ไ อ้ แ จ้

เรไร

มีไก่แจ้ ตัวผู้ อยู่ตัวหนึ่ง
มาคอยพึ่ง วัดวา เพื่ออาศัย
ถึงอยู่ใกล้ องค์พระ รัตนตรัย
แต่หทัย ไม่รู้บท รสพระธรรม 
มีนิสัย เจ้าชู้ ประตูดิน
เป็นอาจินต์ คอยหว่าน คำหวานล้ำ
เกี่ยวไก่อ่อน สอนรัก ฝากลำนำ
หลงน้ำคำ หวานไป เสร็จไอ้แจ้
ทั้งไก่ชน ไก่ไข่ หรือไก่เนื้อ
ไม่มีเหลือ รอดสักตัว กลัวไอ้แจ้
ศิโรราบ ปราบหมดวัด พลัดหลงแค่
แม่ไก่แก่ ตัวหนึ่ง พึงสังวร
มัวแต่อ้อน ไก่กระทง ตรงศาลา
ลืมไปว่า มีแม่ไก่ ต้องไปอ้อน
ต้องลาแล้ว ไก่สาว คราวละอ่อน
ต้อไปก่อน แม่ไก่ หัวใจวาย
ทั้งเป็ดไก่ นกหนู เจ้าชู้ทั่ว
แจ้หรือกลัว แต่เช้าตรู่ สู้จนสาย
ทำกะล่อน หน้าเป็น ไม่เว้นวาย
ไม่เคยอาย หมาหมู หรือผู้คน
แล้ววันหนึ่ง ไอ้แจ้ นอนแผ่หรา
ที่ลานหน้า ศาลา ท้าแดดฝน
หายใจแซ่ว แผ่วเหมือนกับ ดับชีพชนม์
เคยซุกซน ทำดุจตาย วายชีวา
พระชรา รูปหนึ่ง ซึ่งมองดู
เจ้าแจ้อยู่ กลางแดด ที่แผดจ้า
ไงละเอ็ง เป็นไร ใยแผ่หรา
ทั้งกายา สิ้นกำลัง หรืออย่างไร
จุ๊ จุ๊ จุ๊ หลวงตา อย่าเสียงดัง
ฉันกำลัง แสแสร้ง แกล้งนิ่งไว้
มองขึ้นไป บนฟ้านั้น ที่นั่นไง
แร้งตัวใหญ่ บินโอบ โฉบถลา
จึงแกล้งตาย หงายมอง จ้องแร้งนั่น
เมื่อใดมัน มองเห็น เป็นภักษา
ฉันคงมี อีแร้งเป็น เช่นภรรยา
น่ะหลวงตา อย่าเอ็ดไป จะไม่ดี
  @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เป็นนิทานที่เคยได้ยินมา น่ะครับ เลยนึกถึง
ที่คนเขาว่า เจ้าชู้ไก่แจ้นี่มาจากเรื่องนี้หรือเปล่า  อิอิอิ
      มีอยู่ว่า...
วัดตามต่างจังหวัด หรือในกรุงเทพก็เถอะครับ  คนที่เลี้ยงสัตว์แล้วไม่อยากเลี้ยง
ก็ เอามาปล่อยวัด ไอ้แจ้ตัวนี้ก็เหมือนกัน
ถูกคนเอามาปล่อยวัด เพราะอะไรไม่ทราบน่ะครับ ลองเดาเอาเอง
มันมีนิสัยเจ้าชู้ เที่ยวทับไก่ไปทั่วทั้งวัด
จนวันหนึ่ง ไอ้แจ้ไปนอนแผ่อยู่ที่ลานวัด ไม่กระดุกกระดิก 
หลวงตาผ่านมาเห็นเลยร้องถามไอ้แจ้ไปว่า
  ...เป็นไงล่ะไอ้แจ้ นอนหมดแรงเลยหรือไง.. 
ไอ้แจ้ ค่อยๆหันมากระซิบกับหลวงตา
...หลวงตาอย่าเอ็ดไป กำลังแกล้งตาย ล่ออีแล้งให้ลงมาอยู่ 
จะลองมีคู่เป็นอีแร้งสักที น่ะหลวงตาน่ะ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวมันรู้ตัว... 
หลวงตา  ... เวรแท้ แท้ ไอ้แจ้เอ๋ย ... 
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@