Repost : เจ้าหญิงแสนขาว & แสงดาวสีเทา

ปากกาดอกไม้(2)

บทที่ 1
  แสนขาว ผู้เลอโฉม
      
        เมื่อนานมาแล้ว ข้าเคยรู้จักรอยยิ้ม  รอยยิ้มที่ไม่เสแสร้ง ไม่ได้แกล้งทำ
เป็นยิ้มที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ  ชั่วเพียงข้ามคืน  กลับทำให้ข้าลืมรอยยิ้มที่งดงามเช่นนั้น     ข้าลืมแม้กระทั่งความจริงใจที่ข้าเคยมี  ข้าจำได้ว่าเคยชอบแสงนวลตาของหมู่ดาวบนฟ้านั้น     แต่ตอนนี้ แม้แสงหรี่ๆของโคมไฟข้ายังไม่อยากจะเหลียวมอง   
        
         ข้ายังจำได้ จำได้ดีเสียด้วย  บรรดาผู้คนมากมาย เคยเปรยความสวยงามของข้าไว้เฉกเจ้าหญิงในนิทาน  แต่ตอนนี้  ทุกพื้นที่ ที่ข้าก้าวผ่าน ข้าจะได้ยินเสียงเซ็งแซ่เสมอว่า  "เจ้าหญิงแสนขาว"
       
          แสน  คือ ชื่อของข้าเมื่อนานมาแล้ว  แสนขาว เคยทำให้หลายคนที่แรกเจอ หลงคิดว่า     ข้าคือเจ้าหญิงผู้งามอย่างบริสุทธิ์   ตรงกันข้าม  มันคือ  ชื่อที่ประณามด้วยความเกลียด ความชัง   ถึงเจ้าหญิงน้อยผู้เคยแสนดี  แต่บัดนี้  กลับเป็นเจ้าหญิงผู้แสนเย็นชาเหมือนดังหิมะสีขาว    ใครได้สัมผัส ก็จะได้รู้สึก ความเย็นลึก หนาวเหน็บอันแสนจะชินชา
       
บทที่ 2 
  แสงดาวสีเทา 
       " หนาว  ข้าหนาวเหลือเกิน "  เสียงของใครคนหนึ่งร่ำไห้ กังวานไปทั่วทั้งราตรี
         
          คืนนี้  ผู้คนก็ช่างมากมายเสียเหลือเกิน  ท่ามกลางแสงไฟสว่างไสว  คงทำให้หลายคนรู้สึกร้อนผ่าว ตื่นตาตื่นใจ ไปกับมายาแห่งมหานครในคืนนี้  งานเทศกาลประจำปีอาจทำให้หลากหลายผู้คนหลงใหล       แต่  ข้าไม่ใช่หนึ่งในพวกงี่เง่าเหล่านั้นหรอกนะ  ที่ทำเหมือนแมลงตัวน้อยบินเล่นล้อกับไฟ 
สัตว์เหล่านั้นคงไม่รู้หรอกว่า ไฟนะ มันร้อน  มันจะแผดเผาและกลืนกินพวกเจ้าไป หล่อนคิดแล้วพลางเดินออกมาจากเมืองอันแสนวุ่นวาย  
        
          ความเงียบสงัดภายนอกมหานครนี้ อาจทำให้หลายคนถึงกับขนลุก แต่ ไม่ใช่เธอผู้นี้แน่  แสนชอบที่จะได้ออกมานอกเมืองเช่นนี้   เพราะเธอรู้ว่า ภายนอกนี้ เธอมีเพื่อนมากมายเป็นหมู่แมลง  
มีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เป็นฟลอร์เต้นรำที่หรูหรากว่าปราสาทราชวังใดๆ
มีเจ้าชายนับร้อย คอยบรรเลงเพลงแห่งสายลมเคียงข้างเธอ 
มีสัมผัสจากริมฝีปากอันอ่อนนุ่มที่อาจจะทำให้ผู้หญิงหลายคนหวั่นไหวสัมผัสบนมือ  แทนการขอเต้นรำ
มีเจ้าหญิงแห่งกลุ่มดาวทอผ้ากำลังวิ่งหยอกล้อกับคนรัก
มีเจ้าชายเฮอร์มิสจากดาวพุธกำลังนั่งดูเธอ ดีดพิณไปพลางหัวเราะไป
มีกลุ่มดาวจระเข้กำลังไล่งับกลุ่มดาวลูกไก่
แล้วเธอก็ได้เห็นดาวดวงหนึ่ง มีแสงประกายสีเทา
มันโดดเด่นอยู่ในมุมอับอันลับฟ้า
มันไม่สนใจแม้แต่เสียงพิณของเฮอร์มิส หรือ เสียงหัวเราะคิกๆของเจ้าหญิงทอผ้า
แต่ มันกำลังหันแสงอันแรงกล้ามาหาเธอ
บทที่ 3
 เดือนหนาว คืนที่163
	
               บ้านหลังน้อยบนเชิงเขา หลังคาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว   แสงไฟตระการตาที่ลอดออกมาทางช่องประตูและบานหน้าต่างเป็นสัญญาณให้รู้ว่า 
"บ้านหลังนี้กำลังไฟไหม้"     หากคุณมองจากตัวเมืองขึ้นมาเชิงเขา คุณอาจจะรู้สึกว่า     บ้านนี้ช่างดูมีความสุขและอบอุ่นเสียนี่ ในคืนที่หนาวเหน็บเช่นนี้ ยังมีการเล่นรอบกองไฟ   น่าสนุกสนานเสียจริง  แต่เด็กน้อยที่ยืนห่างออกไปราว10เมตร คงไม่คิดเช่นนั้น
               
               ภายในดวงตาของเธอสะท้อนไปด้วยความหวาดกลัว มือที่กอดตุ๊กตาเจ้าหญิงของเธอก็เริ่มสั่นระรัว  เสียงหัวใจเต้นสูบฉีดดังก้องไปในหัว  เด็กน้อยยืนแน่นิ่งราวกับเธอถูกสะกดอยู่ในภวังค์ ด้วยมนตราที่เรียกว่า "ความสิ้นหวัง"  
              เมื่อลมในคืนหนาวเริ่มโหมกระหน่ำอีกครั้ง เปลวเพลิงก็ยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าที่จะเรียกว่าเป็นแสงไฟตระการตา หรือ หากมองจากในเมือง มันก็มากกว่าการละเล่นรอบกองไฟเสียแล้ว   เฉกว่ามนสะกดได้ถูกคลายด้วยสายลม เด็กน้อยเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง  ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการมันมากกว่า"ศรัทธา" หรือ "ความกล้าหาญ"   มันเป็นสิ่งที่เธอมีและไม่มี เธอคิด  คิดหนักขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางพายุเพลิงที่กำลังมอดไหม้    ทุกสิ่งทุกอย่าง "สติปัญญา" ใช่หรือ ตอนนี้ฉันจะทำอะไรได้ด้วยเจ้านี่ ฉันต้องการอำนาจ  ที่มากกว่านั้น พระเจ้า ฉันต้องการสิ่งที่มากกว่านั้น ได้โปรด ฉันต้องการ"ปาฏิหารย์"     ร่างของเธอทรุดลงบนผืนดิน เธอคุกเข่าอยู่บนแผ่นผืนหิมะอันเย็นยะเยือก   ไม่มี แม้เสียงลมหนาวที่จะคร่ำครวญไปกับเธอ ไม่มีแม้เสียงป่าที่จะโศกเศร้าไปพร้อมกับเธอ    ไม่มีเสียงใดๆตอบรับในคำขอ   มีเพียงน้ำตาที่ละลายหิมะโดยรอบให้กระจายออกไป 
              น้ำตาหยดสุดท้ายที่ร่วงจนเห็นสีของผืนดิน   ได้ชะล้างทุกสิ่งทุกอย่างของเธอไปพร้อมกับเปลวเพลิงอันสงบเงียบ  สิ่งที่เหลือ ไม่ใช่ซากปรักหักพัง ที่อาจเห็นได้ด้วยตาแต่ เป็นสิ่งที่เธอรับรู้ได้ด้วยใจอันสิ้นหวังว่ามันเป็นเพียง "ความว่างเปล่า"				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน