31 ตุลาคม 2545 10:10 น.

ลุงสอนหลาน 2

เวทย์

หนูรักบทร้อยกรองอยากลองเขียน
ต้องพากเพียรเพียงใดอย่างไรหรือ
มีเคล็ดลับอะไรใช้ฝึกปรือ
หวังลุงคือครูสอนไหว้วอนที

ฟังแล้วตื้อตีบตรองสมองป่วน
นึกทบทวนทุกช่องมองวิถี
เราเองเขียนออกไปยังไม่ดี
ทั้งไม่มีพรสวรรค์ช่วยบันดาล

เพียงแค่เขียนบทกวีด้วยชีวิต
กลั่นความคิดกรองอารมณ์ผสมผสาน
ให้ทุกคำเป็นคำที่มีวิญญาณ
ถ่ายทอดจินตนาการละเมียดละไม

ค่อยค่อยคิดเรียงคำร้อยสัมผัส
บรรจงจัดเนื้อความตามวิสัย
มิเผลอปล่อยตามประสากลอนพาไป
กลอนจึงไม่เลอะเลือนจนเลื่อนลอย

แม้ไม่ค่อยยึดมั่นฉันทลักษณ์
แต่ตระหนักความเป็นไทยไว้สักหน่อย
คือเป็นคนช่างคิดประดิดประดอย
จนทุกถ้อยสอดผสานวิญญาณไทย

เพื่อให้เป็นบทกวีแห่งชีวิต
แทรกข้อคิดคำคมสมสมัย
จนคนอ่านมิอาจอ่านเพียงผ่านไป
แต่จดจำประทับใจไปเนิ่นนาน				
20 ตุลาคม 2545 11:35 น.

บทกวี...กลางใจ

เวทย์

หยาดน้ำค้างเคลียหมอกเหมือนหยอกล้อ
นกเขาคลอเสียงใสแข่งไก่ขัน
ดอกไม้คลี่กลีบมารับตาวัน
คือเช้านั้นตอนที่ฉันมีเธอ

สรรพสิ่งสดสวยเติมด้วยฝัน
จึงเก็บมันเอาไว้ในใจเสมอ
เก็บเป็นความประทับใจที่ได้เจอ
เก็บมาเพ้อถึงบ้างเมื่อห่างไกล

อารมณ์คนเขียนกลอนต้องอ่อนหวาน
รู้คิดอ่านรู้จักซ่อนความอ่อนไหว
คำพูดเธอทุกคำจำฝังใจ
หยิบมาใส่มาถวิลทุกชิ้นงาน

ทั้งรสความรสคำทำให้ครบ
ให้อ่านจบแล้วคุ้มค่าที่มาอ่าน
สายธารสวย ฟ้าใส ดอกไม้บาน
อยู่ในจินตนาการละเมียดละไม

ลมหนาวเริ่มล่องฟ้ามาบาดผิว
หมอกทอริ้วลอยลมมาห่มให้
แม้เมื่อนับระยะทางจะห่างไกล
แต่กลางใจตอนนี้ยังมีเธอ				
19 ตุลาคม 2545 14:25 น.

ต้องบอกไหม

เวทย์

อาจมิใช่บทกวีที่แสนหวาน
เพราะขาดจินตนาการละเอียดอ่อน
แค่เก็บความในใจใส่บทกลอน
ทุกวรรคตอนเหล่านี้คือชีวา

ยิ่งมิใช่บทกวีเพื่อชีวิต
เพราะมืดมิดสัจธรรมที่ล้ำค่า
เป็นได้เพียงลำนำธรรมดา
ตามประสาคนที่มีหัวใจ

ประสาคนดื่มด่ำธรรมชาติ
จนมิอาจเก็บซ่อนความอ่อนไหว
รักสายน้ำ  ขุนเขา  ลำเนาไพร
รักดอกไม้ทุกดอก  รักหมอกบาง

รักกระทั่งกิ่งไม้และใบหญ้า
รักลำแสงอุษาเมื่อฟ้าสาง
รักกรวดหินเม็ดทรายที่รายทาง
รักน้ำค้างทุกหยด  รักบทกวี

แค่ฟังเสียงนกกาก็ว่าหวาน
เคลิ้มวิญญาณหลงใหลได้เต็มที่
เห็นแสงดาวพราวฟ้ายามราตรี
สวยกว่าแสงแห่งมณีเจียระไน

และรักคนที่รักสิ่งเหล่านี้
เพราะว่ามีความคิดฝันร่วมกันได้
สบตากันเท่านั้นก็พอเข้าใจ
ต้องบอกไหมว่าฉันนั้นรักเธอ				
19 ตุลาคม 2545 09:11 น.

คุณลักษณ์โคลง

เวทย์

.....เลบงแบบมีแต่เบื้อง..............บรรพกาล
เสริมส่งศิลป์สืบสาน....................สื่อไว้
คือโคลงซึ่งคราวขาน...................ขับกล่อม เสนาะเฮย
ควรค่าตราเตือนให้....................แจ่มห้วงหทัยชน

.....บทนิพนธ์อันแน่แท้...............ของไทย
เป็นเยี่ยงแยบยลไป...................อย่างนี้
เจ็ดเอกสี่โทไข............................ครบแห่ง 
หมายเช่นโคลงแบบชี้.................ช่วยให้เห็นผัง

.....รังสรรค์อันพร่างแพร้ว...........แววกวี
คือย่อความตามคดี......................เด่นถ้อย
คุณลักษณ์แห่งโคลงมี..................มาเนิ่น   นานนอ
ฤาใช่ไพเราะร้อย........................แก่นไร้เลือนสาร

.....ลาญความลามเรื่องร้าย..........กลายจำ- นงเฮย
เหลิงเล่นกลบทนำ......................หน่ายเนื้อ
โคลงเคลงฟั่นเฝือคำ...................คือเปล่า เปลืองแฮ
เริงร่ายกลายรกเรื้อ....................เล่ห์นี้ดีหรือ

.....เชลงลักษณ์จักสื่อให้..............เห็นงาม
เรียงร่ำรสคำความ......................คู่คล้อง
ปรุงเสียงแต่งศัพท์ตาม...............พึงแต่ง
ครบเครื่องคือพจน์พ้อง...............พร่างแก้วกลเฉลย

.....เผยภาพผุดผ่านถ้อย..............โคลงแถลง
เผยเรื่องโลกทัศน์แสดง..............สู่ด้าว
เผยธรรมที่นำแสง......................เย็นสว่าง
เผยแก่นแทนเปลือกน้าว...........นิ่งเคลิ้มคะนึงฝัน

				
18 ตุลาคม 2545 12:51 น.

รสคำ-รสความ

เวทย์

เมื่อคำเดินดำเนินความตามไปด้วย
คำจะสวยก็ตรงที่มีความหมาย
ความคิดเน้นเด่นชัดอรรถาธิบาย
คำพริ้งพรายไพเราะพอเหมาะพอดี

ถ้าความขาดคำสื่อคือเปล่าว่าง
คำอยู่อย่างเลื่อนลอยด้อยราศี
ครบคำ-ความจึงครบรสบทกวี
กล่อมผู้ที่สดับถ้อยเคลิ้มคล้อยตาม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเวทย์
Lovings  เวทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเวทย์
Lovings  เวทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเวทย์
Lovings  เวทย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเวทย์