ใต้สายฝน

เถ้าธุลี


   เธอนั่งเอียงคอไปทางซ้าย มองภาพตรงหน้าผ่านแว่นตามัว ๆ ที่เธอไม่เคยคิดจะใส่ แค่ก็ไม่ได้คิดจะถอด สายตาเธอไม่ได้แย่อะไรนักหนา แค่...
   คุณมีกล้ามเนื้อตาบกพร่องนะครับ อย่าจ้องอะไรนานถ้าไม่จำเป็น พยายามใส่แว่นให้ติดเป็นนิสัย
   ....เท่านั้นเอง
   ภาพตรงหน้าแม้จะถูกแว่นกลั่นกรองแล้ว แต่ก็ยังไม่กระจ่างชัด อย่างน้อยก็ในสายตาเธอ อันที่จริง ไม่มีอะไรชัดเจนในสายตาคู่นั้นอยู่แล้ว
    เธอเอียงคอไปอีกข้าง พร้อมกับถูจมูกโดยที่เธอไม่ทันได้รู้ตัว แต่รู้สึกตัวอีกที มือของเธอก็สัมผัสผิวหนังใต้จมูกแล้วขยับซ้ายขวาเสียแล้ว
   เส้นผมสีน้ำตาลเข้มเบลอ ๆ คอยปัด ๆ ทิ่ม ๆ ตาข้างขวาเธอรู้สึกรำคาญและอยากปัดมันเก็บเข้ากับผมเส้นอื่น ๆ ที่มัดรวมกันอยู่ แต่มือเธอกลับไม่ยอมทำตามความคิด มันนิ่งเงียบสงบราวกับหลับลึกอยู่
   ข้างนอกฝนตก....
   เธอรู้ว่าฝนตก เพราะเสียงดังครืนในลักษณะที่คุ้นชินตามมโนสำนึกว่าเป็นเสียงฝนตก เบา หนัก เบา และหนัก และกลับมาเบาอีกครั้ง เธอรับรู้ว่าเมื่อเกิดเสียงนั้น ก็จะเกิดสิ่งอื่นตามมา ทั้งกลิ่นดินชื้นที่จะมีเสมอยามฝนตก สายน้ำที่สาดซัดเป็นเส้นเฉียง และหยดน้ำจากกันสาดตรงข้ามห้องของเธอ รวมถึงผ้าม่านตรงระเบียงที่โป่งพองออกเพราะลมพัด
   เฮ้อ เธอไม่รู้ว่าถอนหายใจทำไม ราวกับบังคับสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ราวกับว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับเธอ
   ภาพตรงหน้ายังคงขุ่นมัว และดูจะหม่นหมองลงไปกว่าเดิม
   เสียงฝนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความนิ่งเงียบของเธอที่ยังคงดำเนินต่อไป 
   ท้องส่งเสียงโครกคราก ประสาทรับรู้ส่งความหมายมาบอกว่าเธอกำลังหิว ปฏิกิริยาต่อไปที่ควรกระทำคือลุกขึ้นและกินอาหาร 
   แต่เธอยังคงนิ่ง 
    วันนี้ดูร่างกายจะไม่ยอมทำตามที่ใจเธอปรารถนาสักอย่าง ราวกับมันกำลังดื้อดึงและกลั่นแกล้ง
   ....ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง...
   เธอหันไปมองสายฝนที่มีความยาวประมาณหนึ่งฟุต สายฝนช่างสั้นนัก
   จะบ้าเหรอ เพราะแกมองผ่านกระจกบนผ้าม่านที่กว้างหนึ่งฟุตต่างหาก 
   แล้วสายฝนจริง ๆ มันยาวเท่าไหร่
   .....
   นั่นไง แกก็ไม่รู้นี่นา
   สองเสียงในหัวของเธอกำลังทุ่มเถียงกัน  เธอยิ้ม ราวกับเห็นทั้งสองออกมานั่งเถียงกันต่อหน้า แต่วินาทีต่อมา ความหงุดหงิดอย่างเฉื่อยชาก็แผ่กระจาย  เพราะเธอรู้สึกถึง อีกครั้ง ที่เธอไม่สามารถควบคุมอะไรรอบ ๆ กายได้ แม้แต่ตัวเอง
   โครก....
   เอาอีกแล้ว..ท้องร้องเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ ฉันจะไม่หิว ฉันจะไม่หิว ฉันจะไม่หิว ฉันจะ...
   โครก...
   โธ่เว้ย!!! เธอสบถออกมาดัง ๆ เป็นอะไรวะ ก็บอกแล้วว่าจะไม่หิว ร้องอยู่ได้
โครก...
   เธอลุกขึ้น เดินตรงไปหน้ากระจกบานขนาดครึ่งตัว พอที่จะมองเห็นใบหน้าโกรธขึ้ง และฟันที่กำลังกัดริมฝีปากล่าง 
   ทำไมวะ มึงเป็นของกูนะเว้ย ทำไมกูสั่งแล้วไม่ทำตาม ไหนเขาบอกกันว่าร่างกายทำงานตามที่จิตสั่งไง แล้วมึงล่ะ มึงเป็นแค่ร่างกาย กูเป็นเจ้าของ กูคือจิต มึงต้องฟังกู กี่วันแล้วที่มึงไม่ฟังกู กูยังพอให้อภัย วันนี้กูอยากอยู่เฉย ๆ ซึมซาบบรรยากาศฝนตก ไอ้ห่า ดันมาหิว ร่างกายหิว แต่จิตซึ่งก็คือกู ไม่หิวนี่หว่า เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาเรียกร้อง
   โครก...
   เวรเอ๊ย... เธอสบถ วันนี้จะบังคับอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม 
   ใบหน้าบิดเบี้ยวหน้ากระจกเริ่มกลายเหลือเพียงคิ้วที่ยังคงขมวดเข้าหากัน เธอไม่เข้าใจตัวเองและสภาพรอบ ๆ ตัววันนี้หรือแม้กระทั่งวันก่อน ๆ ที่ทุกอย่างไม่เป็นไปดังที่เธอคาดเลยสักนิด
   โครก...
   เอาอีกแล้ว เธอก้มลงมองพื้นที่บริเวณหน้าท้องตัวเอง ให้ตายเหอะวะ 
น้ำตาเธอไหลอาบแก้ม น้ำมูกเธอไหล ตอนนี้ใบหน้าเธอมีน้ำเปรอะไปหมด
   ทำไมเล่า ทำไม ทำไมฉันถึงบังคับอะไรไม่ได้ ทำไมเล่า
ขาเธอขยับไปที่ประตู 
   ลูกบิดหมุนด้วยแรงจากมือของเธอ
   แกร๊ก!! ตัวล็อกถูกปลด
   เธอยืน
   นิ่ง
   นิ่ง
   ฝนยังคงตกอยู่
   โครก
   ขาสองข้างพาเธอไปนั่งที่โต๊ะ
   กินข้าว
   กินข้าว
   ...
   ......
   ไงล่ะ สุดท้ายแกก็ยอมแพ้
   มือตักข้าวเข้าปาก ฟันเคี้ยว ลิ้นผลักลงไปในคอ
   คราบน้ำตา น้ำมูกแห้งเกรอะกรังอยู่บนหน้า
   สายตาเธอทอดนิ่ง
 				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    15 ธันวาคม 2550 07:54 น. - comment id 98616

    สำหรับคนที่มีปัญหาสายตา แว่นตาสำคัญมากๆเลยนะคะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน