บ้านเล็กอบอุ่น

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมได้ไปที่ตลาดสะพานใหม่ เมียบอกว่าให้ไปซื้อปลาทูที่ร้านธงฟ้า
ผมก็ได้ซื้อปลาทูสามตัวเข่งละสิบบาทหนึ่งเข่ง
แม่ค้าถามผมว่า จะเอาปลาทูไปเลี้ยงแมวหรือ
ผมก็สะอึกนิดหนึ่ง แล้วก็ตอบแม่ค้าไปว่า เปล่าครับผมซื้อเอาไปกินเอง
ในระหว่างทางผมนั่งนึกไปว่าดีนะที่แม่ค้าไม่รู้ว่าปลาทูสามตัวในค่ำคืนนี้จะกินกันกี่คน
   รถเมล์สองแถวที่หน้ารถเขียนคำว่า วัดเกาะตัวสีแดงเบ้อเริ่มวิ่งเข้ามาจอดเทียบท่า บรรดาคนรอที่มีวัยต่างๆต่างก็วิ่งชิงกันขึ้นแม้ว่ารถจะยังจอดไม่เข้าที่และไม่นิ่งก็ตาม ผมเองได้แต่มองด้วยความสลดใจ การแย่งชิงมันเริ่มเป็นพื้นฐานของคนแล้วหรือนี่
   เมือถึงบ้านผมก็จัดแจงทอดปลาทูอย่างในเย็น ปล่อยให้ปลาทูเริ่มเกรียมจนได้กลิ่นอันหอม จากน้ำมันพืชที่ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันมีการควบคุมหรือเปล่า ในเรื่องราคา แต่หากเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองคงไม่กล้าขึ้นราคาแน่เพราะว่าจะทำให้ประชาชนด่าและไม่ลงคะแนนเสียงให้ในเวลาต่อไป แต่ทว่ารัฐบาลนี้แกทำได้ เรียกว่า เป็นช่วงปล่อยผีให้พ่อค้าบันเทิง
   เมื่อลูกและเมียมาพร้อมหน้าล้อมวงทานข้าว ลูกชายก็ตักปลาทูไปคนละตัว ส่วนผมกับเมียก็กินตัวเดียวกัน ความมันของปลาทูทุกอณูเนื้อกับข้าวสวยร้อนน้ำปลานิดนึงเพียงแค่นี้ก็ทำให้อิ่มท้องได้อย่างไม่เคอะเขิน
   ผมก็เฝ้าดูลูกชายทั้งสองทานข้าวกับปลาทูทอดอย่างเพลิดเพลิน ในใจก็อดคิดแทนเขาต่อไปในอนาคตไม่ได้ว่าเขาจะต่อสู้กับชีวิตอย่างไร ผมไม่รู้ว่าอยากให้ลูกของผมเป็นคนที่ฉลาดแกมโกงโหดเหี้ยมเห็นแก่ตัวดีเพื่อจะได้มีชีวิตที่สมบูรณ์ หรือจะให้เป็นคนซื่อสัตย์มีความจริงใจดี แต่ต้องตกระกำลำบาก
   ในตอนนั้นเอง ลูกชายของผมก็พูดขึ้นมาว่า เขาอยากเป็นทหาร
   ผมก็มองหน้าลูกชายคนเล็กของผม แกก็พูดเสริมมาอีกว่า เป็นทหารแล้วดีพ่อพอเกษียณแล้วมีเงินหลายร้อยล้าน 
   ผมเองก็หัวเราะเล่นกับลูกในความตลกเสียดสีสังคม แล้วบอกกับลูกว่า จะบ้าเหรอลูก ไอ้นั่นมันรวยคนเดียว ส่วนลูกน้องจะอดตายอยู่แล้ว ทั้งกองทัพ  
   ของบางอย่างลูกอย่าเชื่อเพียงเท่าที่เห็นมันมักจะมีอะไรแฝงๆลึกลับอยู่เสมอ
   ส่วนลูกคนโตกำลังเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดัง ผมจะเป็นข้าราชการพลเรือน ผมก็มองหน้าแล้วก็หัวเราะ นิสัยอย่างเจ้าหรือจะเป็นข้าราชการแล้วเจริญ สมัยนี้คนที่ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้แก่การทำราชการแล้วจะได้ดีมีชื่อเสียงมีเงินไม่มีหรอกลูก ส่วนไอ้พวกที่ชอบใช้วิชามารใช้ฝีปาก ฝีตีน ลิ้น เนี่ยมักจะไปได้ไกลกว่า
   ลูกทั้งสองคนได้ฟังแล้วก็พยักหน้าอยู่หงึกหงัก ตาก็เริ่มจะหรี่กันแล้ว ผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่าชักน่าเบื่อ เลยชวนครอบครัวลุกจากพื้นที่ทานข้าว และก็แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวก่อนจะเข้านอน
   ผมมานั่งพักตรงนอกชานลมโกรกเย็นสบาย ดูท้องฟ้าที่มีแต่เมฆหมอกมองไม่เห็นดวงดาว ข่าวการเมืองที่นักการเมืองออกมาพูดหลังจากการเลือกตั้ง มันไม่ได้ทำให้ประชาชนอย่างผมนี้มีความสบายใจเลย เพียงแค่นี้พวกมันก็ยังคิดไม่เป็นกัน แล้วอนาคตของผมจะเป็นเช่นไร
   ผมสะบัดหัวแล้วเดินเข้าไปนอนพักผ่อนเอาแรง  พรุ่งนี้ผมจะต้องหาเงินให้ได้สักร้อยถึงสองร้อยบาทเพื่อให้ลูกและเมียได้มีอาหารเลิศหรูทานสักมื๊อหนึ่ง				
				
comments powered by Disqus
  • ปราณรวี

    24 มกราคม 2551 23:46 น. - comment id 98938

    เจอบ้านใหญ่เมื่อไหร่กระเจิงแน่ลุง     20.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน