ก่อนจะสิ้น..ลมหายใจ

เพลงกลางป่า

เช้าวันหนึ่ง
         "พรุ่งนี้แล้วสินะแม่ ต้องเกษียณแล้ว"ลุงศรพูด เพราะตัวลุงศรเอง ก็อายุ 
69 ปี แล้ว ซึ่งเคยเป็นทหาร และคงไม่พลาดที่จะร่วมรบสงครามโลกครั้งที่สอง 
         "อืม ก็ดีแล้วล่ะ เหนื่อยแล้ว อยากจะพักผ่อนบ้าง ลูกมันก็โตแล้ว"ป้าอมร แม่พิมพ์ของชาติ ที่รับใช้ชาติมานานแล้ว พูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะรู้กับอายุตน ที่แก่เต็มทีแล้ว
       จะมีสักกี่คนไหม ที่ได้เป็นรักแท้เช่นนี้ อยู่กันได้นานขนาดนี้ วัยรุ่นสมัยนี้ช่างใจร้อนกันเหลือเกิน และมักจะมีแฟนกันก่อนที่จะถึงวัยอันควร แล้วก็พาปัญหามาให้พ่อกับแม่มากมาย "จะรักทั้งทีก็ขอมีคนที่จริงใจ" คำพูดนี้ก็คงจะเป็น
คำพูดที่ผู้หญิงไทยสมัยนี้ใฝ่ฝันกันเหลือเกิน ผู้ชายที่มีน้อยลงทุกที บ้างก็ตายเป็นโรคมะเร็งปอดเพราะบุหรี่ บ้างก็ตับแข็งตาย บ้างก็โรคมะเร็งกระเพราะ เพราะเหล้า บ้างก็โดนยิงตาย ตีกันตาย 
      "ปีนี้ก็ห้าสิบแล้วนะ พ่อเอ๊ย ลูกมันจะเป็นยังไงบ้างนะ" ป้าอมรกล่าวทั้งน้ำตาคลอ ที่รอลูกมานานนับนานแล้ว ลูกไม่ค่อยจะกลับมาเยี่ยมแม่สักเท่าไหร่ 
      "เอาล่ะ เดี๋ยวพ่อจะไปหาเจ้ากานต์ซะพรุ่งนี้ล่ะนะ แม่เอ๊ย"ลุงศรพูดชักชวน ในขณะที่ป้าอมร ไม่ลืมที่จะนำผ้าที่ถักมาเป็นรูปเสื้อกันหนาว ไปฝากลูกวันพรุ่งนี้
     วันนี้ก็มาถึง
     "คงไม่ลืมอะไรแล้วนะ บ้านลูกอยู่ในตัวเมืองโน่นแน่ะ ถ้าลืมเอาอะไรไปล่ะก็ คงจะไม่ย้อนกลับมาเอาล่ะ"ลุงศรพูดพร้อมเช็คข้าวเช็คของที่จะเอาไปฝากลูก
     "ไม่ลืมอะไรแล้วล่ะ แม่เตรียมตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ไปหาลูกทั้งที จะรีรอได้ไง ไป ไปกันเถอะพ่อ เดี๋ยวจะสาย" ป้าอมรรีบขึ้นรถ ลุงศรก็ขับรถไปหาลูกบัดนั้นทันที
      ตะวันเริ่มโผล่ขึ้นมาแล้ว ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว จึงไม่พลาดที่จะเห็นนกเป็ดน้ำตามท้องทุ่งท้องนา บินโผไปมา
      "ดูโน่นสิพ่อ"ป้าอมรพูดแล้วชี้นิ้วไปที่นกเป็ดน้ำกลุ่มหนึ่ง
     เป็นภาพที่น่าสงสารอะไรสิ้นดี ปืนลูกกรด 3 - 4 กระบอก ยิงใส่นกเป็ดน้ำทีละตัวสองตัว
       ' น่าสงสารนะ มันอุตส่าห์หนีหนาวมาจากไซบีเรีย คนสมัยนี้นี่นะ โหดร้ายกันจริงๆเลย' ลุงศรบ่นตามประสาคนรักธรรมชาติ
        และแล้ว
       รถของลุงศรกับป้าอมรก็ได้จอดที่หน้าบ้านลูกชาย
        ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง!!
        "ใครมากดกริ่งหน้าบ้าน ไปดูซิลูก"
        "ครับ แม่"
         เสียงหญิงสาวกับเด็กเล็กๆดังออกมาจากทางหลังบ้าน ลุงศรกับป้าอมรเอะใจอยู่เหมือนกันว่าจะเข้าผิดบ้าน
         "ใครน่ะ มาแต่เช้า"เสียงทุ้มๆดังจากในบ้าน เดินมาเปิดประตูพร้อมกับเด็กน้อยๆหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง
         "อ้าว พ่อกับแม่เองเหรอ เข้ามาในบ้านก่อนสิ"กานต์ ลูกชายของป้าอมรกับลุงศรก็เข้ามานั่งที่โซฟา
         "พ่อดูทีวีไปก่อนนะ เดี๋ยวกานต์ไปแต่งตัวก่อน"กานต์พูด
         "จ่ะ ลูก ยังตื่นสายเหมือนเดิมเลยนะ"ป้าอมรพูด
         "แล้วนี่ใช่ปาล์มหรือเปล่าเนี่ย"ลุงศรพูดถามกานต์
         "ใช่พ่อ เจ้าปาล์ม หวัดดีคุณปู่คุณย่าซะสิลูก" กานต์บอก พร้อมกับเดินไปอาบน้ำ
         " นี่โตขนาดนี้แล้วเหรอลูก โตเร็วจริงนะ"ป้าอมรพูดขึ้น
     เมื่อกานต์อาบน้ำเสร็จ ก็เดินมากับแฟนสาวที่ชื่อพลอย คนหนึ่ง พร้อมกับลูก ที่ชื่อว่าปาล์ม เดินมาที่โซฟา
          "พ่อกับแม่มาไมอ่ะ" กานต์ทักด้วยคำพูดสั้นๆกับลุงศรกับป้าอมร
           "ก็คิดถึงน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปบ้านเลยนะลูก"ป้าอมรผู้เป็นแม่พูด
           "พ่อกับแม่ไม่ต้องมาก็ได้ รบกวนเปล่าๆ เดี๋ยวผมก็จะไปทำงานแล้วล่ะ ไปนะแม่' 
        คำพูดสั้นๆ แต่ก็ทำให้ผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ สะอึกขึ้นมาได้ทันที
        หลังจากนั้นทุกคนก็ออกไปทำงานกันหมด รับลูกไปด้วย โดยที่ไม่ใส่ใจใยดีกับพ่อกับแม่ที่มาเยี่ยมมาหาเลยด้วยซ้ำ แล้วป้าอมรก็บอกกับลุงศรว่า
          "เรากลับกันเถอะนะ เราไม่น่ามากวนลูกเลยนะ"
       ความเป็นแม่ความเป็นพ่อนั้นรักลูกเกินกว่าที่จะอธิบายให้เข้าใจมาเป็นตัวหนังสือได้ว่า รัก และ ห่วงแค่ไหน ไม่ว่าลูกจะดีจะร้าย พ่อก็รัก แม่ก็รัก ไม่เสื่อมคลาย สิ่งที่พ่อแม่หวังจากลูก ขอเพียงความสำเร็จก็พอ
       แล้วป้าอมรก็เดินเอากล่องเสื้อกันหนาว มายัดไว้ในตู้เสื้อผ้า กะว่าลูกกลับมาคงจะได้เห็น
        และหลังจากนั้น
      ป้าอมรกับลุงศรก็กลับมาที่บ้าน ใช้ชีวิตตามประสาคู่รักที่แก่ชรากันมานานแล้ว เป็นคู่รักที่หลายต่อหลายคนอิจฉาเลยทีเดียว อยู่กันมานานขนาดนี้ 
      นิยามความรัก ยิ่งอยู่กันนานก็ยิ่งเบื่อ ไม่ใช่เลย แต่ความรักคือการมอบชีวิตไว้ให้กัน ยิ่งนานก็ยิ่งผูกพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ
       วันหนึ่ง
      ป้าอมรได้โทรศัพท์ไปหาลูก
       "สวัสดี ใช่กานต์หรือเปล่าลูก"ยายอมรพูดเสียงดัง
       "อะไรแม่ ตะโกนทำไม หูจะแตกแล้ว"กานต์พูดด้วยเสียงกระแทก
       "ก็แม่คิดถึงลูก ก็เลยโทรมาหา แค่นั้นเอง"แม่พูดด้วยเสียงที่ผิดหวัง
       "มีไรป่าวแม่ ผมจะเลี้ยงลูก"กานต์พูดถาม
        "สบายดีป่าวลูก"ป้าอมรถามลูกด้วยความห่วงใย
        "ก็สบายดีอ่ะ แม่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะ"กานต์รำคาญแม่ ที่หูไม่ค่อยดีแล้ว
        "แค่นี้ก่อนนะแม่ ผมยุ่ง"กานต์ก็วางโทรศัพท์
       หลังจากนั้น
      เสียงโทรศัพท์ก็ดัง แคล็ก ถูกวางไปอย่างเร็ว ดูเหมือนว่าลูกจะรำคาญแม่แก่ๆคนนี้อย่างไงซะอย่างงั้น
       
      กาลเวลาผ่านไป
      
      ผ่านไป
     ผ่านไปเรื่อยๆ
      2 ปีมาแล้ว
      ป้าอมรก็โทรคุยกับลูกตลอด ไปเยี่ยมลูกทีไร ลูกก็บอกว่าไม่ต้องมาหา นั่นเป็นเพราะลูกรำคาญหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ป้าอมรกับลุงศร คิดถึงลูกมาก
      วันนี้มีโทรศัพทือีกครั้ง แต่มันเป็นเสียงสะอื้นของผู้เป็นแม่ 
      "ลูกจ๋า ลูกกานต์"แม่พูดพร้อมด้วยเสียงน้ำตา
      "มีไรป่าวแม่"กานต์ถาม
       "พ่อ"
       "พ่อตายแล้วนะลูก เมื่อเช้านี้เอง พ่อไปอย่างสงบน่ะ"ป้าอมรพูดขึ้น
      หลังจากนั้นกานต์ก็มาจัดงานศพสามวัน ตามปรกติทั่วไป พองานศพจบ ก็กลับบ้านไป ด้วยเป็นเพราะงานที่ยุ่ง มีลูก มีภรรยา และแม่ที่แก่แล้วไม่ได้ทำอะไรให้มากนัก จึงไม่เคยมาเยี่ยมแม่เลย จากแม่ที่เคยโทรศัพท์คุยบ่อย ตอนนี้ก็โดนดุบ่อยๆว่า หูไม่ดี ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ป้าอมรผู้เป็นแม่ต้องแอบร้องไห้
       ดูเหมือนว่าลุงศรตาย จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เลย ลูกกลับห่างหาย ปล่อยให้แม่อยู่ตามประสาคนชรา
        
        วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน
        ผ่านไปเรื่อยๆอย่างไม่รีรอ
เป็นเวลา 6 ปีแล้ว
        วันนี้แล้วที่กานต์จะไปเยี่ยมแม่
      
         เดินทางด้วยรถสุดหรู ลูกน้อย 1 คน ภรรยาสุดที่รัก 1 คน
  
         มาถึงหน้าบ้าน เสียงหมาข้างบ้านเห่า
  
         เปิดประตูบ้าน
         แม่นอนตายอย่างสงบในบ้าน
       หลังจากนั้น กานต์กับภรรยาก็จัดงานศพให้แม่อย่างเรียบง่าย ด้วยเพียงน้ำตาไม่กี่หยดของกานต์ ที่รู้ว่าสายเกินไปแล้ว ไม่นาน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แม่ก็เริ่มเลือนลางไปในชีวิต ลูกน้อยโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยภาระที่ทำงานเยอะ งานยุ่ง จึงไม่ค่อยคิดเรื่องเก่าๆ ครอบครัวก็มี
       วันหนึ่ง วันนี้เป็นการย้ายบ้านของกานต์ เพราะกานต์ได้บ้านหลังใหม่
     
      "เอ๊ะ นี่กล่องอะไรเนี่ย ใครเอามายัดในตู้เสื้อผ้า ไม่เคยเห็นเลยนะเนี่ย"ภรรยาของกานต์เอ่ยขึ้น
       "ไหน ดูหน่อยซิ"กานต์เดินมาดู
       ปรากฎว่า มันเป็นกล่องกระดาษสีขาวใบหนึ่ง ข้างในมีจดหมายแนบไว้ในเสื้อกันหนาว  วันที่ในจดหมายบอกให้รู้ว่าเป็นจดหมายของแม่ ที่ถักเสื้อให้ลูกในวันที่มาเยี่ยมลูกวันนั้นเอง กานต์หยิบจดหมายออกมาอ่าน
      "กานต์ลูกรัก แม่ได้ถักเสื้อกันหนาวมาให้ลูก สวยมั๊ยลูก มันเป็นสีกรม ที่แม่เคยถักให้ลูกใส่ตอน 3 ขวบ ยังจำวันนั้นได้มั๊ยลูก ที่พ่อเคยปะเสื้อให้ลูก แม่ถักขึ้นมาใหม่ กลัวว่าลูกจะหนาว แม่คิดถึงลูกนะ พ่อกับแม่คิดถึงลูกเสมอมา รักลูกเสมอมา ว่างๆก็ไปเยี่ยมบ้างนะลูก แม่รักและคิดถึงลูกมากนะ ปาล์มเป็นเด็กที่น่ารักมากเลย อยากให้พาลูกกับเมียลูกมาเล่นที่บ้านแม่กับพ่อบ้างก็ได้นะ แม่กับพ่อป่วยเป็นโรควัณโรคกันมานานแล้ว อยากจะพบลูก "ก่อนจะสิ้น...ลมหายใจ"				
comments powered by Disqus
  • น้ำหมึกขาว

    12 ตุลาคม 2547 06:44 น. - comment id 77999

    เนื้อหาบางส่วนรวบรัดให้สั้นลง(ซึ่งน่าจะบอกถึงรายละเอียดต่างๆมากกว่านี้นาคับ...) ทำให้ส่วนที่จาซึ้งมันเลยทำได้แค่ขนลุกอ่า... 
    
    แต่ก็ยังคงเป็นงานเขียนที่มีคุณภาพได้ ขอชมเชยครับ ตอนจบน้ำตาคลอ+ขนลุกอ่าา (ปรบมือๆๆ)
  • rain..

    12 ตุลาคม 2547 21:16 น. - comment id 78018

    ..เขียน ได้ดีมากเลยคะ..
        อ่านแล้ว ..ทำเรน..น้ำตาซึม ..จริงๆด้วยดิคะ..
              ..เรน คิดถึง ..มามี้ ด้วยคะ..
         กี้ เรน ..ก็เล้ย โทรหามี้ ..นะคะ..
            หน้าหนาว ..เรน มีเสื้อ..ไหมพรม..
        ของมามี้ ..ตัวใหม่ ..  ด้วยดิคะ..
    
                   ..เรน ..เป็นกำลังใจ ให้คุณ นะคะ..
    
  • tiki

    12 ตุลาคม 2547 21:55 น. - comment id 78019

    ดำเนินเรื่องต่อเนื่องมาได้ดีนะคะ..
    คงจะขัดเกลาสำนวนอีกสักหน่อย ดีค่ะ พยายามดีคะ
  • Nonmin

    13 ตุลาคม 2547 10:06 น. - comment id 78028

    เขียนเก่งจังเลยค่ะ
    ไม่สั้นไปหรือยาวไป ^^
    
    อ่านแล้วจะร้องไห้ สงสารอ้ะ TToTT
  • สาวนนท์

    27 ตุลาคม 2547 12:25 น. - comment id 78453

    *-* ซึ้งงงงงงคะ แงแงแง *-*
    เก่งจังเลยนะคะแต่งเรื่องสั้นได้เก่งมากเลย ทั้งๆที่รุ่นเดียวกะเราเลยอ่า แต่เรายังไม่ปะสีปะสาไรเล้ยยยยยย.......

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน