2 กรกฎาคม 2551 22:39 น.

ผาหมอกมิวาย

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ผาหินตระหง่านฟ้า..............................อาบจันทร์
หมอก....ม่านคลุมอรัญ..........................รุ่งเช้า
มิ...วายสุริยัน........................................ปรากฏ
วาย...แต่พี่กับเจ้า..................................รุ่งเช้าอาวรณ์

เป็น...รักอันค่าล้ำ...................................อมฤต
พยาน...รักใดสถิต..................................แห่งนี้
รัก...จะมั่นดวงจิต....................................ลิขิต
เรา...จากพรากพันลี้................................จิตนี้สถาพร

อัน...ละอองหยาดน้ำ.................................บางเบา
คงมั่น...หากสองเรา..................................โอบอุ้ม
ดุจ...หมอกม่านยามเช้า.............................สถิต
ผาหมอกมิวาย...คุ้ม...................................โอบอุ้มนิรันดรฯ
2 กรกฎาคม 51				
30 มิถุนายน 2551 23:31 น.

วีระชน

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ความละอายมีเหมือนกันทุกผู้คน
หากร้อนรนมิสู้หน้าจะหาไหน
แม้นเราด้อยน้อยค่าใช่จิตใจ
เพราะฟ้าใหม่ยังมีทุกกนกาล

จึงยืนหยัดด้วยแข้งเท่าแรงสู้
เพื่อจะรู้ความสามารถประหัตประหาร
หนึ่งชีวิตและสองมือถือก่อการ
เพื่อตำนานจานจารึกวีรกรรม

วีรกรรมวีระชนคนทุกข์ยาก
ที่หยั่งรากลงลึกถึงความช้ำ
วีรกรรมคือน้ำตาที่ไหลพรำ
จารจารึกตำนานไว้เตือนชน

8 เมษายน 2551				
30 มิถุนายน 2551 19:26 น.

เพียงฟ้า-เพียงใจ

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ทินกรเคลื่อนคล้อย................................อัสดง
เรื่อยเรื่อยลับตาลง................................ขอบฟ้า
ยิ่งใหญ่ไม่ยิ่งยง....................................ดังว่า
เวียนว่ายด้วยอ่อนล้า............................ลับหล้าลาไกล


ความหวังใกล้แรกแย้ม...........................ผลิบาน
จรเคลื่อนไปตามกาล...............................ทั่วถ้วน
จนจรัสชัชวาล	.........................................เลอค่า
จึงลับลาจากล้วน......................................มอดม้วยสู่ดิน

เพียงอินทรีย์ย่ำก้าว...................................วิถี
เหมือนต่างชั่วฤาดี....................................ท่านไซร้
รอยทางย่างจรลี........................................แตกต่าง
ตีค่าประดับไว้	.........................................เมื่อสิ้นมรณา

เงินตราหาค่าได้.......................................จริงฤา 
ใจจิตมิอาจชื้อ	..........................................แลกไว้
ตถาคตยึดถือ	..........................................ศีลมั่น
อยู่นิจนิรันดร์ไซร้.....................................แค่นี้เพียงพอ

จันทร์ทอแสงฟากฟ้า.................................งามงด
เราต่างมองจ่อจด......................................เด่นล้ำ
จันทราพร่าทรงกลด..................................ตระหง่าน
เป็นดั่งเครื่องชูค้ำ....................................ช่วยให้อุ่นใจ

17 เมษายน 2551				
30 มิถุนายน 2551 19:21 น.

พยับแดด

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ถนนกลางแดดกล้า..............................ยาวไกล
เลี้ยวลดคดตัวไป.................................อย่างนั้น
พินิจดั่งงูใหญ่	.....................................ดิ้นดับ 
หามีสิ่งเทียบชั้น..................................เด่นล้ำใดเลย


จึงเฉยชาไม่รู้	.....................................สัจธรรม
ทุกสิ่งล้วนงามล้ำ..................................ค่าแท้
พยับแดดเหมือนฝนพรำ.....................เมื่อครู่
คงอยู่ให้คิดแก้....................................สิ่งแท้ไฉน


เหลียวมองไปสุดเส้น.............................ทางพินิจ
เห็นเช่นน้ำไม่ผิด..................................อยู่ใกล้
ยิ่งตามยิ่งเหลือนิด.................................หายลับ
เหมือนขยับออกห่างได้..........................อย่างนั้นนิรันดร์


ดั่งความฝันรบเร้า...................................ในตัว	
สุดแต่ใจจะไขว่คว้า..................................ว่าไว้
หากตามไล่เงามัว....................................พยับแดด
เห็นแต่ต้องมิได้.....................................อย่างนี้สัจจะหนา


อนาคตแปรเปลี่ยนได้.............................วินาที	
วันพรุ่งร้ายหรือดี......................................ไป่รู้
ปัจจุบันต่างหากที่-.....................................กำหนด
ตราบชีพยังหาญสู้.....................................แน่ผู้มีชัยฯ

15 มิถุนายน 2551				
30 มิถุนายน 2551 19:08 น.

ขอรับกรรม

กฤตศิลป์ ชินบุตร

วินาทีชีวิต		
เพียงเสี้ยวนิดพิชิตหมาย
ก่อเกิดเป็นร่างกาย		
ละเพื่อนวายตายตามกัน

หลายล้านเจ้าหาญสู้	
ดำรงอยู่ด้วยบากบั่น
ฟันฝ่าสารพัน			
สุดประคัลภ์จึงมีชัย

จึงเกิดในครรภ์แม่	
ร่างผันแปรจนเติบใหญ่
อยู่รอดอย่างปลอดภัย		
เพื่อโลกใหม่ได้ผลิบาน

เด็กเอยเจ้าเด็กน้อย	
โลกเจ้าคอยมิได้หวาน
เจ้าเกิดเป็นตัวมาร		
มาพบพานใจทมิฬ

หนึ่งวันในโลกสวย	
กลับต้องม้วยด้วยใจหิน
เสียงร้องก้องธรณิน		
อัสสุรินเพื่อสั่งลา

แม่เอ๋ยแม่ของลูก	
กายพันผูกเก้าเดือนมา
จึงเกิดเป็นลูกยา			
อยู่ต่อหน้าให้ชื่นชม

แล้วใยละแม่จ๋า		
จึงมองมาไม่ภิรมย์
ใยแม่เศร้าโศกตรม		
ใครทับถมให้ช้ำใจ

หากลูกช่วยแม่ได้	
ด้วยความตายจากโลกไป
ลูกนี้ขอยอมไซร้			
นิราศไกลไปอีกแดน

หาเก็บไปอาฆาต		
พยาบาทสาหัสแสน
ลูกยอมเพื่อทดแทน		
ความแน่นแฟ้นครรภ์มารดา

แม่จ้าอย่าได้ร้อง		
น้ำตานองจะอายฟ้า
ลูกไร้วาสนา			
ถือเสียว่าไม่มีบุญ

ชาติหน้ามีฉันใด		
ขอตามไปพิงไออุ่น
เป็นลูกเพื่อแทนคุณ		
เพื่อเกื้อหนุนนิรันดร์กาล

จึงจากด้วยเจ็บปวด	
แสนร้าวรวดเกิดกล่าวขาน
จากทั้งทรมาน			
มิอาจหาญมาเมียงมอง

เพียงดาวกระพริบไหว	
การจากไปของทั้งสอง
เพียงอัสสุที่รินนอง		
สิ้นเสียงร้องก็สิ้นใจ

12 เมษายน 2551				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกฤตศิลป์ ชินบุตร