16 ธันวาคม 2547 23:00 น.

มดแดง...

เรไร

ดุจนางฟ้า จุติมา จากสวรรค์
โฉมสคราญ นั้นงาม อร่ามแท้ 
ใฝ่พะวง หลงไหล ในดวงแด
ถ้าหากแม้ พบพักตร์ คงรักนาง

เจ้าอยู่สูง เกินใจ จะไขว่คว้า
แค่สายตา ชะม้าย หมายก็หมาง
สิเน่หา หวังถวิล คงสิ้นทาง
ให้เคว้งคว้าง อ้ำอึ้ง รำพึงรำพัน 

อยากเคียงคู่ แนบชิด สนิทสนม
หากได้ชม ดั่งได้กิน ดินถนัน
ดวงหทัย ชุ่มชื่น ลืมคืนวัน
แต่หวาดหวั่น เพราะใคร ก็หมายปอง

รังมดแดง แฝงมะม่วง เฝ้าหวงแหน
ผึ้งต่อแตน อยากยล ก็หม่นหมอง
เพียงแค่ฝัน เอื้อมคว้า มาครอบครอง
ถูกปกป้อง ด้วยพิษร้าย ไอ้มดแดง....				
13 ธันวาคม 2547 19:05 น.

ร้อยเรื่องรัก (ชวนต่อกลอน)

เรไร


ขอเรียนเชิญ สหาย ไทยโพเอ็ม
มาเติมเต็ม เรียงร้อย ถ้อยคำหวาน
มาช่วยสร้าง อักษรศรี กวีกานต์
เป็นตำนาน เรื่องรัก กันสักครา

ขอเป็นกลอน ตลาด ไม่ผาดแผลง
ร่วมแสดง ความฝัน กันเถิดหนา
จะสุขสม หรือตรมใจ ให้ว่ามา
อย่าก่นด่า ว่าคนอื่น ก็ชื่นใจ



@...
      อยากชวนพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนสนิท มิตรสหาย
      ร่วมกันเรียงถ้อยร้อยคำ เป็นเรื่องรักกันสักครั้ง
      ขอเป็นกลอนตลาดน่ะครับ ใครจะพลิกแพลงผาดโผนอย่างไรไม่ว่ากันครับ
      แค่มีสัมผัสบังคับ กับระหว่างบทก็ พอ ..@


มีครั้งไหน หัวใจ ได้ชุ่มฉ่ำ
ในถ้อยคำ หวานหยด มดยังถอย
อยากฟังอยู่ ทุกวัน ฉันเฝ้าคอย
จะเรียงร้อย วจีนี้ อีกกี่วัน....

ชมอักษร
หวังยลยิน .. คำหวาน .. ให้ซ่านจิต
สักเพียงนิด .. เอ่ยถ้อย .. ร้อยความฝัน
อย่าให้ต้อง .. คอยเก้อ .. เพ้อรำพัน 
เพียงบอกกัน .. สักครา .. พาชื่นใจ

แม่จิตร
รักกันนิด ชิดใกล้ ใส่ในจิต
ร่วมชีวิต ค้นหา พาสดใส
รักร่วมมอบ ชอบภักดิ์ สลักใจ
เผยความนัย คิดไรอยู่ บอกรู้ที

 หมึกมรกต
...อะไรหรือคือรักฉันอยากรู้
จะหวานอยู่อย่างเราหรือเปล่านี่
ที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังความหวังดี
ตราบชีวีชั่วชีวิตนิจนิรันดร์...

ผู้หญิงไร้เงา
ถ้าอย่างไรช่วยเถิดเปิดใจหน่อย
จะเรียงร้อยชีวิตจิตร่วมฝัน
จะได้รู้ความรักปักใจกัน
ว่ารักมั่นเหล่านั้นเป็นฉันท์ใด

ผีขี้เมา
รักอยู่ไหนไม่เคยเผยให้เห็น
คอยแต่หลบหลีกเร้นเป็นไฉน
จะหวานฉ่ำชื่นบานสราญใจ
หรือขมในรสนี้ช่วยชี้นำ

เม็ดทราย
อันความรัก นั้นไซร้ อยู่ไหนเอ่ย
ช่วยเฉลย เผยใจ ให้ชุ่มฉ่ำ
แม้ว่ารัก อาจทำ ให้เจ็บช้ำ
แม้ระกำ ก็ทนจำ ลองรักดู

กีกี้
รักด้วยใจ ด้วยวิญญาณ ความรู้สึก
ทุกสำนึก ในจิต ชิดเคียงคู่
รักซ่อนเร้น แอบแฝง แรงเชิดชู
จะขออยู่ แนบข้าง มิร้างลา..... 


คนเมืองลิง
ด้วยแรงรักแรงจิตที่คิดถึง
หวนคะนึงพร่ำเพ้อละเมอหา
รักคิดถึงซึ่งเธอเสมอมา
ทั้งชีวา รักมั่นไม่ผันแปร


ค้างคาวคืนคอน
...เพียงมีใจ ให้รัก อีกสักนิด
เพียงคอยคิด อย่างน้อย คอยแยแส
ถึงว่าวัน นั้นใหม่ ในดวงแด
ยังแน่วแน่ เหมือนเก่า สองเรามี...


ผลิใบสู่วัยกล้า
จงรวมรักรวบไว้ให้สุขสันต์
เก็บคืนวันผันผ่านปานสักขี
ไม่เคยลืมร้อยรสบทกวี
สิ่งดีดีใดเล่าเทียมเท่าทัน


ไวยากรณ์
เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ล้ำค่า
ให้รู้ว่าครั้งหนึ่ง  เคยมีเธอเคียงฉัน
รักหวังดี  ห่วงใยและผูกพัน
แม้คืนวันเหล่านั้น  ...  ไม่กลับมา


sun storm
รักนั่นหรือ คือใจ ร่วมใฝ่ฝัน
ร่วมสัมพันธุ์ ร่วมชีวี ทั้งหมดหนา
รวมเป็นหนึ่ง ไม่มีสอง ด้วยเชียวนา
เป็นดั่งว่า ขาดเธอ ฉันเหงาตาย

เรไร
ความรักคือ การให้ ใครก็รู้
ถึงร้างคู่ ร้าวรันทด หวังหดหาย
จะเคียงมั่น ฝันอยู่ มิรู้คลาย
ชีพสลาย วายวาง มิลางลือน

ผู้เฒ่า
แม้นจบดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
มิอาจหยุดรักเธอเสมอเหมือน
ปลารักน้ำอีกดูดาวคู่เดือน
จะไม่เลือนจากนภาคอยหากัน
 

ไวยากรณ์
รักที่ผ่านที่มีที่เคยพบ
ที่ประสบใช่มีแต่สุขสันต์
มีทั้งหวานทั้งขมปะปนกัน
ทุกข์หรือนั่น เพิ่งผ่านมาเมื่อวันวาน


สาวดำรำพัน
รักคืออะไรอยู่ไหนใครรับรู้
โปรดช่วยดูเฉลยเอ่ยคำขาน
รักอยู่ไหนอีกไกลหรือแสนนาน
รักคงหวานซ่านจิตรถ้าคิดมี


ลอยไปในสายลม
รักแสนเศร้าเรารู้รสความรัก
ยามอกหักเจ็บใจใคร่อยากหนี
แต่ก็ทำไม่ได้ในทันที
เจ็บครานี้หวังจะมีผู้เยียวยา..


เรไร
รักครั้งนี้ เจ็บจำ ช้ำไม่หาย
จนชีrวาย ดับสิ้น ถวิลหา
ขอฝากรัก กับเจ้า เฝ้าบูชา
แม้ชาติหน้า ขอตามเป็น ดังเช่นเงา

-ต่อง (ต้อง) ksg
รักเอ๋ยรัก.......
ที่อกหัก  ดังเปราะ  ก็เพราะเจ้า
ที่หวานปาน  น้ำผึ้ง  ซึ้งอกเรา
ก็ล้วนเข้า  ทำนอง  ของความรัก.....

ที่หวนหา  อาวรณ์  ใจร้อนรน
เพียงหาคน  เป็นห่วง  ยามหน่วงหนัก
เพียงดวงตา  ทอประกาย  จักทายทัก
ที่ตราตรึง  ซึ้งเจ้านัก  เพราะรักเอย...

ราชิกา
อันความรักหนักใจให้หวนคิด
รอยลิขิตพรอดพร่ำคำเฉลย
รักจะเป็นเช่นใดใคร่เปรียบเปรย
เหมือนดั่งเคยเคียงครองรักสองเรา.....ฯ

ลักษมณ์
อันความรักหนักอกตกเป็นทาส
พิศวาสทาสรักประจักษ์เขลา
มีสักครั้งบ้างไหมในรักเรา
ที่ไม่เฝ้าเขลารักให้หนักใจ

ดาวน้อย
อันนิยามของความรักมากมายล้น
เราหนึ่งคนที่ค้นพบกับความหมาย
ยามมีรักย่อมหวานชื่นระรื่นใจ
แต่ยามใดรักขมระทมทุกข์

กอกก
หัวใจหนอรอรักนี้อีกกี่ชาติ
รอผงาดวาดฝันอันชื่นสุข
กับความเหงาเคล้าเศร้าเฝ้าเจ่าจุก
โยนความทุกข์ที่หม่นป่นทิ้งไป

เก็บความหลังฝังแน่นแก่นใจรัก
มาสลักตอกลายพรายไสว
จารึกซึ้งตรึงรักแท้ไม่แกว่งไกว
กาลผ่านไปปล่อยล่วงมิลวงกัน..**

หยกสีหม่น
รักคือรัก ความรัก คือการให้
แม้สว่าง ไสว เพียงในฝัน
วันข้างหน้า หากเธอ เปลี่ยนใจปัน
แต่ใจฉัน มิมีวัน จะเปลี่ยนแปลง 
				
12 ธันวาคม 2547 19:10 น.

รน

เรไร


              โคลง
เหหันหายห่วงห้วง         โหยหา  
เลยล่วงลืมลับลา             ลึกล้ำ 
มองเมินไม่มีมา             หมองหม่น
กายก่อเกิดกลืนกล้ำ       เกลือกกลั้ว  กงกรรม @

วังวนเวียนว่ายเวิ้ง          วายวาง  เหว่ว้า
ครุ่นคิดคร่ำครวญคราง   คลั่งไคล้
นอนหนุนแนบเนื้อนาง    เนียนนุ่ม
หรือเริ่มเรียกร้างไร้        ร่ำร้อง รำไร @


                กาพย์
เลื่อยลอยคอยมอง          อุราหม่นหมอง
จนน้ำตานอง                 สลบไสล
นั่งซมจมทุกข์               ปลอบปลุกหัวใจ
โหยหาอาลัย                  ร้างไร้ใครแล

มีหมาเป็นเพื่อน             เพื่อลบกลบเกลื่อน
สักวันคงเหมือน             สุนัขแน่แท้
หอนเห่าห้องห้อง            กึกก้องดวงแด
จดจำเพียงแค่                เจ้าของคนเดียว

อยู่อย่างสุขขี                   ชีวิตวันนี้
ก้มหน้าทำดี                   มีใครแลเหลียว
ได้มาร่วมชิด                  สนิทกลมเกลียว
เหว่ว้าเปล่าเปลี่ยว           เลี้ยวลดหลบไป

แต่นาทีนี้                        อย่าได้หลีกหนี
เศร้าดวงฤดี                   ชีวีหวั่นไหว
อยู่เป็นเพื่อนฉัน              สักวันเป็นไร
อีกนานเท่าไหร่               จะได้พบกัน
				
11 ธันวาคม 2547 18:05 น.

เข้าพระเข้านาง

เรไร


รัตติกาล เงียบงัน วันเหงาเหงา
ความว่างเปล่า ดาวเดือน ก็เลือนหาย
เคยทอแสง วิบวับ ก็กลับกลาย
ซ่อนประกาย ใต้เงาเมฆ วิเวกใจ

น้ำค้างพรม ลมโชย โบกโบยพลิ้ว
ลอยละลิ่ว พัดปลิว ทิวไม้ไหว
ละอองฝัน ทาบทับ จับทรวงใน
ครวญหวนไห้ หลงละเมอ เพ้อรำพัน

แต่คืนนี้ มีเจ้า เคล้าคลอคู่
โฉมพธู น้องน้อย ร่วมร้อยฝัน
ซบแขนหนุน แทนหมอน นอนเคียงกัน
อุ่นไอนั้น หอมกรุ่น ละมุนละไม

เจ้าผุดผาด ผ่องใส วัยสะพรั่ง
ดูเปล่งปลั่ง เย้ายวน ชวนหลงใหล 
กายร้อนรุ่ม ยากนัก สุดหักใจ
ระรื่นใน รสสวาท พลาดพลั้งเพลิน

เปรียบเจ้าเป็น ขุนเขา สูงตระหง่าน
พี่ซมซาน ลัดเลาะ เกาะโขดเขิน
ฝ่าพงไพร รกร้าง ตามทางเดิน
สั่นสะเทิ้น เหงื่อโทรม ชะโลมกาย

พบปากถ้ำ ลางลาง เป็นทางลัด
ไม่ข้องขัด รีบเร่ง เล็งที่หมาย
เข้าหลืบลึก ซอกแซก ชำแรกกาย
เหมือนจะคล้าย อากาศหมด ระทดระทวย

รีบรุดไป ไม่เกร็ง เร่งฝีเท้า
ข้างหน้าเรา ยอดเขางาม อร่ามสวย
แม้แรงกาย ใกล้สิ้น ระรินระรวย
หากมิม้วย รีบเล็ดลอด คงปลอดภัย

แสงรำไร ใกล้ถึง ซึ่งจุดหมาย
คงมิวาย ซวนซบ สลบไสล
ตะเกียกตะกาย โถงถ้ำ ย่ำขึ้นไป
มองฟ้าใส แข็งขืน ตื่นตะลึง

สายลมโชย ผะแผ่ว ตามแนวเขา
สมที่เรา ฟันฝ่า เพื่อมาถึง
เย็นสบาย ปลอดโปร่ง โล่งใจจึง
หวนคนึง หันไปกอด ยอดดวงใจ 


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

.... กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ อยากฝึกฝนการเขียน 
ในอีกรูปแบบหนึ่ง ผิดพลาดประการใด 
                 ขออภัยอีกครั้งครับ .....

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@				
9 ธันวาคม 2547 14:17 น.

หมาเห็นปลากระป๋อง

เรไร



นั่งเห่าหอน เครื่องบิน อยู่ตั้งนาน
เจ็บกะบาล เหมือนมะเหงก มาเขกหัว
มองเห็นดาว ตกตะลึง ถลึงกลัว
หน้ามืดมัว โดนดี เสียนี่เรา

ต๊กกะใจ ถูกยิง วิ่งหัวปูด 
หางจุกตูด เห็บกระเด็น แลเห็นเหา
เลยมาหอบ แฮ่กแฮ่ก เหงื่อแตกเอา
โถน่าเศร้า เห็นความทุกข์ สุขหรือไง  

น้ำลายย้อย ลัดเลาะ เที่ยวเสาะหา
หิวภักษา ซวนซบ สลบไสล
ไปคุ้ยเขี่ย ตามถัง ตั้งหลายใบ
หาไม่ได้ นั่นอะไร แปลกใจจัง

ปลากระป๋อง นี่นา คืออาหาร
ปวดกะบาล โศกสลด คงหมดหวัง
เหมือนเคราะห์กรรม ซัดเซ ประเดประดัง
ได้แค่นั่ง มองดู หดหู่ใจ

เกิดความคิด บรรเจิด เปิดกระป๋อง
คราวนี้ร้อง เห่าหอน วิงวอนไหว้
ทั้งนางฟ้า แสนสวย ทวยเทพไท
บันดาลให้ ขาสองข้าง ใช้ต่างมือ

หยิบกระป๋อง ไปหา คนที่ยิง
ทุบให้กลิ้ง หลุนหลุน ที่คุณถือ
หนังสะติ๊ก หลุดกระเด็น เห็นสะดือ
แล้วค่อยรื้อ มองหา ปลาข้างใน 


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ทีนี้แหละ เลิกเป็นหมาเห็นปลากระป๋องเสียที

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเรไร