จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ(ถ้าอยากซึ้งลองอ่านให้จบสิ)

เก่งกาจ

ตอนที่1
	ณ ห้องแต่งตัวของสเตเดียมหนึ่งซึ่งกำลังมีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งกำลังเตรียมตัวเพื่อจะเข้าแข่งขันเต้นรำหญิง และวันนี้เป็นวันคัดเลือกผู้เข้ารอบทั้งหมด สิบคน 
	เยียร์ร่าห์หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในห้องแต่งตัวกำลังนั่งอยู่พร้อมกับบีบมือทั้งสองข้าวอย่างพยายามสะกดอาการตื่นเต้นเอาไว้ แต่พยายามเท่าไหร่ก็เหมือนจะยากเย็นเท่านั้น 
	เยียร์ร่าห์ลุกขึ้น เธอทำท่าจะเต้นเพื่อเตรียม พร้อม และที่สำคัญเธอต้องการลดอาการตื่นเต้นนั้น แต่ก็เหมือนจะยากเย็น เธอเหมือนรู้สึกหายใจขัด ๆ มือไม้อ่อนอย่างไรชอบกล 
	เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้  จะเต้นต่อก็รู้สึกเหมือนมือไม้อ่อน เข่าของเธอก็เหมือนจะประคองตัวไม่อยู่ แต่ทันใดนั้น ก็มีมือของใครคนหนึ่งมารับร่างของเธออย่างเร็วไว
	ไม่ช้าเธอก็หันหน้าไปเผชิญหน้ากับเขา เขาผู้นั้นยิ้มมาให้เธอ ราวกับผู้ใหญ่ยิ้มให้เด็ก ถ้าจะให้เดา เยียร์ร่าห์คิดว่าเขาคงศึกษาอยู่ชั้นอุดมศึกษาเป็นแน่ และแน่กว่านั้นก็คือเขาก็มาประกวดเต้นรำด้วยวันนี้ 
เดียรร่าห์สังเกตจากเครื่องแต่งกายของเขา
	ตื่นเต้นหรือครับ ไม่เป็นไรนะครับ แล้วมันจะผ่านไปด้วยดีหญิงสาวยังคงมองไปที่ชายหนุ่มเหมือนมนต์สะกด จนชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มนั้นช่างอบอุ่นและเป็นมิตร 
	ไหน คุณลองเต้นท่าทีคุณเตรียมมาสิครับ เดี๋ยวผมเป็นคู่ซ้อมให้ชายหนุ่มอาสาแต่ดูเหมือนไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย เขาดึงร่างหญิงสาวแล้วเต้นไปกับเพลงที่เขาร้องเอง 
หญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้ว่า เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอเตรียมจังหวะนี้มา
	The smile on your face lets me know that you need meThere's a truth in your eyes saying you'll never leave me
The touch of your hand says you'll catch me whenever I fallเขาร้องพลางดึงมือเธอท่าผีเสื้อ แล้วเหวียงเล็กน้อยเพื่อจะให้เยียร์ร่าห์หมุน เมื่อกลับมาท่าตั้งต้น 
หญิงสาวเห็นเขาสบตามาที่เธอ พลางยิ้มให้ด้วยร้อยยิ้มอันอ่อนหวาน  จากนั้นปากเขาก็ไม่ได้ร้องเพลงนั้นอีกเลย แต่ทั้งคู่ยังคงเต้นเหมือนมีเพลงนั้นบรรเลง อยู่
หากมันเป็นเพลงที่บรรเลงแล้วไปก้องในหัวใจของทั้งสอง และเมื่อถึงท่อนสุดท้าย ชายหนุ่มก็ร้องออกมา อย่างแผ่วเบา เหมือนต้องการให้เธอได้ยินเพียงสองคน
	You say it best.. when you say nothing at allจากนั้นเขาก็หยุด หญิงสาวก็หยุดด้วย ชายหนุ่มยังคงยิ้มให้หญิงสาวพลางพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
	สู้เค้านะครับ  ความกลัวมันไร้ตัวตน อย่างสร้างมันทำลายชัยชนะที่รอคอยคุณอยู่ข้างหน้ามันสิครับชายหนุ่มกล่าวจบก็จากไป เยียร์ร่าห์ยิ้มด้วยความเชื่อมั่น 
หญิงสาวจะวิ่งไปเพื่อขอบคุณ หากแต่เขาก็จากไปไกล เธอได้แต่ยิ้มไปทางเขาอย่างนึกขอบคุณ
	เมื่อเยียร์ร่าห์ได้ยินเสียงประกาศชื่อเธอ อีกไม่นานแล้วสินะที่เธอต้องไปที่ฟลอร์เพื่อเต้นรำ ชิเน่ก็มาด้วยและกำลังเตรียมตัวเช่นเดียวกับเธอ เวลานี้ แม้เยียร์ร่าห์จะกลัวและตื่นเต้น 
แต่เธอต้องทำให้ดีที่สุด   เพราะเธอบอกว่า เธอมีโอกาสนี้เป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องทำให้ดีที่สุด
	เมื่อเพลงเริ่มบรรเลง เธอก็เริ่มเต้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือทั้งสองโบกไปมาเป็นท่าทางที่อ่อนช้อยพร้อมกับงอตัวตามเพลง จากนั้นก็กระโจนวิ่งไปช้า ๆ พร้อมทำมือแหวกว่ายไปมาอย่างสวยงาม 
จบเพลงเธอก็ทำความเคารพให้กับคนดูที่ปรบมือให้เธอด้วยความชื่นชม 
	เยียร์ร่าห์ยิ้มรับ พร้อมบอกกับตนเองว่าสำเร็จแล้ว เธอไม่ได้หมายถึงชัยชนะ หากแต่ว่าเป็นความกลัวที่เธอทำลายมันไปเพื่อไม่ให้มันทำลายความมั่นใจในสิ่งที่เธอกำลังทำ 
แล้วสายตาเธอก็ไปหยุดที่ใครคนหนึ่ง ชายคนนั้น เขายิ้มพร้อมโบกมือให้เธอ หญิงสาวโบกมือให้เขาตอบซึ่งตอนนี้เขายืนอยู่ในหมู่คนดู จึงเหมือนโบกมือให้คนดู
	คนต่อไปก็คือ ยางชิเน่ ซึ่งเป็นเพื่อนกับลีเยียร์ร่าห์ เยียร์ร่าห์รู้ดีว่าเพื่อนของเธอตอนนี้กำลังประสบปัญหาที่ขา แต่เธอรู้จากปากของชิเน่ว่า อาการมันไม่รุนแรง 
เน่นั้นก็หวังที่จะเข้าเป็นหนึ่งในสิบ ไม่แพ้กับ เยียร์ร่าห์เช่นกัน เพราะนอกจากเธอจะทำความฝันให้เป็นจริง แล้ว พ่อของเธอก็จะอนุญาตให้เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยศิลป์ตามที่เธอตั้งใจ  
ดังนั้นชิเน่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด 
	ชิเน่เป็นคนที่มีนิสัยมีน้ำใจ โดยเฉพาะกับเพื่อนฝูง หากรู้ว่าใครเดือดร้อนเธอจะช่วยเหลือ เพราะงั้นเยียร์ร่าห์จึงรักชิเน่ และเป็นห่วงชิเน่มาก ใครที่คอยหาเรื่อง หรือทำร้ายชิเน่ 
เยียร์ร่าห์จะไปเอาคืนให้ชิเน่ ถึงแม้ว่าชิเน่จะไม่เอาเรื่อง แต่เยียร์ร่าห์ก็ไม่ยอม เพราะนอนจากชิเน่จะเป็นเพื่อน แต่ยังเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตเยียรร่าห์ด้วย
	เมื่อเพลงเริ่มบรรเลงชิเน่ก็เริ่ม เต้นรำตามท่าที่เธอได้เตรียมไว้ จะว่าไปแล้วการเต้นรำเป็นทั้งชีวิตและจิตใจชองทั้งชิเน่และเยียรร่าห์ ชิเน่ เต้นด้วยท่าทางอ่อนช้อย จนคนในห้องส่งอดปรบมือด้วยความชื่นชมไม่ได้
	เมื่อเพลงจบชิเน่ห์โค้งคำนับให้คนดู จากนั้นเธอก็วิ่งไปหาแม่ของเธอ ที่มาเชียร์และคอยให้กำลังใจเยียร์ร่าห์ ผิดกับพ่อของเธอไม่สนับสนุนนัก แต่ด้วยเหตุผลใดชิเน่ก็ไม่ทราบ แต่พ่อก็ยังปล่อย ๆ บ้าง หากแต่ก็ไร้อิสระโดยสิ้นเชิง ชิเน่ส่งยิ้มพร้อมโบกมือมาให้เธอ เยียร์ร่าห์โบกมือตอบเหมือนยินดีกับเพื่อน
	จากนี้ผมจะประกาศ ผู้เข้ารอบ สิบคนสุดท้าย น่าตื่นเต้นนะครับ เพราะทุกคนที่นี่ ก็ทำได้ดีทุกคน จนเป็นที่หนักใจของคณะกรรมการ ในการตัดสินพิธีกรพูดไปเรื่อย ทุกคนก็รอลุ้นอย่างตั้งใจ 
ต่างคนก็เชียร์เพื่อนของตน บ้างก็บ่นว่าเมื่อไหร่คณะกรรมการจะตัดสิน
	รายชื่อของทั้งสิบอยู่ในมือผมแล้วนะครับ คนที่เข้ารอบได้แก่  ยุนยูจินเมื่อกล่าวชื่อผู้เข้ารอบ ผู้ที่มาเชียร์ก็เฮกันเหมือนประมาณอย่างที่หวัง ไว้หรือไม่ก็ยินดีกับเพื่อนตนเองที่เข้ารอบ
	พิธีกล่าวชื่อจนถึงคนที่เก้า ผู้คนในสเตเดียมก็เฮใหญ่เป็นพิเศษ เพราะผู้เข้าแข่งขันผู้นี้เป็นที่ผู้ถูกใจคนดูยิ่งนัก
	คนที่เก้าได้แก่..ยางชิเน่ชิเน่กระโดดยิ้มให้แม่ทั้งน้ำตา พลาง ทำความเคารพแม่ที่กำลังกอดเธออยู่อย่างยินดี จากนั้นก็ไปที่ฟลอร์เพื่อแสดงตัว 
จากนั้นคณะกรรมการก็กล่าวคนสุดท้าย ที่เรียกได้ว่าเรียกเสียงเฮไม่แพ้ชิเน่ เพราะผู้เข้าแข่งขันคนนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้ชิเน่เช่นกัน จนบอกได้ว่าสูสีกันทีเดียว
	คนสุดท้ายคือ แหมน่าตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ ไม่รู้ว่าคนสุดท้ายจะเป็นอย่างที่ท่านผู้ชมคิดไว้หรือไม่ แต่คนนี้ผมเชียร์เธอเป็นพิเศษนะครับ คนคนนั้นคือ.พิธีกรหยุดกล่าว 
พร้อมยิ้มให้กับคนดูทีรอลุ้นอย่างระทึก และแล้วก็ไม่ทำให้คนดูผิดหวัง เมื่อพิธีกรประกาศชื่อ ทุกคนเฮกันใหญ่
	ลีเยียร์ร่าห์เยียร์ร่าห์กระโดดอย่างยินดี พลางโค้งคำนับอย่างขอบคุณที่เอาใจเชียร์เธอ และรีบไปที่ฟลอร์ ชิเน่จับมือเธอพลางกอดเธออย่างยินดี เยียร์ร่าห์ยังคงยิ้มไม่หุบ ทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าอยู่ในห้องแต่งตัว 
จนมีชายคนหนึ่งมาช่วยทำให้เธอหายกลัวและตื่นเต้น จริงสิ เค้าอยู่ไหนนะ ถ้าเจอเธอต้องขอบคุณเขาให้ได้
	แต่เมื่อมองไปก็ไม่เจอใคร ชิเน่เห็นเพื่อนทำท่าหาใครบางคนก็ถามขึ้น
	มองหาใครหรือ
	เปล่าจ๊ะเยียร์ร่าห์กล่าวพลางยิ้มให้เพื่อน ชิเน่เห็นดังนั้น ก็ยิ้มและไม่ถามเซ้าซี้เพื่อนต่อ 
	วันต่อมา ชิเน่กำลังนั่งเขียนระบายความรู้สึกของตน ยามนี้ใบหน้าของชิเน่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเธอยังคงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้เป็นอย่างดี
	พ่อไม่ยอมให้ลูกทำตามใจตนเอง อีกต่อไปแล้วนะ ชิเน่นายแตซูผู้เป็นพ่อเอ็ดผู้เป็นบุตรสาวเสียงแข็ง หันหลังให้ผู้เป็นบุตรีเหมือนไม่ต้องการคำคัดค้านใด ๆ
	แต่คุณพ่อสัญญาแล้วนี่คะ ว่าถ้าหนูชนะการประกวด คุณพ่อจะยอมให้หนูเรียนวิทยาลัยศิลป์ต่อไปชิเน่รีบพูดเสียงสั่น อย่างเกรงการตัดสินใจของผู้เป็นบิดา แววตาบ่งบอกถึงขอร้องผู้เป็นพ่อให้เห็นใจเธอด้วย
	นายแตซูส่ายหน้าก่อนกล่าวว่า
	พ่อมีเหตุผลนะ ชิเน่ ถ้าลูกยังทำตามใจตนเองอยู่อย่างนี้ แล้ววันข้างหน้าใครจะสืบทอดกิจการของพ่อละนายแตซูกล่าวเอาจริง ทำให้ชิเน่ถึงกับส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับฟัง
	นี่มันไม่ใช่ปัญหาเลยนะคะ หนูเรียนจบวิทยาลัยศิลป์แล้ว หนูเรียนต่อบริหารอย่างคุณพ่อก็ได้ ขอร้องละคะคุณพ่อ ขอให้หนูได้ทำในสิ่งที่หนูรักที่สุดในชีวิตเถิดนะคะชิเน่กล่าวขอร้องเสียงอ่อน 
แต่แววตาเต็มไปด้วยความหนักแน่น
	จนนายแตซูท่าทีอ่อนลงไปบ้างแต่ก็ไม่ยอม ผู้เป็นมารดาเห็นดังนั้นจึงเข้าไปคุยกับสามี
	คุณคะ คุณก็ยอมให้ลูกทำในสิ่งที่รักเถิดคะ คุณน่าจะดีใจนะคะที่เห็นลูกมีเป้าหมายและทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ ดีกว่าคนอื่น ๆอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เป้าหมายในชีวิต หละลอย ไป วัน ๆผู้เป็นภรรยาอ้อนวอน 
นายแตซูมองมาที่บุตรสาวเหมือนจะชั่งใจและเดินจากไปไม่พูดสิ่งใด 
	นั่นคือสิ่งที่ชิเน่และผู้เป็นแม่รู้ดีว่า ผู้เป็นบิดาไม่ปฏิเสธในคำขอของเธอ ชิเน่กอดผู้เป็นแม่อย่างยินดี
	
	ในขณะที่ชิเน่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่นั่นเอง เยียร์ร่าห์ก็เดินเข้ามา แต่เธอไม่ทันสังเกตท่าทางของเพื่อนในขณะนี้
	ชิเน่อยู่นี่เอง ฉันตามหาตั้งนานเยียร์ร่าห์กล่าวพลางนั่งข้างเพื่อน ชิเน่รีบเปลียนสีหน้าพร้อมยิ้มให้เพื่อนรัก เยียร์ร่าห์ยังคงสังเกตเพื่อนไม่ออกอยู่ดี
	ฉันยืมสมุดเลคเชอร์ชั่วโมงที่แล้ว ฉันจดไม่ทันนะเยียร์ร่าห์กล่าวยิ้มให้เพื่อนแหย ๆ นึกรู้ว่าเพื่อนต้องรู้ว่าเธอแอบหลับในชั้นเรียนเป็นแน่ เพราะเมื่อคืนนั่งดูถ่ายทอดการแข่งขันเต้นรำของประเทศอเมริกา 
	ชิเน่ไม่ตอบ แต่รีบหยิบสมุดเล่มหนึ่ง ให้เพื่อนทันที โดยไม่ทันสังเกตว่าสมุดเล่มนั้นเป็นสมุดไดอารี่ของเธอเอง จากนั้นก็เสียงกริ่งดังขึ้นทั้งคู่จึงรีบเข้าเรียนชั่วโมงต่อไป โดยทั้งคู่ไม่รู้ว่าสมุดนั้นผิดเล่ม
	
	ตกดึกวันนั้นหลังจากที่เยียร์ร่าห์อาบน้ำเสร็จ ก็ลงมือลอกเลคเชอร์จากสมุดที่ยืมชิเน่มา 
	เฮ้อ ทำไมถึงได้ขี้เกียจอย่างนี้นะเยียร์ร่าห์บ่นกับตนเองพลางเปิดสมุด ดู แต่เมื่อเปิดอ่านก็รู้สึกว่าเนื้อหามันไม่ใช่อย่างที่ตนเองคิด นี่มันคงเป็นหนังสือไดอะรี่ของชิเน่เป็นแน่ 
	เธอจะปิดเพราะเห็นว่ามันเป็นการเสียมารยาทที่สุดที่ไปอ่านไดอะรี่ของคนอื่น อย่างนี้
	ทันใดนั้นก็มีลมพัดกระดาษสมุดเปิดไปหลายแผ่น จนถึงหน้าหนึ่ง สายตาของเยียร์ร่าห์ก็ไปหยุดที่คำพูดหนึ่งในกระดาษนั้น ซึ่งมีใจความว่า
	ฉันรู้สึกแย่ถ้าไม่สามารถเต้นรำได้อีกต่อไป เพราะงั้นโอกาสสุดท้ายของฉันในเดือนนี้ฉันต้องทำให้ดีที่สุด แม้คุณพ่อจะไม่ห้ามแล้ว แต่ฉันรู้ดีว่าท่านต้องการให้ฉันชนะ 
เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าฉันไม่ได้ทำอะไรครึ่ง ๆกลางๆเยียร์ร่าห์ตกใจกับข้อความที่ตนเองรู้ และรู้ถึงความหนักใจได้เป็นอย่างดี เธอทั้งเสียใจ และน้อยใจเพื่อนที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้ตนฟังเลย 
นี่เธอไม่สำคัญเลยหรือ ไม่นะเวลานี้เธอไม่ควรไปโกรธเพื่อนของเธอ เธอต้องหาทางช่วยเพื่อนของเธอจึงจะถูกสิ 
	ชิเน่คงรู้สึกแย่เป็นแน่หากเธอไม่สามารถเต้นรำได้อีกตลอดชีวิต 
	แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ประโยคหนึ่ง
	ใคร ๆก็บอกว่า ฉันกับเยียร์ร่าห์ คะแนนสูสีกัน ฉันรู้ดีว่าเยียร์ร่าห์ต้องทำได้ดีเหมือนทุกครั้ง ฉันอยากให้เป็นอย่างนั้นนะ เพราะฉันรู้ว่าเค้าก็หวังในการประกวดนี้ไม่น้อยไปกว่าฉัน แต่ฉัน แต่ฉันก็ไม่อยากแพ้."
	เยียร์ร่าห์รับรู้ได้ถึงความหวาดหวั่นเป็นอย่างดี 
	เธอไม่เคยรู้เลยว่าชิเน่นั้น หวั่นในความพยายามของตนถึงเพียงนี้ ถ้าอนาคตเธอต้องมาแข่งขันกับเพื่อนของเธอ แม้วันข้างหน้าจะชนะหรือแพ้ เธอก็ต้องช่วยเพื่อนของเธอให้ถึงที่สุด 
	จริงสิ หากเธอไม่เข้าประกวดการแข่งขันครั้งนี้ ก็คงจะลดความหวาดหวั่นในใจชิเน่ได้แน่ แต่การแข่งขันนี้ก็สำคัญกับเธอไม่แพ้กัน ไม่   เธอต้องไม่ลังเลกับการตัดสินใจที่จะช่วยเพื่อน 
เพื่อความสุขของชิเน่อะไรที่เธอช่วยได้ เธอยินดี แม้ว่ามันต้องแลกกับความฝันที่เปรียบน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตเธอ
	คิดอย่างนั้น น้ำตาก็ไหลรินลงมาโดยไม่รู้ตัว อย่านะ อย่าร้องไห้ เพื่อเพื่อนที่รักเพียงคนเดียวต้องไม่เสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้
	
	วันนี้เป็นวันแข่งขันเต้นรำ รอบชิงชนะเลิศ เพื่อน ต่าง ๆมาร่วมใจเชียร์เยียร์ร่าห์และ ชิเน่ หากแต่วันนี้ก็ไม่เห็นวี่แวว ของเยียร์ร่าห์
	อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาลงแข่งขันแล้ว ทำไม เยียร์ร่าห์ยังไม่มาอีกละเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งร้องออกมาอย่างเป็นกังวล				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน