::กก::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

::กก::
ก่อพงษ์  พงษพรชาญวิชช์
19 สิงหาคม 2549
	นี่ตี 2:52 แล้วหรือนี่
	ความจริงไม่ใช่ยังไม่นอน   แต่ผมเพิ่งตื่น
	ผมตั้งใจหลับไปตั้งแต่ราว  2 ทุ่มเศษ   หมายคลายความเมื่อยตัวและเจ็บหลัง เพราะก้มๆ เงยมาทั้งวัน    ปกติผมนอนที่ระเบียงบนบ้านเพราะอากาศโปร่งดีมาก   แต่หนนี้ผมหลับกับพื้นกระเบื้องชั้นล่างของบ้าน เพราะรู้สึกเย็นตัวเมื่อเอาท้องแนบพื้น   ความเหน็ดเหนื่อยจากงานหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อผมตื่นขึ้นมาอีกที    แต่ขณะที่ผมเอื้อมจะหยิบเอาหมอนขึ้นมาจากพื้นตรงที่ผมนอน  ผมก็ต้องตกใจสุดขีดขนลุกขนพองเมื่อเจ้าตะขาบตัวใหญ่ไต่ออกมาจากใต้หมอนใบนั้น  .. นี่ผมนอนกกสิ่งที่น่าขยะแขยงอยู่เกือบทั้งคืนหรือนี่
	รอบบ้านของผมมีต้นไม้เยอะ   เศษใบไม้ใบหญ้าสุมทับกันอยู่หลายที่  ผมไม่ค่อยมีเวลาดูแล  บางทีปลวกนั่นแหละเป็นคนคอยจัดการกองใบไม้นั้นให้จนมันยุบกลายเป็นดินไปเอง  ผมมีเวลาสำหรับคนอื่นมากนะครับ   แต่เวลาสำหรับตัวเองน้อยเต็มที   อายุของผมก็ปูนนี้แล้ว   อยากหยุดทำเพื่อคนอื่นก็หยุดไม่ได้    ผมอยากมีเวลาของตัวเองบ้าง   เพื่อเก็บกวาดเศษใบไม้ใบหญ้ารายรอบบ้าน  กับพรวนดินให้พืชผักหมากไม้ที่มีเวลาปลูกแต่ไม่มีเวลาดูแล   หลังบ้านที่รกด้วยกองไม้ ผมก็อยากจัดการให้มันเรียบร้อยไปเสียที  หนก่อนผมรื้อกองไม้เพื่อเอามาซ่อมรั้ว  ยังได้สะดุ้งโหยงกับเจ้างูขี้เซายาวเกือบวา  ไม่ชังก็ต้องฆ่ากันครับ   ผมกลัวมันงับหัวแม้เท้า
	หลายหนผมต้องผจญกับเพื่อนบ้านผู้อาศัยอยู่ใต้ขอนไม้แบบไม่ตั้งใจ   ไม่แปลกหน้ากันดอกครับแต่ผมก็ไม่รู้สึกชื่นชมเขาเท่าไร   ผมรื้อกองไม้บางกองด้านเหนือของตัวบ้าน  แมงป่องช้าง ไต่เข้ามาเกือบถึงหัวแม่เท้าของผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้  ถ้าผมไม่ขยับเท้าบางทีก็อาจโดนต่อยป๊าบเข้าไปแล้ว    พิษสงของแมงป่องตัวเล็กนั่นผมรู้ดีเพราะเคยโดนต่อยมาบ่อยมากตอนเป็นเด็ก
	พวกมดตัวดำ ๆ ที่กัดเจ็บ ๆ ที่บ้านของผมก็มีเยอะมาก   แผลมดกัดนี่บวมพองเลยนะครับ   บางคนแพ้มาก ๆ ไปหาหมอไม่ทันถึงตายก็มี
	ถ้าผมมีเวลาสำหรับตัวเองเพิ่มขึ้น  บางที่ผมจะจัดการบ้านได้ดีกว่านี้    ผมอยากทำชั้น และจัดหมวดหมู่หนังสือที่กองทับกันอยู่นั้นเสียที   นี่ยังดีครับที่พื้นบ้านเป็นซีเมนต์ไม่งั้นเพื่อนปลวกอาจดูแลหนังสือเก่า ๆ ที่ผมอุตส่าห์สะสมและหอบหิ้วไปไหนต่อไหนมาหลายปีนั้นแล้วก็ได้   โอ๊ย..มีอีกหลายอย่างครับที่ผมจะทำถ้ามีเวลา  เช่นวาดรูป เขียนกลอน หรือแม้แต่อ่านหนังสือบางเล่มที่จนป่านนี้ เวลาผ่านไป 4-5 ปีผมก็ยังอ่านได้ไม่ถึงครึ่งเล่ม   มันเป็นเช่นนั้นเพราะผมต้องเอาเวลาของผมไปทำงานเพื่อคนอื่น
	
..
(เดี๋ยวมาต่อครับ)				
comments powered by Disqus
  • Ora

    19 สิงหาคม 2549 08:15 น. - comment id 92253

    น่ากลัวทั้งหมดเลยค่ะคุณกพ.
  • Completely

    19 สิงหาคม 2549 08:43 น. - comment id 92255

    อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่ ก.พ.
    
    อ่านแล้วตาสว่างเลยค่ะ เมื่อนึกถึงภาพของตะขาบสีดำมะเมื่อมที่ไต่ออกมาจากหมอนที่เราอยู่เป็นนาน....บรื๋อ พี่ต้องระวังตัวให้มากนะคะ อยู่บ้านเราเองต้องให้ปลอดภัยกว่าอยู่ที่อื่น
    
    หาเวลาเพื่อตัวเองบ้างเถิดค่ะ
    
    คิดถึงนะคะพี่ ขอบคุณมากที่ไม่เคยลืมน้องคนนี้ค่ะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    19 สิงหาคม 2549 11:19 น. - comment id 92256

    สวัสดีครับคุณOraและคุณโอเล่ : กนกวัจน์ 
    ดีใจจังครับที่ได้พูดคุยกันอีก
    
    ผมกำลังหาเวลาสำหรับตัวเองครับ
    ไม่รู้จะหาได้มากน้อยแค่ไหน
    จะพยายามครับ
    
    ช่วงนี้ก็กำลังจัดบ้านจัดช่องหละครับ
    
    ผมต่อเรื่องไว้ตรงนี้นะครับ
    
    -----------
    
    ::กก-(ต่อ)::
    
    ผมไม่เคยโดนตะขาบต่อยนะครับ  แต่มีประสบการณ์ที่ขนพองสยองเกล้ากับตะขามมาหลายหน  อย่างเช่นหนนั้น
    
    	
    	ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มต้นทำงานในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งในตำแหน่งกระจอก ๆ  ที่เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้    เพราะเจ้าของโรงพิมพ์ไม่ระบุชื่อตำแหน่ง แต่ผมรู้ว่าต้องกวาดสำนักงาน เข้าห้องจับเคสเรียงพิมพ์ตัวตะกั่ว หัดเขียนข่าว  เรียงหน้าหนังสือพิมพ์  ส่งของ อะไรทำนองนี้   ช่วงนั้นผมมีรถประจำตำแหน่งใช้อยู่คันหนึ่ง  บ้านเช่ากับที่ทำงานอยู่ห่างกันไม่มากนัก ซัก 5-6 กิโลเมตรเท่านั้นเอง  ผมขี่เจ้าฮัมเบิ้ลออกจากบ้านไปถึงที่ทำงานในเวลาไม่กี่นาที   เว้นเสียแต่วันนั้นฝนตก  ถ้าไม่เตรียมเสื้อกันฝน  ผมก็ต้องหาที่หลบที่ไหนซักแห่งเช่น ปั๊มน้ำมัน  ศาลาริมทาง  กว่าจะถึงที่ทำงานก็โน่นแหละ เมื่อฝนหยุดตก  บางทีฝนตกแรงและนาน น้ำท่วมขังตามเส้นทางที่จะไป ผมก็ยิ่งไปถึงที่ทำงานช้า เพราะกลัวจะตกท่อทีมีค่อนข้างมากตามถนนชานเมือง  ผมก็ได้อาศัยเจ้าฮัมเบิ้ลนั่นแหละไปไหนมาไหนเกือบทุกที่  เพื่อความประหยัดกระเหม็ดกระแหม่สุดขีด    ตอนนั้นผมรับเงินเดือน 2,000  เศษ ๆ มั้ง  ใช้ชีวิตเจียมเสียยิ่งกว่าเจียม   หลบหน้าพรรคพวกเพื่อนฝูง  อับอายในความแร้นแค้นอนาถาของชีวิต  ความจริง  ผมน่าจะมีงานหน้าที่ในท้องนามากกว่า   แต่การศึกษาก็พาผมเตลิดไปจากบ้านเสียไกล   ไปเป็นนักศึกษา แล้วก็จบออกมาเป็นคนทำงานงอกง่อย( ผมเองนะงอกง่อย ไม่ใช่งาน ) แบบที่ผมว่าไปแล้ว
    
    
    	หนหนึ่งเพื่อนพ้องที่เคยทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยด้วยกันได้ข่าวของผม  พวกเขาจึงติดต่อนัดหมายให้ไปพบพรรคพวกและคนอื่น ๆ  เพื่อถามสารทุกข์สุกดิบ   ผมก็พยายามที่จะขี่เจ้าฮัมเบิ้ลไปยังที่นัดหมาย   แต่จุดที่นัดก็ไกลเกินกว่าที่จะไปด้วยวิธีอันคุ้นเคย   ผมเลยต้องเปลี่ยนเป็นนั่งรถประจำทางแทน    เมื่อเจอพรรคพวก  สีหน้าแววตาของพวกเขาที่มองมายังผมไม่ได้หยันอย่างที่ผมนึกคิดเอาไว้เลย   ทุกอย่างเหมือนเดิม   คือจริงใจอย่างแท้   นั่นทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมาก   เพื่อนฝูงมีงานทำกันแล้วทั้งนั้น   บางคนเรียนต่อในระดับสูงกว่าปริญญาตรี  บางคนเป็นอาจารย์    บรรยากาศและความทรงจำเก่ากลับมาในมโนสำนึกของผมทั้งหมดเลยนะครับ  
    
    
    	วันนั้นฝนตก  ลมไม่แรงนัก   พรรคพวกเพื่อนฝูงนั่งล้อมวงกันพร้อมหน้าในเพิงกิจกรรมนักศึกษาที่ด้านในขุดลงไปในดินลึกเกือบเมตร  ที่นั่นผมเคยใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน ๆ นานนับปีสองสองปี   ก็อยู่กันตามมีตามจนนะครับ   ผมยังจำได้เพื่อนบางคนพากันไปหักเอาหน่อไม้ตามรอบรั้วมหาวิทยาลัย   และเพื่อนบางคนแอบไปปลิดเอามะละกอลูกเขียว ๆ ตามหอพักนักศึกษา มาทำต้มแกง ตำส้มตำ กินกะข้าวเหนียวบ้าง ข้าวสวยบ้าง หรือบางทีพ่อแม่มาจากต่างจังหวัดเอาน้ำพริก ปลาแห้งมาเยี่ยมก็ได้เปลี่ยนอาหารกันซักทีหนึ่ง   ภายในเพิงที่เรานั่งคุยกันอยู่นี่รุ่นพี่นักศึกษารุ่นก่อน ๆ ได้ทำไว้ให้ได้ใช้เป็นที่ประชุมปรึกษาหารือกัน เป็นห้องรูปตัว แอล ตัวพิมพ์ใหญ่ ในภาษาอังกฤษ  โล่ง ๆ หนึ่งห้อง  และใช้เก็บของอีกหนึ่งห้อง ซึ่งขุดลึกลงอีกราวเมตรเศษ  ถ้านึกไม่ออก  นึกภาพบังเกอร์กับหลุมเพลาะของทหารก็ได้ครับ    ที่ที่เรานั่งนั้นรุ่นพี่นักศึกษาได้วางท่อซีเมนต์เส้นผ่านศูนย์กลางราวครึ่งคืบไว้ด้วย  เผื่อระบายน้ำ  หากเกิดการท่วมขัง   แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปลายท่อด้านนอกของเพิงนี้ก็หาไม่เจอ   ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน   ที่เราต้องหาก็เพราะว่า ครั้งหนึ่งพรรคพวกจะทำความสะอาดที่พัก   เอาน้ำและน้ำยาราด  คาดหวังว่าน้ำจะไหลออกทางท่อที่เชื่อกันว่าระบายน้ำได้ดี   น้ำกลับไม่ระบาย  จนต้องวุ่นวายหาปลายท่อและหาผ้ามาซับน้ำออกในท้ายที่สุด    วันฝนตกวันนั้นแหละครับ  อากาศเย็น ๆ หนาว ๆ นะ  รุ่นพี่หยิบผ้าผวยแจกให้กับรุ่นน้องคนละฝืน ผมก็ได้ผ้าผวยเส้นใยฝ้ายผืนหนึ่ง    ระหว่างที่พูดคุยกันอย่างออกรส สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นตะขาดตัวเบ้อเริ่มไต่ออกมาจากท่อระบายน้ำด้านที่อยู่ด้านหลังตรงที่ผมนั่ง   มันไต่ไปทางรุ่นพี่ที่ส่งผ้าผวยให้ผมนั่นแหละ  ผมบอกเพื่อนทุกคนให้ลุกขึ้น  ผมเห็นตะขามทุกคนก็ลุกขึ้นทันที  ในเสี้ยววินาทีที่ลุกขึ้นนั้นไม่รู้ตะขาบหายไปไหนแล้ว  ชายผ้าของผ้าผวยของบางละคนก็ลากพื้นอยู่ก็มี  เพื่อนบางคนบอกว่าควรสลัดผ้า  ผมเองก็สลัดผ้าแต่ไม่เห็นสิ่งใดหล่นออกมาเลย   เวลาผ่านไปอีกอึดใจ ก็ไม่เห็นวี่แววของสิ่งที่ผมพูดถึง  เพื่อนบางคนซักผมและว่าคงตาฝาดไปหละมั้ง   ขณะที่ผมยังไม่ทันเถียงและทุกคนเตรียมจะนั่งลงเป็นวงเหมือนเดิมผมก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างใต่อยู่ที่ด้านหลังของผมต่ำกว่าไหล่ลงไปราวคืบ   ไวเท่าคิดผมทิ้งผ้าผวย เลิกชายเสื้อตัวนอกขึ้น   เจ้าตะขาบสีส้มแดงก็ตกเผละจากข้างหลังผม  นี่ถ้าผมไม่สวมเสื้อกล้ามและยุดชายเสื้อไว้ในกางเกง  บางทีผมอาจโดนสัตว์ร้อยขากัดเป็นแผลเหวอะไปแล้ว     คืนนั้นขณะที่พูดไปคุยไปผมเสียวสันหลังอยู่ทั้งคืน    แม้จะหาเศษผ้าไปอุดท่อระบายน้ำนั้นแล้วก็ตาม
    
    
    ( เดี๋ยวมาต่อครับ )
    
    
  • อัลมิตรา

    19 สิงหาคม 2549 11:55 น. - comment id 92257

    เคยมีประสบการณ์สยองที่เจอกับตัวเองเหมือนกันค่ะ
    ที่ต้นมะขวิด ริมน้ำ ในวัดหงส์อรุณรัศมี มหาชัย
    อัลมิตราสงสัยอยู่เป็นนาน นั่นลูกอะไร ไม่รู้จัก 
    ตอนนั้นยังเล็กอยู่ เพื่อนบอกให้ปีนไปดูใกล้ ๆ ก็ทำตามเพื่อน
    มีงูอยู่บนนั้น ..สิ
    
    ลองนึกภาพของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง 
    ม้วนกระโปรงขึ้นมาเหน็บกับขอบที่เอว แล้วก็ปีน ปีน
    จากนั้น ก็มีเสียงร้องจ๊าก เพราะเจองูบนต้นมะขวิด
    สักพักก็ร่วงลงมา ในสภาพที่ว่า กระโปรงอยู่บนต้นไม้ แต่คนร่วง
    หนำซ้ำ ไอ้เจ้างูตัวนั้น มันตกใจที่เห็นหน้าหรือไงก็ไม่รู้
    แทนที่มันจะยังคงอยู่บนต้นไม้ ก็ดันร่วงลงมานอนกองบนพุงอีกต่างหาก
    อัลมิตรานอนกระแด่ก กระแด่ก อยู่ตรงนั้น
    มีทั้งพระ และเณร มามุง หลังจากได้ยินเสียงกรี๊ด
    แต่พวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ โป๊ซะขนาดนั้น
    ตอนนั้นไม่ค่อยฮา นะคะ อาย... อายมาก  โกรธงูตัวนั้นจัง
    
    แต่ตอนนี้ นึกถึงทีไร .. ฮา ทุกที
  • อัลมิตรา

    19 สิงหาคม 2549 11:59 น. - comment id 92258

    เรื่องแมงป่องไม่มีนะ แต่ก็มีเรื่องของตะขาบ
    เคยโดนตะขาบต่อย ตะขาบตัวเล็ก ๆ ขาสีแดง ๆ 
    ต่อยที่แขน ที่เดียวกับที่โดนฉีดยา ประมาณนั้นค่ะ
    แขนเป่งกล้ามโตเหมือนป๊อบอายเชียวค่ะ เจ็บมาก
    คนตั้งแยะ มันดันมาต่อยอัลมิตราคนเดียว
    หลังจากนั้น ก็ไม่รู้เป็นไง .. เจอเป็นประจำ
    อย่างกับว่าเป็นคู่อาฆาตเลยนะ
    
    อ้อ ! ลืมไป แมงป่อง มีเหมือนกัน แต่เจอที่มือคน ๆ หนึ่ง เขาสักแมงป่องไว้
    เป็นแมงป่องตัวเล็ก ๆ สีน้ำเงิน
    มือของเขาสวยนะ นิ้วเรียวสวย เหมือนมือของผู้หญิง
    นี่ .. ถ้าเขาโกนขนหน้าแข้งออกสักหน่อย 
    ก็จะชวนนุ่งสั้นไปหลอกหนุ่ม ๆ ได้เลยค่ะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    20 สิงหาคม 2549 06:54 น. - comment id 92262

    ฮ่าๆ
    อ่านแล้วคิดภาพตาม
    
    ทำเป็นหนังสั้นได้เลยนะครับคุณอัลมิตรา
    
    ----------------------------
    
    ::กก::- (ต่อ)
    
         หลังจากได้แรงบันดาลใจครั้งใหม่  ผมเดินทางไปหางานทำที่ภาคเหนือตอนล่าง ( บางทีเรียกภาคกลางตอนบน)  เป็นงานที่ฉีกแนวไปอีกทาง  เป็นงานทำเพื่อคนอื่น ที่ผมรู้สึกดี และเต็มใจมาก ๆ  แรงผลักอย่างหนึ่ง มันสะสมมาตั้งแต่ครั้งทำกิจกรรมนักศึกษาร่วมกับเพื่อนและรุ่นพี่คนอื่น ๆ    และฝังใจว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาชนบท    ดังนั้นเมื่อได้งานเกี่ยวกับองค์กรชาวบ้าน  ผมจึงรู้สึกดีมาก และทุ่มเททำด้วยหัวใจ
    
          ในช่วงที่อยู่นครสวรรค์นี่ผมมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์มีพิษอย่างอื่น   ไม่ใช่ตะขาบ    แต่เป็นงูเห่า    โอ้โฮพิษของงูนี่ไม่ธรรมดาเลย  แค่มันพ่นพิษฟ่อ  โดนผิวหนังเราก็แสบยิบ ยิ่งกว่าโดนพริกเสียอีก   ถ้าโดนมันฉก  สมมติว่าฉกเข้าที่มือที่เรากำลังจะเอื้อมไปหยิบอะไรซักอย่าง  แต่เรามองไม่เห็นไอ้เจ้าอรสพิษนั่น   เราจะตกใจและเจ็บปวดทรมานขนาดไหน    
    
    ( เดี๋ยวผมมาต่อนะครับพอดีต้องออกจากเน็ตไปทำธูระซักแป๊บ )
    
           
    
    (เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ )
  • Ora

    20 สิงหาคม 2549 13:43 น. - comment id 92265

    โห.. น่ากลัวค่ะคุณกพ. แต่อ่านตาเกื่อบไม่กระพริบเลยค่ะ น่ากลัวกว่าเรื่องผี จะรออ่านอีกค่ะ
    
    
    คุณอัลมิตรา เรื่องที่เล่าถ้าเป็นวีดีโอส่งไปที่ America most funniest รับรองว่าได้รับรางวัลใหญ่ค่ะ   19.gif
  • ศรีประภา

    20 สิงหาคม 2549 13:59 น. - comment id 92266

    สนุกดีค่ะ  คุณ กก นี้เขียนเรื่องแล้วเห็นภาพนะคะ  ตอนนี้เราทำงานอยู่ท้องถิ่น  ถ้าคุณ กก มาทำด้วยคงสนุกน่าดู  เพราะว่ามีอะไรให้ คุณทำเต็มไปหมดแน่เลย  รับรองคงมีเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังอีกเต็มไปหมด
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    20 สิงหาคม 2549 22:35 น. - comment id 92274

    สวัสดีอีกรอบครับคุณOra และคุณศรีประภาด้วย
    
    ผมเพิ่งได้เข้ามาอีกทีตอน 21.48 นาฬิกาครับ
    เพราะธุระของผมเพิ่งเสร็จไปตอนเกือบ 2 ทุ่ม
    วันนี้ฝนตกหนักมากครับ   น้ำขังเจิ่งอยู่ตามถนนไม่มีที่จะไหลไป  สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าทุกบ้านต่างถมดินสูงขึ้นกว่าถนน ถนนเลยกลายเป็นแอ่งขังน้ำไปเสีย     มาเล่าเรื่องกกต่อดีกว่า   เริ่มเลยนะครับ
    
    --------------------------
    
    ::กก-(ต่อ)::
    
          คุณคิดว่างูอยู่ที่ไหนได้บ้าง   บนต้นไม้   กองไม้   โพรงไม้   ในตู้เสื้อผ้า   ชั้นวางของ   โพรงดิน   ที่อื่น ๆ 
    
    
         เป็นไปได้ทั้งหมดเลยครับ
    
    
         ในบ้านของผมเอง งูเห่าขนาดหัวแม่เท้ามันมาหลับอุตุอยู่บนหลังตู้เตี้ย ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้   พอผมเอื้อมไปจะหยิบข้าวของที่อยู่ตรงนั้น   มันก็ตื่นขึ้นมาสบตาผม    ทั้งมันทั้งผมต่างฝ่ายต่างตกใจตื่น    เจ้านั่นแผ่แม่เบี้ยขึ้นทันทีเลยนะครับ     แหม   ..ความรู้สึกของผมตอนนั้นจำได้ว่ามันปนกันทั้งกลัวทั้งโกรธหละ   ว่า...อะไรแวะ   กะรูไม่อยู่บ้านหน่อยเดียว  พวกมะรึงก็จะมายึดครองพื้นที่เอาไปเป็นที่หลบซ่อนภัยจากมนุษย์สองขาอื่น ๆ เสียแล้วหรือ   รึเห็นว่ากะรูเป็นคนจิตใจดี  ไม่ชอบรังแกสัตว์     แต่ขอโทษเถิดแวะ   อรสรพิษทั้งหลาย  มนุษย์ผู้สูงส่งอย่างกะรูไม่เคยคิดจะไว้ใจ   ไวเท่าที่คิดได้ผมหวดเจ้านั่นด้วยไม้กวดในมือ   มันตกลงมาดิ้นแผ็บอยู่กับพื้นเลยนะครับ   ผมจัดการฝังแทนการฌาปณกิจนะครับหนนั้น
    
    
          หนอื่น ๆ  ในบ้านของผมอีกเช่นกัน   คราวนี้ผมอยู่บ้าน   ติดต่อกันหลายวัน   ไม่ได้ออกไปข้างนอกเพื่อทำงานเพื่อคนอื่น   งูเห่าขนาดแขนของเด็กอายุ 6 ขวบ  มันเข้ามาทางท่อระบายน้ำของห้องน้ำ   ผมเห็นมันพยายามที่จะกลับออกไปทางรูนั้นแต่มันไปไม่ได้เพราะมันกินหนูเข้าไปจนพุงกาง  พุงของมันจึงเป็นภัยแก่มันเอง  ผมสับมันด้วยเสียมจนแน่ใจว่าไอ้เจ้าอสรพิษคงจะไม่วกกลับมาแว้งกัดผมได้    งูตัวนั้นผมฝังมันที่ใต้ต้นมะม่วงเป็นปุ๋ยชั้นยอดแก่หมากไม้ของผมเสียเลย  
    
    
           และอีกที   คราวนี้เป็นงูเล็ก   ตัวเท่าน้อวก้อย  สีเขียวสด  ยาวเมตรเศษ  ปะหน้ากันกับผมแบบได้ยินเสียงหายใจของกันและกันเลย   ตอนนั้นผมเดินขึ้นบันได  เขาจะลงมา   ก็คงลงมาจากต้นไม้ข้างบ้านแหละ   แล้วมาแอบใช้บันไดของผม    เพื่อนคงตกใจเอาการ  หลีกก็หลีกไม่ได้   รู้ไหมครับ   เขาทำอย่างไร   ผมนึกทีไรก็แอบขำ   ต้องแอบนะ   เพราะกลัวคนอื่นที่ไม่ได้มีประสบการณ์ร่วมจะหาว่าบ้า   ก็เพื่อนเล่นแนบตัวเลียนแบบสายไฟที่ผมเป็นคนเดินสายจากฝาบ้านผ่านบันไดลงไปข้างล่าง    ถามว่างูเลียนแบบได้เหมือนไหม    ตอบว่า   โอ้โฮ   เพื่อนคิด  (  เอ..คิดเป็นหรือเปล่าแวะ )  ได้ไงเนี่ย   สายไฟขด เลี้ยว แนบกับฝาอย่างไร   งูก็ทำเลียนได้อย่างนั้น    ตอนนั้นผมตกใจนะครับ  กระโดดข้ามขั้นบันไดขึ้นบ้านไปสองขั้น   หันกลับมาดูไม่รู้ว่างูตัวนั้นหายไปทางไหน   ตามจะฆาต   หมายจะฆ่า   ก็หาไม่เจอแล้ว
    
           
    
    
    (มีต่อครับ)
  • rain..

    20 สิงหาคม 2549 23:37 น. - comment id 92275

    ..เรนมารออ่านนะคะ..11.gif..
    16.gif
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    21 สิงหาคม 2549 18:38 น. - comment id 92286

    สวัสดีครับคุณเรน
    ผมจะโพสต์เป็นกระทู้ใหม่ ในชื่อเดิมครับ
    
    ขอบคุณครับผม
  • sun strom

    22 สิงหาคม 2549 21:36 น. - comment id 92299

    1.gif
    สวัสดีค่ะพี่พงษ์ ยังอยู่ดีมีแฮงเหมือนเดิมหรือเปล่าคะ
    
    จะรออ่านเรื่องตะขาบต่อนะคะ เคยโดนกัดไปครั้งหนึ่ง นอนโรงกะบาล 3 วันค่ะ(ตั้งใจเขียนแบบนี้นะคะ เพราะเข้าโรงพยาบาลทีไร ปวดกะบาลทุกทีค่ะ กลัวเข็มจนขึ้นสมองค่ะ))
    
    หากมีอะไรมากระทบที่ขาหน่อยก็สะดุ้งโหยง
    
    พักนี้มัทเองก็งานยุ่งอีรุงตุงนัง ไม่ค่อยได้เข้าเน็ทซักเท่าไหร่ หากเมื่อมีเวลาก็จะพยายามเข้ามาอ่านกลอนที่เพื่อน ๆ แต่งค่ะ
    
    ยังระลึกถึงพี่พงษ์เหมือนเดิม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน