พั่งซังก๊ก

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมสะพั่ง สะท้านไมภพ รู้สึกเบื่อหน่ายกับการเมืองของประเทศเป็นอย่างมาก นี่มันไม่ได้คิดกันเพื่อให้บ้านเมืองเจริญขึ้นกันเลย เอาแต่ตั้งข้อหา และแก้ข้อกล่าวหาไปวันๆ ผมสะพั่งสะท้านไมภพได้เดินทางไปโคราช ไปกราบหลวงพ่อเกจิใหญ่แห่งอิสาน และท่านได้เป่าหัวและเขกหัวให้หลายโป๊ก ในท่ามกลางการเดินทางไปอีสานครั้งนี้เอง ผมเห็นความยากลำบากของคนที่ทำงานด้วยความตั้งใจจริง
   แม้ความซาบซึ้งตรึงใจในการอุทิศตนจะมีรู้สึกได้จนแทบจะควบคุมไม่อยู่ แต่พอนึกถึงการหลอกลวงเข้า ไอ้ที่จะซาบซึ้งนั้นก็พลันมอดมลายไป โดนหลอก สะพั่งสะบัดหัว ไม่ให้ตนอินไปกับการหลอกลวงหลอกใช้
   สะพั่งสะท้านไมภพ ตั้งใจว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ เดิมพรรคเดิม มักใช้อิทธิพลของนักการเมือง มาข่มขู่ข้าราชการประจำ ให้ทำการปรับย้ายเด็กของตนเป็นอธิบดี เป็นตำแหน่งใหญ่ๆต่าง นี่มันถ้าจะบ้าไปหมดแล้วหรือไง โดยเฉพาะไอ้คนที่มันห่วงตำแหน่งหรือไปเฝ้าของอนง้อขอเขามาไอ้นี่ก็บ้าหนักไปใหญ่ เมื่อบ้าเจอบ้ามันก็ไปกันได้อย่างสะดวกโยธิน
   สะพั่งนั่งคิดบนม้าหินในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งเขามองแล้วคิดไปว่า น่าจะให้ไอ้พวกที่เป็นนักการเมืองแล้วประเทศไม่เจริญเนี่ยเลิกเป็นนักการเมืองอย่างเด็ดขาดเสียที เอาคนใหม่ๆมาเป็นบ้าง หากไม่ได้เรื่องอีกก็หาคนใหม่มาเป็นบ้าง อย่างนี้จึงยังจะพอเจอคนดีๆได้บ้าง 
   ปัญหาคือ คนดีหน้าตาเป็นอย่างไร
   สะพั่งก็ได้มองตนเองในกระจกแล้วก็ส่ายหน้า ยืนยันได้ว่า ผมไม่ใช่คนดี แต่อาจจะเป็นตัวดี ในหลายๆเรื่องที่ชั่วๆ ได้อย่างแน่นอน
   สะพั่งอดขำไม่ได้ ในกระจก ดูหน้าตาท่าทางก็ฉลาดดี แต่การประพฤติ ยังคงให้ นศ.ขย่ม อยู่เลย ยังคงเสพยาเสพติด ยังคงขับรถฝ่าไฟเหลือง ยังคงไปใช้บริการกับหญิงขายค้าบริการอยู่เลย ยังคงอยากจะได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ให้มากขึ้นกว่าเดิม ยังคงตีหน้าท่าทางว่าจงรักมากมายเกินอยู่เลย ยังคงรูดบัตรเครดิตแบบไม่ยั้งคิดบ่อยๆ ยังคงเบียดบังเบี้ยเลี้ยงพลทหารเอามาให้เมียน้อย เอามาล่อเด็ก เอามาใช้อีลุ่ยฉุยแฉกอยู่เลย ยังคงให้ตำแหน่งแก่พวกที่เสนอหน้าหรือใกล้ชิด หรือคนที่ให้ได้ทุกอย่างแก่ตนเองได้อยู่เลย ส่วนคนที่ทำงานตั้งใจทำงานก็แค่ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ไม่มีวันที่จะได้เป็นลูกน้อง โครงการที่มีก็เอาแค่ถ่ายรูปพิธีเปิดปิด ส่วนเรื่องราวเนื้อหาจะเป็นอย่างใดช่างหัวมัน บางครั้งก็เหิมเกริมขนาดหนักจนคิดว่าตนเป็นสิ่งที่สูงส่ง
   สะพั่ง หยิบโอเลี้ยงแก้วใหญ่ขึ้นมาดูดวาบแล้ววาบเล่า หยิบบุหรี่ชนิดที่ถูกที่สุดที่จะไม่น่าเกียจหากคนระดับเขาจะสูบขึ้นมาสูบ ไหงคิดไปคิดมาจะเริ่มไปในทางที่ชอบที่ชั่วแล้วหวา
   สะพั่งหัวเราะ นึกไปถึงความบ้า หากจิตวิญญานของคนมุ่งแต่เสพสุข เสพเมถุน ก็ไม่มีใดที่จะทำไม่ได้ นานมาแล้วมั้งที่พวกเราใฝ่ฝันความเป็นอิสระจนกระทั่งเอาโคตรแลเง่าแลกมา แต่ทว่าไอ้พวกที่ชอบตีฝีปากอวดฉลาดก็มาครอบครองอำนาจไว้ใส่ร้ายป้ายสีจนกระทั่งหลายๆคนต้องเบือนหน้าหนี
   สะพั่งได้อ่านพงศาวดารจีนมาหลายสิบเรื่องแล้ว และมั่นใจว่าเป็นยุคเสื่อม เหตุที่เกิดยุคเสื่อมมิใช่เนื่องมาจากการโคจรของดวงดาว แต่มันเกิดจากผู้นำ ความเหิมเกริมของผู้นำ ที่ไม่ได้คิดถึงความยากลำบากในการตั้งชาติ และความหลงของผู้นำ ที่ทำให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆผิดพลาดได้อย่างไม่น่าเชื่อจนวิบัติ
   สะพั่ง อยากจะไปสมัครเป็นผู้แทนนัก แต่แล้วก็ต้องคิดถึงลูกปืนที่จะต้องไปตุงอยู่ในหัวหรือในตัวเป็นกิโลกรัม ผู้แทนที่ดีคนรักมักจะอยู่ไม่ได้นาน แต่ผู้แทนที่เบื้องหลังชั่วร้ายมักได้รับการเลือก
   สะพั่งคิดถึงได้ตอนนี้ โอเลี้ยงก็หมดพอดี มองซ้ายมองขวาเห็นป้ายห้ามสูบบุหรี่ในสวนสาธารณะแล้วเสียววาบยิ่งกว่าจะเสียกรุงครั้งที่สาม อนาคตของพั่งซังก๊ก จึงต้องจอด เนื่องจากไม่รู้มีใครแจ้งตำรวจ สะพั่งจึงต้องแจวก่อน
    โครงการตั้งพรรคการเมืองของพั่งซังก๊กก็จบแค่นี้ สักวันเมื่อวาบขึ้นมาอีก ผมก็คงคิดได้ขึ้นมาอีกแล้วก็เป็นยังงี้อีก
    คงได้ทำแน่ๆ ชาติหน้า				
comments powered by Disqus
  • นายงมงาย

    27 กรกฎาคม 2551 11:29 น. - comment id 100736

    มูฮัมมัดนั่นหรือ คือใครกันแน่.....?  ท่านศาสดามูฮัมมัดน่ะหรือ.....อย่าไปชื่นชมงมงายนักเลย ท่านก็เป็นมนุษย์ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง  ที่ใช้ความเป็นหนุ่มรูปงาม อายุน้อย ผูกมัดใจสาวใหญ่สูงอายุผู้มั่งคั่ง  เพื่อการดำรงชีพ   แล้วขอแต่งงานด้วย   เพื่อครอบครองทรัพย์นำไปเป็นประโยชน์แก่ตนเอง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า  เกาะเมียกิน  ก็ได้  จึงกลายมาเป็นลักษณะนิสัยของหนุ่มมุสลิมทั่วไปในปัจจุบัน
    เพราะการที่ท่านศาสดามูฮัมมัดมีเมียแก่ แต่ไม่ค่อยจะมีความสุขในครอบครัว ไม่พอใจในชีวิตการครองคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว  จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้ชายมุสลิมมีเมียได้ ๔ คน
    แต่พอมีเมียคนใหม่เป็นเด็กอายุน้อย ๆ ตั้งแต่คนที่ ๒ ก็เกิดความหวงแหนกลัวเมียเด็กจะไปปันใจให้ชายอื่นที่หนุ่มกว่า จึงบังคับให้เมียเด็กคลุมหน้าคลุมตา ไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมองเห็นความงดงามของเมียน้อยตัวเอง และเพื่อมิให้เป็นข้อครหา จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้หญิงมุสลิมทุกคนต้องคลุมหัวปิดหน้า
    ท่านศาสดาเป็นคนที่มีอีโก้สูง อยากโดดเด่นเหนือคนอื่น  จึงคิดหาวิธีการตั้งตนเป็นใหญ่ด้วยการจัดตั้งลัทธิความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน คือ  อัลเลาะฮ์   และการที่ทุกคนจะติดต่อกับอัลเลาะฮ์ ได้ ก็จะต้องติดต่อผ่านท่านศาสดามูฮัมมัดเท่านั้น  คนอื่น ๆ ไม่เก่ง ไม่บริสุทธิ์ ไม่ดีเลิศ เท่าท่านศาสดา  ความคิดนี้ จึงไปขัดแย้งกับสาวกของพระเจ้าองค์อื่น ๆ  ที่พวกเขานับถือกันอยู่  ซึ่งก็คือ เผด็จการทางความคิดนั่นเอง   จึงเกิดสงครามต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในการครอบครอง  หินกาบะห์   สถานที่ศักด์สิทธิ์ของพระเจ้าหลายองค์ในขณะนั้น
    การต่อสู้ทางความคิด และสงครามทางอาวุธ ของท่านศาสดามูฮัมมัดในระยะแรก พ่ายแพ้ยับเยิน ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ถูกตามล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอด  จึงหาวิธีปลุกระดมมวลชน สาวกกลุ่มใหม่ให้ยอมสละชีวิตร่างกายในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวท่านมูฮัมมัดเอง แต่อ้างว่าเป็นโองการจากอัลเลาะห์ ให้การต่อสู้ในครั้งนั้น เป็นการต่อสู้ทางศาสนา โดยกำหนดหลักการที่ว่า การเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น ที่มีความเชื่อแตกต่างไปจากพวกของศาสดามูฮัมมัดไม่ผิด และจะได้บุญ ได้ไปพบกับอัลเลาะฮ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าผู้วิเศษ ศักดิ์สิทธิ์ให้คุณให้โทษ สร้างและทำลาย  ให้พรและสาปแช่ง  ต่อมวลมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ที่มีในโลก และนอกโลก ( ทุกอย่างเป็นประสงค์ของอัลเลาะฮ์ )
    แท้จริงความหมายของ  อัลเลาะฮ์  ก็คือ   ความเป็นจริงของธรรมชาติ  ( ผลย่อมเกิดแต่เหตุปัจจัยที่เหมาะสม )   แต่ศาสดามูฮัมมัด ได้กำหนดความหมายให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า       อัลเลาะฮ์   เป็นองค์เทวะผู้วิเศษที่จะบันดาลอะไรก็ได้ตามคำร้องขอของท่านศาสดามูฮัมมัด ผู้ติดต่อกับอัลเลาะฮ์ได้โดยตรงเพียงคนเดียวเท่านั้น
    เมื่อศาสดามูฮัมมัดชนะสงครามทางความเชื่อ ตั้งตัวเป็นศาสดาของศาสนาอิสลามแล้วจึงกำหนดกฎของอัลเลาะฮ์ขึ้นเป็นหลักความคิดความเชื่อของศาสนาอิสลาม  ซึ่งเป็นเผด็จการทางความคิด คล้ายกับพรรคคอมมิวนิสต์ทั่วโลก  คือ........ 
    มุสลิมต้องเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว ( อัลเลาะฮ์ ) โดยผ่านทางศาสดามูฮัมมัดคนเดียว  เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ต้องเชื่อในอุดมการณ์ของพรรคโดยผ่านคนของพรรคเท่านั้น
    ทั้งมุสลิมและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ห้ามสงสัยในคำสอน ห้ามสงสัยในคำสั่งของพรรค ต้องอุทิศร่างกาย และชีวิตแด่ศาสดา หรือพรรค
    กฎของพรรคคอมมิวนิสต์ เปรียบเสมือนเป็นโองการของศาสดา ที่กำหนดเป็นคำภีร์         ( กุรอาน ) ที่ต้องเชื่อและปฏิบัติตามหนทางเดียว
    นบีมูฮัมมัด เป็นเจ้าของกฎเกณฑ์ความคิดความเชื่อ และหลักการทางศาสนา เช่นเดียวกับ มาร์ค  เลนิน เป็นเจ้าของแนวคิดและอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์เหมือนกัน
    หลักการความเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์  ก็คือหลัก ความคิด ความเชื่อของอิสลาม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน