตัวเสียเลย ห้องสี่เหลี่ยม แม้จะดูกว้างขวาง มีห้องน้ำที่สะอาด ผนังทาด้วยสีฟ้าอ่อน ๆ มีรูปดอกกล้วยไม้ที่ตัวเองชอบนักชอบหนา ติดไว้ให้ดูงามตา มีเตียงที่นุ่มนอนสบาย มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้ เราก็ไม่สงบ มันไม่เคยหลุดไปสู่ที่โล่งเอาเสียเลย ในใจเหมือนกับมีอะไรหนัก ๆ ให้เราแบกไว้ตลอดเวลา ความคิดสับสน วุ่นวาย ไม่เคยหยุดนิ่ง ความคิดเหมือนลิง เดี๋ยวคิดนั่นคิดนี่ คิดไปได้เรื่อย ๆ เราก็หยุดความคิดไม่เป็นด้วยซิ 
               มาทราบที่หลังว่า เราหลงในเขาวงกตตั้งสามปี.เฮ้ออออออออ เหนื่อยจังอะ
               นั่นซิ แล้วทำไมหลุดออกมาได้หละ.อ่านต่อ ช่วง พึ่งพระธรรมนะคะ				
payu2545: เวลานั้น มองทุกอย่าง ช่างมืดมิด
payu2545: เหมือนโลกปิด สุริยะดับ ลับลาหาย
payu2545: เหมือนโลกนี้ มีเราอยู่ เพียงเดียวดาย
payu2545: เหมือนร่างกาย ตายจากโลก โศกเศร้าซึม


payu2545: เหลือเพียงร่าง แต่ไร้ใจ ไม่รู้สึก
payu2545: สิ่งจารึก ที่ในใจ ไม่เลือนหาย
payu2545: โอ้เรานี้ ชีวิตหนอ รอความตาย
payu2545: อึกอัดใจ พ่ายแพ้รัก ยากจะลืม				
comments powered by Disqus
  • ชัยชนะ

    22 เมษายน 2547 22:08 น. - comment id 73450

    หนทางชีวิต ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
    ย่อมเจอหนามบ้าง
    
    เขียนได้ลึกซึ้งดี ติดตามตอนต่อไปแน่นอนครับ
  • ก่อพงษ์

    22 เมษายน 2547 23:07 น. - comment id 73453

    เห็นด้วยครับคุณชัยชนะว่าต้องติดตาม
    ผมว่า
    เห็นทุกข์  จึงเห็นธรรม
    
    
  • แม่จิตร

    23 เมษายน 2547 00:29 น. - comment id 73458

    อืมนะ   อยู่ที่ดวงนำพา และสติของเรา
  • แม่จิตร

    24 เมษายน 2547 00:38 น. - comment id 73499

    ถ้วางก็เบา ถ้าเอาก็หนัก
    ปลงบาง นะ มัท

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน