กบกลางกะลา

Jintalohitt

กาลครั้งหนึ่ง ณ ทุ่งหญ้ากลางป่าคอนกรีตที่เรียงรายล้อมรอบด้วยความพลุกพล่านของสังคมเมือง ที่นี่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ ไม่มีลำธาร จะมีก็เพียงแต่บ่อน้ำเล็กที่เกิดจากรอยรั่วของท่อประปา และต้นหญ้าที่เกิดจากการปล่อยปละละเลยของเจ้าของที่ ที่ขณะนี้แข่งขึ้นเบียดยอดในคอกสี่เหลี่ยมกำแพงคอนกรีตจนแน่นขนัด หากมองจากภายนอกมันอาจเป็นแค่ที่ดินที่ถูกทิ้งรกร้างธรรมดา แต่ลึกลงในความไม่เป็นระเบียบสีเขียวที่แซมแทรกนั้นกลับซุกซ่อนสรวงสวรรค์ของสรรพชีวิตที่ไม่อาจอยู่รอดได้ในเมืองใหญ่ หรือกล่าวอีกนัยที่นี่ก็คือโอเอซิสของสัตว์กลุ่มสุดท้ายที่เหลือรอดจากการเร่งพัฒนาเมืองอย่างบ้าระห่ำ โดยโยนตำราการอนุรักษ์ธรรมชาติทิ้งถังขยะไป ที่นี่จึงไม่มีทั้งกบในกะลา กระต่ายตื่นตูม และคางคกขึ้นวอ แน่นอนคงไม่มีเจ้าชายกบด้วย แต่หากพูดถึงกบ ที่นี่มีกบธรรมดาอยู่สามตัว กับฝูงแมลงจำนวนหนึ่งเท่านั้น 
เนื่องจากมีกบเพียงสามตัว พวกมันจึงไม่เคยทะเลาะแย่งชิงอาหารกัน เพราะมีแมลงมากเพียงพอสำหรับทุกตัว แต่ทว่าโลกนั้นไม่ได้หมุนด้วยความสงบสุข แต่ดำเนินด้วยปัญหาและอุปสรรค ชีวิตเรียบง่ายของกบทั้งสามจึงอยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อพวกมันตัวใหญ่ขึ้นและต้องการแมลงมากขึ้น ทำให้กบทั้งสามตัวต้องนำปัญหาดังกล่าวขึ้นเป็นวาระเร่งด่วนเพื่อหาทางออก 
 อ๊บ อย่างที่ทราบกันดี ว่าแมลงในทุ่งนี้เป็นแมลงที่ย้ายถิ่นตามฤดูกาล จึงมีบางช่วงที่จะอาศัยในชุมชนมนุษย์และบางช่วงอาศัยในทุ่งนี้ แต่เพราะปรากฏการณ์เอลนีโญ่ ฤดูกาลจึงเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน แมลงก็พากันสับสน จนเลิกย้ายถิ่น แมลงที่ตัดสินใจอยู่ในบ้านถ้าไม่โดนไบกอน ก็จะถูกจับไปทอดขายเป็นของเปิบพิสดารหมด ส่วนที่อยู่ในทุ่งนี้ก็ถูกพวกเรากินบ้าง กินกันเองบ้าง แม้ปริมาณจะลดลงแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นวิกฤตการณ์อาหารขาดแคลน ปัญหาก็คือเราจับแมลงได้ปริมาณเท่าเดิม ในขณะที่ท้องของเราย่อยแมลงได้มากขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราอาจต้องทนทรมานกันด้วยโรคกระเพาะเป็นแน่ อ๊บ กบพูดมาก สรุปปัญหาให้ที่ประชุมฟัง 
 พูดอีกอย่าง คือ พวกเรามักมากไม่รู้จักพอ ใช่ไหม อ๊บ กบพูดผิด แสดงภูมิรู้ 
 อย่าใช้นิสัยของมนุษย์ มาเรียกความจำเป็นของพวกเรานะ กรณีนี้เขาเรียกว่าการเจริญเติบโตต่างหาก เจ้ากบโง่  กบพูดมากตวาดจนลืมใส่คำว่า อ๊บ ซึ่งถือว่าหยาบคายมากในหมู่กบ ทำให้ที่ประชุมเงียบไปครู่หนึ่ง 
 อ๊บ ถ้าอย่างนั้น เจ้ามีอะไรเสนอบ้างไหม เจ้ากบประหลาด กบพูดมากหันไปถามกบตัวสุดท้าย 
กบประหลาดเป็นกบที่พึ่งอพยพจากชุมชนมนุษย์เข้ามาในทุ่งแห่งนี้ เพราะมันไม่ชอบกินแมลงสาบ ซึ่งเป็นแมลงชนิดเดียวที่เหลือรอดในบ้านจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แมลงของมนุษย์ กบประหลาดได้ชื่อนี้เพราะหน้าตาที่แปลกกบของมัน คือมีไฝที่ใต้ตาซ้าย มีฟันยื่นออกมานอกปาก และบนตัวก็มีลายต่างจากกบอื่น เนื่องจากมันเข้ามาหลังสุด และหน้าตาดูไม่ฉลาดนัก มันจึงไม่ค่อยได้รับการยอมรับเท่าใดนักจากเพื่อนกบอีกสองตัว 
 เอ่อ.... อ๊บ ข้าเคยอยู่แต่ในบ้านคน เอ่อ...ข้าไม่รู้... ไม่ทันกบประหลาดจะพูดจบกบพูดมากก็ชิงสรุป 
 อ๊บ ข้ากะไว้แล้ว อยู่บ้านมนุษย์นานๆ ก็เลยติดนิสัยพวกมนุษย์มา พวกมนุษย์ส่วนใหญ่น่ะไม่ชอบแก้ปัญหาหรอก อ้างว่าเป็นปัญหาส่วนรวม ตัวเองคนเดียวทำอะไรไม่ได้ ชอบให้ปัญหาหมักหมม รอใครสักคนมาจัดการ แล้วค่อยยกย่องเขา แต่ก็แอบอิจฉาอยู่ในใจ และหากใครคนนั้นแก้ปัญหาไม่สำเร็จพวกที่เหลือก็พร้อมจะกรูเข้ามาต่อว่าซ้ำเติม ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยสักอย่าง ..แต่ข้าก็ไม่โทษเจ้าหรอกนะ ถ้าจะโทษต้องโทษมนุษย์ ที่เราต้องอยู่อย่างยากแค้นก็เพราะมนุษย์ ที่ฤดูกาลผิดเพี้ยนก็เพราะมนุษย์ ที่แมลงน้อยลงก็เพราะมนุษย์ เป็นความผิดของมนุษย์ เพราะมนุษย์ทุกอย่าง  กบพูดมากพูดอย่างมีอารมณ์ 
 ใช่ อ๊บ เพราะมนุษย์พัฒนาวัตถุโดยไม่คำนึงถึงหลักการ... หลักการ...เอ่อ..หลักการเอกลักษณ์ธรรมชาติ ใช่ไหม อ๊บ  กบพูดผิดเสริม 
 เขาเรียกว่า หลักการอนุรักษ์ธรรมชาติต่างหาก เจ้าเซ่อ.... อ๊บ  กบพูดมากว่าเจ้ากบพูดผิดที่ยังแก้นิสัยชอบพูดผิดๆไม่หายเสียที 
 เข้าประเด็นดีกว่าอ๊บ ถ้าเราคิดอย่างมักง่ายสุดซึ่งมนุษย์ชอบทำกัน ก็คือถ้าอาหารไม่พอก็จับให้มากขึ้นเท่านั้นเอง แต่หากเราทำเช่นนั้น เราก็อาจต้องเหนื่อยกันมากขึ้นและได้พักผ่อนน้อยลง ซึ่งไม่เป็นผลดีระยะยาวเลย แต่ข้าก็นึกวิธีอื่นไม่ออกแล้ว พวกเจ้ามีใครจะเสนอวิธีอื่นหรือไม่ ถ้าไม่มีเราคงต้องใช้วิธีนี้  กบพูดมากเสนอ ที่ประชุมเงียบไป ไม่มีใครเสนอวิธีอื่นหรือคิดคัดค้านวิธีนี้แต่อย่างใด 
 เอาเป็นว่าเราจะใช้วิธีนี้แล้วกัน เจ้ากบพูดมากสรุป กบที่เหลือพยักหน้ายอมรับและต่างแยกย้ายกันไปหาอาหาร 
เหตุการณ์ดำเนินเช่นนี้ไปนานพอควร จนเจ้ากบพูดผิดเริ่มมีอาการอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ตาของมันปรือแทบปิดสนิท บางครั้งมันถึงกับเผลอหลับในขณะหาอาหาร เนื่องจากมันตวัดลิ้นได้ช้า จึงต้องหาอาหารนานกว่าตัวอื่น ทำให้ได้พักผ่อนน้อยลงไปด้วย กบอีกสองตัวต่างก็สงสารแต่ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรได้แต่ปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไป 
จนมาวันหนึ่งขณะกบอีกสองตัวกำลังตวัดลิ้นกินแมลงอยู่ริมบ่อน้ำประปา เจ้ากบประหลาดที่กำลังนั่งมองเพื่อนกินแมลงอยู่ก็พลันสังเกตเห็นว่า ที่พวกมันจับแมลงได้ง่ายก็เพราะลิ้นของมันเหนียวนั่นเอง ทำให้มันนึกไปถึงกับดักแมลง เครื่องมือล้างเผ่าพันธุ์แมลงยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งของมนุษย์นอกจากไบกอน มันไม่รีรอ รีบกระโดดพลางร้อง อ๊บ อ๊บ ไปอย่างร่าเริง ดีใจที่นึกอะไรดีดีออกในช่วงเวลาวิกฤต คราวนี้ล่ะมันจะได้เป็นที่ยอมรับจริงๆเสียที เจ้ากบประหลาดคิดพลางมุ่งหน้าไปยังเขตอาศัยของมนุษย์ 
เวลาล่วงมาถึงย่ำค่ำกบอีกสองตัวยังคงนั่งตวัดลิ้นอยู่ริมน้ำด้วยความเหนื่อยล้า ขณะที่พวกมันกำลังจะเลิกและกลับไปพักผ่อน มันก็สังเกตว่าเจ้ากบประหลาดหายไป แต่ก่อนที่มันจะโวยวายตกใจ เจ้ากบประหลาดก็กระโดดออกมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น พร้อมกับดักแมลงที่มีแมลงติดหนึบเต็มไปหมด 
 โอ้โห อ๊บ เจ้ากบประหลาด เจ้าทำได้อย่างไรกัน กบอีกสองตัวอุทานพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ 
 นี่เรียกว่ากับดักแมลง มันเป็นของพวกมนุษย์ ต่อไปนี้พวกเราก็ไม่ต้องลำบากออกหาอาหารอีกต่อไป แค่ตั้งทิ้งเจ้านี่ไว้ แล้วกลับออกมาแกะกินในตอนที่หิวก็พอ เจ้ากบประหลาดตอบด้วยความภูมิใจ กบอีกสองตัวต่างก็ดีใจ ยกยอเจ้ากบประหลาดเป็นการใหญ่ และไม่ดูถูกเจ้ากบประหลาดอีกเลย 
 ว้าว อ๊บ เป็นเลิศ ประเสริฐศรี โอ้โฮ อ๊บ เป็นเลิศ ประเสริฐศรี 
นับแต่วันนั้นพวกกบก็ใช่ชีวิตอย่างสุขสบาย หิวก็ออกไปแกะแมลงกินที่กับดักแมลง อิ่มแล้วก็กลับไปนอน มันสบายเสียจนพวกมันไม่สังเกตเลยว่าแมลงเริ่มน้อยลงๆ จนในที่สุดก็ไม่มีแมลงมาติดกับดักอีกเลย 
 มันเกิดอะไรขึ้น อ๊บ ทำไมวันนี้ไม่มีแมลงล่ะ  เจ้ากบพูดผิดอุทานเมื่อมาพบกับดักแมลงว่างเปล่า 
 มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน อ๊บ ข้าไม่เข้าใจเลย  เจ้ากบประหลาดเสริม 
 นั่นสิ อ๊บ  เจ้ากบพูดมากตอนนี้พูดน้อยลงผิดหูผิดตา ทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้ 
 ไม่น่าเลย อ๊บ ไม่น่าเลย ข้าพลาดไปเสียแล้ว พวกเจ้าสังเกตกันบ้างไหมว่าวันนี้ไม่มีเสียงของพวกแมลงเลย  กบพูดมากพูดเสียเครือ 
 ถึงฤดูย้ายถิ่นของพวกแมลงแล้วเหรอ อ๊บ  กบพูดผิดตอบ 
 หรือพวกมันเริ่มรู้ทันจึงไม่หลงติดกับดักอีกแล้ว อ๊บ  กบประหลาดเสริมบ้าง 
 ไม่ใช่หรอก ที่ไม่มีเสียงแมลงเลยก็เพราะพวกมันโดนพวกเรากินจนหมดแล้วน่ะสิ  กบพูดมากเฉลย 
 ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม อ๊บ เป็นไปไม่ได้หรอก ก็พวกแมลงมีตั้งเยอะแยะ  กบอีกสองตัวแย้ง 
 จะมีมากเท่าไรก็มีวันหมดลงได้นะ อ๊บ ทั้งๆที่พวกเราชอบว่ามนุษย์ แต่สุดท้ายพวกเราก็เป็นเหมือนพวกนั้นเสียเอง เราพึ่งความสะดวกสบายจากกับดักแมลง เลยกินทิ้งกินขว้าง บางวันมีแมลงติดกับดักเหลือมากมายพวกเจ้าก็คงเห็นกัน แต่พวกเราก็ไม่ได้ใส่ใจ ลืมสนใจว่าแมลงมันโดนจับมากกว่าความต้องการของพวกเรา จนวันหนึ่งพวกมันก็หมดลง ไม่ต่างเลยกับสิ่งที่มนุษย์ทำกับพวกเรา กับธรรมชาติ และพวกเราก็คงจะต้องตายกันในไม่ช้าตามพวกแมลงที่ตายไปก่อนหน้า เพราะขาดอาหาร ฮือ อ๊บ ฮือ อ๊บ  เจ้ากบพูดมากพูดไปร้องไห้ไป กบอีกสองตัวได้ยินเช่นนั้นต่างก็สะอึกสะอื้นร้องไห้ให้ระงมทั่วทุ่งหญ้าเขียวขจี 
 ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพรำๆ กบมันก็ร้องงึมงำระงมไปทั่วท้องนา... เสียงเพลงในวิทยุดังคลอสายฝนหลงฤดู ที่ตกแทบจะตลอดปี เด็กน้อยคนหนึ่งหลับตาพริ้มกึ่งหลับกึ่งตื่นบนเตียงอุ่น ขณะแม่เอื้อมมือมาค่อยๆเบาวิทยุลง พร้อมกับเดินไปปิดไฟที่หัวเตียง เด็กน้อยตื่นมาพอดีและนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ 
 แม่ครับ เดี๋ยวนี้กบที่ข้างบ้านเราทำไมมันไม่ร้องเลยล่ะครับ  เด็กน้อยถามแม่ด้วยความใคร่รู้ 
 อืม...ไม่รู้สิจ๊ะ แต่ถ้าลูกอยากได้ยินเสียงกบ แม่จะเอาวีซีดีชีวิตสัตว์โลกตอนที่มีเรื่องกบ มาเปิดให้ดูนะจ๊ะ แต่ตอนนี้ลูกคงต้องเข้านอนได้แล้วล่ะ ราตรีสวัสดิ์จ้ะลูกรัก แม่โน้มตัวลงมาจูบเบาๆที่หน้าผากของเด็กน้อย 
 ราตรีสวัสดิ์ครับ  เด็กน้อยตอบพร้อมกับหลับตาลงอย่างมีความสุข 
นับแต่นั้นมาไม่มีใครพูดถึงเรื่องเสียงกบ หรือได้ยินเสียงกบในมหานครที่เหมือนกะลาครอบปิดหูปิดตาพวกมนุษย์ไว้อีกเลย...				
comments powered by Disqus
  • พุด

    6 มกราคม 2549 22:08 น. - comment id 88887

    16.gif36.gif
    พี่พุดนำช่อดอกไม้มาพลีมอบให้ค่ะ
    เป็นงานงามมากค่ะ
    ทำให้คิดถึง*เจ้าหงิญ*ของคุณบินหลา
    ที่ได้รับรางวัลซีไรท์ค่ะ
    เป็นนิทานเช่นกันค่ะ
    
    คนดีพี่พุดรักที่จะอ่านนะคะ
    รออ่านนะ
    
    ด้วยรักจากใจ
    พี่พุด
    36.gif16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน