รุ้งทอฝัน#4

ฝากรักฟากฟ้า

เสียงเพลงเด็กๆ  ดังเจื้อยแจ้วลอยมา  ทำให้แสงจิ่งลูกสาวนางซอ  ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นและพี่เลี้ยงเด็ก  ที่ปัจจุบันได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยครูรุ้ง  ..ตำแหน่งที่เธอคิดขึ้นมาเอง...  เธอรีบล้างจานกองใหญ่ให้เสร็จเรียบร้อย  แล้วขออนุญาตนางซอขึ้นไปที่เรือนใหญ่  เธอรู้สึกรักครูรุ้งขึ้นทันทีที่ได้เห็น  ตลอดเวลาสั้นๆ  ครูรุ้งสามารถเข้าใจสำเนียงการพูดที่มีทั้งภาษาไทยและไทยใหญ่ของเธอและแม่ได้พอสมควร  ที่สนุกก็คือเวลาที่ครูรุ้งสอนหนังสือน้องฝัน  ซึ่งแสงจิ่งมักถือโอกาสมานั่งเรียนเป็นเพื่อนน้องฝันเสมอ
               ครูทอรุ้งมีอะไรสนุกๆมาให้เล่นอยู่เรื่อย  น้องฝันที่แต่ก่อนดูหงอยเหงา  ไม่ค่อยคุ้นเคยกับใครเริ่มที่จะสื่อสารกับคนอื่นมากขึ้น  แม้จะติดขัดในการออกเสียงพูด  แต่ด้วยความพยายามของครูทอรุ้งทำให้น้องฝันพัฒนาการไปรวดเร็วจนน่าแปลกใจ  
              น้องฝันฮ้องเพลงแฮ่มก่อ  แสงจิ่งถาม  หนูน้อยยิ้มให้อย่างไร้เดียงสา  ก่อนที่จะส่งไมโครโฟนตัวเล็กคืนให้พี่เลี้ยง  
              จะอั้นต่าปี้ฮ้องน่อ
              แสงจิ่งรับไมค์ด้วยความยินดี  เธอจัดการเลือกเพลงเพลงของโปรดของเธอเอง    
              ทอรุ้งจัดการปรับเสียงให้พอเหมาะ  นั่งดูนักร้องดาวรุ่งในป่าร้องเพลงทั้งเต้นทั้งร้อง  น้องฝันนั่งตบมือเป็นจังหวะบางไม่เป็นบ้าง  ใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้มเธอนั่งมองอย่างเอ็นดู  
             ใช่ว่าน้องฝันจะมีความบกพร่องทางสติปัญญาเท่าใดนัก  ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะการดูแลที่ไม่เหมาะสม  ด้วยคิดว่าตัวเด็กมีปัญหาจนไม่สามารถพัฒนาได้  จึงแค่ดูแลแบบกินอิ่มหลับสบาย  ไม่ให้เจ็บไข้มากกว่า
อีกไม่นานจะเป็นเวลาเปิดเทอมของโรงเรียนทั่วไป  เธอคิดว่าน้องฝันน่าที่จะสามารถเข้าเรียนร่วมชั้นกับเด็กคนอื่นๆ ได้  ซึ่งทางหมอประจำตัวก็ได้แนะนำไว้แต่ทางปราชญ์ยังไม่มั่นใจ
            น้องฝันไม่เคยอยู่กับคนอื่นนะ
            นั่นแหละค่ะ  ยิ่งควรต้องพาไปค่ะ  ฝึกไปทีละน้อย  เธอยืนยัน  น้องจะได้คุ้นเคยกับคนอื่นบ้าง
             วันก่อนทอรุ้งได้ไปพบพูดคุยกับคุณครูโรงเรียนประจำหมู่บ้าน  แต่ยังเป็นปัญหาอยู่ว่าทางโรงเรียนจะสามารถรับเด็กเข้าเรียนและจัดกิจกรรมให้กับเด็กที่มีความบกพร่องอย่างนี้ได้หรือไม่  เธอไม่ต้องการให้น้องฝันต้องกลายเป็นเด็กพิการที่หมดโอกาส  กลายเป็นภาระของสังคม  คงต้องกลับไปขอคำแนะนำจากคุณหมออีกครั้ง
              แม่ครูฮ้องพ่อง  แสงจิ่งส่งไมค์มาหลังจากที่เธอร้องครบเพลงที่เธอต้องการ  เจ้าจะเซาะเพลงฮื่อ  เอาม่วนๆ
              ทอรุ้งอดขำกับท่าทางกระตือรือร้นของเด็กสาวไม่ได้  แสงจิ่งส่งแผ่นร้องเพลงคาราโอเกะมาให้ดูแผ่นหนึ่งเป็นเพลงชุดของวัยรุ่นที่เธอเคยได้ยินมาบ้างหลายครั้ง
              เพลงนี้ม่วน  ผู้จัดการสรุปแล้วก็นำแผ่นเข้าในเครื่อง  ทอรุ้งนึกสนุกด้วยจึงต้องร้องตามที่ผู้จัดการสั่ง   ผู้ชมทั้งสองตบมือเปาะแปะชื่นชม  แววตาที่น้องฝันมองมาด้วยความสนุกสนาน  ทอรุ้งก็ถือว่าคุ้มแล้ว
               
              ....ฉันอาจจะไม่น่าดู  
                  ฉันรู้ตัว  
                  ฉันอาจจะเผลอทำตัวเป็นอย่างนั้น  ....
                ปราชญ์ยืนฟังนิ่งอยู่ข้างรถกระบะคันใหญ่  เสียงเพลงที่ดังลอยมาจากเรือนหลังใหญ่  น้ำเสียงที่เขาไม่คุ้นหู  แต่เมื่อตั้งใจฟังแล้วเขาจึงพอเดาออกว่าเป็นใคร  
                 เขาเอื้อมมือไปอุ้มตัวปุกปุยน้อยๆ ในกล่องกระดาษที่วางอยู่กระบะท้ายรถ  ซ่อนไว้ในเสื้อแจคเก็ตสีน้ำกรมท่าที่เขาสวมทับเสื้อยืด  เขายิ้มละไมอยู่ในใจ  ค่อยเดินอ้อมไปด้านหลังบ้านเงียบๆ  ตามเสียงเพลง   ก็จะเป็นห้องของลูกสาวสุดที่รักนั่นเอง
                 ...ไม่ใช่เพียงแค่ไหล่ไว้ซบอิง  .....
                 เสียงใสๆ หวานๆ  ในยามร้องเพลงที่เขาไม่เคยได้ยิน 
                 ..คงจะร้องกันอย่างนี้บ่อยล่ะสิท่า....  นึกอยากเห็นหน้าขึ้นทันที  เขารู้สึกแปลกใจตัวในบางครั้งไม่ได้  นับตั้งแต่ครูทอรุ้งมาสอนและดูแลลูกสาวให้  เขามักจะกลับบ้านเร็วขึ้น  อยู่บ้านมากขึ้นผิดกับแต่ก่อน  ปราชญ์เพิ่งคิดได้ว่าเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ  
                เมื่อเขาค่อยๆ เปิดประตูเข้าไม่ให้รบกวนกิจกรรมสนุกสนานของสมาชิกในห้อง  เด็กน้อยสองวัยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนผ้าปูนั่ง  ตั้งใจฟังเพลง  ร่างเล็กๆของครูนั่งกับพื้นเช่นกัน  สายตาจับจ้องที่ตัวหนังสือบนจอโทรทัศน์  ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาที่ยืนอิงประตูเลยสักนิดจนเมื่อครูทอรุ้งร้องเพลงจบ  ผู้ฟังทั้งสองตบมืออย่างชอบใจ  ส่งเสียงชื่นชมดังลั่น  เธอวางไมโครโฟนลงขยับตัวจะลุกขึ้นจะเหลือบมาเห็น  ใบหน้าเนียนผ่องปราศจากเครื่องสำอางค์นั้นแดงระเรื่อขึ้นมาคล้ายสาวน้อย  หากเธอยังกลบเกลื่อนกิริยานั้นด้วยการหันไปบอกกับลูกศิษย์ตัวน้อย  
                น้องฝันคะ  คุณพ่อมาแน่ะ  
                น้องฝันหันขวับพร้อมกับลุกพรวดไปหาผู้เป็นพ่อทันที  
                ป๊ะ!  ป๊ะ!  
                คำเรียกนั้นเปลี่ยนเมื่อไม่นานหลังจากที่ครูรุ้งพยายามฝึกให้เธอออกเรียก  สร้างความพึงพอใจแก่คนเป็นพ่อยิ่งนัก  
                ปราชญ์ยังซุกมือซ่อนตัวปุกปุยไว้ในเสื้อ  ใช้มืออีกข้างช้อนอุ้มตัวเบาหวิวของเด็กน้อยขึ้นพาเดินกลับไปนั่งที่เดิม  ทอรุ้งกดรีโหมทเพื่อเบาเสียงเพลง  ขยับตัวลุกออกจากผ้าปูรองนั่งผืนใหญ่ไปนั่งบนเบาะรองนั่งสี่เหลี่ยมใบหย่อมอีกด้านหนึ่ง  
                น้องฝันขา  ลูกเอามือมาหน่อยสิคะ  
               ทอรุ้งมักจะทึ่งเสมอยามที่เขาเรียกลูกสาวตัวน้อยอย่างอ่อนหวานแบบนี้  
               เด็กน้อยจับมือผู้เป็นพ่อทันที  เขาค่อยๆ จับมือบางนั้นเข้าไปในตัวแจกเกต  น้องฝันกระตุกมือออกอย่างรวดเร็ว  ใบหน้าและแววตาตกใจ  งุนงง  พร้อมกับเบี่ยงตัวออกจากแขนพ่อ  ลุกวิ่งไปนั่งตักครูทอรุ้งทันที  ไม่พูดอะไรนอกจากทำตาโตจ้องมองพ่อที่กำลังหัวเราะเสียงดังด้วยความขบขัน  
               อ่ะหยังก๊าเจ้า  ป้อเลี้ยง  แสงจิ่งชะเง้อหน้าเข้าไปถามตามประสาซื่อ   เมื่อปราชญ์เอามือออกจากตัวเสื้อ  ตัวปุกปุยสีขาวก็กำลังทำหน้าตื่นตระหนกอยู่ในมือของเขา  น้องฝันนั่งตัวแข็ง  มือน้อยๆ ขยุ้มลงที่แขนของทอรุ้งแน่น  
                หมาหน้อยๆๆ  ฮะๆ  น่าฮักขนาด  น้องฝัน  
                อ้าว!  ตายล่ะ  ตัวสั่นเหมือนกันเหรอเรา  ใบหน้ารกเคราและหนวดก้มลงพูดกับตัวปุยขาวในมือ  
                 คุณปราชญ์น่าจะเอาออกให้น้องเห็นก่อนที่จะให้จับตัว  ทอรุ้งพูดเชิงตำหนิกรายๆ  ก่อนที่จะประคองน้องฝันลุกจากตัก  เธอคุกเข่าอยู่ข้างๆ  ลูกศิษย์ที่ยืนนิ่ง  ทำตาโตจ้องมองราวกับเห็นตัวประหลาดในมือพ่อ   
                 น้องฝันคะ  มาดูกับครูค่ะ  ไม่ต้องกลัวนะคะ  
                 สายตาที่ตวัดมองมาทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอค้อนควักตำหนิเขา  ปราชญ์หัวเราะในคอยิ่งทำให้สายตาคมนั้นเข้มมากขึ้น  
                 น้องฝันเดินมาโดยมีครูเดินเข่าประคองมา   เธอค่อยจับมือลูกสาวของเขาแตะขนฟูๆ อย่างเบามือพร้อมกับพูดปลอบโยนให้หายกลัว  
                 หมาหน้อยตั๋วสั่นเลยเจ้า  แม่ครู  แสงจิ่งให้ความสำคัญกับเจ้าปุยมากกว่า  
                  อุ้มหน่อยมั๊ยลูก  เขาพูดพร้อมกับส่งตัวปุยนั้นมา  
                  อย่าเพิ่งค่ะ  ทอรุ้งเอ่ยห้ามทันควัน  ฉีดยารึยังคะ  แล้วน้องฝันเคยแพ้ขนสัตว์รึป่าวคะ  
                 ไม่มั้ง  แต่เจ้าของบอกฉีดวัคซีนรวมมาแล้วครับ  
                 คงจะยังไม่ถึงสองเดือน  พันธุ์อะไรคะ  
                 เอ  ดูเหมือนจะผสมนะ  เห็นตัวแม่เป็นชิสุห์  ส่วนตัวพ่อท่าทางจะเป็นพุดเดิ้ล  เขาชูเจ้าตัวน้อยขึ้นมอง  ครูเลี้ยงเป็นมั๊ยครับ  
                 ฟังจากน้ำเสียงและคำถามแบบนี้คงไม่แคล้วต้องได้เป็นคนดูแลเจ้าตัวเล็กนี่เพิ่มแน่นอน  
                 พอจะรู้บ้างค่ะ  ไม่ทราบเขาให้เริ่มกินอาหารรึยัง  
                 เห็นบอกให้เอาอาหารเม็ดผสมนมให้กินบ้างแล้ว  
                 แล้วคุณปราชญ์หามาไว้รึยังคะ  ปราชญ์มองดูครูทอรุ้งยิ้มๆ  ยังครับ  ไม่รู้จะเตรียมยังไงก้อคิดว่าจะให้ครูช่วยจัดการให้หน่อย  
                 นั่นไง  นึกแล้วเชียว.....ทอรุ้งนึกเข่นเขี้ยว  
                 เอางี้  เดี๋ยวเราเข้าเวียงกันหาซื้อของสำหรับตัวเล้กนี่  อือ...เย็นนี้ผมพาครูไปกินข้าวที่เวียงเลยดีกว่า  เขาสรุปอย่างรวดเร็ว  
                 เจ้าไปโตยก่อ  ป้อเลี้ยง  แสงจิ่งถามขึ้นราวกับต้องร่วมอยู่ในกลุ่ม  
                 ปราชญ์หันมาตอบอย่างใจดี  
                 ไปสิ  จิ่ง  เธอน่ะเป็นผู้ช่วยครูรุ้งนี่  ต้องไปช่วยครูเขาดูน้องฝัน  
                 แค่นั้นผู้ช่วยครู  ก็ยิ้มกว้างรีบลุกปราดออกไปเพื่อแจ้งข่าวให้กับแม่และป้าพันได้ทราบ  
                อ้าว!  ปราชญ์ได้แต่ร้องมองตามเด็กลูกจ้างแสนรู้  แล้วเจ้านี่ทำไงต่อครับครู  
                 คงต้องหาที่อยู่ให้เขาก่อน  คืนนี้คงร้องน่าดู  
                 งั้นฝากครูจัดการเลยครับ  ไม่พูดเปล่า  เขาวางตัวปุยขาวลงบนมือครูทอรุ้ง  เธอต้องเอื้อมมือไปรับแทบไม่ทัน  
                เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อหน่อย  
                ค่ะ  เธอรับทราบ  งั้นจะพาน้องฝันไปเตรียมตัวก่อนนะคะ  
                เขาพยักหน้าตอบก่อนจะหันไปกอดลูกสาวอย่างรักใคร่  
                แต่งตัวสวยๆ  นะคะ  พ่อจะพาไปเที่ยวค่ะ  
                เมื่อผู้เป็นพ่อออกห้องไป  ทอรุ้งยังให้น้องฝันนั่งตักดูลูกสุนัขตัวน้อยที่สั่นงันงกด้วยความไม่คุ้นเคย  
                 ค่อยๆ ลูบเบาๆ  นะคะ  ไม่ต้องกลัวค่ะ  เธอพูดปลอบเมื่อเห็นกิริยาหวาดกลัวของน้องฝัน  จนเธอกล้าที่จะเอามือลูบขนนุ่ม  ปุยสีขาวนั้น  
                  ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กนั้นก็ยอมรับมือน้อยๆ นั้นเช่นกัน  มันสงบเงียบลงและน้องฝันเริ่มคลายความกลัวลงไปได้				
ความรัก
ไม่ก่อเกิดเพียงชั่ววัน
หากค่อยๆ
สะสม
ทีละเล็กทีละน้อย
ความรัก
ไม่ต้องอาศัยรูปลักษณ์
หากใช้น้ำใจประสาน
ผนึกรักนั้นให้มั่นคง
ตลอดไป
หากจะรัก
ก็จงรักเถิด
รักโดยไม่ต้องมีเงื่อนไข
ไม่ต้องเสียใจ
ที่ได้รัก				
comments powered by Disqus
  • โคลอน

    29 พฤศจิกายน 2550 09:55 น. - comment id 98443

    ทำไมละครไทยไม่สร้างแนวแบบนี้น๊า
    
    สร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจจัง
    
    29.gif29.gif29.gif
  • ฝากรักฟากฟ้า

    29 พฤศจิกายน 2550 11:58 น. - comment id 98448

    เพราะเรื่องนี้ไม่มีตัวโกงแบบตาพอง  ส่งเสียงกรี๊ดๆ  ...แล้วก้อมะด้ายเป็นมือตบด้วยอ่ะค่า  คุณโคลอน
    ขอคุณมากค่ะที่ช่วยแสดงความคิดเห็น
  • ยี่เข่ง

    29 พฤศจิกายน 2550 13:04 น. - comment id 98450

    แวะ มาทักทายค่ะ เดี๋ยวเข้ามาอ่านใหม่นะคะ
  • แพะ ตัวอ้วน

    29 พฤศจิกายน 2550 14:03 น. - comment id 98451

    โปรดติดตาม ต่อไปได้ เร็ว ๆ นี้
  • ป้าดวน

    29 พฤศจิกายน 2550 16:12 น. - comment id 98455

    ดีจัง อ่านทีไรทำให้รู้สึกสบาย ๆ ความผูกพันธ์ ความเอาใจใส่ ความเข้าใจ.......
  • บ๊อง

    30 พฤศจิกายน 2550 11:13 น. - comment id 98467

    นีแหละคือครูตัวจริง
  • บ๊อง

    30 พฤศจิกายน 2550 16:07 น. - comment id 98477

    มีคำตกนิด1  น้องฝันนั่งตบมือเป็นจังหวะบางไม่เป็นบ้าง  คำง่าบางน่าจะเป็น"บ้าง"

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน