1 มกราคม 2546 20:40 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
**..เรื่องนี้ผมได้คัดลอกมาจากเว็ปโรงเรียนผมเห็นว่า  มีข้อคิดดีมากครับ 
   อ่านแล้วน้ำตาเกือบไหลครับ
   ชายแก่เลยวัย 70 คนหนึ่งคุยกับลูกชายที่เพิ่งกลับมาเยี่ยม หลังจากแต่งงาน
ย้ายครอบครัวออกไปไม่กี่ปี 
  ชายแก่ : แจ๊ค (ชื่อลูกชาย) นั่นอะไรลูก ? พ่อเห็นลาง ๆ 
  แจ๊ค : อ๋อ วัวหน่ะพ่อ 
เวลาผ่านไป 2-3 นาที 
  ชายแก่ : แจ๊ค นั่นอะไรลูก ? 
  แจ๊ค : วัวตัวเดิมนั่นแหละพ่อ ยังไม่ไปไหนเลย 
ผ่านไปอีก 2-3 นาที 
  ชายแก่ : แจ๊ค นั่นอะไรอีกล่ะลูก ? 
  แจ๊ค : (เริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด) วัวพ่อวัว !! วัวตัวเดิมที่เพิ่งถามนั่นแหละ 
เวลาผ่านไปอีก 2-3 นาที 
  ชายแก่ : แจ๊ค นั่นอะไรลูก ? 
  แจ๊ค : (เริ่มทนไม่ไหว) เอ๊ะ !! พ่อนี่ยังไงนะ ถามซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยู่ได้ ผมจะบอกครั้งสุดท้าย 
แล้วนะว่า วัว...!! 
ผ่านไปอีก 2-3 นาที 
  ชายแก่ : แจ๊ค นั่นอะไรน่ะลูก ? 
  แจ๊ค : โอ๊ย !!! พ่อเลอะเลือนแล้ว คุยกันไม่รู้เรื่อง ผมไม่คุยกับพ่อแล้ว 
  แล้วแจ๊คก็ผละจากพ่อไปอย่างอารมณ์เสียเป็นที่สุด เวลาผ่านไป จวบจนตอนเย็น ได้เวลาอาหารค่ำ 
  
  เมื่อไม่เห็นผู้เป็นพ่อลงมา แจ๊คจึงเดินขึ้นไปตามที่ห้อง ณ ที่นั่น เขาได้พบชายแก่ นั่งเหม่อลอย 
  ข้าง ๆ มีไดอารี่เก่า ๆ เล่มหนึ่งที่เพิ่งเขียนบันทึกในวันนี้เสร็จ 
  แจ๊คถือวิสาสะเข้าไปอ่าน ความว่า...ครั้งหนึ่งเมื่อ 40 กว่าปีก่อนมาแล้ว เรามีลูกชายคนหนึ่งที่เรารักมากที่สุด 
  
  เราตั้งชื่อเค้าเองว่า...แจ๊ค ในวันที่อากาศแจ่มใสวันหนึ่ง เราพาแจ๊คออกไปเดินเล่น ตอนนั้นแจ๊คกำลังพูดได้เก่งทีเดียว 
  เราพาเค้าไปนั่งที่สวนหลังบ้าน พอดีมีวัวผ่านมา... 
  แจ๊คถามเราว่า พ่อ นั่นอะไร...วัวไงลูก เราตอบ เวลาผ่านไป อีกไม่ถึงนาที แจ๊คก็ถามคำถามเดิมเราอีก 
  
  เราก็ตอบเช่นเดิมอีก เป็นอย่างนี้อยู่ถึง 25 ครั้ง ....เราไม่เคยเบื่อหน่ายเลยที่จะตอบคำถามเดิม ๆ เหล่านั้น 
  เรากลับรู้สึกดีใจอย่างที่สุดที่ลูกสนใจเราอย่างไม่เบื่อหน่าย... 
  แต่ในวันนี้ ณ ที่แห่งเดิม คน 2 คน ที่เคยถามคำถามเดียวกัน หากแต่ว่าเราเป็นฝ่ายถาม 
  
  แจ๊คเป็นฝ่ายตอบ... เพียง 5 ครั้งเท่านั้น ลูกก็ตวาดเสียงดังใส่เรา หาว่าเราเลอะเลือน รังเกียจแม้แต่จะคุยกับเราต่อไป... 
  เมื่ออ่านจบแจ๊ครู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ พ่อเลี้ยงเขามาอย่างดี แต่วันนี้สิ่งที่เขาทำให้ท่านคือ การตวาดเสียงดัง ไม่พูดด้วยแล้วก็เดินหนีไป 
  เขาตระหนักว่า เขาได้ทำสิ่งผิดพลาดซึ่งเขาเองแทบไม่รู้ตัว แล้วคุณล่ะ วันนี้คุณได้ทำอะไรดี ๆ ให้ท่านเหล่านั้นหรือยัง ?... 
  ป.ล. หากคุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว...อย่าลืมส่งต่อให้เพื่อน ๆ ของคุณได้อ่านกันด้วย 
เพื่อสิ่งดี ๆ จะได้เกิดขึ้นในสังคมต่อไป 
  
   ด้วยความหวังดี
 ก.นพดล  รักษ์กระแส				
			 
			
				27 ธันวาคม 2545 23:13 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
  **..จึงเขียนมนต์  เพลงกลอน  ที่อ่อนไหว
       จากหัวใจ  เด็กน้อย  เฝ้าคอยฝัน
       ออกมาเป็น  ผลงาน  ทุกวารวัน
       แต่ละชิ้น  แต่ละอัน  ธรรมดา...
   **..ไม่ปรารถนา  ในกวี  ที่สูงส่ง
        แต่ก็ไม่  ต่ำลง  จนไร้ค่า
        เป็นความนัย  เป็นความคิด  จินตนา
        เป็นทุกบท  กิริยา  การกระทำ...
  
   **..และก็ไม่  หวังผล  ว่าคนชอบ
        จึงไม่มี  คำตอบ  คอยพูดพร่ำ
        และไม่เคย อวดอ้าง  แม้บางคำ   
        มีแต่จะ  จดจำ  ในน้ำใจ...
  **..จึงตั้งใจ  ตั้งมั่น  ตั้งแต่ต้น
       จะยอมทน  ทุกความเห็น  เป็นวิสัย
       ใครจะติ  ติง-ท้า  ไม่ว่าใคร
       ถือว่าเป็น  กำไร  ของกวี...
  **..จึงเขียนกลอน  ธรรมดา  มาเป็นสื่อ
       ให้กลอนคือ  ข้อเตือนใจ  ได้ทุกที่
       เป็นคุณธรรม  นำชน  เป็นคนดี
       สมกับมี  วิญญาณรัก  นักประพันธ์..
         ด้วยความหวังดีครับ
    ก.นพดล  รักษ์กระแส				
			 
			
				24 ธันวาคม 2545 21:08 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
    วันจากลา วันนั้น ยังจำได้
    เพื่อนร้องไห้ กอดคอฉัน หันพูดว่า
    **  มิตรภาพติดตรึงซึ้งอุรา  **
    ในวันหน้า จะพบกัน อย่าหวั่นเลย  
  
    
     พูดออกไป ทั้งน้ำตา ที่หรี่ไหล
     อดกลั้น หัวใจ แล้วทำเฉย
     **..อย่าโศก อย่าเศร้า เลยเพื่อนเอย..**  
    นี่คือคำ  คนเคยอยู่ใกล้กัน
     
             
     บทเพลงการ จากลา จึงดังก้อง
     ประสานเสียง ทั่วห้อง ให้สนั่น
     เป็นภาพแห่ง ความหลัง ของคืนวัน
     และจะเป็น เช่นนั้น ตลอดไป
     
     ปัจฉิมนิเทศบทสุดท้าย
     จะกลายเป็น ตำนาน  ของคลื่นลูกใหม่
     ให้ได้ค้น ให้ได้รู้ ให้เข้าใจ
     ว่าการ จากไกล  นั้นเดียวดาย
     ..ทุกอย่างจบ สิ้นไป ในคืนนั้น
       แต่ภาพความ สัมพันธ์ ไม่จางหาย
       **มิตรภาพ จดจำไว้ ไม่เสื่อมคลาย**
       กับความหมายว่า**  เพื่อน ** ไม่เลือนลาง
        
             ด้วยความหวังดี
          ก.นพดล  รักษ์กระแส				
			 
			
				23 ธันวาคม 2545 20:19 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
    **..จึงตั้งมั่น  ขออุทิศ  ชีวิตนี้
       แด่บุพการี  ที่สอนสั่ง
       ที่ดูแลทะนุถนอมอยู่ทุกครั้ง
       เป็นกำลัง  แรงใจ  ให้เรื่อยมา
  **..ขอน้อมจิต  อุทิศกาย  แด่ในหลวง
       พระทรงห่วง  ปวงราษฎร์  ทั่วแหล่งหล้า
       พระเสโท  คือน้ำทิพย์  จากหยาดฟ้า
       ที่โปรยมา  ให้สุขแท้  แก่ปวงชน
  **..ขอน้อมจิต  น้อมกาย  ทั้งหลายนี้
       แด่ครูบา  ผู้หวังดี  ที่ฝึกฝน
       มอบความรู้  ปัญญาค่าสูงล้น
       แก่ผู้คน  โดยไม่หวัง  สิ่งรางวัล
  **..และขอ  อุทิศ  ชีวิตนี้
       แด่ผู้มีพระคุณเกื้อหนุนฉัน
       ทั้งเอื้อเฟื้อเมตตามานานวัน
       คุณอนันต์  มากล้น  คณนา
  **..ขออวยพร  ขอบคุณ  ทุกทุกท่าน
       ให้ชื่นบาน  โชคดี  ทุกทีท่า
        บุญที่ท่านสร้างไว้  แต่ใดมา
       ขอนำพา  ให้สมดัง  ตั้งใจเทอญ
     
            ด้วยความเคารพ
         ด้วยความหวังดี  
      ก.นพดล  รักษ์กระแส				
			 
			
				21 ธันวาคม 2545 10:08 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
   **..เสียดายวัน  คืนวาร  ที่ผ่านพ้น
       เสียดายคน  เคยรัก  สมัครใคร่
       เสียดายภาพ  ครั้งหลัง  ยังฝังใจ
       เสียดายวัย  เคยแข็งแกร่ง  แรงกำลัง
  **..ภาพเหล่านี้  จะลับ  ไปต่อหน้า
       จำได้ว่า  เคยตักเตือน  เหมือนสอนสั่ง
       กายที่สาน  งานสร้าง  อยู่ทุกครั้ง
       จะหยุดนั่ง  พักเหนื่อย  ที่เมื่อยล้า
  **..ปาเข้าไป  หกสิบปี  เข้านี่แล้ว
       ที่เคยแกล้ว  เชี่ยวชาญ  อย่างหาญกล้า
       จะละวาง  อำนาจ  เกียรติบุญญา
       เป็นสามัญชนธรรมดาอยู่ทุกวัน
  **..ลาแล้ว  ลาจาก  ทุกตำแหน่ง
       พอมีแรง  เดินทาง  ข้างหน้านั้น
       ต่อจากหกสิบปีที่ตื้นตัน
       จะเป็นฝัน อันเรียบง่าย  ทั้งกายใจ... 
   **..หกสิบปีที่ผ่านไปคือความทรงจำ  หลังจากนั้นคือชีวิตที่เรียบง่าย..**
            ด้วยความเคารพ
     
          ด้วยความหวังดี
          ก.นพดล  รักษ์กระแส